วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 21:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 95 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2015, 07:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:

ที่ถามนะ ทำไมถึงดีใจที่นึกอะไรแล้วได้กิน มันไม่ใช่คุณสมบัติของอริยะชนเลย. คุณสมบัติแรกคือมือต้องชุ่มด้วยการให้. ไม่ใช่นึกอย่กกินอะไรแล้วได้กินเดี๋ยวจะหลงทาง


:b32: :b32: :b32:

จะอะไรกับแค่...การดีใจ...การอยากกิน...จึงจะเป็นอริยะบุคคลไม่ได้

ที..กินเหล้าไม่บ่อย...เล่นพนันไม่บ่อย..เที่ยวที่อโคจรไม่บ่อย...Bigtoo ยังเข้าใจว่า...เป็นอริยะบุคคลได้เลย..นิ

แล้วกับแค่..การดีใจ...การอยากกิน..กลับมีปัญหา.. :b32: :b32: :b32:

ตรงนี้ไม่ใช่ปัญหารอกนะ ปัญหามันอยู่ที่ว่าคิดว่าตนเองมีญาณคิดนึกอยากกินอะไร. แล้วมีคนเอามาให้กินดั่งใจหมาย.

...ปัญหาคือตัวบิ็กทู่ไม่รู้ตัวว่าจิตตัวเองกำลังเป็นอกุศลอยู่...
:b11: :b9:
:b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2015, 08:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
...ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะบอกบุญให้ทราบโดยทั่วหน้ากันนะคะ...
...วันนี้เพิ่งกลับมาจากการทำพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน...
...ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่าครบรอบ20ปีสวรรณคต...
...ขอทุกดวงจิตเจริญในกุศลร่วมอนุโมทนาโดยทั่วหน้ากันสาธุค่ะ...
:b8: :b8:
:b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2015, 14:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:

ที่ถามนะ ทำไมถึงดีใจที่นึกอะไรแล้วได้กิน มันไม่ใช่คุณสมบัติของอริยะชนเลย. คุณสมบัติแรกคือมือต้องชุ่มด้วยการให้. ไม่ใช่นึกอย่กกินอะไรแล้วได้กินเดี๋ยวจะหลงทาง


:b32: :b32: :b32:

จะอะไรกับแค่...การดีใจ...การอยากกิน...จึงจะเป็นอริยะบุคคลไม่ได้

ที..กินเหล้าไม่บ่อย...เล่นพนันไม่บ่อย..เที่ยวที่อโคจรไม่บ่อย...Bigtoo ยังเข้าใจว่า...เป็นอริยะบุคคลได้เลย..นิ

แล้วกับแค่..การดีใจ...การอยากกิน..กลับมีปัญหา.. :b32: :b32: :b32:

ตรงนี้ไม่ใช่ปัญหารอกนะ ปัญหามันอยู่ที่ว่าคิดว่าตนเองมีญาณคิดนึกอยากกินอะไร. แล้วมีคนเอามาให้กินดั่งใจหมาย.

...ปัญหาคือตัวบิ็กทู่ไม่รู้ตัวว่าจิตตัวเองกำลังเป็นอกุศลอยู่...
:b11: :b9:
:b44:
อกุศลตรงไหน

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2015, 14:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:
ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับคุณโรสด้วยค่ะ
:b16: :b16:
:b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2015, 15:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
idea เขียน:
:b8: :b8: :b8:
ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับคุณโรสด้วยค่ะ
:b16: :b16:
:b39:

... :b8: ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ่ขึ้นไปค่ะ...บุญรักษาให้หายจากอาการเจ็บป่วยไวไวนะคะ...
:b39: :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2015, 15:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:

ที่ถามนะ ทำไมถึงดีใจที่นึกอะไรแล้วได้กิน มันไม่ใช่คุณสมบัติของอริยะชนเลย. คุณสมบัติแรกคือมือต้องชุ่มด้วยการให้. ไม่ใช่นึกอยากกินอะไรแล้วได้กินเดี๋ยวจะหลงทาง


:b32: :b32: :b32:

จะอะไรกับแค่...การดีใจ...การอยากกิน...จึงจะเป็นอริยะบุคคลไม่ได้

ที..กินเหล้าไม่บ่อย...เล่นพนันไม่บ่อย..เที่ยวที่อโคจรไม่บ่อย...Bigtoo ยังเข้าใจว่า...เป็นอริยะบุคคลได้เลย..นิ

แล้วกับแค่..การดีใจ...การอยากกิน..กลับมีปัญหา.. :b32: :b32: :b32:

ตรงนี้ไม่ใช่ปัญหารอกนะ ปัญหามันอยู่ที่ว่าคิดว่าตนเองมีญาณคิดนึกอยากกินอะไร. แล้วมีคนเอามาให้กินดั่งใจหมาย.

...ปัญหาคือตัวบิ็กทู่ไม่รู้ตัวว่าจิตตัวเองกำลังเป็นอกุศลอยู่...
:b11: :b9:
:b44:
อกุศลตรงไหน

...หัวเสียจิตก็ขุ่นมัว...กลัวข้าพเจ้าได้ดีเข้าขั้นอริยะก็ขุ่นมัวอีก...อ่ะแค่ดีดนิ้ว1ที...
...สิ่งที่เกิด-ดับทางอายตนะ6ที่ผ่านไปมีเท่าไหร่รู้ป่าวววว...หุหุ...10ล้านแสนโกฏิขณะ...
...โลภะ...ติดข้องในสิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนผ่านมากี่วันแล้วจ๊ะ...วางไม่ได้ก็เพราะโมหะ...
...หลงว่ามีข้าพเจ้ามาทำให้ท่านรู้สึกไม่ค่อยพอใจเกิดโทสะเล็กน้อยแต่ก็ทวีขึ้นเรื่อยๆ...
...555...ไม่เรียกว่าเป็นอกุศลจะให้เรียกว่าอะไรล่ะ...จิตข้าพเจ้าไปสวรรค์ทำการกุศลมา...
...ลืมท่านไปละ...พอกลับเข้ามาใหม่เอ้ายังไม่รู้จักปล่อยวาง...จะมาหลงสมมุติคนอื่นทำไม...
...อยู่ในโลกของความคิดคนเดียว...ตั้งแต่เกิดจนตาย...ทำอยู่2อย่างคือคิดดีกะคิดไม่ดี555...
...ความดีและความไม่ดีที่ท่านคิดนั่นแหละคือเจตนา...ส่งผลเป็นกรรมของท่านเองทั้งหมด...
...มันไม่ไปหาคนที่ท่านคิดดีหรือคิดไม่ดีกะเค๊าน๊า...มันเป็นกุศลกับอกุศลสะสมที่จิตท่านเอง...
...ตัวเองกวนจิตใจตนเองให้ขุ่นมัว...กุสลา ทำมา อกุสลา ทำมา อัพยากะตา ทำมา ทำมาเองทั้งนั้นเลย...
:b32: :b32:
...สติระลึกได้หรือยังต้องระวังความคิดคือจิต...คิดแล้วต้องวางเพราะเค๊าจะทำดีหรือไม่ดีก็เรื่องเขา...
:b4: :b4:
...พูดมีเสียงก็คือคิด...เขียนไม่มีเสียงก็คือคิด...คิดก็คือคิดไม่มีเสียง...
...ต้องรักษาผลประโยชน์ตนระวังจิตและความคิดปล่อยวางให้เป็น...
...มีจิตตนเป็นภาชนะรองรับกรรม...ทุกคนมีกรรมเป็นของๆตน...
...ทุกอย่างเป็นสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างกรรมดีและไม่ดี...
...แต่ละคนมีจิตแต่ละ1ที่ต้องดูแลจิตของตนของตนนะ...
...ดับให้เป็นเย็นให้ได้...จิตขณะใหม่หมดนะคะ...
...ทุกอย่างไม่มีเรามีแต่สภาพธรรมรู้หรือไม่รู้...
...คิดดี พูดดี ทำดี คิดให้ดีก่อนทำ...
...ทุกอย่างสำเร็จแล้วที่ใจ...
...จดจำแต่สิ่งที่ดีๆไป...
...จำแต่สิ่งไม่ดี...
...ทำลืมๆบ้าง...
...ก็ดีได้เอง...
:b16: :b12:
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2015, 22:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
อย่างน้อยการอยากเผยแผ่ธรรมมะก็น่าจะรู้ไว้ว่า การอยากกินอะไรแล้วมีคนหามาให้ตรงใจอยากกินไม่ใช่คุณสมบัติของโสดาบันนะครับ
คุณสมบัติโสดาบันที่ควรรู้ ธรรม ๔ ประการนั้น เป็นอย่างไรเล่า ? ๔ ประการ คือ :- อริยสาวกในธรรมวินัยนี้
(๑) ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า
(๒) ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรม
(๓) ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์
(๔) มีใจปราศจากความตระหนี่อันเป็นมลทิน มีจาคะ อันปล่อยแล้ว มีฝ่ามืออันชุ่ม ยินดีในการสละ ควรแก่การขอ ยินดีในการจำแนกทาน อยู่ครองเรือน.
ช่างไม้ ทั้งหลาย ! อริยสาวกผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการเหล่านี้ แล ย่อมเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
คู่มือโสดาบัน หน้า ๒๑๕
มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๕๒/๑๔๕๑.


มีฝ่ามืออันชุ่ม

ตรงนี้....ผู้โพสต์...พอจะบอกได้มั้ยคับว่า..หมายถึงอะไร

ขอบคุณล่วงหน้า :b8:


เงียบเลย.. :b32:

แต่ละวรรค..แต่ละวรรค...นี้มีความหมายหมด...นะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2015, 12:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
อย่างน้อยการอยากเผยแผ่ธรรมมะก็น่าจะรู้ไว้ว่า การอยากกินอะไรแล้วมีคนหามาให้ตรงใจอยากกินไม่ใช่คุณสมบัติของโสดาบันนะครับ
คุณสมบัติโสดาบันที่ควรรู้ ธรรม ๔ ประการนั้น เป็นอย่างไรเล่า ? ๔ ประการ คือ :- อริยสาวกในธรรมวินัยนี้
(๑) ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า
(๒) ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรม
(๓) ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์
(๔) มีใจปราศจากความตระหนี่อันเป็นมลทิน มีจาคะ อันปล่อยแล้ว มีฝ่ามืออันชุ่ม ยินดีในการสละ ควรแก่การขอ ยินดีในการจำแนกทาน อยู่ครองเรือน.
ช่างไม้ ทั้งหลาย ! อริยสาวกผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการเหล่านี้ แล ย่อมเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
คู่มือโสดาบัน หน้า ๒๑๕
มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๕๒/๑๔๕๑.


มีฝ่ามืออันชุ่ม

ตรงนี้....ผู้โพสต์...พอจะบอกได้มั้ยคับว่า..หมายถึงอะไร

ขอบคุณล่วงหน้า :b8:


เงียบเลย.. :b32:

แต่ละวรรค..แต่ละวรรค...นี้มีความหมายหมด...นะ
คิดเองน่าจะได้นะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2015, 12:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wink
bigtoo เขียน:
อยู่ในตัวของทุกคนแค่ปลุกมันขึ้นมา สุขหรือทุกข์ก็ทำอะไรเราไม่ได้

... :b6: อมภูมิหรา...แสดงปัญญาสิ...แค่นี้ไม่เห็นต้องอมภูมิเลย :b16:
...รร.ที่เราเรียนธรรมน่ะมีพระพุทธเจ้าเป็นผอ.ครูที่สอนมีแต่พระอรหันต์...
...ครูประจำชั้นก็เป็นพระอรหันต์...แล้วก็เรียนพิเศษกะอ.สุจินต์ทางวิดีโอ...
...ครูของข้าพเจ้าแสดงปัญญาแบบไม่อมภูมิแล้วก็ไม่คิดเงิน...เรียนฟรีน๊า...
:b27: :b27:
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2015, 16:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
wink
bigtoo เขียน:
อยู่ในตัวของทุกคนแค่ปลุกมันขึ้นมา สุขหรือทุกข์ก็ทำอะไรเราไม่ได้

... :b6: อมภูมิหรา...แสดงปัญญาสิ...แค่นี้ไม่เห็นต้องอมภูมิเลย :b16:
...รร.ที่เราเรียนธรรมน่ะมีพระพุทธเจ้าเป็นผอ.ครูที่สอนมีแต่พระอรหันต์...
...ครูประจำชั้นก็เป็นพระอรหันต์...แล้วก็เรียนพิเศษกะอ.สุจินต์ทางวิดีโอ...
...ครูของข้าพเจ้าแสดงปัญญาแบบไม่อมภูมิแล้วก็ไม่คิดเงิน...เรียนฟรีน๊า...
:b27: :b27:
:b8:
ค้นให้พบ มันอยู่แค่ปลายจมูก

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2015, 07:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:

อย่างน้อยการอยากเผยแผ่ธรรมมะก็น่าจะรู้ไว้ว่า การอยากกินอะไรแล้วมีคนหามาให้ตรงใจอยากกินไม่ใช่คุณสมบัติของโสดาบันนะครับ
คุณสมบัติโสดาบันที่ควรรู้ ธรรม ๔ ประการนั้น เป็นอย่างไรเล่า ? ๔ ประการ คือ :- อริยสาวกในธรรมวินัยนี้
(๑) ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า
(๒) ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรม
(๓) ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์
(๔) มีใจปราศจากความตระหนี่อันเป็นมลทิน มีจาคะ อันปล่อยแล้ว มีฝ่ามืออันชุ่ม ยินดีในการสละ ควรแก่การขอ ยินดีในการจำแนกทาน อยู่ครองเรือน.
ช่างไม้ ทั้งหลาย ! อริยสาวกผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการเหล่านี้ แล ย่อมเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
คู่มือโสดาบัน หน้า ๒๑๕
มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๕๒/๑๔๕๑.


กบนอกกะลา เขียน:

มีฝ่ามืออันชุ่ม

ตรงนี้....ผู้โพสต์...พอจะบอกได้มั้ยคับว่า..หมายถึงอะไร

ขอบคุณล่วงหน้า :b8:


bigtoo เขียน:
คิดเองน่าจะได้นะ


ที่เรียงมาให้ดู...เพื่อลำดับถึงสาเหตุ

Bigtoo กล่าวว่า..การอยากกิน...ไม่ใช่คุณสมบัติของโสดาบัน..โดยยกคุณสมบัติโสดาบันที่ควรรู้ 4 ประการมา

กระผมเห็นแย้งว่า...อาการอยากกิน..ไม่ใช่เป็นตัวคัดแยกความเป็นโสดาบัน..เคยบอกกับ Bigtoo ก่อนหน้านี้ไปแล้วว่า..แค่อาการอยากกิน...กลับเป็นปัญหา..ทีกับการกินเหล้าบ้าง ...Bigtoo..กลับมีความเห็นว่า..อริยะบุคคล..ทำได้

ผมก็เลย..เอาคำที่ Bigtoo ยกมา..ถามกลับ Bigtoo ว่า..
แล้ว..มีฝ่ามืออันชุ่ม ...มีความหมายว่าอะไร

Bigtoo ตอบเลี่ยง ๆ ให้..คิดเอาเอง.. :b32: :b32:

ทำให้คิดได้เป็น 2 อย่างคือ...
1 ตอบไม่ได้ ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร..กับ..
2..ตอบได้แต่คำตอบนั้นจะไปขัดแย้งกับที่ Bigtoo พูดว่า.."การอยากกินอะไรแล้วมีคนหามาให้ตรงใจอยากกินไม่ใช่คุณสมบัติของโสดาบันนะครับ"

:b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2015, 09:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:

อย่างน้อยการอยากเผยแผ่ธรรมมะก็น่าจะรู้ไว้ว่า การอยากกินอะไรแล้วมีคนหามาให้ตรงใจอยากกินไม่ใช่คุณสมบัติของโสดาบันนะครับ
คุณสมบัติโสดาบันที่ควรรู้ ธรรม ๔ ประการนั้น เป็นอย่างไรเล่า ? ๔ ประการ คือ :- อริยสาวกในธรรมวินัยนี้
(๑) ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า
(๒) ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรม
(๓) ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์
(๔) มีใจปราศจากความตระหนี่อันเป็นมลทิน มีจาคะ อันปล่อยแล้ว มีฝ่ามืออันชุ่ม ยินดีในการสละ ควรแก่การขอ ยินดีในการจำแนกทาน อยู่ครองเรือน.
ช่างไม้ ทั้งหลาย ! อริยสาวกผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการเหล่านี้ แล ย่อมเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
คู่มือโสดาบัน หน้า ๒๑๕
มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๕๒/๑๔๕๑.


กบนอกกะลา เขียน:

มีฝ่ามืออันชุ่ม

ตรงนี้....ผู้โพสต์...พอจะบอกได้มั้ยคับว่า..หมายถึงอะไร

ขอบคุณล่วงหน้า :b8:


bigtoo เขียน:
คิดเองน่าจะได้นะ


ที่เรียงมาให้ดู...เพื่อลำดับถึงสาเหตุ

Bigtoo กล่าวว่า..การอยากกิน...ไม่ใช่คุณสมบัติของโสดาบัน..โดยยกคุณสมบัติโสดาบันที่ควรรู้ 4 ประการมา

กระผมเห็นแย้งว่า...อาการอยากกิน..ไม่ใช่เป็นตัวคัดแยกความเป็นโสดาบัน..เคยบอกกับ Bigtoo ก่อนหน้านี้ไปแล้วว่า..แค่อาการอยากกิน...กลับเป็นปัญหา..ทีกับการกินเหล้าบ้าง ...Bigtoo..กลับมีความเห็นว่า..อริยะบุคคล..ทำได้

ผมก็เลย..เอาคำที่ Bigtoo ยกมา..ถามกลับ Bigtoo ว่า..
แล้ว..มีฝ่ามืออันชุ่ม ...มีความหมายว่าอะไร

Bigtoo ตอบเลี่ยง ๆ ให้..คิดเอาเอง.. :b32: :b32:

ทำให้คิดได้เป็น 2 อย่างคือ...
1 ตอบไม่ได้ ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร..กับ..
2..ตอบได้แต่คำตอบนั้นจะไปขัดแย้งกับที่ Bigtoo พูดว่า.."การอยากกินอะไรแล้วมีคนหามาให้ตรงใจอยากกินไม่ใช่คุณสมบัติของโสดาบันนะครับ"

:b13: :b13: :b13:
หลงประเด็นละมั้งใครเขาบอกว่าอยากกินไม่ใช่คุณสมบัติของโสดาบันครัย มั่วอีกแล้ว. กลับไปอ่านดูคุณrossarinเขาพูดว่าอะไร

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2015, 13:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมไม่ได้หลงประเด็นคับ....ประเด็นของผม..อยู่ที่คำพูด Bigtoo..ครับ

ไม่ใช่คำของคุณโรสริน..

bigtoo เขียน:
อย่างน้อยการอยากเผยแผ่ธรรมมะก็น่าจะรู้ไว้ว่า การอยากกินอะไรแล้วมีคนหามาให้ตรงใจอยากกินไม่ใช่คุณสมบัติของโสดาบันนะครับ

คุณสมบัติโสดาบันที่ควรรู้ ธรรม ๔ ประการนั้น เป็นอย่างไรเล่า ? ๔ ประการ คือ :- อริยสาวกในธรรมวินัยนี้
(๑) ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า
(๒) ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรม
(๓) ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์
(๔) มีใจปราศจากความตระหนี่อันเป็นมลทิน มีจาคะ อันปล่อยแล้ว มีฝ่ามืออันชุ่ม ยินดีในการสละ ควรแก่การขอ ยินดีในการจำแนกทาน อยู่ครองเรือน.
ช่างไม้ ทั้งหลาย ! อริยสาวกผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการเหล่านี้ แล ย่อมเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
คู่มือโสดาบัน หน้า ๒๑๕
มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๕๒/๑๔๕๑.


ผมไม่หลงประเด็น..

แต่Bigtoo กำลังเบี่ยงเบนประเด็น..ที่ผมตั้งคำถามกับBigtoo ต่างหากครับ...

คำถามที่ว่า..มีฝ่ามืออันชุ่ม..นั้นนะ...หมายความว่าอะไร?

เป็นไปได้มั้ยว่า...ความหมายของคำนี้...จะไปแย้งกับคำพูดของBigtoo เอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2015, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


asoka เขียน:
:b12:
ตรงที่เอาความยินดียินร้ายในโลกออกเสียได้นั่นแหละจะเป็นทางสายกลางของการเดินจิต จิตไม่ติดข้างใดข้างหนึ่งเขาย่อมจะไหลไปตรงกลางด้วยอำนาจกระแสของกาลเวลา

มีผัสสะเกิดขึ้นเอายินดีออกได้ก็จะตกมาอยู่ที่ เฉย ตรงกลาง

มีผัสสะเกิดขึ้นเอายินร้ายออกได้ก็จะตกมาอยู่ที่ เฉย ตรงกลาง

เป็นกลางอยู่ได้บ่อยๆนานๆจนชำนาญ ก็จะลงไปสู่ ปกติ

ที่ปกตินั่นแหละเป็นความกลางอย่างยิ่ง เป็นธรรม เป็นปรมัตถธรรม จิตจะไหลเร็วแรงพุ่งดิ่งสู่ อมตะธรรม คือ นิพพาน อันเป็นที่สุดสิ้นการเดินทางอันยาวนาน
:b8: :b27: :b36:


ทำไมมันดูยุ่งยากเยอะแยะไปหมดล่ะครับ เอาใหม่ๆ แก้ให้ใหม่

ทำดี+ศึกษาและปฏิบัติธรรม = นิพพาน

อาจจะดูสั้นๆแต่ความหมายกว้าง อยู่ที่การตีความครับ

ทำดี= อะไรที่ดีก็ทำครับ อะไรไม่ดีก็ไม่ทำ เท่านั้นเอง

ศึกษาและปฏิบัติธรรม = การทำดี การรักษาศีล การปล่อยวาง การเรียนรู้ชีวิต ฯลฯ ทุกอย่างแหล่ะครับ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการปฏิบัติธรรมได้ทั้งนั้นครับ ที่จริงหัวข้อนี้ยังมีอีกเยอะอธิบายไม่หมด อยู่ที่การตีความของแต่ละท่านครับ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เฉพาะตนจริงๆ การศึกษาธรรมไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้หมดครับ เพราะมันเยอะมาก ต้องปฏิบัติเองจึงจะเข้าใจได้เองครับ พระพุทธเจ้าท่านชี้ทางให้แล้ว นอกนั้นอยู่ที่เราว่าจะเดินตามได้ไกลแค่ไหน เป็นเรื่องเฉพาะตนครับ

สิ่งสำคัญคือใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย อย่าทำอะไรให้มันยุ่งยากซับซ้อน ไม่งั้นจะทำเอง งงเอง หาทางอกไม่ได้

ผมเปรียบการศึกษาธรรมมะเหมือนการเดินเข้าไปในหุบเขาวงกต ทางออกจากหุบเขาคือนิพพาน ทางเดินมันซับซ้อน พระพุทธเจ้าท่านชี้ทางไว้ให้ เราเดินเข้าไปแล้วต้องค่อยๆเดิน อย่ารีบ เดี๋ยวหลง พยายามสังเกต จดจำ แล้วค่อยๆเดินตาม ไม่ยากครับ แต่ไม่ง่าย แต่คงไม่เกินความสามารถถ้าพยายาม ที่สำคัญ อย่ารีบก็พอครับ

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2015, 06:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธคุณ เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
ตรงที่เอาความยินดียินร้ายในโลกออกเสียได้นั่นแหละจะเป็นทางสายกลางของการเดินจิต จิตไม่ติดข้างใดข้างหนึ่งเขาย่อมจะไหลไปตรงกลางด้วยอำนาจกระแสของกาลเวลา

มีผัสสะเกิดขึ้นเอายินดีออกได้ก็จะตกมาอยู่ที่ เฉย ตรงกลาง

มีผัสสะเกิดขึ้นเอายินร้ายออกได้ก็จะตกมาอยู่ที่ เฉย ตรงกลาง

เป็นกลางอยู่ได้บ่อยๆนานๆจนชำนาญ ก็จะลงไปสู่ ปกติ

ที่ปกตินั่นแหละเป็นความกลางอย่างยิ่ง เป็นธรรม เป็นปรมัตถธรรม จิตจะไหลเร็วแรงพุ่งดิ่งสู่ อมตะธรรม คือ นิพพาน อันเป็นที่สุดสิ้นการเดินทางอันยาวนาน
:b8: :b27: :b36:


ทำไมมันดูยุ่งยากเยอะแยะไปหมดล่ะครับ เอาใหม่ๆ แก้ให้ใหม่

ทำดี+ศึกษาและปฏิบัติธรรม = นิพพาน

อาจจะดูสั้นๆแต่ความหมายกว้าง อยู่ที่การตีความครับ

ทำดี= อะไรที่ดีก็ทำครับ อะไรไม่ดีก็ไม่ทำ เท่านั้นเอง

ศึกษาและปฏิบัติธรรม = การทำดี การรักษาศีล การปล่อยวาง การเรียนรู้ชีวิต ฯลฯ ทุกอย่างแหล่ะครับ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการปฏิบัติธรรมได้ทั้งนั้นครับ ที่จริงหัวข้อนี้ยังมีอีกเยอะอธิบายไม่หมด อยู่ที่การตีความของแต่ละท่านครับ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เฉพาะตนจริงๆ การศึกษาธรรมไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้หมดครับ เพราะมันเยอะมาก ต้องปฏิบัติเองจึงจะเข้าใจได้เองครับ พระพุทธเจ้าท่านชี้ทางให้แล้ว นอกนั้นอยู่ที่เราว่าจะเดินตามได้ไกลแค่ไหน เป็นเรื่องเฉพาะตนครับ

สิ่งสำคัญคือใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย อย่าทำอะไรให้มันยุ่งยากซับซ้อน ไม่งั้นจะทำเอง งงเอง หาทางอกไม่ได้

ผมเปรียบการศึกษาธรรมมะเหมือนการเดินเข้าไปในหุบเขาวงกต ทางออกจากหุบเขาคือนิพพาน ทางเดินมันซับซ้อน พระพุทธเจ้าท่านชี้ทางไว้ให้ เราเดินเข้าไปแล้วต้องค่อยๆเดิน อย่ารีบ เดี๋ยวหลง พยายามสังเกต จดจำ แล้วค่อยๆเดินตาม ไม่ยากครับ แต่ไม่ง่าย แต่คงไม่เกินความสามารถถ้าพยายาม ที่สำคัญ อย่ารีบก็พอครับ

:b16:
คุณพุทธคุณพยายามจะทำให้ดูง่ายในความเห็นระดับของคุณพุทธคุณขณะนี้ แสดงว่ายังไม่เคยทำความเพียรทางจิตหรือเจริญสติปัฏฐาน 4 มาอย่างจริงจังกระมังครับ
:b1:
เรื่องละชั่ว ทำดี นั้นเป็นเรื่องพื้นฐานพื้นๆที่มีสอนเหมือนกันอยู่ทุกศาสนา มันอาจจะไม่ชี้ไปสู่นิพพานอย่างที่คุณพุทธคุณสรุป

แต่การชำระจิตของตนให้ขาวรอบอันเป็นโอวาทปาติโมกข์ของพระพุทธเจ้านี้ มีสอนแต่ในพุทธศาสนา

การชำระจิตของตนให้ขาวรอบต้องใช้สมถะเป็นฐานแล้วจึงไปต่อยอดด้วยวิปัสสนาซึ่งวิปัสสนาภาวนานี้ก็เป็นวิชาที่มีสอนเฉพาะในพุทธศาสนา

การเจริญวิปัสสนาที่ง่ายที่สุดและพระพุทธเจ้าทรงรับรองว่าจะบรรลุถึงนิพพานเร็ว ทันในปัจจุบันชาตินี้ คือการเจริญสติปัฏฐาน 4

หัวใจหลักของการเจริญสติปัฏฐาน 4 คือ
"วิเนยยะ โลเก อภิชฌา โทมนัสสัง"แปลว่า "เอาออกเสียให้ได้ซึ่งความยินดียินร้ายในโลก"

โลก ในที่นี้ในเวลาปฏิบัติ ก็คือ ผัสสะของทวารทั้ง 6 นั่นเอง

การเอาออกเสียให้ได้ซึ่งความยินดียินร้ายในโลก ก็จึงเป็นไปตามที่ asoka สรุปคัดย่อมาให้ฟังดังอ้างอิงมาข้างต้น


ลึกซึ้งกว่าที่คิดนะครับคุณพุทธคุณ
:b38:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 95 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 198 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร