วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 06:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2015, 13:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


หน้าที่ของพุทธบริษัท นอกจากศึกษาในหลักคำสอนนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้องแล้ว
อีกหนึ่งหน้าที่คือ ปกป้องพระศาสนาจากภัยภายนอกการปกป้องพระศาสนานั้นไม่ได้
หมายความว่า เขาโจมตีเรา เราต้องโจมตีคืน เพราะนั่นย่อมผิดต่อหลักคำสอนที่ว่า
...เวรระงับด้วยการไม่จองเวร... :b8: :b8:

ฉะนั้นการปกป้องพระศาสนาก็คือ...การทำหน้าที่...ทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นพุทธบริษัท
ให้ครบสมบรูณ์ เมื่อพุทธบริษัททำหน้าที่สมบรูณ์...โดยมีธรรมและวินัยสร้างสายสัมพันธ์
ก่อให้เกิดพลัง...คือ...ความสามัคคี นั่นแหละคือพลังปกป้องพระศาสนา...
คือ...การทำหน้าที่นั่นเอง :b31: :b31: :b41: :b41:
พุทธบริษัททุกวันนี้ไม่พากันทำหน้าที่ ไม่เข้าใจความหมายของหน้าที่ในฐานะที่ตน
เป็นพุทธบริษัท แต่ชอบยกเอาหลักธรรมขั้นสูงมาอ้างอำพรางตัวเองเพื่อหลีกหนี
การทำหน้าที่ หรือพูดให้ตัวเองดูดี เช่น อะไรจะเกิดก็เกิด ช่างมัน รู้จักปล่อยวางเสียบ้าง
สำคัญอยู่ที่ใจ เมื่อพุทธบริษัทไม่พากันทำหน้าที่ได้แต่เอาหลักธรรมมาบังหน้าจึงก่อให้เกิด
รอยร้าวแตกความสามัคคีในหมู่พุทธบริษัทเป็นเหตุให้ผู้จ้องจะทำลายอยู่แล้วได้โฉยโอกาส
แทกซึมเข้ามาโจมตี เมื่อพระสงฆ์เห็นภัยเข้ามาก็ออกมาปกป้อง ก็ยังถูกในหมู่พุทธบริษัท
ด้วยกันโจมตีกล่าวหาอีก เช่นว่า เป็นพระไม่ควรมายุ่งกับทางโลก บวชเป็นพระแล้วยังไม่รู้จัก
ปล่อยวางบวชทำไม สื่อให้เห็นว่าผู้ที่ยกเอาคำเหล่านี้มาอ้างยังขาดความเข้าใจในความหมาย
และไม่รู้จักแยกแยะในเมื่อไม่เข้าใจความหมายจะรู้จักแยกแยะได้อย่างไร ก็เลยกลายเป็น
ว่าเหมารวมหมด คำว่ายุงทางโลกเราต้องดูด้วยว่ายุ่งในฐานะอะไร ไม่ใช่อะไรๆก็บอกว่า
เป็นพระไม่ควรมายุงทางโลก คำว่าปล่อยวางก็เช่น เราต้องดูด้วยว่าควรปล่อยวาง
ในสถานะการณ์แบบใหน อะไรจะเกิดก็เกิด ก็เช่นกัน ต้องดูด้วยว่าควรพูดประโยคนี้ในเวลา
เหตุการณ์อะไร บางคนบ้านรกรุงรังไม่ทำความสะอาดบอกว่าตัวเองปล่อยวางแล้วไม่ยึดติด
แบบนี้ หลวงพ่อชา ท่านว่าปล่อยวางเหมือนควายวางเฉย เพราะฉะนั้นพุทธบริษัททุกวันนี้
จึงพากันปล่อยวางเหมือนควายวางเฉย :b14: :b14: :b32: :b32:

และเมื่อพุทธบริษัทได้พากันทำหน้าที่ถึงที่สุดแล้ว กฎของอนิจจัง ความไม่เที่ยง เกือนกินทุกสิ่ง
แม้แต่ตัวมันเอง...เมื่อถึงคราวนั้นแหละเหล่าพุทธบริษัทจึงควรพูดว่า อะไรจะเกิดก็เกิด
ปล่อยวางสำคัญอยู่ที่ใจแล้วก็ต่างคนต่างรักษาใจรอให้กฎอนิจจังพรากจากไปก็เท่านั้นเอง
ในชีวิตหนึ่งภพภูมิ :b29: :b29: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2015, 15:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


มันเริ่มที่ความเห็นและความศรัทธา

ทำความเห็นให้ถูก

ทำหน้าที่ให้ถูก พระสงฆ์ มีหน้าที่หลักคือฝึกตน ทำความเพียร ให้บรรลุธรรม เมื่อบรรลุธรรมแล้วจึงสั่งสอนผู้อื่นได้ ภิกขุณีก็เช่นเดียวกัน ทำความเห็นให้ถูก ทำความเพียร เมืีอบรรลุธรรมแล้วจึงสั่งสอนผู้อื่น ออกประกาศข่าวทางพุทธศาสนาตามที่ต่างๆ

อุบาสกอุบาสิกา ก็ต้องเคารพในพระรัตนตรัย ไม่บูชาเทพเจ้าลัทธิอื่น แม้แต่ดวงชะตาต่างๆก็ไม่ถือเป็นมงคลต่อชีวิตมากไปกว่าพระรัตนตรัย งดเว้นการถือศีลที่ผิดต่อธรรม เช่น บูชายันต์ด้วยการฆ่าสัตว์ เป็นต้น

ความสามัคคีนั้น ส่วนมากมักจะเกิดเพราะชนชาติ เช่น ชาวไทยก็จะศรัทธาต่อพุทธศาสนาในไทย ชาติอื่นก็เช่นเดียวกัน แต่เท่าที่ผ่านมา ยังไม่เห็นสงครามระหว่างพุทธด้วยกัน นั่นเป็นเรื่องที่น่ายินดี สงครามในที่นี้คือการทำลายล้างกันให้ตกตายไปนั่นเอง ส่วนความเห็นแตกแยกมีให้เห็นมานานนับพันปีแล้ว จะสังเกตุว่ามีลัทธิที่แตกต่างกันของพุทธศาสนา

เท่าที่ผ่านมา การโจมตีกันนั่นเพราะเหตุผลทางวินัยมากกว่า เช่น พระวัดนั้นโจมตีพระอีกวัดเพราะพิจารณาว่า ได้กระทำผิดวินัย แต่เนื่องจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไป จึงเกิดความซับซ้อนทางขบวนการ การเอาผิดทางวินัยต่อพระที่ได้รับการยกย่องสูงก็จะยากขึ้น แต่ที่ผ่านมายังไม่เห็นพระยกขบวนชกต่อยกันระหว่างวัด หรือชกต่อยกันระหว่างชาวบ้านและพระในด้านพระธรรมวินัย แต่ส่วนมากจะเห็นถึงปัญหาเฉพาะทางสังคมมากกว่า เช่น พระมีเมีย หรือ พระยุ่งทางโลก อะไรแบบนั้น แต่ด้านพระธรรมวินัย ยังคงสอดคล้องกันอยู่บ้าง ยกเว้นพระธรรมวินัยที่ลึกซึ้งขึ้นไปขั้นอัตตา อนัตตา นิพพาน จะเริ่มเห็นความไม่ลงกันของพระธรรมต่างลัทธิ เป็นต้น

แต่พุทธบริษัท4ยังคงมีรูปแบบเดิมอยู่ เช่น พระมีอิสระ ไม่มีชั้นวัณณะ เคารพกันตามอายุการบวช อาจจะไม่ถูกกันระหว่างพระด้วยกันเพราะปัญหาสังคม แต่พื้นฐานพุทธบริษัทยังคงเหมือนสมัยก่อนครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2015, 15:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


เข้ามาทำไม เข้ามาแล้วได้อะไร
รู้แล้วทำไม รู้แล้วได้อะไร
บอกทำไม บอกแล้วได้อะไร
เป็นความรู้สึกที่เริ่มสงสัย
แต่ถ้า..คำว่าหน้าที่แล้ว ไม่จำเป็น
ต้องถามหาคำตอบ เพราะคำตอบ
อยู่ในการกระทำนั้นแล้ว :b41: :b46: :b47: :b48:

.........................................

ขอเชิญ...ท่านที่มีจิตศรัทธามาร่วมกัน
ทำบุญกับอาตมาบูรณะห้องกุฏิพระเพื่อ
เป็นที่พักอาศัยของพระภิกษุ สามเณร

เนื่องจากในพรรษานี้อาตมาได้กลับมา
จำพรรษาวัดในสังกัด วัดที่อยู่มาตั่งแต่
เป็นเณรน้อย เป็นวัดเล็กๆมีกุฏิที่พักอยู่
สองหลังแต่ก็เป็นกุฏิหลังใหญ่กุฏิหนึ่ง
ชั้นล่างใช้ไม้อัดกั้นเมื่อเวลาผ่านไปบวก
กับเจอน้ำท่วมจึงทำให้ไม้อัดผุพัง เมื่อ
อาตมา กลับมาได้สำรวจดูก็นึกถึงตอน
เป็นเณรน้อยก็อยู่ห้องนี้โดยตอนนั้นมีแค่
ไม้อัดกั้นไว้ก็เลยอยากจะลื้อไม้อัดออก
แล้วก่ออิฐบล็อกพื้นปูกระเบื้องทำให้มั่นคง
เพื่ออยู่จำพรรษา ซึ่งน่าจะใช้งบประมาณ
10,000บาท จึงเชิญชวนบอกบุญมายังท่าน
ที่สนใจร่วมทำบุญ
ท่านใดสนใจก็ลองติดต่อได้ครับ :b8: :b8:
โทร...0910065514


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2015, 00:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เข้ามาแล้วได้ศรัทธา

รู้แล้วได้ปัญญา

บอกแล้วได้กุศล

อนุโมทนาครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2015, 17:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:

เท่าที่ผ่านมา การโจมตีกันนั่นเพราะเหตุผลทางวินัยมากกว่า เช่น พระวัดนั้นโจมตีพระอีกวัดเพราะพิจารณาว่า ได้กระทำผิดวินัย แต่เนื่องจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไป จึงเกิดความซับซ้อนทางขบวนการ การเอาผิดทางวินัยต่อพระที่ได้รับการยกย่องสูงก็จะยากขึ้น แต่ที่ผ่านมายังไม่เห็นพระยกขบวนชกต่อยกันระหว่างวัด หรือชกต่อยกันระหว่างชาวบ้านและพระในด้านพระธรรมวินัย แต่ส่วนมากจะเห็นถึงปัญหาเฉพาะทางสังคมมากกว่า เช่น พระมีเมีย หรือ พระยุ่งทางโลก อะไรแบบนั้น แต่ด้านพระธรรมวินัย ยังคงสอดคล้องกันอยู่บ้าง ยกเว้นพระธรรมวินัยที่ลึกซึ้งขึ้นไปขั้นอัตตา อนัตตา นิพพาน จะเริ่มเห็นความไม่ลงกันของพระธรรมต่างลัทธิ เป็นต้น

แต่พุทธบริษัท4ยังคงมีรูปแบบเดิมอยู่ เช่น พระมีอิสระ ไม่มีชั้นวัณณะ เคารพกันตามอายุการบวช อาจจะไม่ถูกกันระหว่างพระด้วยกันเพราะปัญหาสังคม แต่พื้นฐานพุทธบริษัทยังคงเหมือนสมัยก่อนครับ



ความเปลี่ยนแปลงตามกฏอนิจจัง
กับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการกระทำ
ของมนุษย์ มันต่างกันนะครับ
โดยธรรมชาติมนุษย์อาจจะอยู่ถึงร้อยปี
แต่ถ้าดีวันดีคืนโดนระเบิดตู้มอาจตายได้
ตั่งแต่วันแรกเกิด อย่าประมาทนะครับ :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2015, 00:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


แสงแห่งพระธรรม เขียน:
student เขียน:

เท่าที่ผ่านมา การโจมตีกันนั่นเพราะเหตุผลทางวินัยมากกว่า เช่น พระวัดนั้นโจมตีพระอีกวัดเพราะพิจารณาว่า ได้กระทำผิดวินัย แต่เนื่องจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไป จึงเกิดความซับซ้อนทางขบวนการ การเอาผิดทางวินัยต่อพระที่ได้รับการยกย่องสูงก็จะยากขึ้น แต่ที่ผ่านมายังไม่เห็นพระยกขบวนชกต่อยกันระหว่างวัด หรือชกต่อยกันระหว่างชาวบ้านและพระในด้านพระธรรมวินัย แต่ส่วนมากจะเห็นถึงปัญหาเฉพาะทางสังคมมากกว่า เช่น พระมีเมีย หรือ พระยุ่งทางโลก อะไรแบบนั้น แต่ด้านพระธรรมวินัย ยังคงสอดคล้องกันอยู่บ้าง ยกเว้นพระธรรมวินัยที่ลึกซึ้งขึ้นไปขั้นอัตตา อนัตตา นิพพาน จะเริ่มเห็นความไม่ลงกันของพระธรรมต่างลัทธิ เป็นต้น

แต่พุทธบริษัท4ยังคงมีรูปแบบเดิมอยู่ เช่น พระมีอิสระ ไม่มีชั้นวัณณะ เคารพกันตามอายุการบวช อาจจะไม่ถูกกันระหว่างพระด้วยกันเพราะปัญหาสังคม แต่พื้นฐานพุทธบริษัทยังคงเหมือนสมัยก่อนครับ



ความเปลี่ยนแปลงตามกฏอนิจจัง
กับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการกระทำ
ของมนุษย์ มันต่างกันนะครับ
โดยธรรมชาติมนุษย์อาจจะอยู่ถึงร้อยปี
แต่ถ้าดีวันดีคืนโดนระเบิดตู้มอาจตายได้
ตั่งแต่วันแรกเกิด อย่าประมาทนะครับ :b1: :b1:


แม้เหตุปัจจัยจะต่างกัน แต่ผลเหมือนกันคือ ขันธ์5 แตกสลายลง และแสดลถึงขันธ์5ไม่เที่ยง

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ เพื่อวัตถุประสงค์คือกิเลส มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยตัวอย่างคือพระเทวทัต ลอบทำร้ายพระพุทธเจ้า และเหตุการของพระโมคลาโดนโจรต่างลัทธิรุมทำร้าย

กฎอนิจจังไม่ได้แสดงถึงอายุคนอย่างเดียว เพราะปกติทุกอย่างมันก็ไม่เที่ยง หินเย็นๆ เอาไปใส่เตาไฟ สักพักหนึ่งอย่างถามว่า มีใครกล้าเอามือไปจับก้อนหินในเตาไฟนั้นหรือไม่เพราะมันร้อน นั่นคือ รูปไม่เที่ยง (ธาตุไฟ) ไม่ใช่ก้อนหินมันร้อน แต่ธาตุไฟมันไม่เที่ยง เพราะถ้าธาตุไฟเที่ยงก้อนหินมันต้องไม่ร้อน

แต่ก้อนหินมันก็ไม่สะทกสะท้านหรือกระโจนออกจากกองไฟ เพราะมันไม่มีใจครอง คนเรามีใจครองก็จริง แต่ธาตุไฟมันก็ไม่เที่ยง และนั่นเป็นสาเหตุถึงความทุกข์ร้อนใจ เพราะคิดว่า เราไม่สบายแล้ว มีความผิดปกติแล้ว แม้ชีวิตก็อาจจะถึงคราว เพราะความเสียดายรูปขันธ์ อุณหภูมิที่พอเหมาะแก่ร่างกายคนก็คิดว่าเป็นของเรา แต่พออุณหภูมิสูงขึ้น ร่างกายร้อนขึ้น ก็ไม่อยากเอารูปนั้น รูปนั้นไม่ใช่ของเรา(ธาตุไฟ) ต้องเช็ดตัว กินยา ให้ตัวเย็นลง หารู้ไม่ว่ารูปไม่เที่ยง รูปไม่เที่ยง (ธาตุไฟ) รูปขันธ์มันจะเที่ยงได้อย่างไร

พอตายลง จิตมันก็ไม่เที่ยง เพราะถ้าเที่ยงแล้ว ทำไมจิตไม่อยู่ในรูปขันธ์นั้น เอารูปขันธ์ไปเผาไฟยังไม่สะดุ้งเลย วิญญาณขันธ์(จิต) ไม่ได้ประชุมในร่างเสียแล้ว

สิ่งที่คนกลัวมากอีกอย่างคือการพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รัก นอกจากร่างกายเป็นของเราแล้ว รอบๆข้างก็เป็นของเรา พี่น้องก็ต้องติดตามห้อยกันไป จากกันไม่ได้ จากกันปุ๊บเป็นทุกข์ทันที แมวก็เป็นของเรา หมาเป็นของเรา พอภาพของการแตกสลายปรากฎขึ้น ทุกข์ก็มา แมวตาย หมาตาย ก็ทุกข์ใจ ถ้าโดนทรมาณตายยิ่งไปกันใหญ่ แช่งชักคนกระทำให้เจอสภาวะเดียวกัน ความพลัดพรากมันเกิดขึ้นแล้ว (กิเลส)

นี่แหละทำไม นั่งภาวนาจึงต้องเป็นเรื่องกฎอนิจจัง ความทุกข์ทั้งหลายทั้งมวลมันมีต้นตอมาจากความไม่รู้จริงของกฎอนิจจังนั่นเองครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร