วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 12:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2015, 07:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกข์ควรกำหนด ทุกข์นี้พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ละ
ถ้าละทุกข์เลย นี่มันจะฟั่นเฟือนเลย มันจะทำไม่ได้
เพราะทุกข์อันนี้มันเป็นผลของวิบากกรรม
เป็นมนุษย์นี่มีทุกข์ไหม...มี
พระพุทธเจ้าบอกให้กำหนด ให้จับตัวนี้เป็นโจทย์
แล้วไปละไอ้ตัวความอยาก
ที่อยากให้ทุกข์หายไง...

พระอาจารย์สงบ มนัสสันโต



ธรรมเป็นกัลยาณมิตรในเรือนใจ
อันประเสริฐกว่าสิ่งอื่น
ผู้มีธรรมย่อมได้ชื่อว่า
มีกัลยาณมิตรที่เยี่ยมยอดสูงสุด
ย่อมไม่ว้าเหว่เหงาหงอย

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ




คุณจะจนหรือจะรวย ก็ขึ้นอยู่กับว่า
คุณยังอยากได้อีกเท่าไหร่ถึงจะรวย
คุณมีแสนล้าน คุณอยากได้อีกแสนล้าน คุณก็จนแสนล้าน
คุณมี หนึ่งร้อย คุณไม่ขาด คุณไม่อยาก คุณก็รวย

คุณว่าต้องมีเงินแสนล้านหรือจึงจะเรียกว่ารวย
หรือต้องมีบ้านหลังสวย รถคันงาม เงินเต็มธนาคาร จึงจะเรียกว่ารวย

ถ้าคุณอยากได้ทุกอย่างแล้ว มันได้ตามคุณปรารถนาทุกอย่างไป
คุณว่าโลกใบนี้ทั้งใบ จะพอบรรจุสิ่งที่คุณอยากได้หรือเปล่าหล่ะ

โลกใบนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับคนอยาก แต่มีไว้สำหรับคนพอ
ประเทศไทยมีแต่อำเภอพล (จังหวัดขอนแก่น) แต่ไม่มีอำเภอพอ
อำเภอพออยู่ไหน ก็อยู่ที่อำเภอใจนั้นไง ทำใจให้เป็นอำเภอพอ

พอหน่ะมันเพียง (คำว่าเพียงในภาษาอีสาน แปลว่าเต็มพอดี
หรือเสมอขอบปาก) ไม่พอหน่ะมันล้น ให้พอใจ

พระญาณวิสาลเถร (หลวงปู่หา สุภโร)




หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ได้เคยยกเรื่องความดีของสุนัข ซึ่งท่านเรียกว่า “มงคลหมา”
หลวงปู่กล่าวว่าบางครั้งสัตว์ยังดีกว่าบางคน และสัตว์แต่ละชนิดก็มีดีอยู่ในตัวเอง
เนื้อความตามหนังสือกล่าวว่า…

“หลวงปู่ตื้อท่านบอกว่าลองพิจารณาดูให้ดี จะเห็นว่าหมาก็มีมงคล
คือความดีประจำตัว อย่างน้อยก็ ๒๐ ประการ คือ

๑. หมาวิ่งได้เร็ว คนวิ่งตามไม่ทัน
๒. หมาเดินกลางคืนได้ ไม่ต้องจุดไฟ
๓. หมาเข้าป่าหนามไม่ปักตีน
๔. หมามีจมูกเป็นทิพย์
๕. หมากินอาหารได้ไม่เลือก
๖. เวลาเยี่ยวมันยกขาไหว้ธรณี
๗. ก่อนนอนหมาเดินเวียนสามรอบ
๘. เวลาสืบพันธุ์ หมาไม่รู้จักอาย
๙. หมารู้จักเจ้าของดี
๑๐. ถ้ามีแขกแปลกหน้ามา หมามันเห่า
๑๑. หมาออกลูกไม่ต้องมีแม่หมอ
๑๒. หมากินอาหารก้างไม่ติดคอ
๑๓. หมาไม่เคยห่มผ้า
๑๔. เวลานอนหมาไม่หนุนหมอน
๑๕. หมาไม่ต้องปูที่นอน
๑๖. หมากินข้าวแล้วไม่ต้องกินน้ำ
๑๗. หมาไม่ต้องคิดบุญคิดบาป
๑๘. หมานอนตากแดดได้นานถึง ๓ ชั่วโมง
๑๙. ไม่ถึงฤดูกาลไม่มีการสืบพันธุ์
๒๐. หมาตกน้ำไม่ตาย ว่ายน้ำได้เร็วกว่าคน

หลวงปู่ท่านบอกว่า คนเราหากไม่มีดีก็สู้สัตว์ไม่ได้
และจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนประพฤติถอยหลัง ไม่สมกับที่เกิดมาเป็นมนุษย์
หมาบางตัวที่เขาเลี้ยงไว้ มียศถึงนายพันเอกมีเงินเดือนหลายพันบาท
ใครจะว่าหมาไม่ดีก็ว่าไม่ได้ ลูกสาวคุณนายเลี้ยงมาแต่เล็กๆ หมดเงินเป็นแสน
เวลาโตขึ้นมาทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจ ต้องลำบาก เดือดร้อนเนรคุณก็มี เรื่องเช่นนี้ไม่มีในหมา

หลวงปู่ยกมงคลหมาขึ้นมาแสดง เพื่อให้เราเห็นเป็นเครื่องเปรียบเทียบว่า
คนเราถ้าไม่มีศีลธรรมก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์
เพราะมีการกิน การนอน การสืบพันธุ์ เหมือนกัน ก็เท่านั้น”

(เก็บมาฝากจาก "หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม พระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ในยุคปัจจุบัน"
โครงการหนังสือบูรพาจารย์เล่ม ๒ โดย รศ.ดร. ปฐมและ รศ. ภัทรา นิคมานนท์)


" พบเปรต 3 สาวงาม หลงกาเม "
โดย หลวงปู่จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย "

คืน วันหนึ่งตอน ๓ ทุ่ม ขณะที่ท่านพระอาจารย์จันทาเดินจงกรมอยู่ในป่าช้าแห่งนั้น บรรยากาศอันสงัดวิเวกวังเวงได้เย็นเยือกลง มีกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงลอยมาจนทำให้สะอึก ท่านคิดว่า ชาวบ้านฝังผีไม่ลึก ทำให้สุนัขมาขุดคุ้ยหลุมผี ลากเอาศพเน่าแล้วขึ้นมากิน กลิ่นศพเลยกระจายมาตามกระแสลม จึงสูดลมหายใจแรง ๆ เอากลิ่นศพเข้าปอด วิธีนี้จะทำให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับกลิ่นเหม็นได้สนิท ความเหม็นเน่าจะทุเลาลง วิธีนี้สัปเหร่อแนะนำให้ไว้
แล้วท่านก็เดินจงกรมต่อไปกำหนดพุทโธตามจังหวะย่างก้าวไม่นานจิตร่วมลงเกิดโอภาสสว่างจ้า

ใน แสงสว่างนั้น เห็นนิมิตเป็นหญิงสาว ๓ นาง ตัดผมสั้นคล้ายทรงผมผู้หญิงออกศึกสงครามสมัยโบราณ ผิวขาวร่างสูงใหญ่ ๘ ศอก สวยมาก แต่เปลือยกายล่อนจ้อน เข้ามาหยุดยืนห่างในระยะประมาณ ๒ วา ที่ของลับนางทั้ง ๓ มีหนอนตัวเท่านิ้วมือจำนวนมากมายเจาะอยู่ยุ่บยั่บน่าหวาดเสียว น้ำเหลืองน้ำหนองไหลพลั่ก ๆ ลงมาที่พื้นดินจิตบอกว่า นางทั้ง ๓ นี้เป็นเปรต !

นางเปรตทั้ง ๓ ได้เดินไปยืนคร่อมเครือเถาวัลย์ แล้วถูไปถูมาทำให้หนอนที่รุมเจาะของลับอยู่นั้นร่วงพรูลงมา เป็นภาพที่ทำให้สังเวชสลดใจยิ่งนัก ท่านพระอาจารย์จันทากำหนดจิตถามว่า

“ทำกรรมทำเวรอันใดไว้ถึงได้มาตกค้างอยู่ในสภาพนี้โยม?”

นางเปรตทั้ง ๓ ร้องเสียงดังโหยหวนไปทั้งป่าช้า ร่ำไห้น่าสงสาร กล่าวตอบว่า
“พวกข้าน้อยมีทุกข์ทรมานแสนสาหัสเหลือเกินท่านครูบาเอ๊ย ตั้งแต่สมัยตั้งเมืองนครพนมหลายร้อยปีนานมา

พวก ข้าน้อยเป็นสาวงาม เมื่อมีผัวแล้วก็เล่นชู้นอกใจผัว ไม่เลือกเป็นพระสงฆ์องค์เจ้าหรือฆราวาส ฝ่ายผัวรู้เข้าก็คับแค้นใจ สาปให้ตายไปเป็นเปรต ถูกฝูงหนอนรุมเจาะของลับเช่นนี้แหละ”
“อยากจะพ้นทุกข์นี้ไหมล่ะโยม ?”
“อยากพ้นเจ้าค่ะ แต่ไม่รู้จะพ้นได้อย่างไร ?”

ท่านพระ อาจารย์จันทาจึงกำหนดจิตถามพระธรรม ซึ่งก็คือ พุทโธหรือจิตนั่นเอง พระธรรมบอกว่า เปรต ๓ นางนี้เคยเป็นญาติกันมาในชาติก่อนหลายภพชาติ เคยช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกันมา สมควรจะช่วยเหลือพวกนางให้ไปเกิดในสุคติภูมิหลาย ภพชาติมาล้วนไม่มีพระสงฆ์องค์เจ้าองค์ใด สามารถช่วยเหลือเปรตทั้ง ๓ นางนี้ได้เลย เมื่อมาเจริญภาวนาในป่าช้าแห่งนี้แล้วจิตไม่สงบ เมื่อจิตไม่เป็นสมาธิก็ไม่สามารถมองเห็นเปรตทั้ง ๓ นางได้

ในชาติ ปัจจุบัน พระที่มาเจริญภาวนาในป่าช้านี้จำนวนหลายองค์ จิตไม่มั่นคง เพราะถูกพวกเปรตในป่าช้ารบกวน ก็หนีไปอยู่เสียที่อื่น ไม่ได้ช่วยให้พวกเปรตหลุดพ้นทุกข์ไปได้ รวมทั้งไม่ได้เกี่ยวเนื่องเป็นญาติกันด้วย

ท่านพระอาจารย์จันทา สังเวชสลดใจ บาปกรรมช่างร้ายแรงน่าสะพรึงกลัวนี่กระไร จึงบอกให้นางเปรตทั้ง ๓ ตั้งใจรับเอาพระไตรสรณคมน์และศีล ๕ แล้วจึงสอนให้เดินจงกรมภาวนาพุทโธสอนให้หัดไหว้พระสวดมนต์ กำชับให้เจริญภาวนาพุทโธ เอาพุทโธเป็นสรณะที่พึ่งอยู่ตลอดเวลาอย่าได้ขาด

“เมื่อชาวบ้านญาติโยมมาทำบุญสุนทานในวัด ก็ให้โยมทั้ง๓ ฟังเทศน์ฟังธรรมกับเขา รับเอาพระไตรสรณคมน์และศีล ๕ ศีล ๘ กับเขา

เผื่อ เขากรวดน้ำอุทิศกุศลให้เปรตขนก็โมทนายินดีรับเอากุศลนั้นด้วย จะได้หมดกรรมในเปรตวิสัยภูมิเร็วขึ้น” ท่านพระอาจารย์จันทากำชับนางเปรตทั้ง ๓
ท่านเล่าว่าต่อมาบางวันสงบ ๆ ในเวลากลางวัน จะได้ยินเสียงนางเปรตทั้ง ๓ กรีดร้องโหยหวนร่ำไรรำพันว่า

“เจ้าศีลเจ้าธรรมคูรบาเอ๊ย เมื่อไหร่หนอ พวกข้าน้อยจะพ้นจากเวรกรรมเสียที ทุกข์ยากเจ็บปวดแท้ น้อ”

บาง คืนเปรตก็ร้องคร่ำครวญน่าเวทนายิ่งนัก เวลาท่านเดินจงกรมตอนกลางวันกลางคืน นางเปรตและผีทั้งหลายในป่าช้าพากันนั่งเต็มไปหมดคอยรับเอาส่วนกุศลที่แผ่ให้ แล้วจึงไปภาวนาทำความเพียรช่วยตัวเอง

“ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าพระ กรรมฐานทุกองค์แม้จะได้ฌานสมาธิ แต่ก็ไม่ได้เห็นผีเห็นเปรตหรือเห็นเทวดาเหมือนกันหมดทุกองค์ พระกรรมฐานที่จะเห็นได้
ส่วนมาก เคยมีกรรมเก่าพัวพันกับผีสางเทวดาเหล่านั้นมาแล้วในชาติปางก่อน
อาตมาเกิดนิมิตในสมาธิเห็นพวกวิญญาณได้เห็นจะเนื่องจากอาตมาเคยมีกรรมพัวพันกับพวกเขามาก่อน ไม่ใช่อาตมาได้ตาทิพย์อะไรหรอกนะ ครูบาอาจารย์ยังได้สอนอีกว่า อำนาจสมาธิอาจสามารถทำให้เห็นอดีต เห็นปัจจุบัน เห็นอนาคต ได้
แต่ ถ้าผู้ได้สมาธิระดับนี้ใช้สอดส่องเพ่งมองอดีต ปัจจุบันและอนาคต เป็นการอวดตนหรือหวังลาภสักการะแล้ว ย่อมจะทำให้การก้าวหน้าทางโลกุตรธรรมหยุดชะงักลงอย่างหมดหวัง น่าสลดสังเวช ประดุจดอกไม้ยังไม่ทันได้บานขึ้นเต็มที่ก็พลันเหี่ยวแห้งร่วงโรยไปเสีย ไม่มีโอกาสได้กระจายกลิ่นหอมหวนทวนลมแม้แต่น้อย





ธมฺมกาโม ภวํ โหติ
ผู้ฝักใฝ่ในธรรม เป็นผู้เจริญ

ธมฺมเทสฺสิ ปราภโว
ผู้ชังธรรม เป็นผู้เสื่อม

นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี



"ทำบุญ" ทำได้ง่ายๆ
ขอเพียงเรามีใจศรัทธา

ใส่บารตรก็ได้บุญ
มีจิตอันเป็นกุศล ก็ได้บุญ
เห็นผู้อื่นทำความดี มีจิตร่วมอนุโมทนา
ก็ได้บุญ


" คู่มือ การดูแลพ่อ แม่ "

ตอนได้อ่านบทความนี้...
รู้สึกชอบมากๆ เราดูแลทุกอย่างที่เราคิดว่าสำคัญ ทั้ง คนรัก เพื่อนร่วมงาน บ้าน
พอร์ตการลงทุน ฯลฯ
แต่เราไม่ค่อยรู้จักวิธีดูแลคนที่รักเรา ... พ่อ แม่

" คู่มือ การดูแลพ่อ แม่ "

๑. ไม่ว่าเราจะโตแค่ไหน มีความรู้เยอะเพียงใด อายุ...ุก็ยังห่างกับพ่อแม่เท่าเดิม อย่าพยายามที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของท่าน
ถึงแม้จะเป็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นผลดีต่อโรคเลยก็ตาม เถียงกันไปเราจะเหนื่อยทั้งกายและปวดทั้งใจ
ให้ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในชีวิตท่านอย่างเนียนๆ วันหนึ่งที่พ่อแม่เห็นด้วยตัวเองว่า ทำแบบนี้แล้วสบายตัวขึ้น ท่านจะยอมทำเอง
. . . . . . . . . . . . . . . . .
๒. ดูแลพ่อแม่อย่างลูกพึงดู
ไม่ใช่อย่างผู้รู้ นักวิชาการ หรือผู้ปกครอง อย่าลืมว่าพ่อแม่ทุกคนต้องการความรัก ความอบอุ่น และความเคารพจากลูกมากกว่าอะไรทั้งหมด ถึงแม้บางท่านอาจจะแสดงออกในทางตรงกันข้ามก็ตาม
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๓. ไม่มีใครอยากเป็นคนป่วย อยากช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรืออยากเป็นคนแก่ที่สูญเสียความเคารพตัวเองและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
ข้อนี้คนเป็นลูกมักจะมองข้ามมากที่สุด ไม่ว่าท่านจะป่วยหรือแก่ขนาดไหนก็ตาม ท่านมีสิทธิเต็มที่ ที่จะได้รับการปฏิบัติต่อด้วยความเคารพ
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๔. อย่ายัดเยียดสิ่งที่เราเห็นว่า เหมาะที่สุดกับพ่อแม่ โดยท่านไม่เต็มใจ ถึงแม้มันจะเป็นสิ่งที่เลิศเหลือเกินในสายตาเรา หรือชาวโลกก็ตาม
อย่าบ่นว่า หาคนมาดูแลก็ไม่เอา ซื้อเตียงใหม่ให้ก็ไม่ชอบ ทำห้องให้ใหม่ก็ไม่ยอมอยู่ หมอที่เก่งกว่าตั้งเยอะ ก็ไม่ยอมเปลี่ยน ขอให้ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เมื่อความไว้เนื้อเชื่อใจเกิดขึ้น ผู้ใหญ่จะรับความหวังดีจากเราด้วยความเต็มใจเอง
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๕. การเปลี่ยนบทบาทจาก ผู้ถูกดูแล
มาเป็นผู้ดูแล ทั้งทางกาย ทางใจ ทางทุนทรัพย์ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่อาศัยเวลาและความเข้มแข็งมหาศาล อย่าโทษตัวเอง ถ้าพบว่ามันไม่ง่ายและท้อแท้
คิดถึงหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของพ่อแม่
แล้วจะพบว่าหัวใจของลูกที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนท่าน
ไม่ได้ยิ่งใหญ่น้อยไปกว่ากันเลย
. . . . . . . . . . . . . . . . .
๖. ถึงเวลาแล้ว ที่ต้องรู้เวลากิน นอน ขับถ่าย ความดัน ปริมาณอาหารและยา และการตอบสนองทั้งหมดต่อสิ่งเหล่านั้น
รวมทั้งเบอร์โรงพยาบาล หมอ และ ambulance เพราะเหตุฉุกเฉิน เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ข้อมูลยิ่งพร้อม การรักษาพยาบาลก็ยิ่งเป็นผลดี
. . . . . . . . . . . . . . . . .
๗. เป็นคนพาพ่อแม่ไปหาหมอทุกครั้ง แรกๆอาจได้รับการปฏิเสธไม่ให้ไปด้วย ให้พยายามแทรกซึมจนท่านชินที่มีเราไปอำนวยความสะดวก ที่สุดแล้วท่านจะรู้สึกชินกับความสบายนี้ และเปิดใจให้เราเป็นส่วนหนึ่งของการรักษา
. . . . . . . . . . . . . . . . .
๘. หากจะจ้างคนดูแล เราต้องแน่ใจที่สุดว่าเรามีเวลาในการดูแลการทำงานของเขาอย่างใกล้ชิด
คนดูแลไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่าเรา
และไม่ได้มีใจรักพ่อแม่เราอย่างที่เรามีแน่นอน
. . . . . . . . . . . . . ..
๙. จัดหาทุกอย่างที่พ่อแม่เคยชอบเคยใช้ แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ใช้แล้วก็ตาม เช่น เสื้อผ้าที่นานๆ จะมีโอกาสใส่สักครั้งหนึ่ง นอกจากท่านจะรู้สึกว่าเราเอาใจใส่แล้ว ท่านจะยังรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ไม่มีอะไรเสื่อมถอยจนด้อยค่า ใช้ของดีๆ สวยๆ ไม่ได้แล้ว คุณค่าทางใจแบบนี้ประมาณค่าไม่ได้เลย
. . . . . . . . . . . . . . . .
๑๐. แบ่งหน้าที่กันกับพี่น้อง หรือคนในครอบครัวให้ชัดเจน จะช่วยลดภาระทางกายและทางใจลงได้มาก อย่างน้อยที่สุด ก็ลดความตึงเครียดในครอบครัว รวมทั้งลดการดูแลซ้ำซ้อน เช่น การให้ยาซ้ำ อันอาจเป็นอันตรายได้
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๑๑. คุยทิศทางการรักษา และการดูแลกับคนในครอบครัวให้ชัดเจนก่อนคุยกับหมอ เมื่อหมอเสนอวิธีการรักษาอะไร อย่ากลัวที่จะถาม
หรือขอเวลาหมอหาข้อมูลเพิ่มเติม 2nd,3rd Opinion สำคัญเสมออย่าหลับหูหลับตาเชื่ออะไรที่ไม่เข้าใจ และก่อนตัดสินใจอะไรสำคัญๆ ทุกครั้ง อย่าลืมหาข้อมูลของแต่ละทิศทางและผลข้างเคียงประกอบการตัดสินใจด้วย
. . . . . . . . . . . . . . . .
๑๒. ถ้าคุยกับคนในครอบครัวไม่รู้เรื่อง ญาติที่ไกลออกไปหน่อยที่มีความเป็นกลาง จะช่วยไกล่เกลี่ยได้ดีมาก จำไว้เสมอว่าเราอาจเป็นคนที่คิดผิดเองก็ได้ และทิฏฐิมานะไม่เคยช่วยให้อะไรดีขึ้น
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
๑๓. เกิดอะไรผิดพลาด อย่ามัวแต่โทษตัวเองหรือปิดบังความจริง
ให้รีบแจ้งหมอแจ้งครอบครัว และช่วยกันแก้ไขปัญหา ทุกข้อมูลสำคัญกับการรักษาทั้งสิ้น





" อานิสงส์ของศีล 5 เมื่อรักษาได้ "

1. ทำให้อายุยืน ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน

2. ทรัพย์สมบัติที่อยู่ในความปกครอง มีความปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายมาราวี เบียดเบียนทำลาย

3. ระหว่าง ลูก หลาน สามี ภริยา อยู่ด้วยกันเป็นผาสุก ไม่มีผู้คอยล่วงล้ำ กล่ำกราย ต่างครองกันอยู่ด้วยความผาสุข

4. พูดอะไรมีผู้เคารพเชื่อถือ คำพูดมีเสน่ห์เป็นที่จับใจไพเราะ ด้วยสัตย์ ด้วยศีล

5. เป็นผู้มีสติปัญญาดีและเฉลียวฉลาด ไม่หลงหน้าหลงหลัง จับโน่นชนนี่ เหมือนคนบ้าคนบอหาสติไม่ได้ ผู้มีศีล เป็นผู้ปลูกและส่งเสริมสุขบนหัวใจคนและสัตว์ทั่วโลก ให้มีแต่ความอบอุ่นใจ ไม่เป็นที่ระแวงสงสัย ผู้ไม่มีศีลเป็นผู้ทำลายหัวใจคนและสัตว์ ให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า

คติธรรมคำสอนของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
คัดจากหนังสือ ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะ





“เราหยุดแล้ว แต่ท่านนั่นแหละที่ยังไม่หยุด"

องคุลิมารผู้หลงผิด รวบรวมนิ้วมือมนุษย์ที่ถูกตนประหารเอาไว้ได้แล้ว ๙๙๙ นิ้ว ขาดเพียงนิ้วเดียวก็จะครบหนึ่งพันตามคำสั่งของผู้เป็นอาจารย์

พระพุทธองค์ทรงทราบ..
ว่าอหิงสกะ กำลังจะกระทำมาตุฆาต จึงเสด็จสู่ป่าอันเป็นสถานที่ หลบซ่อนตัวขององคุลิมารโจร เมื่อองคุลิมารเห็น จึงถือดาบวิ่งไล่ตามด้วยความยินดี แต่ไม่ว่าจะพยายาม
วิ่งด้วยความรวดเร็วสักเพียงใด ก็ไม่อาจติดตามทันพระพุทธองค์ที่เดินอยู่ข้างหน้าด้วยอากัปกิริยาปกติมิได้เร่งร้อน ครั้นหมดกำลังลงจึงตะโกน

“สมณะหยุดก่อนหยุดก่อนสมณะ "

พระพุทธองค์ยังคงเสด็จพระดำเนินต่อไปและได้ตรัสตอบว่า...

“เราหยุดแล้ว แต่ท่านนั่นแหละที่ยังไม่หยุด"

“ดูก่อนอหิงสกะ !!
ที่เรากล่าวว่า เราหยุดแล้ว คือ
หยุดฆ่า
หยุดเบียดเบียน
หยุดแสวงหาในทางผิด
หยุดดำเนินไปในทางทุจริตทุกประการ

ดูก่อนอหิงสกะ !!
ที่เรากล่าวว่า ตัวท่านนั่นแหละที่ยังไม่หยุด เพราะยัง..
ไม่หยุดฆ่า
ไม่หยุดเบียดเบียน
ไม่หยุดแสวงหาในทางที่ผิด
ไม่หยุดดำเนินไปในทางทุจริต

"ในมือของท่านยังถือดาบอยู่ ไฉนท่านจึงกล่าวว่าหยุดแล้ว"






-ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่างานปิดทองฝังลูกนิมิต วัดแม่กะสี ต.แม่เป็น อ.แม่เป็น จ.นครสวรรค์
26 ธันวาคม 2558 ถึง 3 มกราคม 2558



ขอเชิญร่วมบุญสร้างสถานีวิทยุเสียงธรรมโคกสมบัติ
ณ สำนักสงฆ์บ้านโคกสมบัติ ต.สังขะ อ.สังขะ จ.สุรินทร์



ชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน ม.ธรรมศาสตร์
จัดค่ายปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ "ตามรอยธรรม ย้ำรอยครู" ครั้งที่ 7
ระหว่างวันที่ 5-13 มกราคม 2559
ณ วัดป่าภูผาผึ่ง จังหวัดกาฬสินธุ์
ท่านสามารถร่วมบริจาคเงินค่ารถ ค่าอาหาร ได้ที่
ธ.กรุงไทย สาขา มธ.ศูนย์รังสิต
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 475-0-75995-3
ชื่อบัญชี น.ส.ทิพวรรณ กุสะรัมย์
ปิดรับบริจาควันที่ 4 มกราคม 2559
การรับบริจาคครั้งนี้ทางวัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น การรับบริจาคทำในนามชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย เงินบริจาคจะนำไปใช้เป็นค่ารถ ค่าอาหาร ส่วนที่เหลือจะบริจาคให้วัดทั้งหมด


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 137 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร