ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

การบรรลุธรรมโดยการปฏิบัติสมถะวิปัสสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50291
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  bigtoo [ 16 มิ.ย. 2015, 19:06 ]
หัวข้อกระทู้:  การบรรลุธรรมโดยการปฏิบัติสมถะวิปัสสนา

[๓๖๕] พ. ดีละ ดีละ อนุรุทธ ก็เมื่อพวกเธอเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร
ส่งตนไปอยู่อย่างนี้ คุณวิเศษคือญาณทัสสนะอันสามารถกระทำความเป็นพระอริยะ อันยิ่งกว่า
ธรรมของมนุษย์ ซึ่งเป็นเครื่องอยู่สำราญ ที่พวกเธอได้บรรลุแล้ว มีอยู่หรือ?
อ. เพราะเหตุอะไรเล่า จะไม่พึงมี พระพุทธเจ้าข้า ขอประทานพระวโรกาส พวกข้าพระ
องค์หวังอยู่เพียงว่า พวกเราสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร
มีปีติและสุข เกิดแต่วิเวกอยู่ เมื่อพวกข้าพระองค์เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปอยู่
คุณวิเศษคือญาณทัสสนะอันสามารถกระทำความเป็นพระอริยะ อันยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์ ซึ่งเป็น
เครื่องอยู่สำราญนี้แล พวกข้าพระองค์ได้บรรลุแล้ว.
พ. ดีละ ดีละ อนุรุทธ ก็คุณวิเศษคือญาณทัสสนะอันสามารถกระทำความเป็นพระ
อริยะ อันยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์ ซึ่งเป็นเครื่องอยู่สำราญที่พวกเธอได้บรรลุแล้ว เพื่อความก้าวล่วง
เพื่อความระงับ แห่งธรรมเป็นเครื่องอยู่อันนี้ อย่างอื่นมีอยู่หรือ?
อ. เพราะเหตุอะไรเล่า จะไม่พึงมี พระพุทธเจ้าข้า พวกข้าพระองค์หวังอยู่เพียงว่า
พวกเราบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตกวิจาร
สงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปิติและสุขอันเกิดแต่สมาธิอยู่ อันนี้ได้แก่คุณวิเศษคือญาณทัสสนะ
อันสามารถกระทำความเป็นพระอริยะ
อันยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์ ซึ่งเป็นเครื่องอยู่สำราญ เพื่อ
ความก้าวล่วง เพื่อความระงับ แห่งธรรมเป็นเครื่องอยู่อันนี้อย่างอื่น.

พ. ดีละ ดีละ อนุรุทธ ก็คุณวิเศษคือญาณทัสสนะอันสามารถกระทำความเป็นพระ
อริยะ ... อย่างอื่นมีอยู่หรือ?
อ. เพราะเหตุอะไรเล่า จะไม่พึงมี พระพุทธเจ้าข้า พวกข้าพระองค์หวังอยู่เพียงว่า
พวกเรามีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่
พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข อันนี้ได้แก่
คุณวิเศษ คือญาณทัสสนะ อันสามารถกระทำความเป็นพระอริยะ ... อย่างอื่น
.
พ. ดีละ ดีละ อนุรุทธ ก็คุณวิเศษคือญาณทัสสนะอันสามารถกระทำความเป็นพระ
อริยะ ... อย่างอื่นมีอยู่หรือ?
อ. เพราะเหตุอะไรเล่า จะไม่พึงมี พระพุทธเจ้าข้า พวกข้าพระองค์หวังอยู่เพียงว่า
พวกเราบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ
ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ อันนี้ได้แก่คุณวิเศษคือญาณทัสสนะอันสามารถกระทำ
ความเป็นพระอริยะ ..
. อย่างอื่น.
พ. ดีละ ดีละ อนุรุทธ ก็คุณวิเศษคือญาณทัสสนะอันสามารถกระทำความเป็นพระ
อริยะ อย่างอื่นมีอยู่หรือ?
อ. เพราะเหตุอะไรเล่า จะไม่พึงมี พระพุทธเจ้าข้า พวกข้าพระองค์หวังอยู่เพียงว่า
เพราะล่วงเสียซึ่งรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง เพราะปฏิฆสัญญาดับไป เพราะไม่ใส่ใจซึ่งนานัตต
สัญญา พวกเราบรรลุอากาสานัญจายตนฌานด้วยพิจารณาว่า อากาศหาที่สุดมิได้ ดังนี้อยู่ อันนี้
ได้แก่คุณวิเศษคือญาณทัสสนะอันสามารถกระทำความเป็นพระอริยะ ... อย่างอื่น.
พ. ดีละ ดีละ อนุรุทธ ก็คุณวิเศษคือญาณทัสสนะอันสามารถกระทำความเป็นพระ
อริยะ ... อย่างอื่นมีอยู่หรือ?
อ. เพราะเหตุอะไรเล่า จะไม่พึงมี พระพุทธเจ้าข้า พวกข้าพระองค์หวังอยู่เพียงว่า
เพราะล่วงเสียซึ่งอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง พวกเราบรรลุวิญญาณัญจายตนฌาน ด้วย
พิจารณาว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้ ดังนี้อยู่ อันนี้ได้แก่คุณวิเศษคือญาณทัสสนะอันสามารถกระทำความความเป็นพระอริยะ อย่างอื่น.
พ. ดีละ ดีละ อนุรุทธ ก็คุณวิเศษคือญาณทัสสนะอันสามารถกระทำความเป็นพระ
อริยะ ... อย่างอื่นมีอยู่หรือ
อ. เพราะเหตุอะไรเล่า จะไม่พึงมี พระพุทธเจ้าข้า พวกข้าพระองค์หวังอยู่เพียงว่า
เพราะล่วงเสียงซึ่งวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง พวกเราบรรลุอากิญจัญญายตนฌาน
ด้วยพิจารณาว่า น้อยหนึ่งไม่มี ดังนี้อยู่ อันนี้ได้แก่คุณวิเศษคือญาณทัสสนะอันสามารถกระทำ
ความเป็นพระอริยะ ..
. อย่างอื่น.
พ. ดีละ ดีละ อนุรุทธ ก็คุณวิเศษคือญาณทัสสนะอันสามารถกระทำความเป็นพระ
อริยะ ... อย่างอื่นมีอยู่หรือ?
อ. เพราะเหตุอะไรเล่า จะไม่พึงมี พระพุทธเจ้าข้า พวกข้าพระองค์หวังอยู่เพียงว่า
เพราะล่วงเสียซึ่งอากิญจัญญายตนะโดยประการทั้งปวง พวกเราบรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนญาน
อยู่ อันนี้ได้แก่คุณวิเศษคือญาณทัสสนะอันสามารถกระทำความเป็นพระอริยะ ... อย่างอื่น.
พ. ดีละ ดีละ อนุรุทธ ก็คุณวิเศษคือญาณทัสสนะอันสามารถกระทำความเป็นพระ
อริยะ อันยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์ ซึ่งเป็นเครื่องอยู่สำราญที่พวกเธอได้บรรลุแล้ว เพื่อความก้าวล่วง
เพื่อความระงับ แห่งธรรมเป็นเครื่องอยู่อันนี้ อย่างอื่นมีอยู่หรือ?
อ. เพราะเหตุอะไรเล่า จะไม่พึงมี พระพุทธเจ้าข้า พวกข้าพระองค์หวังอยู่เพียงว่า
เพราะล่วงเสียซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง พวกเราบรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่
เพราะเห็นแม้ด้วยปัญญา อาสวะของท่านผู้นั้นย่อมหมดสิ้นไป อันนี้ได้แก่คุณวิเศษคือญาณทัสสนะ
อันสามารถกระทำความเป็นพระอริยะ อันยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์ ซึ่งเป็นเครื่องอยู่สำราญอย่างอื่น
เพื่อความก้าวล่วง เพื่อความระงับ แห่
งธรรมเป็นเครื่องอยู่อันนี้ ได้บรรลุแล้ว พระพุทธเจ้าข้า
อนึ่ง พวกข้าพระองค์ยังไม่พิจารณาเห็นธรรมเป็นเครื่องอยู่สำราญอย่างอื่น ที่ยิ่งกว่า หรือประณีต
กว่า ธรรมเป็นเครื่องอยู่สำราญอันนี้.
พ. ดีละ ดีละ อนุรุทธ ธรรมเป็นเครื่องอยู่สำราญอย่างอื่น ที่ยิ่งกว่า หรือประณีตกว่า
ธรรมเป็นเครื่องอยู่สำราญอันนี้หามีไม่.


จะเห็นได้ว่าความเป็นอริยะนั้นฌานที่1-8นั้นเป็นเพียงการเป็นอริยะ ไม่มีพยัญชนะว่าทำอาสวะให้สิ้นไป. ส่วนสัญญาเวทยิตนิโรธนั้นคือมีการทำอาสวะให้สินไปหมดไปในฌานที่9.ดูตรงตัวแดงนะครับ นี่แหล่ะครับที่เรียกว่าสมถะวิปัสนา

เจ้าของ:  asoka [ 16 มิ.ย. 2015, 19:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การบรรลุธรรมโดยการปฎิบัติสมถะวิปัสนา

s006
อ้างคำพูด:
จะเห็นได้ว่าความเป็นอริยะนั้นฌานที่1-8นั้นเป็นเพียงการเป็นอริยะ. ส่วนสัญญาเวทยิตนิโรธนั้นคือการทำอาสวะให้สินไปหมดไปในฌานที่9. นี่แหล่ะครับที่เรียกว่าสมถะวิปัสสนา

เฉพาะท่อนนี้คุณ bigtoo สรุปเอาเองแล้วดึงมาสนับสนุนความคิดเห็นของตนเองหรือเปล่าครับ

เพราะวิปัสสนาปัญญาเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ฌาณที่ 1 ซึ่งสามารถน้อมไปใช้เจริญวิปัสสนาให้บรรลุธรรมได้ตั้งแต่ชั้น โสดาบัน ถึงอรหันต์ทำอาสวะให้สิ้นไปได้เช่นเดียวกับ ฌาณที่ 8 ที่ 9
s004

ไฟล์แนป:
IMG_201504030219.jpg
IMG_201504030219.jpg [ 30.46 KiB | เปิดดู 2944 ครั้ง ]

เจ้าของ:  bigtoo [ 16 มิ.ย. 2015, 19:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การบรรลุธรรมโดยการปฎิบัติสมถะวิปัสนา

asoka เขียน:
s006
อ้างคำพูด:
จะเห็นได้ว่าความเป็นอริยะนั้นฌานที่1-8นั้นเป็นเพียงการเป็นอริยะ. ส่วนสัญญาเวทยิตนิโรธนั้นคือการทำอาสวะให้สินไปหมดไปในฌานที่9. นี่แหล่ะครับที่เรียกว่าสมถะวิปัสสนา

เฉพาะท่อนนี้คุณ bigtoo สรุปเอาเองแล้วดึงมาสนับสนุนความคิดเห็นของตนเองหรือเปล่าครับ

เพราะวิปัสสนาปัญญาเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ฌาณที่ 1 ซึ่งสามารถน้อมไปใช้เจริญวิปัสสนาให้บรรลุธรรมได้ตั้งแต่ชั้น โสดาบัน ถึงอรหันต์ทำอาสวะให้สิ้นไปได้เช่นเดียวกับ ฌาณที่ 8 ที่ 9
s004
ป่าวเลยครับ. ท่านลองงอ่านดูตามพยัญชนะ ตั้งแต่ฌานที่1-8. มีแต่การบรรลุอริยะ........ซึ่งน่าจะหมายความว่าอริยะขั้นโสดาบันถึงอนาคามี พอมาถึงสัญญาเวทยิตนิโรจ. จะมีพยัญชนะเพิ่มคือ ทำอาสวะให้หมดสิ้นไปเป็นอริยะ ท่านลองอ่านดูได้ครับ ผมวินิจฉัยตามพยัญชนะ. และมีครั้งนึงนะครับทานอโศกะ. ผมเคยนั่งฟังพระพุทธเจ้าคุยกับพระอานนท์ว่าท่านดับอาสวะที่สัญญาเวทยิตนิโรจ (ได้ยินขัดเจนแต่ผมพยามหาพระสูตรแต่ยังไม่เจอ เพราะsearchคำว่าสัญญวเวทยิตนิโรธแล้วขึ้นมาเยอะมากหาไม่เจอ. แต่ขอยืนยันว่าได้ยินจริงเพราะตั้งใจฟังมากๆครับ)

เจ้าของ:  asoka [ 16 มิ.ย. 2015, 20:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การบรรลุธรรมโดยการปฎิบัติสมถะวิปัสนา

s004
ถ้ามีปัญหาที่ไม่มีพุทธวัจจนะรับรองไว้ในคัมภีร์เราพึงเอาธรรมเป็นหลักในการพิจารณา
onion
คุณBIGTOOสรุปเอาเองหรือเปล่าว่า พระอรหันต์ทุกพระองค์จะต้องสำเร็จผ่านญาณที่ 9 คือเข้าเนวสัญญานาสัญญาตนะแล้วประหารสังโยชน์ที่เหลืออีก 5 ตัว

ถ้าตัดสินเอาอย่างนี้พระอรหันต์สุขวิปัสสโก ตามที่มีกล่าวไว้ในคัมภีร์ก็ไม่น่าจะมีนะครับ
:b8:

ไฟล์แนป:
IMG_2015040332674.jpg
IMG_2015040332674.jpg [ 34.32 KiB | เปิดดู 2934 ครั้ง ]

เจ้าของ:  bigtoo [ 16 มิ.ย. 2015, 20:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การบรรลุธรรมโดยการปฎิบัติสมถะวิปัสนา

asoka เขียน:
ถ้ามีปัญหาที่ไม่มีพุทธวัจจนะรับรองไว้ในคัมภีร์เราพึงเอาธรรมเป็นหลักในการพิจารณา
onion
คุณBIGTOOสรุปเอาเองหรือเปล่าว่า พระอรหันต์ทุกพระองค์จะต้องสำเร็จผ่านญาณที่ 9 คือเข้าเนวสัญญานาสัญญาตนะแล้วประหารสังโยชน์ที่เหลืออีก 5 ตัว

ถ้าตัดสินเอาอย่างนี้พระอรหันต์สุขวิปัสสโก ตามที่มีกล่าวไว้ในคัมภีร์ก็ไม่น่าจะมีนะครับ
:b8:
ก็ไม่ได้สรุปเอาอย่างนั้นหรอกเพียงแต่มีพระสูตรนี้ว่าสำเร็จที่ตรงนี้. ส่วนที่ว่าพระอรหันต์สุขวิปัสสโก ผมคิดว่าอาจจะต้องผ่านตรงนี้เพราะตรงนี้ดับจิตสังขาร. แต่ท่านไม่ได้ความวสีอาจเพียงผ่านมาชั่วขณะที่ตัดอาสวะ.แต่อาจเข้าไม่ได้อีกเลย นี้คือการวินิตฉัยไม่ยืนยัน แต่ส่วนตัวคิดว่าอย่างนั้น เพราะสัญญาเวทยิตนิโรจคือที่ดับจิตสังขาร. ถ้าไม่ผ่าด่านนี้พระอรหันต์ทุกประเภทจะดับติตสังขารได้อย่างไร. นี้คือประเด็นที่ผมคิด. ส่วนจะเป็นจริงอย่างไรตอบไม่ได้จริงๆครับท่าน

เจ้าของ:  eragon_joe [ 16 มิ.ย. 2015, 21:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การบรรลุธรรมโดยการปฏิบัติสมถะวิปัสสนา

:b1: :b1: :b1:

เข้าใจถาม ในสิ่งที่ ... :b32:

เจ้าของ:  eragon_joe [ 16 มิ.ย. 2015, 21:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การบรรลุธรรมโดยการปฎิบัติสมถะวิปัสนา

asoka เขียน:
s004
ถ้ามีปัญหาที่ไม่มีพุทธวัจจนะรับรองไว้ในคัมภีร์เราพึงเอาธรรมเป็นหลักในการพิจารณา
onion
คุณBIGTOOสรุปเอาเองหรือเปล่าว่า พระอรหันต์ทุกพระองค์จะต้องสำเร็จผ่านญาณที่ 9 คือเข้าเนวสัญญานาสัญญาตนะแล้วประหารสังโยชน์ที่เหลืออีก 5 ตัว

ถ้าตัดสินเอาอย่างนี้พระอรหันต์สุขวิปัสสโก ตามที่มีกล่าวไว้ในคัมภีร์ก็ไม่น่าจะมีนะครับ
:b8:


:b1:

ก็จะไปรู้ว่าอาสวะดับได้ยังไงล่ะ ถ้าไม่เข้าสัญญาเวทยิตนิโรจ

แยก คิด กับ รู้ ให้ออกนะ

คิด ก็คือ คิด

รู้ ก็คือ รู้

:b1:

เจ้าของ:  student [ 17 มิ.ย. 2015, 01:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การบรรลุธรรมโดยการปฏิบัติสมถะวิปัสสนา

อ้างคำพูด:
[๓๖๕] พ. ดีละ ดีละ อนุรุทธ ก็เมื่อพวกเธอเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร


ก่อนจะขึ้นญาณต่างๆตามลำดับ

ต้องทำตัวเป็นผู้ไม่ประมาท

และทำความเพียรให้เกิดครับ

ผู้ไม่ประมาทแปลว่าอะไร เช่น ไม่ประมาทในขันธ์5 ไม่ประมาทในธรรม(ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา)มีความเห็นถูก(มรรค8) และอื่นๆ

ความเพียรแปลว่าอะไร? ไม่ใช่นั่งหลับตา แล้วเรียกว่าตนเองมีความเพียรส่งตน

ความเพียรมีความหมายลึกซึ้งมาก

เอา2อย่างนี้ให้ผ่านก่อนครับ ก่อนจะก้าวไปสู่ญาณทัศนะ

เจ้าของ:  student [ 17 มิ.ย. 2015, 01:57 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การบรรลุธรรมโดยการปฏิบัติสมถะวิปัสสนา

พระสูตรนี้ก็เป็นเรื่องศีล สมาธิ ปัญญาอยู่แล้ว

ไม่ใช่แค่สมถะวิปัสสนา เพราะเป็นการลำดับพระอภิธรรม โดยมีเหตุของธรรมคือ "เป็นผู้ไม่ประมาท และ มีความเพียร"

อย่าลืมนะครับ ความเพียรไม่ได้แปลว่านั่งหลับตาเฉยๆ

เจ้าของ:  bigtoo [ 17 มิ.ย. 2015, 07:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การบรรลุธรรมโดยการปฏิบัติสมถะวิปัสสนา

พระสูตรนี้จะสอดคล้องกับกายคตาสติ และอานาปานสติสูตร เพียงมีสติอยู่กับลมหายใจ ละความเพลิน เมื่อจิตไปคิดสิ่งไหน เพียงกลับมาระลึกที่กาย พระองค์กล่าวว่านั้นแหล่ะคือความเพียรที่ถูกต้อง ดั่งคำว่าผู้ใดบริโภคกายคตาสติผู้นั้นได่ชื่อว่าบริโภคอมตะธรรม. ฉนั้นแล้วการปฎิบัติสมถะวิปัสนาจึงไม่ใช่การนั่งหลับตาเฉยๆ. เพราะสติระลึกตรงลักษณะความเป็นจริง แต่สมถะนั้นเป็นตัวนำเข้าไปสู่ความจริงที่ละเอียดกว่าจนกระทั้งถึงความจริงละเอียดสูงสุด สังขารทั้งหลายดับลงตรงนี้ เมื่อสังขารดับไล่สายปฎิจสมุปบาท ทุกอย่างก็ดับ ความจริงก็ปรากฎ อวิชาก็หมดไป เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา ส่วนความเพียรด้านอื่นๆนั้นเป็นเพียงการเพื่อป้องกันอกุศลไม่ให้มีกำลังเท่านั้น ก็เป็นส่วนดี

เจ้าของ:  walaiporn [ 17 มิ.ย. 2015, 08:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การบรรลุธรรมโดยการปฏิบัติสมถะวิปัสสนา

student เขียน:
อ้างคำพูด:
[๓๖๕] พ. ดีละ ดีละ อนุรุทธ ก็เมื่อพวกเธอเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร


ก่อนจะขึ้นญาณต่างๆตามลำดับ

ต้องทำตัวเป็นผู้ไม่ประมาท

และทำความเพียรให้เกิดครับ

ผู้ไม่ประมาทแปลว่าอะไร เช่น ไม่ประมาทในขันธ์5 ไม่ประมาทในธรรม(ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา)มีความเห็นถูก(มรรค8) และอื่นๆ

ความเพียรแปลว่าอะไร? ไม่ใช่นั่งหลับตา แล้วเรียกว่าตนเองมีความเพียรส่งตน

ความเพียรมีความหมายลึกซึ้งมาก

เอา2อย่างนี้ให้ผ่านก่อนครับ ก่อนจะก้าวไปสู่ญาณทัศนะ







"ผู้ไม่ประมาทแปลว่าอะไร เช่น ไม่ประมาทในขันธ์5 ไม่ประมาทในธรรม(ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา)มีความเห็นถูก(มรรค8) และอื่นๆ"


อันนี้ไม่จริงหรอกนะ คนที่ไม่รู้หนังสือ ไม่รู้คำเรียกเหล่านี้ เป็นผู้ไม่ประมาท ก็มีอยู่
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการมีกัลยาณมิตรด้วยและการทำความเพียรของตนด้วย
ไปหาอ่านดู หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล






"ไม่ใช่นั่งหลับตา แล้วเรียกว่าตนเองมีความเพียรส่งตน"


นั่งหลับตาในที่นี้ คือการนั่งหลับตาแบบไหนล่ะคะ?

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 17 มิ.ย. 2015, 08:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การบรรลุธรรมโดยการปฏิบัติสมถะวิปัสสนา

walaiporn เขียน:
student เขียน:
อ้างคำพูด:
[๓๖๕] พ. ดีละ ดีละ อนุรุทธ ก็เมื่อพวกเธอเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร


ก่อนจะขึ้นญาณต่างๆตามลำดับ

ต้องทำตัวเป็นผู้ไม่ประมาท

และทำความเพียรให้เกิดครับ

ผู้ไม่ประมาทแปลว่าอะไร เช่น ไม่ประมาทในขันธ์5 ไม่ประมาทในธรรม(ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา)มีความเห็นถูก(มรรค8) และอื่นๆ

ความเพียรแปลว่าอะไร? ไม่ใช่นั่งหลับตา แล้วเรียกว่าตนเองมีความเพียรส่งตน

ความเพียรมีความหมายลึกซึ้งมาก

เอา2อย่างนี้ให้ผ่านก่อนครับ ก่อนจะก้าวไปสู่ญาณทัศนะ







"ผู้ไม่ประมาทแปลว่าอะไร เช่น ไม่ประมาทในขันธ์5 ไม่ประมาทในธรรม(ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา)มีความเห็นถูก(มรรค8) และอื่นๆ"


อันนี้ไม่จริงหรอกนะ คนที่ไม่รู้หนังสือ ไม่รู้คำเรียกเหล่านี้ เป็นผู้ไม่ประมาท ก็มีอยู่
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการมีกัลยาณมิตรด้วยและการทำความเพียรของตนด้วย
ไปหาอ่านดู หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล






"ไม่ใช่นั่งหลับตา แล้วเรียกว่าตนเองมีความเพียรส่งตน"


นั่งหลับตาในที่นี้ คือการนั่งหลับตาแบบไหนล่ะคะ?


:b34: แบบ ผัสสะ

เจ้าของ:  student [ 17 มิ.ย. 2015, 13:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การบรรลุธรรมโดยการปฏิบัติสมถะวิปัสสนา

walaiporn เขียน:
student เขียน:
อ้างคำพูด:
[๓๖๕] พ. ดีละ ดีละ อนุรุทธ ก็เมื่อพวกเธอเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร


ก่อนจะขึ้นญาณต่างๆตามลำดับ

ต้องทำตัวเป็นผู้ไม่ประมาท

และทำความเพียรให้เกิดครับ

ผู้ไม่ประมาทแปลว่าอะไร เช่น ไม่ประมาทในขันธ์5 ไม่ประมาทในธรรม(ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา)มีความเห็นถูก(มรรค8) และอื่นๆ

ความเพียรแปลว่าอะไร? ไม่ใช่นั่งหลับตา แล้วเรียกว่าตนเองมีความเพียรส่งตน

ความเพียรมีความหมายลึกซึ้งมาก

เอา2อย่างนี้ให้ผ่านก่อนครับ ก่อนจะก้าวไปสู่ญาณทัศนะ







"ผู้ไม่ประมาทแปลว่าอะไร เช่น ไม่ประมาทในขันธ์5 ไม่ประมาทในธรรม(ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา)มีความเห็นถูก(มรรค8) และอื่นๆ"


อันนี้ไม่จริงหรอกนะ คนที่ไม่รู้หนังสือ ไม่รู้คำเรียกเหล่านี้ เป็นผู้ไม่ประมาท ก็มีอยู่
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการมีกัลยาณมิตรด้วยและการทำความเพียรของตนด้วย
ไปหาอ่านดู หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล






"ไม่ใช่นั่งหลับตา แล้วเรียกว่าตนเองมีความเพียรส่งตน"


นั่งหลับตาในที่นี้ คือการนั่งหลับตาแบบไหนล่ะคะ?


นั่งหลับตาโดยไม่ได้กำหนดรู้อะไรเลย นั่นแหละครับ

ไม่เคยอ่านครับ คุณ walaporn ลองยกตัวอย่างข้อความของหลวงพ่อให้ทุกท่านในที่นี้ได้อ่านก็ขอ อนุโมทนาครับ

เจ้าของ:  walaiporn [ 17 มิ.ย. 2015, 13:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การบรรลุธรรมโดยการปฏิบัติสมถะวิปัสสนา

student เขียน:
walaiporn เขียน:
student เขียน:
อ้างคำพูด:
[๓๖๕] พ. ดีละ ดีละ อนุรุทธ ก็เมื่อพวกเธอเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร


ก่อนจะขึ้นญาณต่างๆตามลำดับ

ต้องทำตัวเป็นผู้ไม่ประมาท

และทำความเพียรให้เกิดครับ

ผู้ไม่ประมาทแปลว่าอะไร เช่น ไม่ประมาทในขันธ์5 ไม่ประมาทในธรรม(ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา)มีความเห็นถูก(มรรค8) และอื่นๆ

ความเพียรแปลว่าอะไร? ไม่ใช่นั่งหลับตา แล้วเรียกว่าตนเองมีความเพียรส่งตน

ความเพียรมีความหมายลึกซึ้งมาก

เอา2อย่างนี้ให้ผ่านก่อนครับ ก่อนจะก้าวไปสู่ญาณทัศนะ







"ผู้ไม่ประมาทแปลว่าอะไร เช่น ไม่ประมาทในขันธ์5 ไม่ประมาทในธรรม(ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา)มีความเห็นถูก(มรรค8) และอื่นๆ"


อันนี้ไม่จริงหรอกนะ คนที่ไม่รู้หนังสือ ไม่รู้คำเรียกเหล่านี้ เป็นผู้ไม่ประมาท ก็มีอยู่
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการมีกัลยาณมิตรด้วยและการทำความเพียรของตนด้วย
ไปหาอ่านดู หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล






"ไม่ใช่นั่งหลับตา แล้วเรียกว่าตนเองมีความเพียรส่งตน"


นั่งหลับตาในที่นี้ คือการนั่งหลับตาแบบไหนล่ะคะ?


นั่งหลับตาโดยไม่ได้กำหนดรู้อะไรเลย นั่นแหละครับ

ไม่เคยอ่านครับ คุณ walaporn ลองยกตัวอย่างข้อความของหลวงพ่อให้ทุกท่านในที่นี้ได้อ่านก็ขอ อนุโมทนาครับ









https://www.youtube.com/watch?v=YFUztvh ... 4F04FFFAEA

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/