ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

งานรักศรัทธาตถาคตครั้งที่ 3
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50250
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  bigtoo [ 11 มิ.ย. 2015, 21:02 ]
หัวข้อกระทู้:  งานรักศรัทธาตถาคตครั้งที่ 3


เจ้าของ:  bigtoo [ 03 ก.ค. 2015, 07:35 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: งานรักศรัทธาตถาคตครั้งที่ 3

bigtoo เขียน:
กระทู้นี้มีค่าเป็น0ไม่เหมือนขายขนมเนาะ. ว่าไงกบ

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 03 ก.ค. 2015, 10:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: งานรักศรัทธาตถาคตครั้งที่ 3

:b32: :b32: :b32:
กระทู้นี้มีค่าเป็น 0 ไม่เหมือนขายขนมเน๊าะ..

อิอิ...ผู้ชายอ่าราย..ขี้งอน..ตุ๊ปป่อง..ตุ๊ปป่อง...ไปได้...

:b9:

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 03 ก.ค. 2015, 10:57 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: งานรักศรัทธาตถาคตครั้งที่ 3

ศึกษาธรรมะต้องศึกษาให้หมดค่า หาค่าไม่ได้

เจ้าของ:  student [ 03 ก.ค. 2015, 11:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: งานรักศรัทธาตถาคตครั้งที่ 3

อนุโมทนาครับ

ที่สงสัยระหว่างดูไปเรื่อยๆคือ บัว 3เหล่า

ที่เรารู้ๆกันคือบัว4เหล่า

อย่างไรก็ตามแต่

หม่ว่าเราจะยึดอะไรเป็นหลัก พุทธวัจนะ หรือ พุทธพจน์ คำสอนในรูปแบบใดก็ตามแต่

พระธรรมจะเป็นตัวแทนแห่งเราสืบไปในความหมายของพระพุทธเจ้านั้น ความเห็นเราคือ ธรรมะ สัจธรรม จนถึงพระนิพพานอารมณ์ คือตัวแทนของพระศาสดา ไม่ได้หมายถึงแค่พุทธวัจนะเท่านั้น

เจ้าของ:  bigtoo [ 03 ก.ค. 2015, 11:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: งานรักศรัทธาตถาคตครั้งที่ 3

กบนอกกะลา เขียน:
:b32: :b32: :b32:
กระทู้นี้มีค่าเป็น 0 ไม่เหมือนขายขนมเน๊าะ..

อิอิ...ผู้ชายอ่าราย..ขี้งอน..ตุ๊ปป่อง..ตุ๊ปป่อง...ไปได้...

:b9:
มันเห็นไส้นะกบ

เจ้าของ:  bigtoo [ 03 ก.ค. 2015, 11:58 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: งานรักศรัทธาตถาคตครั้งที่ 3

student เขียน:
อนุโมทนาครับ

ที่สงสัยระหว่างดูไปเรื่อยๆคือ บัว 3เหล่า

ที่เรารู้ๆกันคือบัว4เหล่า

อย่างไรก็ตามแต่

หม่ว่าเราจะยึดอะไรเป็นหลัก พุทธวัจนะ หรือ พุทธพจน์ คำสอนในรูปแบบใดก็ตามแต่

พระธรรมจะเป็นตัวแทนแห่งเราสืบไปในความหมายของพระพุทธเจ้านั้น ความเห็นเราคือ ธรรมะ สัจธรรม จนถึงพระนิพพานอารมณ์ คือตัวแทนของพระศาสดา ไม่ได้หมายถึงแค่พุทธวัจนะเท่านั้น
ไม่แค่พุทธวจนแล้วอะไรเพิ่มเติมอีกล่ะครับ พระองค์เป็นคนตรัสรู้

เจ้าของ:  student [ 03 ก.ค. 2015, 12:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: งานรักศรัทธาตถาคตครั้งที่ 3

bigtoo เขียน:
student เขียน:
อนุโมทนาครับ

ที่สงสัยระหว่างดูไปเรื่อยๆคือ บัว 3เหล่า

ที่เรารู้ๆกันคือบัว4เหล่า

อย่างไรก็ตามแต่

หม่ว่าเราจะยึดอะไรเป็นหลัก พุทธวัจนะ หรือ พุทธพจน์ คำสอนในรูปแบบใดก็ตามแต่

พระธรรมจะเป็นตัวแทนแห่งเราสืบไปในความหมายของพระพุทธเจ้านั้น ความเห็นเราคือ ธรรมะ สัจธรรม จนถึงพระนิพพานอารมณ์ คือตัวแทนของพระศาสดา ไม่ได้หมายถึงแค่พุทธวัจนะเท่านั้น
ไม่แค่พุทธวจนแล้วอะไรเพิ่มเติมอีกล่ะครับ พระองค์เป็นคนตรัสรู้


พระธรรม ความเห็นเราไม่ใช่แค่พุทธวัจนะ แต่หมายถึง ความจริงที่เราเข้าไปรู้ ไปประสบ ไปรู้ ธรรมะท่านแค่นำมาบอก เราต้องปฎิบัติเองให้รู้ จึงจะเรียกว่า พระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระองค์ครับ

เจ้าของ:  bigtoo [ 03 ก.ค. 2015, 12:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: งานรักศรัทธาตถาคตครั้งที่ 3

student เขียน:
bigtoo เขียน:
student เขียน:
อนุโมทนาครับ

ที่สงสัยระหว่างดูไปเรื่อยๆคือ บัว 3เหล่า

ที่เรารู้ๆกันคือบัว4เหล่า

อย่างไรก็ตามแต่

หม่ว่าเราจะยึดอะไรเป็นหลัก พุทธวัจนะ หรือ พุทธพจน์ คำสอนในรูปแบบใดก็ตามแต่

พระธรรมจะเป็นตัวแทนแห่งเราสืบไปในความหมายของพระพุทธเจ้านั้น ความเห็นเราคือ ธรรมะ สัจธรรม จนถึงพระนิพพานอารมณ์ คือตัวแทนของพระศาสดา ไม่ได้หมายถึงแค่พุทธวัจนะเท่านั้น
ไม่แค่พุทธวจนแล้วอะไรเพิ่มเติมอีกล่ะครับ พระองค์เป็นคนตรัสรู้


พระธรรม ความเห็นเราไม่ใช่แค่พุทธวัจนะ แต่หมายถึง ความจริงที่เราเข้าไปรู้ ไปประสบ ไปรู้ ธรรมะท่านแค่นำมาบอก เราต้องปฎิบัติเองให้รู้ จึงจะเรียกว่า พระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระองค์ครับ
เราเป็นเพียงผู้รู้ตาม ธรรมะทั้งหลายออกจากปากพระพุทธองค์

เจ้าของ:  bigtoo [ 03 ก.ค. 2015, 12:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: งานรักศรัทธาตถาคตครั้งที่ 3

กระทู้นี่จะเดือนแล้วนิ่งเป็น0ทั้งๆสำคัญมากเพราะเกี่ยวกับพุทธวจน. แต่ขายขนมแรงจริง. นี่หรือชาวพุทธ

เจ้าของ:  student [ 03 ก.ค. 2015, 12:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: งานรักศรัทธาตถาคตครั้งที่ 3

ความเห็นผมต้องครบองค์ครับคือ ปริยัติ ปฎิบัติ ปฎิเวท จึงจะเป็นพระธรรม หรือ ตัวแทนของพระองค์ครับ

เจ้าของ:  bigtoo [ 03 ก.ค. 2015, 13:00 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: งานรักศรัทธาตถาคตครั้งที่ 3

student เขียน:
ความเห็นผมต้องครบองค์ครับคือ ปริยัติ ปฎิบัติ ปฎิเวท จึงจะเป็นพระธรรม หรือ ตัวแทนของพระองค์ครับ

อึ้อ อันนี้ตรงตามพุทธวจน

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 05 ก.ค. 2015, 07:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: งานรักศรัทธาตถาคตครั้งที่ 3

สุตมยปัญญา....จินตมยปัญญา...ภาวนามยปัญญา

ปัญญา 2 แรก...เป็นความรู้ที่โลก ๆ เขาร่ำเรียนกัน...ยังออกจากทุกข์ไม่ได้...
อะไรก็แล้วแต่...เมื่อยังออกจากทุกข์ไม่ได้...ยังไม่พ้นโลก...ก็จัดเป็นโลกียะ

ภาวนามยปัญญา...เป็นปัญญาที่ต้องการ..ที่นำออกจากทุกข์ได้จริง....เข้าไปถึงธรรมแท้ได้จริง

แต่..พระธรรม..ก็อาศัย..การสุตตะ..การจินตะ...การภาวนา...จึงรวมเป็น 3 ขา...คือ..ไตรสิกขา..เพื่อการเข้าถึง

พระธรรม....คือ..ความจริงที่เที่ยงแท้แน่นอน...ของที่เป็นจริงทั้งหมด...ความจริงที่พระองค์กล่าว...เป็นหนึ่งในความจริงทั้งหมด...

คำที่พระองค์กล่าว...เป็นพระธรรม..อันนี้ไม่สงสัย
จะยึดเฉพาะคำที่พระองค์กล่าว...ก็ยังเป็นการยึดพระธรรม...ไม่เสียหาย
(แต่ยึดสิ่งใด..ในวาระสุดท้ายก็ต้องเป็นภาระปล่อยสิ่งนั้น..นะ)
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 269&Z=7283

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒
อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต


โคตมสูตร

[๕๖๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ โคตมกเจดีย์
ใกล้พระนครเวสาลี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายทูลรับสนองพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มี-
*พระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรารู้ด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว จึงแสดง
ธรรม ไม่รู้ไม่แสดง แสดงธรรมมีเหตุ ไม่ใช่แสดงธรรมไม่มีเหตุ แสดง
ธรรมมีปาฏิหาริย์ ไม่ใช่แสดงธรรมไม่มีปาฏิหาริย์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อ
เรารู้ด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว จึงแสดงธรรม ไม่รู้ไม่แสดง แสดงธรรมมีเหตุ
ไม่ใช่แสดงธรรมไม่มีเหตุ แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ ไม่ใช่แสดงธรรมไม่มีปาฏิหาริย์
ท่านทั้งหลายควรทำโอวาท ควรทำอนุสาสนี ก็แหละท่านทั้งหลายควรที่จะ
ยินดี ควรที่จะชื่นชม ควรที่จะโสมนัสว่า พระผู้มีพระภาคตรัสรู้เองโดยชอบ
พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว พระสงฆ์ปฏิบัติชอบแล้ว
พระผู้มี-
*พระภาคได้ตรัสคำไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว ภิกษุเหล่านั้นต่างชื่นชมยินดีภาษิต
ของพระผู้มีพระภาค ก็แหละเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ พัน
โลกธาตุได้หวั่นไหวแล้ว ฯ


แต่หากกล่าวว่า...พระธรรมความจริงมีเฉพาะที่พระองค์กล่าว....นี้..เข้าข่ายขัดแย้งกับพระพุทธเจ้า...คัดค้านกับคำสอน..เป็นมิจฉาทิฎฐิ...

student เขียน:

พระธรรม ความเห็นเราไม่ใช่แค่พุทธวัจนะ แต่หมายถึง ความจริงที่เราเข้าไปรู้ ไปประสบ ไปรู้ ธรรมะท่านแค่นำมาบอก เราต้องปฎิบัติเองให้รู้ จึงจะเรียกว่า พระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระองค์ครับ

:b8: :b8:

เจ้าของ:  bigtoo [ 05 ก.ค. 2015, 09:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: งานรักศรัทธาตถาคตครั้งที่ 3

กบนอกกะลา เขียน:
สุตมยปัญญา....จินตมยปัญญา...ภาวนามยปัญญา

ปัญญา 2 แรก...เป็นความรู้ที่โลก ๆ เขาร่ำเรียนกัน...ยังออกจากทุกข์ไม่ได้...
อะไรก็แล้วแต่...เมื่อยังออกจากทุกข์ไม่ได้...ยังไม่พ้นโลก...ก็จัดเป็นโลกียะ

ภาวนามยปัญญา...เป็นปัญญาที่ต้องการ..ที่นำออกจากทุกข์ได้จริง....เข้าไปถึงธรรมแท้ได้จริง

แต่..พระธรรม..ก็อาศัย..การสุตตะ..การจินตะ...การภาวนา...จึงรวมเป็น 3 ขา...คือ..ไตรสิกขา..เพื่อการเข้าถึง

พระธรรม....คือ..ความจริงที่เที่ยงแท้แน่นอน...ของที่เป็นจริงทั้งหมด...ความจริงที่พระองค์กล่าว...เป็นหนึ่งในความจริงทั้งหมด...

คำที่พระองค์กล่าว...เป็นพระธรรม..อันนี้ไม่สงสัย
จะยึดเฉพาะคำที่พระองค์กล่าว...ก็ยังเป็นการยึดพระธรรม...ไม่เสียหาย
(แต่ยึดสิ่งใด..ในวาระสุดท้ายก็ต้องเป็นภาระปล่อยสิ่งนั้น..นะ)
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 269&Z=7283

อ้างคำพูด:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒
อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต


โคตมสูตร

[๕๖๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ โคตมกเจดีย์
ใกล้พระนครเวสาลี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายทูลรับสนองพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มี-
*พระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรารู้ด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว จึงแสดง
ธรรม ไม่รู้ไม่แสดง แสดงธรรมมีเหตุ ไม่ใช่แสดงธรรมไม่มีเหตุ แสดง
ธรรมมีปาฏิหาริย์ ไม่ใช่แสดงธรรมไม่มีปาฏิหาริย์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อ
เรารู้ด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว จึงแสดงธรรม ไม่รู้ไม่แสดง แสดงธรรมมีเหตุ
ไม่ใช่แสดงธรรมไม่มีเหตุ แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ ไม่ใช่แสดงธรรมไม่มีปาฏิหาริย์
ท่านทั้งหลายควรทำโอวาท ควรทำอนุสาสนี ก็แหละท่านทั้งหลายควรที่จะ
ยินดี ควรที่จะชื่นชม ควรที่จะโสมนัสว่า พระผู้มีพระภาคตรัสรู้เองโดยชอบ
พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว พระสงฆ์ปฏิบัติชอบแล้ว
พระผู้มี-
*พระภาคได้ตรัสคำไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว ภิกษุเหล่านั้นต่างชื่นชมยินดีภาษิต
ของพระผู้มีพระภาค ก็แหละเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ พัน
โลกธาตุได้หวั่นไหวแล้ว ฯ


แต่หากกล่าวว่า...พระธรรมความจริงมีเฉพาะที่พระองค์กล่าว....นี้..เข้าข่ายขัดแย้งกับพระพุทธเจ้า...คัดค้านกับคำสอน..เป็นมิจฉาทิฎฐิ...

student เขียน:

พระธรรม ความเห็นเราไม่ใช่แค่พุทธวัจนะ แต่หมายถึง ความจริงที่เราเข้าไปรู้ ไปประสบ ไปรู้ ธรรมะท่านแค่นำมาบอก เราต้องปฎิบัติเองให้รู้ จึงจะเรียกว่า พระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระองค์ครับ

:b8: :b8:
กบจะรู้อะไรนอกเหนือจากพระองค์กล่าวล่ะครับ. เราเป็นผู้เดินตามมรรค ถึงกบจะบรรลุด้วยตัวเองแต่ความรู้ก็เป็นความรู้จากพระองค์กบอยู่ในยุคสาวกพุทธะนะครับ. เพียงรู้ตาม. กบจะบอกว่ามีสิ่งที่ตนเองรู้ขึ้นมาเองเหรอ. ยังศรัทธาไม่เพียงพอเหรอสำหรับคำว่าพระพุทธเจ้า

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 05 ก.ค. 2015, 09:51 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: งานรักศรัทธาตถาคตครั้งที่ 3

..................................
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต


สังขิตตสูตร


[๑๔๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่า
มหาวัน ใกล้พระนครเวสาลี ครั้งนั้นแล พระนางมหาปชาบดีโคตมีเสด็จเข้าไป
เฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วประทับยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส
ขอพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมโดยย่อแก่หม่อมฉัน ซึ่งหม่อมฉันได้ฟัง
แล้ว จะพึงเป็นผู้หลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ด
เดี่ยวอยู่เถิด ฯ

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรโคตมี ท่านพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า ธรรมเหล่านี้
เป็นไปเพื่อความกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด เป็นไปเพื่อประกอบ
สัตว์ไว้
ไม่เป็นไปเพื่อพรากสัตว์ออก เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลส ไม่เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักมาก ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย เป็นไปเพื่อความไม่สันโดษ ไม่เป็นไปเพื่อความสันโดษ เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ไม่เป็นไปเพื่อความสงัด เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน ไม่เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงยาก ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นคน เลี้ยงง่าย ดูกรโคตมี ท่านพึงทรงจำไว้โดยส่วนหนึ่งว่า นี้ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัยไม่ใช่คำสั่งสอนของพระศาสดา ฯ

ดูกรโคตมี ท่านพึงรู้ธรรมเหล่าใดว่า ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลาย
กำหนัด
ไม่เป็นไปเพื่อความกำหนัด เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้ ไม่เป็นไปเพื่อประกอบสัตว์ไว้ เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส ไม่เป็นไปเพื่อสั่งสมกิเลส เป็น ไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักมาก เป็นไปเพื่อสันโดษ ไม่เป็นไปเพื่อไม่สันโดษ เป็นไปเพื่อความสงัด ไม่เป็นไปเพื่อความคลุกคลีด้วย
หมู่คณะ เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร ไม่เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย ไม่เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงยาก ดูกรโคตมี ท่านพึงทรงจำไว้โดยส่วนหนึ่งว่า นี้เป็นธรรมเป็นวินัย เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา ฯ

................................
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 908&Z=5933

:b8: :b8: :b8:

ธรรมทั้งหลาย..ที่เป็นไปเพื่อออกจากทุกข์..ทั้งหมด...ไม่ว่าคำนั้นที่ตรัสใว้แล้ว..รึคำที่ยังไม่ตรัสใว้ก็ตาม...เป็นธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า..ทั้งสิ้น

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/