ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
เอหิปัสสิโก http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50199 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 02 มิ.ย. 2015, 04:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | เอหิปัสสิโก |
ดูกรอานนท์ สังเวชนียสถาน ๔ แห่งเหล่านี้ เป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา สังเวชนียสถาน ๔ แห่ง เป็นไฉน คือ ๑. สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยมาตามระลึกว่า พระตถาคตประสูติในที่นี้ ฯ (ลุมพินีวัน) ๒. สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยมาตามระลึกว่า พระตถาคตตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่นี้ ฯ (พุทธคยา) ๓. สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยมาตามระลึกว่า พระตถาคตทรงยังอนุตตรธรรมจักรให้เป็นไปในที่นี้ ฯ (สารนาถ) ๔. สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยมาตามระลึกว่า พระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ในที่นี้ (กุสินารา) สังเวชนียสถาน ๔ แห่งนี้แล เป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา ฯ ดูกรอานนท์ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา จักมาด้วยความเชื่อว่าพระตถาคตประสูติในที่นี้ก็ดี พระตถาคตตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่นี้ก็ดี พระตถาคตทรงยังอนุตรธรรมจักรให้เป็นไปในที่นี้ก็ดี พระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุในที่นี้ก็ดี ก็ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เที่ยวจาริกไปยังเจดีย์ มีจิตเลื่อมใสแล้ว จักทำกาละลง ชนเหล่านั้นทั้งหมดเบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ฯ พระไตรปิฎก มหาปรินิพพานสูตร ที.ม. ๑๐/๑๓๑/๑๓๕ พุทธโอวาทก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ " ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด ฯ นี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต ฯ" พระไตรปิฎก มหาปรินิพพานสูตร ที.ม. (ไทย) ๑๐/๑๔๓/ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง " ท่านบอกไว้ในธรรมคุณว่า. " เอหิปัสสิโก " พึงเรียกร้องสัตว์ทั้งหลายให้เข้ามาดูธรรม. ดูกุศลธรรมและอกุศลธรรม. กุศลธรรมจิตเราดี. จิตเราฉลาด, จิตเรามีความสุขสบาย, เราทำการงานทุกอย่างก็ต้องการความสุขสบาย, นี่แหละกุศลธรรม. อกุศลธรรมคือ จิตเราไม่ดี. ทุกข์ยากวุ่นวายเดือดร้อน, ท่านเรียกร้องให้สัตว์มาดูธรรมอันนี้, ลองเรียกหาความทุกข์จากดินฟ้าอากาศดูซิ . ไม่มี, นอกจากใจที่มีทุกข์แล้ว. สุขก็ใจของเรา. จะมีสุขดีนอกจากใจเรามีแล้วที่อื่นไม่มี. " "ชั่ว" นอกจากใจเราชั่วแล้ว, ที่อื่นก็ไม่มี. " ถ้าจิตเราไม่ดีแล้วก็พากันไม่ดีไปทั้งหมด, จิตเราดีแล้วก็ดีไปทั้งหมด. บิดามารดา สามีภรรยา บุตรธรรมดาก็รักกัน, ถ้าจิตเราดีแล้วก็ไม่ทะเลาะกัน." " สรุปแล้วธรรมะทั้งหลายทั้งหมดแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์. อย่าเข้าใจว่าอยู่ที่แห่งอื่นแห่ใด, " อยู่ที่เรา " เราอาศัยพระสามองค์อยู่คือ พระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์, ท่านวางศาสนาไว้ตรงนี้." " ธรรมะแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์รวมอยู่ในตัวของเรา. เราเป็นตู้พระไตรปิฎก. เหตุใดเล่า. สูตตปิฎก วินัยปิฎก ปรมัตถ์ปิฎก ทั้งสามนี้รวมเป็นพระไตรปิฎก. อิสโส, ปิสโส, นิสังโส สูตตปิฎก., ได้แก่สูดลมหายใจเขาไป วินัยปิฎก., ได้แก่หายใจลมออกมา ปรมัตถ์ปิฎก., ได้แก่ผู้รู้ที่อยู่ข้างใน รักษาชีวิตินทรีย์ไว้ไม่ให้แตกไม่ให้ทำลาย, นี่แหละเราอาศัยพระสามองค์นี้. ก็ต้องกราบต้องไหว้, เราต้องปฏิบัติพระสามองค์นี้. ถ้าท่านละไปแล้ว. หมอก็รักษาชีวิตของเราไม่ได้. ถ้าพระสามองค์นี้ยังรักษาเราอยู่, หมอก็ยังรักษาได้. ตราบใดมีลมหายใจอยู่, หมอก็รักษา. ถ้าหมดลมหายใจ, หมอก็ไม่รักษา. เห็นไหมล่ะ. จริงหรือไม่จริง. นี่แหละพระสามองค์เราต้องปฏิบัติ, ต้องกราบต้องไหว้. " " ท่านจึงว่าธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม. ถ้าสัตว์ใดปฏิบัติธรรมดี ธรรมย่อมนำความดีมาให้. ถ้าสัตว์นั้นปฏิบัติธรรมชั่ว ธรรมก็นำความชั่วมาให้. ที่เรามานั่งอยู่ที่นี่. ผู้ใดประพฤติธรรมดี ธรรมก็ให้ดีแก่เรา. ผู้ใดประพฤติไม่ดี ธรรมก็ให้ไม่ดีแก่เรา." " เมื่อได้ยินได้ฟังแล้ว. โอปนะยิโก, น้อมเข้ามารู้ภายใน. รู้เฉพาะตนนั่นแหละ, นี่แหละข้อปฏิบัติที่นำมาเตือนใจ, พอเป็นเครื่องประดับสติปัญญาบารมีของท่านทั้งหลาย." " เมื่อท่านได้ฟังแล้ว. "โยนิโสมมนสิการ" พากันกำหนดจดจำไว้แล้ว, พากันประพฤติปฏิบัติ. ฝึกหัดตนไปตามธรรมคำสั่งสอนดังได้บรรยายแล้ว. ขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุขความเจริญ......., เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้.- ------------------------------------------------------------------------@ คัดลอกจาก หนังสืออนุสรณ์งานศพพระอาจารย์ฝั้น อาจารเถระ ในงานเสด็จพระราชทานเพลิง ณ วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๒๑ |
เจ้าของ: | เปลี่ยนชื่อใหม่ [ 02 มิ.ย. 2015, 10:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เอหิปัสสิโก |
![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 04 มิ.ย. 2015, 10:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เอหิปัสสิโก |
![]() เอหิปัสสิโก อาจแปลได้เป็น 2 นัยยะ เอหิ ๆ = มาซิๆ ปัสสิ ๆ = ดู ๆ แปลออก = พากันมาดูสิๆ แปลเข้า = มาดูฉันซิ ๆ พากันมาดูสิ นี่เป็นคำแปลของผู้ที่บรรลุธรรม เห็นธรรม ถึงธรรม ได้สัมผัส ลิ้มชิมรสแห่งธรรมแล้วชวนผู้อื่นมาดูมาชิม ส่วนผู้ที่ยังไม่เห็นธรรมไม่ได้ชิมรสแห่งธรรมนั้นจักได้ประโยชน์น้อยในการชวนผู้อื่นมาดู พึงควรต้องแปลเข้าข้างในจึงจักเกิดประโยชน์ใหญ่แก่ตน เอหิปัสสิโก = มาดูฉันซิ ๆ ธรรมะๆที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนั้น เป็นสิ่งที่เรียกร้องให้เราเข้าไปดูอยู่เสมอ พิสูจน์ได้ทันทีโดยการลองนั่งหลับตา ปิดตาเนื้อ เปิดตาใจคือตาสติปัญญาขึ้นมา นิ่งรู้ นิ่งสังเกตเข้าไปในกายใจหมายไว้ที่เดียวคือ "ปัจจุบันอารมณ์" ทุกท่านจะได้พบความจริงว่ามีธรรมะเรียกร้องเราให้เข้าไปดู ไปรู้ ไปสังเกตอยู่ตลอดเวลา ทางทวารทั้ง 6 มันจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามกำลังแห่งเหตุ ปัจจัย กรรมและวิบาก สิ่งใดที่เกิดขึ้นมาเองเป็นเองโดยไม่ได้กำหนด สั่ง บอก บังคับบัญชาไม่ได้สิ่งนั้นเรียกว่าธรรมหรือ อนัตตาธรรม พึงปฏิบัติกับสิ่งนั้น จึงจะเรียกได้ว่าปฏิบัติธรรมหรือปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา ผลที่จะได้เกิดตามมาย่อมเป็นธรรมเป็นอนัตตาธรรมทั้งสิ้น ธรรมที่มาเรียกร้องให้เราไปดูนั้นเขาจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบนฐาน 4 ฐาน เท่านั้นเอง คือ กาย เวทนา จิตและธรรม ปัจจุบันอารมณ์เขาจะปรวนแปรเปลี่ยนแปลงไปบนฐานทั้ง 4 นี้เสมอ จนกว่าจะหมดกำลังแห่งกรรมและบากที่แสดง ก็จึงจะเข้าไปสู่ อุเบกขา ความวางเฉย วางเฉยไปนานเข้าๆ ก็จะลงสู่ความ "ปกติ" อันเป็นจุดสมดุลย์ของธรรม หรือความเป็นกลางอย่างยิ่งของจิต ![]() นี่คือความลึกซึ้งของ "เอหิปัสสิโก" ![]() |
เจ้าของ: | รสมน [ 05 มิ.ย. 2015, 05:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เอหิปัสสิโก |
ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ |
เจ้าของ: | Duangtip [ 05 มิ.ย. 2015, 15:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เอหิปัสสิโก |
![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 08 มิ.ย. 2015, 14:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เอหิปัสสิโก |
![]() เมื่อเข้าใจความหมายของ "เอหิปัสสิโก" ได้อย่างถูกต้องในเชิงปฏิบัติ การทำวิปัสสนาภาวนาจึงกลายเป็นเรื่องง่ายทันทีง่ายยังไงลองทำดู นั่งขัดสมาธิตัวตรงหลังตรงคอตั้งตรง ทำตัวทำใจให้นิ่ง รู้ อยู่เฉยๆ ไม่ตอบโต้อะไรกับสัมผัสและอารมณ์ ไม่ตั้งกำหนดอะไรอื่นไว้ คอยเฝ้าสังเกตอยู่เฉพาะที่ปัจจุบันอารมณ์ ท่านจะได้พบเห็นว่า ภายในเวลาไม่เกิน 1 นาที จะมีธรรมมาเอหิปัสสิโก คือจะมีผัสสะทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ผลัดเปลี่ยนกันมาเรียกจิตของท่านไปดูไปรู้ ไปสังเกต พิจารณา หลังจากนั้นความยินดียินร้ายและตัณหา ความอยากจะเกิดขึ้นตามมาก่อให้เกิด มโนกรรม วจีกรรมและกายกรรมสืบเนื่องกันไปตามลำดับ ถ้าหยุดความยินดียินร้ายเสียได้ ก็จะเกิด อุเบกขา ความวางเฉยขึ้นมาแทนที่ วางเฉยได้มากเข้าๆ จิตก็จะพักงานอยู่ที่ "ปกติ" แล้วเหตุการณ์ก็จะกลับไปเริ่มอย่างเดิมอีกไม่มีสิ้นสุดทั้งวันทั้งคืน หากยังไม่หมดเหตุ ที่คอยตอบโต้กับปัจจัย หมดเหตุได้เมื่อไหร่ ทุกสัมผัสอารมณ์ก็เป็น "สูญ" นี่คือความพิสดารของ "เอหิปัสสิโก" ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 14 มิ.ย. 2015, 06:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เอหิปัสสิโก |
รสมน เขียน: ดูกรอานนท์ สังเวชนียสถาน ๔ แห่งเหล่านี้ เป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา สังเวชนียสถาน ๔ แห่ง เป็นไฉน คือ ๑. สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยมาตามระลึกว่า พระตถาคตประสูติในที่นี้ ฯ (ลุมพินีวัน) ๒. สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยมาตามระลึกว่า พระตถาคตตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่นี้ ฯ (พุทธคยา) ๓. สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยมาตามระลึกว่า พระตถาคตทรงยังอนุตตรธรรมจักรให้เป็นไปในที่นี้ ฯ (สารนาถ) ๔. สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยมาตามระลึกว่า พระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ในที่นี้ (กุสินารา) สังเวชนียสถาน ๔ แห่งนี้แล เป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา ฯ ดูกรอานนท์ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา จักมาด้วยความเชื่อว่าพระตถาคตประสูติในที่นี้ก็ดี พระตถาคตตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่นี้ก็ดี พระตถาคตทรงยังอนุตรธรรมจักรให้เป็นไปในที่นี้ก็ดี พระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุในที่นี้ก็ดี ก็ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เที่ยวจาริกไปยังเจดีย์ มีจิตเลื่อมใสแล้ว จักทำกาละลง ชนเหล่านั้นทั้งหมดเบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ฯ พระไตรปิฎก มหาปรินิพพานสูตร ที.ม. ๑๐/๑๓๑/๑๓๕ พุทธโอวาทก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ " ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด ฯ นี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต ฯ" พระไตรปิฎก มหาปรินิพพานสูตร ที.ม. (ไทย) ๑๐/๑๔๓/ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง " ท่านบอกไว้ในธรรมคุณว่า. " เอหิปัสสิโก " พึงเรียกร้องสัตว์ทั้งหลายให้เข้ามาดูธรรม. ดูกุศลธรรมและอกุศลธรรม. กุศลธรรมจิตเราดี. จิตเราฉลาด, จิตเรามีความสุขสบาย, เราทำการงานทุกอย่างก็ต้องการความสุขสบาย, นี่แหละกุศลธรรม. อกุศลธรรมคือ จิตเราไม่ดี. ทุกข์ยากวุ่นวายเดือดร้อน, ท่านเรียกร้องให้สัตว์มาดูธรรมอันนี้, ลองเรียกหาความทุกข์จากดินฟ้าอากาศดูซิ . ไม่มี, นอกจากใจที่มีทุกข์แล้ว. สุขก็ใจของเรา. จะมีสุขดีนอกจากใจเรามีแล้วที่อื่นไม่มี. " "ชั่ว" นอกจากใจเราชั่วแล้ว, ที่อื่นก็ไม่มี. " ถ้าจิตเราไม่ดีแล้วก็พากันไม่ดีไปทั้งหมด, จิตเราดีแล้วก็ดีไปทั้งหมด. บิดามารดา สามีภรรยา บุตรธรรมดาก็รักกัน, ถ้าจิตเราดีแล้วก็ไม่ทะเลาะกัน." " สรุปแล้วธรรมะทั้งหลายทั้งหมดแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์. อย่าเข้าใจว่าอยู่ที่แห่งอื่นแห่ใด, " อยู่ที่เรา " เราอาศัยพระสามองค์อยู่คือ พระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์, ท่านวางศาสนาไว้ตรงนี้." " ธรรมะแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์รวมอยู่ในตัวของเรา. เราเป็นตู้พระไตรปิฎก. เหตุใดเล่า. สูตตปิฎก วินัยปิฎก ปรมัตถ์ปิฎก ทั้งสามนี้รวมเป็นพระไตรปิฎก. อิสโส, ปิสโส, นิสังโส สูตตปิฎก., ได้แก่สูดลมหายใจเขาไป วินัยปิฎก., ได้แก่หายใจลมออกมา ปรมัตถ์ปิฎก., ได้แก่ผู้รู้ที่อยู่ข้างใน รักษาชีวิตินทรีย์ไว้ไม่ให้แตกไม่ให้ทำลาย, นี่แหละเราอาศัยพระสามองค์นี้. ก็ต้องกราบต้องไหว้, เราต้องปฏิบัติพระสามองค์นี้. ถ้าท่านละไปแล้ว. หมอก็รักษาชีวิตของเราไม่ได้. ถ้าพระสามองค์นี้ยังรักษาเราอยู่, หมอก็ยังรักษาได้. ตราบใดมีลมหายใจอยู่, หมอก็รักษา. ถ้าหมดลมหายใจ, หมอก็ไม่รักษา. เห็นไหมล่ะ. จริงหรือไม่จริง. นี่แหละพระสามองค์เราต้องปฏิบัติ, ต้องกราบต้องไหว้. " " ท่านจึงว่าธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม. ถ้าสัตว์ใดปฏิบัติธรรมดี ธรรมย่อมนำความดีมาให้. ถ้าสัตว์นั้นปฏิบัติธรรมชั่ว ธรรมก็นำความชั่วมาให้. ที่เรามานั่งอยู่ที่นี่. ผู้ใดประพฤติธรรมดี ธรรมก็ให้ดีแก่เรา. ผู้ใดประพฤติไม่ดี ธรรมก็ให้ไม่ดีแก่เรา." " เมื่อได้ยินได้ฟังแล้ว. โอปนะยิโก, น้อมเข้ามารู้ภายใน. รู้เฉพาะตนนั่นแหละ, นี่แหละข้อปฏิบัติที่นำมาเตือนใจ, พอเป็นเครื่องประดับสติปัญญาบารมีของท่านทั้งหลาย." " เมื่อท่านได้ฟังแล้ว. "โยนิโสมมนสิการ" พากันกำหนดจดจำไว้แล้ว, พากันประพฤติปฏิบัติ. ฝึกหัดตนไปตามธรรมคำสั่งสอนดังได้บรรยายแล้ว. ขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุขความเจริญ......., เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้.- ------------------------------------------------------------------------@ คัดลอกจาก หนังสืออนุสรณ์งานศพพระอาจารย์ฝั้น อาจารเถระ ในงานเสด็จพระราชทานเพลิง ณ วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๒๑ ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |