วันเวลาปัจจุบัน 30 เม.ย. 2024, 00:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2015, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


สมัยที่ท่านพระอาจารย์มั่นพักอยู่บนดอยปะหร่อง (เชียงใหม่) กับพระอาจารย์มนู ตอนเช้าเที่ยวบิณฑบาต พอให้พรเสร็จ ท่านได้สอนให้ชาวบ้านกล่าวสาธุพร้อมกันด้วยเสียงสูง ท่าน (พระอาจารย์มั่น) เล่าเป็นเชิงตลกว่า มือทั้งสองข้างของเขาชูขึ้นข้างบนเหมือนบั้งไฟจะขึ้นสู่ท้องฟ้า ว่างั้น


วันหนึ่ง ท่านนั่งพักในส่วนที่ทำเป็นที่พักกลางวัน มีเทพพวกหนึ่งมาจากเขาจิตรกูฏ มาถามท่านว่า

"เสียงสาธุ สาธุนั้น สาธุอะไร สะเทือนสะท้านทุกวัน พวกเทพทั้งหลายได้ฟัง มีความสุขไปตามๆ กัน"

ท่านมาพิจารณาว่า เสียงอะไร ที่ไหน จึงระลึกได้ว่า เสียงสาธุการของชาวบ้านตอนถวายทานนั่นเอง

พอรับทราบแล้วพวกเทพก็กล่าวว่า "เขาก็สาธุการด้วย" แล้วทำประทักษิณเวียนขวาลากลับไป ส่วนมากพวกเทพเขาจะทำอย่างนั้น

ท่านพระอาจารย์มั่น เลยมาพิจารณาต่อได้ความว่า

พุทธมนต์นั้นใครสวดก็ตาม จะเป็นกิจวัตรของพระสงฆ์เช้า เย็น หรือชาวพุทธทุกคน

สวดมนต์ระลึกในใจ มีอานุภาพแผ่ไปได้หมื่นจักรวาล

สวดออกเสียงพอฟังได้ มีอานุภาพแผ่ไปได้แสนจักรวาล

สวดมนต์เช้าเย็นธรรมดา มีอานุภาพแผ่ไปได้แสนโกฏิจักรวาล

สวดเต็มเสียงสุดกู่ มีอานุภาพแผ่ไปได้อนันตจักรวาล

แม้สัตว์ที่อาศัยอยู่ในสามภพ และที่สุดอเวจีมหานรก ยังได้รับความสุข เมื่อแว่วเสียงพุทธมนต์ผ่านลงไปถึงชั่วขณะชั่วครู่หนึ่ง ดีกว่า หาความสุขไม่ได้เลยตลอดกาล

นี้คืออานิสงส์ของพระพุทธมนต์ ท่านพระอาจารย์มั่นว่าอย่างนี้..

(หนังสือ "รำลึกวันวาน" หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ)




กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นกระต่ายอาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่งท่ามกลางหุบเขาและแม่น้ำล้อมรอบ มีสัตว์เป็นเพื่อนกันอัก ๓ ตัว คือ ลิง สุนัขจิ้งจอก และนาก สัตว์ทั้ง ๔ เป็นสัตว์มีศีลธรรม ทุกเย็นจะมาพบกันและฟังโอวาทของกระต่ายเสมอ

ต่อมาวันหนึ่ง กระต่ายมองดูจันทร์รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันอุโบสถ จึงให้โอวาท ว่า " วันพรุ่งนี้ พวกเราจงพากันรักษาศีล ให้ทานเถิด เพราะมีผลบุญกุศลมาก ฉะนั้นพวกท่านจงเตรียมอาหารไว้แบ่งปันคนขอทานเถิด" สัตว์ทั้ง ๓ รับคำแล้วกลับไปยังที่อยู่ของตน


ครั้นรุ่งขึ้นมีนายพรานคนหนึ่งตกเบ็ดได้ปลาตะเพียน ๗ ตัวฝังทรายกลบไว้แล้วก็ข้ามไปทางใต้น้ำต่อไป นากออกหาอาหารได้กลิ่นปลานั้นแล้วจึงร้องขึ้น ๓ ครั้ง รู้ว่าไม่มีเจ้าของแล้วจึงคาบเอาปลาทั้ง ๗ ตัวไปยังที่อยู่ของตน นอนรักษาศีลอยู่

ฝ่ายลิงเข้าไปในป่าได้มะม่วงมาแล้วก็กลับที่อยู่ตนนอนรักษาศีลอยู่ ส่วนเจ้ากระต่ายรักษาศีลอยู่ที่อยู่ของตนไม่ได้ออกไปหาอาหารมาไว้ให้ทาน คิดที่จะสละชีวิตให้ทานว่า " ถ้ามีคนมาขออาหาร งา และข้าวสารของเราก็ไม่มี ถ้าเช่นนั้นเราจะให้เนื้อของเราแก่เขาก็แล้วกัน" คิดแล้วก็นอนรักษาศีลอยู่

ด้วยอานุภาพแห่งศีลของกระต่ายเป็นเหตุให้บรรลังก์ของเท้าวสักกะเร่าร้อน ท้าวเธอจึงลงมาพิสูจน์คุณของศีลของสัตว์ทั้ง ๔ ด้วยการแปลงร่างเป็นพราหมณ์ไปยังที่อยู่ของนากก่อน ร้องขออาหารกับนาก นากจึงกล่าวว่า "พราหมณ์.. เรามีปลาตะเพียนอยู่ ๗ ตัว ขอเชิญท่านบริโภคเถิด" พราหมณ์รับไว้แล้วก็ไปที่อยู่ของสุนัขจิ้งจอก เอ่ยปากขออาหารอีก สุนัขจิ้งจอกก็มอบอาหารให้พร้อมกับพูดว่า "พราหมณ์.. ข้าพเจ้ามีเนื้อย่าง ๒ ไม้ * ๑ ตัว นมส้ม ๑ หม้อ เชิญท่านบริโภคเถิด" พราหมณ์รับไว้แล้วก็ไปที่อยู่ของลิงเอ่ยปากขออาหารเช่นเคย ลิงก็มอบอาหารให้พร้อมกับพูดว่า "พราหมณ์.. มะม่วงสุก น้ำเย็น ร่มเงาไม่อันร่มรื่นขอเชิญท่านบริโภคและพักผ่อนก่อนเถิด"

พราหมณ์รับไว้แล้วก็ไปที่อยู่ของกระต่ายพร้อมร้องขออาหารเช่นเดิม กระต่ายดีใจจึงพูดว่า " พราหมณ์… ขอเชิญท่านก่อไฟเถิด เราไม่มีอะไรจะให้ท่าน นอกจากเนื้อของเรานี่แหละ ขอเชิญท่านบริโภคเราเถิด" ว่าแล้วก็กล่าวเป็นคาถาว่า

"กระต่ายไม่มีงา ไม่มีถั่ว ไม่มีข้าวสาร ท่านจงบริโภค เราผู้สุกด้วยไฟนี้ แล้วเจริญสมณธรรมอยู่ในป่าเถิด"
ท้าวสักกะจึงเนรมิตให้มีกองไฟขึ้นแล้วบอกให้กระต่ายทราบกระต่ายลุกขึ้นจากหญ้าแพรกสลัดขนไล่สัตว์อื่น ๆ ๓ ครั้ง มีความดีใจ ไม่กลัวต่อความตาย กระโดดเข้ากองไฟไป แต่ก็ต้องแปลกใจว่าไฟทำไมเย็นยิ่งนักจึงถามพราหมณ์ดู ท้าวสักกะในร่างพราหมณ์จึงกล่าวว่า "ท่านบัณฑิต เรามิใช่พราหมณ์ดอก เราเป็นท้าวสักกะ มาเพื่อทดลองศีลของท่านเท่านั้นเอง"
กระต่ายพูดว่า "ท่านท้าวสักกะ ท่านหวังจะทดลองข้าพเจ้าเท่านั้นเองหรือ แล้วชาวโลกจะรู้ว่าข้าพเจ้าปรารถนาให้ชีวิตเป็นทานได้อย่างไรกันเล่า" ท้าวสักกะตอบว่า "คุณความดีในการเสียสละชีวิตเป็นทานของท่านครั้งนี้จะมีปรากฏตลอดไป" ว่าแล้วก็เขียนรูปกระต่ายไว้บนดวงจันทร์เป็นสัญลักษณ์ให้ชาวโลกได้เห็นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แล้วก็หายวับกลับเทวโลกไป สัตว์ทั้ง ๔ ตัวได้รักษาศีลจนตราบสิ้นชีวิต


"การภาวนานี้ถ้าจะพูดอย่างกำปั้นทุบดินแล้ว ก็เป็น บุญ ไปทั้งนั้น แม้จะทำได้มากหรือน้อย หรือไม่ได้อะไรเลยก็เป็นบุญอยู่ในตัว คือ เปราะที่ ๑.ระลึกได้เสมอเพียงแค่ พุทโธๆ เท่านี้ก็เป็นบุญส่วนหนึ่งแล้ว
เปราะที่ ๒.มีสติอยู่กับลมหายใจอย่างเดียวก็ได้บุญ และ
เปราะที่ ๓ ทำใจนิ่งเฉยๆ รู้แต่ลมหายใจก็เป็นบุญอีก
...ฉนั้นจึงเป็นของที่ควรจะพากันทำอยู่เสมอ ไม่ควรปล่อยเวลาและโอกาสให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์"...ท่านพ่อลี ธมฺมธโร



# ความเพียร #

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ได้เล่าถึงเรื่องแมงมุมไว้คราวหนึ่งว่า

สมัยหนึ่งท่านไปพำนักอยู่ในถ้ำ ท่านสังเกตเห็นแมงมุมชักใยสร้างรังหน้าปากถ้ำ พอตะวันบ่ายคล้อยแมงมุมก็เริ่มชักใยปิดช่องว่างซึ่งอยู่ติดกับหลืบหินข้างๆถ้ำ โดยที่มันเริ่มชักใยเป็นกากบาท แล้วปล่อยใยเป็นเส้นทะแยงมุมขวางไปมาระยะห่างๆ ต่อจากนั้นตรงจุดศูนย์กลาง แมงมุมจะปล่อยเส้นใยเป็นตาข่ายค่อยๆขยายเป็นวงกว้างขึ้นไปเรื่อยๆ จนถี่ยิบและสำเร็จลง


ทำให้นึกในใจว่ามันคงจะเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก จนต้องไปสงบนิ่งอยู่ตรงจุดศูนย์กลางเพื่อรอคอยอาหารต่อไป

พอตะวันโพล้เพล้ ค้างคาวบินออกจากถ้ำผ่านใยแมงมุมทำให้ขาดเป็นรู ในทันใดนั้นเจ้าแมงมุมน้อยได้พุ่งตัวออกมาชักใยซ่อมแซม เสร็จแล้วก็วิ่งกลับคืนมาอยู่ที่เดิม ค้างคาวบินผ่านอีกมันก็ออกมาทำอีก

ไม่มีทีท่าว่าจะผัดวันประกันพรุ่งเหมือนคนเลย



หลวงพ่อชา: โยมเคยปวดหัวไหม ?
โยม: เคยเจ้าค่ะ

หลวงพ่อชา: โยมเคยเจ็บฟันไหม ?
โยม: เคยเจ้าค่ะ


หลวงพ่อชา: โยมเคยปวดท้องไหม ?
โยม: เคยเจ้าค่ะ

หลวงพ่อชา: โยมเคยเจ็บหางไหม ?
โยม: ?????............ก็หางมันไม่มีนี่เจ้าค่ะ

มีในสิ่งใด แล้วยึดมั่นในสิ่งนั้น ก็ย่อมเจ็บ ย่อมทุกข์เอง
เมื่อไม่มี ไม่ยึด จะเอาอะไรมาทุกข์


การภาวนาจะทำให้เกิดเป็นมหากุศล เป็นมหาบุญ คนเราถ้าไม่มีการภาวนาก็จะไม่รู้จักทำบุญ ไม่รู้จักทำบุญที่ตัวเอง ไม่รู้จักทำตัวเองให้เกิดบุญ เรียกว่าไม่รู้จักทำใจให้สงบนั่นเอง เพียงว่าวันหนึ่งเราภาวนา ลมหายใจเข้า"พุธ"
ลมหายใจออก “โธ” นอนก็หายใจเข้า “พุธ” หายใจออก “โธ” ยืน เดิน นั่ง นอน ให้เราทำอย่างละ ๕ นาที ทำจิตใจให้เป็นกุศลจิตตัง จิตที่เป็นรูปกุศล หมายถึงว่าเป็นรูปของเทวดา…เทวดาในจิต
เทวดาในจิตหมายถึงว่าเกิดความผ่องใสเบิกบาน สงบขึ้นในตัวของจิต ที่เราได้รูปร่างหน้าตามาเป็นมนุษย์นี้มาจากรูปจิต จิตพอใจในหญิงก็เป็นหญิง จิตพอใจในชายก็เป็นชาย จิตพอใจในกุศลก็มาเกิดในภูมิของมนุษย์ที่ดี จิตพอใจในอกุศลก็ไปเกิดในภูมิมนุษย์ที่ไม่ดี เขาเรียกว่า มาจากสภาวจิต
ฉะนั้น การฝึกจิตจึงเป็นการฝึกเพื่อเข้าถึงธรรมคือความสงบ ทีนี้คนเราโดยมากไม่รู้จักจิตตัวเอง ก็ไม่สามารถจะคุ้มครองจิตตัวเอง ปล่อยให้เกิดความทุกข์ใจตลอดวัน เช่น หงุดหงิด อึดอัดขัดเคือง กลุ้ม เครียด ประสาทหลอน หรือคิดกังวลวิตกอย่างนี้


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2015, 21:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2015, 13:35
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ :b8:

Kiss

.....................................................
อยู่ที่ความตั้งใจและมั่นคง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2015, 05:27 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2015, 20:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

วางเฉย..ต่อสังขารทึ้งหลาย..เป็นสุขหนอ...เป็นสุขหนอ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 125 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร