ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

พระอัครสาวกผู้มีปัญญา จักยังเมล็ดฝน คือธรรมให้ตกลง..
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=49708
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  นายฏีกาน้อย [ 18 มี.ค. 2015, 12:22 ]
หัวข้อกระทู้:  พระอัครสาวกผู้มีปัญญา จักยังเมล็ดฝน คือธรรมให้ตกลง..

:b8: :b8: :b8:

แนบไฟล์:
คำอธิบาย: นับทรายในแม่น้ำคงคาจนหมด นับคลื่นในมหาสมุทรได้ ก็นับ ก็เทียบปัญญาท่านพระสารีบุตรเถระไม่ได้ ท่านประกาศธรรมจักร เปรียบเมล็ดฝนที่ตกลงแก่ชาวพุทธบริษัท...
1426655059489.jpg
1426655059489.jpg [ 140.79 KiB | เปิดดู 3251 ครั้ง ]


:b8: ถ้าหากมีกัลยณมิตรท่านใดพบ พระสูตร อรรถกถา ที่มีข้อความเจาะจงว่า ท่านพระสารีบุตร นับเมล็ดฝนได้ ก็ช่วยกรุณานำมาเผยแผ่ต่อเพื่อนสมาชิกด้วยนะครับ ฏีกาน้อยจักขอบพระคุณเป็นอย่างสูง :b15: :b39: :b44: :b41:

เจ้าของ:  Duangtip [ 18 มี.ค. 2015, 12:58 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระอัครสาวกผู้มีปัญญา จักยังเมล็ดฝน คือธรรมให้ตกลง..

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  student [ 19 มี.ค. 2015, 00:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระอัครสาวกผู้มีปัญญา จักยังเมล็ดฝน คือธรรมให้ตกลง..

เป็นครั้งแรกที่ได้ยินครับเรื่องพระสารีบุตรนับเม็ดฝนเม็ดทราย ผมว่าเป็นการเปรียบเทียบปัญญาท่านกับเม็ดทรายเม็ดฝน
กับคนทั่วไปที่ยังไม่บรรลุธรรม ให้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระธรรม ว่าเมื่อเกิดปัญญาจากการเรียนรู้ธรรมแล้ว จะเปลี่ยนแปลงตนเองมากขนาดไหนกลายเป็นบุคคลใหม่ที่เป็นเนื้อนาบุญของโลก

เจ้าของ:  นายฏีกาน้อย [ 19 มี.ค. 2015, 01:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระอัครสาวกผู้มีปัญญา จักยังเมล็ดฝน คือธรรมให้ตกลง..

student เขียน:
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินครับเรื่องพระสารีบุตรนับเม็ดฝนเม็ดทราย ผมว่าเป็นการเปรียบเทียบปัญญาท่านกับเม็ดทรายเม็ดฝน
กับคนทั่วไปที่ยังไม่บรรลุธรรม ให้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระธรรม ว่าเมื่อเกิดปัญญาจากการเรียนรู้ธรรมแล้ว จะเปลี่ยนแปลงตนเองมากขนาดไหนกลายเป็นบุคคลใหม่ที่เป็นเนื้อนาบุญของโลก

สาธุครับ :b8: ใช่ครับ เป็นการเปรียบเทียบ แต่ไม่ได้เปรียบตัวท่านเองไปนับเมล็ดฝนเม็ดทรายเลยครับ :b15: มีแต่บอกว่า ใครๆ ซึ่งใครก็ได้ที่จะนับ(ฝน,ทราย)ได้ ก็ยังเทียบไม่ได้กับปัญญาของท่าน ซึ่งนั่นนับไม่ได้ อย่างนี้ครับ ที่ตั้งกระทู้อยากจะชี้ชวน เพื่อนๆ กัลยณมิตรช่วยค้นช่วยหา ว่า ในพระสูตรอรรถกถา มีบันทึกไว้ไหม? ว่าท่านพระสารีบุตร นับฝน นับทราย นับคลื่น ณ.ตอนนี้ยังไม่พบ ส่วนที่ได้ยินได้ฟัง สืบๆ กันมา ฏีกาน้อยขอเรียนว่า อาจเป็นการกล่าวคลาดเคลื่อน จดจำกันมาผิดๆ ผ่านเวลามาเนิ่นนาน ตัวฏีกาน้อยเอง ก็เคยเชื่อ เคยเข้าใจว่า ท่านมีปัญญาขนาด คำนวนนับเมล็ดฝนได้ โดยไม่มีเจตนาไปกล่าวตู่ท่านพระอัครสาวก พระมหาเถระสารีบุตรเลย :b8: แต่เชื่อมา ฟังมา อย่างนั้น แท้จริงแล้ว ปัญญาในที่นี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนับฝน นับเม็ดทราย นับคลื่นอะไรเลย ความจริงควรเป็นปัญญารู้แจ้งอริยสัจ ๔ มากกว่า ทิ้งอรรถกถาขยายความเอาไว้ สรุป ใครๆ จะไปนับทราย ฝน คลื่นอะไรๆ ได้ ก็ช่างนะครับ ฏีกาน้อยคนหนึ่ง ขอไม่กล้ากล่าวลบหลู่ เพราะได้ค้นได้เจอ ที่มาที่ไปแล้ว ก็จะรู้ไว้ว่า ท่านแสดงธรรมจักร ดุจยัง(ทำ)ฝนให้ตกลง แสดงอมตธรรม ท่านเป็นผู้มีปัญญามาก แต่ไม่ได้นับ ไม่ได้คำนวนเมล็ดฝน ทราย คลื่น ตามพระไตรปิฏกที่ยกมาแต่อย่างใดเลย ฝากอรรถกถาย้ำเพิ่มเติมครับ :b8:

อ้างคำพูด:
ในมูลพยากรณ์นี้ พึงเห็นว่า พระอัครสาวกทั้งสองบำเพ็ญบารมีหนึ่งอสงไขยแสนกัปก็จริง แม้ถึงอย่างนั้น เพื่อความสะดวกในการประพันธ์คาถา ท่านจึงถือเอาอันตรกัปแล้วกล่าวไว้อย่างนั้น. 
               พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ประทานพยากรณ์ว่า จักได้เป็นพระอัครสาวกโดยชื่อว่าสารีบุตร พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นครั้นประทานพยากรณ์แล้ว เมื่อจะสรรเสริญดาบสนั้น จึงตรัสคำมีอาทิว่า อยํ ภาคีรถี (บาลีว่า ภาคีรสี) ดังนี้. 
               อธิบายว่า ระหว่างแม่น้ำ ๕ สายนี้ คือ คงคา ยมุนา สรภู มหี อจิรวดี แม่น้ำใหญ่สายที่หนึ่งชื่อว่าภาคีรถีนี้ เกิดจากเขาหิมวันต์ คือไหลมาจากเขาหิมวันต์ คือเกิดจากสระอโนดาต ไหลไปถึงทะเลใหญ่คือห้วงน้ำใหญ่ ย่อมถึงคือเข้าไปยังมหาสมุทรคือมหาสาครฉันใด สารีบุตรนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เป็นผู้อาจหาญในเวททั้งสามของตน คือเป็นผู้กล้าหาญมีญาณไม่พลั้งพลาด คือมีญาณแผ่ไปในเวททั้งสามอันเป็นไปอยู่ในตระกูลของตน ถึงความเต็มเปี่ยมด้วยปัญญาคือถึงที่สุดแห่งสาวกญาณของตน จักยังสัตว์ทั้งหลายคือสัตว์ทั้งมวลให้อิ่ม คือให้อิ่มหนำ คือจักกระทำความอิ่มหนำให้. 
               บทว่า หิมวนฺตมุปาทาย ความว่า กระทำภูเขาหิมาลัยให้เป็นต้นแล้วกระทำห้วงน้ำใหญ่คือมหาสมุทร ได้แก่สาครอันมีน้ำเป็นภาระให้เป็นที่สุด ในระหว่างนี้คือในท่ามกลางภูเขาและสาครนี้ ทรายใดคือกองทรายประมาณเท่าใดมีอยู่ว่าด้วยการนับคือว่าด้วยอำนาจการนับทรายนั้นนับไม่ถ้วน คือล่วงพ้นการนับ. 
               บทว่า ตมฺปิ สกฺกา อเสเสน ความว่า แม้ทรายนั้น ใครๆ อาจคือพึงอาจนับได้หมด. เชื่อมความว่า การนับนั้นย่อมมีได้ด้วยประการใด. ที่สุดคือปริโยสานแห่งปัญญาของพระสารีบุตรจักไม่มีเลยด้วยประการนั้น. 
               บทว่า ลกฺเข ฯเปฯ ภวิสฺสติ ความว่า เมื่อคะแนน ได้แก่คะแนนแห่งญาณ คือเวลาหนึ่งของญาณ ที่ใครๆ วางคือตั้งไว้มีอยู่ ทรายในแม่น้ำคงคาพึงสิ้นไป คือพึงถึงความหมดสิ้นไป. 
               ในบทว่า มหาสมุทฺเท นี้ เชื่อมความว่า คลื่นทั้งหลายคือกลุ่มคลื่นชนิดหนึ่งคาวุตเป็นต้น ในมหาสาครทั้ง ๔ อันลึกได้ ๘๔,๐๐๐ โยชน์ว่าถึงการนับ นับไม่ถ้วนคือเว้นจากการนับ ย่อมมีด้วยประการใด ที่สุดคือความสิ้นสุดแห่งปัญญาของพระสารีบุตร จักไม่มีด้วยประการนั้น. 
               เชื่อมความในคาถานี้ว่า 
               พระสารีบุตรนั้นมีปัญญาอย่างนี้ ยังพระสัมพุทธเจ้าชื่อว่าโคตมะ เพราะเป็นโคตมโคตร ผู้เป็นใหญ่ในศากยตระกูล ชื่อว่าผู้เป็นศากยะผู้ประเสริฐ ให้ทรงโปรดแล้ว คือทำความยินดีแห่งจิตด้วยวัตรปฏิบัติ ศีลและอาจาระเป็นต้น ถึงความเต็มเปี่ยมคือที่สุดแห่งสาวกญาณด้วยปัญญา จักเป็นอัครสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น. 
               อธิบายความในคาถานี้ว่า 
               พระสารีบุตรนั้นได้รับตำแหน่งอัครสาวกอย่างนี้แล้ว จักประกาศตามพระธรรมจักรคือพระสัทธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าศากยบุตรทรงประกาศแล้ว คือทรงทำให้ปรากฏแล้ว ด้วยสภาวะอันไม่หวั่นไหวในอิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์ คือจักทรงจำไว้ ไม่ให้พินาศ. จักยังฝนคือธรรม ได้แก่ฝนคือพระธรรมเทศนาให้ตกลง ได้แก่จักแสดง ประกาศ เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้นเป็นไป


พระไตรปิฏกและอรรถกถา สารีปุตตเถราปทานที่ ๓ (๑)
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... =290&Z=675
http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... .0&i=3&p=2

เจ้าของ:  asoka [ 19 มี.ค. 2015, 02:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระอัครสาวกผู้มีปัญญา จักยังเมล็ดฝน คือธรรมให้ตกลง..

:b8:
สาธุๆๆๆๆๆๆ

พระมหาสาวกและปกติสาวกทั้งหลายก็อาจยังเม็ดฝนหรือสายธารแห่งธรรมมาสร้างความชุ่มฉำและสุขนิรันดรให้กับชาวโลกได้เช่นกันนะครับ
:b36:

ไฟล์แนป:
IMG_4822046583504.jpeg
IMG_4822046583504.jpeg [ 49.92 KiB | เปิดดู 3185 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 19 มี.ค. 2015, 06:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระอัครสาวกผู้มีปัญญา จักยังเมล็ดฝน คือธรรมให้ตกลง..

ที่ว่าปัญญามากนั้น อาจกล่าวประมาณได้ยากว่า มีปัญญาเท่านั้นเท่านี้ อรรถกถาอธิบายว่า
ปัญญาของพระสารีบุตรนั้น ยากแม้แก่การอุปมา เหมือนมีปัญญามากพอที่จะนับฝนที่ตกอยู่ได้ว่า
มีเม็ดฝนเท่านั้น เท่านี้เม็ด :-

ได้ยินว่า คนอื่นยกพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสีย ชื่อว่าสามารถเพื่อจะทันปัญญาของ
พระสารีบุตรเถระหามิได้. นัยว่า เหตุนั้นแล พระเถระจึงยืนตรงพระพักตร์พระศาสดา บันลือสีหนาทว่า
"พระเจ้าข้า เมื่อฝนตกแม้ตลอดกัลป์ทั้งสิ้น ข้าพระองค์ก็สามารถเพื่อจะนับ แล้วยกขึ้นซึ่งคะแนนว่า
หยาดน้ำทั้งหลายตกในมหาสมุทรเท่านี้หยาด, ตกบนแผ่นดินเท่านี้หยาด, บนภูเขาเท่านี้หยาด."

แม้พระศาสดาก็ตรัสกะท่านว่า "สารีบุตร เราก็ทราบความที่เธอสามารถจะนับได้."
ชื่อว่าข้ออุปมาเปรียบด้วยปัญญาของท่านนั้น ย่อมไม่มี.
เหตุนั้นแล ท่านจึงกราบทูลว่า :-
ทรายในแม่น้ำคงคาพึงสิ้นไป
น้ำในห้วงน้ำใหญ่พึงสิ้นไป
ดินในแผ่นดินพึงสิ้นไป
การแก้ปัญหาด้วยความรู้ของข้าพระองค์ ย่อมไม่สิ้นไปด้วยคะแนน.

ศึกษาทั้งอรรถกถา พุทธวรรค เรื่อง ยมกปาฏิหาริย์
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=24&p=2

เจ้าของ:  นายฏีกาน้อย [ 19 มี.ค. 2015, 12:51 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระอัครสาวกผู้มีปัญญา จักยังเมล็ดฝน คือธรรมให้ตกลง..

s007 :b8: :b8: :b8:

สาธุครับลุงหมาน อยู่ในอรรถกถานี้นี่เอง อนุโมทนาสาธุครับ เป็นการเปรียบเทียบชัดเจน แถมท่านยังบันลือสีหนาทต่อหน้าพระศาสดาเองด้วย โดยสรุปก็เป็นเพียงอุปมาอุปไมย ฏีกาน้อยเคยเข้าใจว่าท่านคำนวนได้นับได้จริง แต่เมื่อมาค้นดูแล้ว ก็ได้ความรู้ว่า เป็นอุปมาอุปไมยแน่นอน(อย่างที่รู้กันแต่แรกอยู่แล้ว) ไม่มีการนับเมล็ดทราย ฝน จริงๆ แต่อย่างใด

อ้างคำพูด:
บุคคลพึงใส่ทรายเมล็ดหนึ่งหรือหยาดน้ำหยาดหนึ่ง หรือดินร่วนก้อนหนึ่ง เมื่อข้าพระองค์แก้ปัญหาร้อย หรือพัน หรือแสนข้อ พึงใส่คะแนนทั้งหลายมีทรายเป็นต้น ทีละหนึ่งๆ ณ ส่วนข้างหนึ่งในแม่น้ำคงคา, คะแนนทั้งหลายมีทรายเป็นต้นในแม่น้ำคงคาเป็นต้น พึงถึงความสิ้นไปเร็วกว่า การแก้ปัญหาของข้าพระองค์ ย่อมไม่สิ้นไป."


การแก้ปัญหา แสดงธรรม ตอบข้อสงส้ย ร้อยข้อพันข้อของท่านพระสารีบุตร ท่านเองได้เปรียบเทียบอุปมาอุปไมยในการใช้ปัญญาความรู้ในการแก้ไขปัญหาตอบปัญหาของท่าน เปรียบเหมือนบุคคลนับเมล็ดทราย ดินร่วน จนหมดจนสิ้นไป คนรุ่นหลังๆ จะได้ไม่ไปเข้าใจเอาเองว่า ท่านมีปัญญาขนาดนับเมล็ดฝน เมล็ดทรายได้ นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง ในอีกหลายๆ ตัวอย่าง ในเรื่องการใช้ อุปมาอุปไมย ในการเข้าใจศึกษาพระธรรมอย่างลึกซึ้ง :b39: :b48: :b41:

เจ้าของ:  sirinpho [ 28 ก.พ. 2016, 14:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระอัครสาวกผู้มีปัญญา จักยังเมล็ดฝน คือธรรมให้ตกลง..

:b8: :b8: :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/