วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 22:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2015, 19:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2015, 11:00
โพสต์: 12

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จิตใจตกอยู่ในความทุกข์ จนร่างกายต้องล้มป่วยถือว่าเราทำบาปกับร่างกายของเราใหมคะ s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2015, 19:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ดอกไม้อ่อนแรง เขียน:
จิตใจตกอยู่ในความทุกข์ จนร่างกายต้องล้มป่วยถือว่าเราทำบาปกับร่างกายของเราใหมคะ s002

เมื่อจิตเป็นทุกข์ก็เป็นการรับผลของวิบาก รูปที่เกิดจากจิตก็ต้องได้รับผลด้วย เมื่อจิตเป็นทุกข์มากร่างกายก็ทรุดโทรมมาก ไม่ถือว่าเป็นบาปแต่เป็นการรับผลของบาป

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2015, 20:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้พิจารณาที่เหตุครับ ......ใจเป็นทุกข์ มีธรรมเหล่าใด เป็นเหตุ

ธรรมอันเป็นกุศล ประกอบด้วย กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ประเภทหนึ่ง

ธรรมอันเป็นอกุศล ประกอบด้วย กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ประเภทหนึ่ง

ต้องพิจารณาที่เหตุ หมายถึง สุจริต หรือ ทุจริต เป็นเหตุ ./


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2015, 21:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
จิตใจตกอยู่ในความทุกข์ จนร่างกายต้องล้มป่วยถือว่าเราทำบาปกับร่างกายของเราใหมคะ 


จิตใจตกอยู่ในความทุกข์...ก็เพราะคิดว่าจิตใจนี้เป็นของเรา
ทำปาบกับร่างกาย...ก็เพราะคิดร่างกายนี้เป็นของเรา
ถ้าร่างกายและจิตใจเป็นของเราจริง...
ก็บังคับมันได้แล้ว..ไม่ให้เป็นทุกข์...ไม่ให้เจ็บป่วย
แต่เมื่อไปบังคับอะไรมันไม่ได้...จะเอาอะไรมาว่า..ว่าเป็นของเรา :b1:
Kiss เป็นความจำได้มาประมาณนี้ค่ะ..มาแบ่งปัน..เผื่อได้คิดเหมือนกัน :b29: :b29:
อยากให้คุณดอกไม้ :b44: มองให้เห็นเหตุแห่งทุกข์ ..มากกว่าทำให้เกิดทุกข์เพิ่มขึ้นไปอีก
ทุกข์1ทำให้เจ็บป่วย...ทุกข์2คิดว่าทำให้ร่างกายเจ็บป่วยเป็นปาบ..ซ้ำเติมเข้าไปอีก
ไอเดียจะจำไว้เสมอ...มีอะไร ก็ทุกข์กับอันแหละ
ถ้าวันไหนเกิดทุกข์ขึ้นมา...ก็จะโทษที่ตัวเองนี่แหละ...ที่อยาก..ไปมีเอง

เริ่มต้นใหม่ค่ะ rolleyes rolleyes rolleyes


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2015, 21:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.พ. 2015, 21:06
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ประสบการณ์ความทุกข์ของดิฉันแต่ก่อนฝึกจิต พอเกิดทุกข์จะไม่เห็นว่ามีผลร้ายต่อร่างกายค่ะ
พอฝึกกรรมฐานแล้วทุกวันนี้พอสติไม่ทันทุกข์ มันเข้ามาหลับกลางอากาศเลยค่ะตื่นขึ้นมารู้สึกปวด
ไปทั้งตัว เห็นว่าทุกข์มากกว่าก่อน ดิฉันใช้อานาปณสติ ตอนจิตจะตกแล้วได้ผลค่ะ
:b53: ตอนทุกข์นี่ดิฉันคิดว่ารับผลของบาปและสร้างกรรมใหม่ด้วยค่ะ :b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.พ. 2015, 01:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ดอกไม้อ่อนแรง เขียน:
จิตใจตกอยู่ในความทุกข์ จนร่างกายต้องล้มป่วยถือว่าเราทำบาปกับร่างกายของเราใหมคะ s002


ร่างกายเป็นรูปขันธ์ ดำรงอยู่เพราะอาหารและกรรม คือเป็นกงล้อแห่งชีวิต

บางทีทุกข์ใจมากๆ พาลฆ่าตัวตายไปซะงั้น เพราะทิฎฐิความหลง เป็นแรงสนับสนุน ความหลงที่ว่า พลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รัก เสื่อมจากลาภ เสื่อมจากยศ ได้รับในสิ่งที่ไม่พึงปราถนา เหล่านี้คือทุกข์อริยสัจ คือเป็นทุกข์

ผมไม่รู้ว่าบาปไม่บาป แต่ความเห็นที่เกิดกับผมมองว่าเป็นทุกข์ ผมก็มองสิ่งรอบข้างของผมอย่างนี้ตลอด หากอกุศลเกิดขึ้นผมจึงจะมองว่าเป็นบาปที่ควรละ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.พ. 2015, 04:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ดอกไม้อ่อนแรง เขียน:
จิตใจตกอยู่ในความทุกข์ จนร่างกายต้องล้มป่วยถือว่าเราทำบาปกับร่างกายของเราใหมคะ s002


การที่ปล่อยให้จิตใจเป็นทุกข์...เท่ากับเป็นการเบียดเบียนตนเอง..นะครับ

ทางโลก...เขาห้ามการเบียดเบียนผู้อื่น...
ในพระพุทธศ่าสนา...สูงสุดคือ...เพื่อการไม่เบียดเบียนตน..นะครับ...

จะเห็นได้ว่า..การเบียดเบียนผู้อื่น..นั้น...เห็นได้ง่าย
แต่การเบียดเบียนตน..กลับ..เห็นได้ยาก..การเห็นชนิดนี้เป็นการเห็นของอริยะชนคนจะออกจากทุกข์


เมื่อจิตใจเป็นทุกข์...เราต้องฉลาดหาหนทางเพื่อออกจากสิ่งเหล่านั้นโดยเร็ว...ต้องฉลาดครับ...หากปล่อยให้จิตจมแช่อยู่...ไม่หาทาง..ไม่ทำอะไรเลย...รู้อยู่ว่าทุกข์ก็ยังปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกรรม...อันนี้คือการเบียดเบียนตน...ทำร้ายตน...มีผลมากกว่าเบียดเบียนผู้อื่นซะอีก...คือมีผลทันที..หากตายในขณะนั้นต้องลงสู่อบายอย่างไม่ต้องให้พระยายมราชมาตัดสิน...ดิ่งสายตรงไปเลย :b2: :b2:

การเบียดเบียนผู้อื่นเว้นกรรมหนักแล้ว...หากไม่ทำจนติดจิต..ตายไปยังมีโอกาสเข้าสำนักตัดสินอีกที.. s002

ส่วนที่ไปมีผลกับร่างกายคือทำให้ร่างกายป่วย..นี้..สิวสิว...ครับ...เป็นวิบากผลพลอยได้หางหางจากการเบียดเบียนตน...แต่ที่น่าจะกลัวคือ...ภพแห่งอบายมีสัตว์นรกได้ปรากฎแล้วในจิตคุณ...ต่างหาก :b5:

คิดดูนะครับ..เราเองที่สร้างทางลงอบายภูมิด้วยตัวเอง....มันน่าเข่กหัวตัวเองมั้ยครับ :b34: :b34: :b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.พ. 2015, 04:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มีข้อคิดจากที่อื่นๆ..มาแชร์ครับ

อ้างคำพูด:
เรื่องการเบียดเบียนจัดเป็นธรรมขั้นสูงในพรหมวิหาร ๔ ข้อแรก คือ เมตตา ความรักจักต้องรักตนเองก่อนอื่น เพราะสิ่งที่เรารักที่สุดในโลกนี้ก็คือตัวเราเอง ปุถุชนหลงคิดว่าร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเรา จึงเอาอกเอาใจร่างกายตนเอง ปรนเปรอตนเองจนเกินพอดี แต่กลับไม่ค่อยสนใจจิต ซึ่งความจริงก็คือตัวเราที่อาศัยร่างกายอยู่ชั่วคราวเท่านั้น

๒. ขนาดสิ่งที่เรารักที่สุด เราก็ยังเบียดเบียนมันได้ แล้วผู้อื่น คนอื่น ทำไมเราจักเบียดเบียนเขาไม่ได้ ดังนั้นการเบียดเบียนผู้อื่นจึงทำได้ง่าย เห็นง่าย แต่ที่จะเห็นการเบียดเบียนตนเองนั้นเห็นยาก รู้ตนเองยาก เพราะชอบเข้าข้างตนเองอยู่แล้ว

๓. จึงเป็นของธรรมดา เพราะการเห็นความเบียดเบียนของผู้อื่น นั่นเป็นการเห็นของปุถุชน ซึ่งผู้เห็นก็มักจักโทษบุคคลผู้มากระทำความเบียดเบียนต่อตนเองนั้น แต่การเห็นความเบียดเบียนตนเอง คือ การรู้กฎของกรรม รู้อารมณ์ที่เบียดเบียนตนเอง รู้กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุเป็นการรู้ของ อริยชน จึงต่างกันที่ตรงนี้ จักให้เห็นเหมือนๆ กันหมดนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้

http://www.tangnipparn.com/page25_b00k7.html


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.พ. 2015, 20:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2015, 11:00
โพสต์: 12

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณค่ะ สาธุ tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2015, 18:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1067

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็น ก็อย่าไปคิด จิตก็ไม่เป็นทุกข์แล้ว พอจิตไม่เป็นทุกข์ บุญก็เกิดแล้ว และโรคก็หายด้วย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 131 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร