ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ถามลุงหมาน1 http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=49184 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 12 ม.ค. 2015, 06:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | ถามลุงหมาน1 |
คำถามครับ ฟังธรรมเทศนาของหลวงพ่อพุธ ... ท่านว่า...".คนทำสมาธิ...เข้าสมาธิละเอียด...เอาธูปจี้..ยังไม่รู้สึกเลย " ก็เลยเกิดคำถาม...ขอให้ลุงหมาน...อธิบายในแนวอภิธรรมจะได้มั้ย?...ว่าเกิดอะไรขึ้น สมมุติง่ายๆ ว่า... ธูป...เป็นอายตนภายนอก การจี้สัมผัสที่ผิวหนัง...เป็นผัสสะ ผิวหนัง...เป็นอายตนภายใน ในกรณีนี้..(เข้าสมาธิละเอียด)...ทำไมถึงไม่รู้สึกอย่างปกติ... - อายตนภายในที่เคยมีตรงนั้น..มันไม่ทำงานรีว่าหายไปไหน (ระบบประสาท) - รึว่า...มันไม่เคยมีอายตนะภายในตั้งประจำตรงนั้นอยู่แล้ว.. - รึว่า...ที่จริง..มันยังไม่เกิดผัสสะ...แม้ว่าธูปจะจี้แตะผิวหนังแล้วก็ตาม - รึว่า...วิญญาณเกิดเป็นปกติอยู่ (รับรู้ว่าร้อนอยู่)...แต่..จิตไม่ไปรู้ตรงนั้น..(ไม่รับมาเป็นอารมณ์)...เพราะจิตมามัวรู้อยู่กับอุเบกขามาเป็นอารมณ์เพียงอย่างเดียว ..รึ...ฯลฯ เพื่อนๆ ก็แสดงความคิดเห็นได้นะครับ...แต่อยากรู้ในแนวอภิธรรมด้วย..ว่า...เป็นอย่างไร |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 12 ม.ค. 2015, 07:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามลุงหมาน1 |
อ้างคำพูด: สมมุติง่ายๆ ว่า... ธูป...เป็นอายตนภายนอก การจี้สัมผัสที่ผิวหนัง...เป็นผัสสะ ผิวหนัง...เป็นอายตนภายใน ตรงนี้ไม่ใช่ผัสสะ มีเพียงอายตนะภายนอกกับอายตนะภายในเท่านั้น มีเพียงรูปกับรูปที่กระทบกัน ซึ่งจิตจะไม่มาเกิดรับรู้ตรงนั้นจึงไม่เรียกว่าผัสสะ อายตนะภายนอกเป็นรูป อายตนะภายในเป็นรูป เมื่อรูปกับรูปกระทบกันก็จะไม่มีความรู้สึกอะไรเลย อุปมาเหมือนคนนอนขี้เซา จะมีใครมาปลุกหรือไปเขย่าตัวก็ยังไม่มีความรู้สึกไม่ตื่น ที่เป็นเช่นนี้เพราะไม่มีจิตที่จะมารับรู้ตรงที่อายตนะกระทบกัน คำว่าผัสสะจะต้องมีของ ๓ สิ่งคือ สิ่งภายใน ๑ สิ่งภายนอก ๑ จิต ๑ ทั้ง ๓ เกิดขึ้นจึงจะเรียกว่า ผัสสะ คำว่าฌานละเอียดน่าจะหมายถึงฌานที่เป็น อากาสานัญจายตนะฌาน จนถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะฌาน เพราะฌานเหล่านี้เป็นฌานที่เขาละรูป เขามีแต่จิต หมายถึงว่าเขาจะไม่มารับรู้ที่ทวารใดๆที่เกี่ยวกับรูป หรือไม่ก็อาจจะเป็นการเข้านิโรธสมาบัติ เป็นการดับจิตเจตสิก และลมหายใจ อ้างคำพูด: ในกรณีนี้..(เข้าสมาธิละเอียด)...ทำไมถึงไม่รู้สึกอย่างปกติ...
- อายตนภายในที่เคยมีตรงนั้น..มันไม่ทำงานรีว่าหายไปไหน (ระบบประสาท) วิ. อายตนะมีอยู่ แต่ไม่มีจิต - รึว่า...มันไม่เคยมีอายตนะภายในตั้งประจำตรงนั้นอยู่แล้ว.. วิ. อายตนะมันมีทั่วไปแต่จิตไม่ไปเกิดรับรู้ - รึว่า...ที่จริง..มันยังไม่เกิดผัสสะ...แม้ว่าธูปจะจี้แตะผิวหนังแล้วก็ตาม วิ. ใช่...มันไม่ครบ ๓ สิ่งจึงไม่ใช่ผัสสะจึงไม่มีความรู้สึก - รึว่า...วิญญาณเกิดเป็นปกติอยู่ (รับรู้ว่าร้อนอยู่)...แต่..จิตไม่ไปรู้ตรงนั้น..(ไม่รับมาเป็นอารมณ์)...เพราะ จิตมามัวรู้อยู่กับอุเบกขามาเป็นอารมณ์เพียงอย่างเดียว ..รึ...ฯลฯ วิ. จิตเกิดอยู่ แต่จิตเกิดรับรู้ที่มโนทวาร กายจะร้อนจะหนาวอย่างไรก็ไม่รู้สึกเพราะจิตไม่ไปรับรู้ที่กาย |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 14 ม.ค. 2015, 06:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามลุงหมาน1 |
อายตนะ อายตนะ อุปมาเหมือนแพะสองตัวกำลังชนกัน ผัสสะ ผัสสะ อุปมาเหมือนเหมือนเราไปยืนอยู่ตรงในระหว่างแพะชนกัน ต่อจากนั้น เวทนา ก็เกิด ขันธ์ ๕ ก็เกิด ตัณหาเกิด อุปาทานเกิด เพื่อสร้างกรรมสร้างภพชาติต่อไป |
เจ้าของ: | asoka [ 14 ม.ค. 2015, 07:34 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามลุงหมาน1 | ||
กบนอกกะลา เขียน: คำถามครับ ฟังธรรมเทศนาของหลวงพ่อพุธ ... ท่านว่า...".คนทำสมาธิ...เข้าสมาธิละเอียด...เอาธูปจี้..ยังไม่รู้สึกเลย " ก็เลยเกิดคำถาม...ขอให้ลุงหมาน...อธิบายในแนวอภิธรรมจะได้มั้ย?...ว่าเกิดอะไรขึ้น สมมุติง่ายๆ ว่า... ธูป...เป็นอายตนภายนอก การจี้สัมผัสที่ผิวหนัง...เป็นผัสสะ ผิวหนัง...เป็นอายตนภายใน ในกรณีนี้..(เข้าสมาธิละเอียด)...ทำไมถึงไม่รู้สึกอย่างปกติ... - อายตนภายในที่เคยมีตรงนั้น..มันไม่ทำงานรีว่าหายไปไหน (ระบบประสาท) - รึว่า...มันไม่เคยมีอายตนะภายในตั้งประจำตรงนั้นอยู่แล้ว.. - รึว่า...ที่จริง..มันยังไม่เกิดผัสสะ...แม้ว่าธูปจะจี้แตะผิวหนังแล้วก็ตาม - รึว่า...วิญญาณเกิดเป็นปกติอยู่ (รับรู้ว่าร้อนอยู่)...แต่..จิตไม่ไปรู้ตรงนั้น..(ไม่รับมาเป็นอารมณ์)...เพราะจิตมามัวรู้อยู่กับอุเบกขามาเป็นอารมณ์เพียงอย่างเดียว ..รึ...ฯลฯ เพื่อนๆ ก็แสดงความคิดเห็นได้นะครับ...แต่อยากรู้ในแนวอภิธรรมด้วย..ว่า...เป็นอย่างไร ![]() จิตไปยึดอารมณ์อื่นอยู่อย่างแน่นแฟ้น จนอารมณ์ความรู้สึกร้อนจากไฟธูปแทรกเข้าครองจิตไม่ได้ จิตจึงไม่รับรู้ความร้อน อุปมาเหมือนคนเล่นไพ่ ลืมหิว ลืมลูกลืมเมีย ลืมธุรกิจการงานบ้านช่อง แต่อีกทางหนึ่งที่สูงกว่านั้นจิตไม่เห็นผิดยึดผิดว่ากายใจนี้เป็นกูเป็นเรา จะไม่เดือดร้อนเป็นทุกข์เหมือนไม่รับรู้ความร้อนของไฟเช่นกัน ![]() ขออภัยที่แทรกมาร่วมคุยด้วยทั้งๆที่กระทู้บอกว่าถามลุงหมาน ![]() คุยกับกบมันมีปฏิกิริยาตอบสนองดี กระตุ้นธรรมออกมาได้เยอะ เป็นประโยชน์กับผู้คนแยะ เลยแลบไปคิดถึง กรัชกาย และใครๆอีกหลายคนที่พากันหายหน้าหลบไปภาวนากันหมดเพราะเกิดนิพพิทาญาณอย่างแรงกล้า น่าอนุโมทนาสาธุ ![]() "หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน" ![]()
|
เจ้าของ: | เปลี่ยนชื่อใหม่ [ 14 ม.ค. 2015, 07:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามลุงหมาน1 |
พอถอนออกจากสมาธิ ยังไงก็ร้องจ๊ากแน่นอนครับ |
เจ้าของ: | asoka [ 14 ม.ค. 2015, 08:13 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามลุงหมาน1 | ||
เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน: พอถอนออกจากสมาธิ ยังไงก็ร้องจ๊ากแน่นอนครับ ![]() เพราะได้แค่ระดับ "กดข่มทุกข์" ด้วยสติสมาธิ ยังไม่ถึงระดับ "ขุดถอนเหตุทุกข์ออกได้สิ้นด้วยปัญญา" ![]()
|
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 14 ม.ค. 2015, 09:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามลุงหมาน1 |
asoka เขียน: เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน: พอถอนออกจากสมาธิ ยังไงก็ร้องจ๊ากแน่นอนครับ ![]() เพราะได้แค่ระดับ "กดข่มทุกข์" ด้วยสติสมาธิ ยังไม่ถึงระดับ "ขุดถอนเหตุทุกข์ออกได้สิ้นด้วยปัญญา" ![]() อโสกะ..คับ...อย่าตลกไปมากกว่านี้เลย.....อรหันต์ท่านก็เจ็บเป็น..ครับ...ไม่ใช่ไม่มีความรู้สึกตัว...เลย ดูตัวอย่างพระอัสชิ..ป่วย...ทรมานมาก..จนวานให้พระรูปอื่นนิมนตพระพุทธเจ้ามา..แล้วก็ถามพระองค์ว่า..ธรรมที่ได้ฉิบหายไปแล้วรึ?...พระองค์ก็ทรงตรัสถามกลับว่า...คิดอย่างไรกับร่างกาย..ยังเห็นร่างกายเป็นเราอยู่รึไม่?...ท่านก็ตอบว่า..ไม่..ฯลฯ.. |
เจ้าของ: | asoka [ 14 ม.ค. 2015, 16:00 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามลุงหมาน1 | ||
![]() กบมีฤทธิ์ไปล่วงรู้จิตใจของท่านพระอัสชิอย่างนั้นหรือว่าจิตใจของท่านทุกข์ทรมาณเพราะอาพาธ เป็นธรรมดาของจิตของพระอรหันตขีณาสพทั้งหลาย ที่อยู่กับทุกข์โดยไม่ทุกข์ เหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอน แต่ท่านจะมีเหตุผลในการรักษาธาตุขันธ์ไปตามกำลังของเหตุและปัจจัย กบมิพึงควรเอาจิตและความรู้สึกอย่างปุถุชนของกบไปเทียบวัดจิตของพระอริยเจ้า จักเป็นการดึงเอาฟ้าสูงลงต่ำนะ จะบอกให้ ![]()
|
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 14 ม.ค. 2015, 19:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามลุงหมาน1 |
หากผมผิด....ก็ขอเขมาท่านอัสชิ... แต่คิดแล้ว....ไม่ผิดครับ... คนเราเจ้บ...มันก็เจ็บ...ครับ...ก็มีร่างกาย...จะให้ไม่เจ้บอย่างไรไหว ไม่งั้น...ท่านคงไม่ถามพระพุทธเจ้า..หรอกว่า...ธรรมที่ท่านได้..ฉิบหายแล้วหรือ... |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 14 ม.ค. 2015, 21:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามลุงหมาน1 |
พระอรหันต์...หมดทุกข์..ที่เกิดจากกิเลส..ครับผม...ส่วนทุกข์ทางร่างกาย..ยังมีอยู่..มิฉะนั้น..นิพพานไม่มี 2 ลักษณะ...หรอกครับ...สอุปาทิเสสนิพพาน...อนุปาทิเสสนิพพาน |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 14 ม.ค. 2015, 22:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามลุงหมาน1 |
ลุงหมาน เขียน: อ้างคำพูด: ในกรณีนี้..(เข้าสมาธิละเอียด)...ทำไมถึงไม่รู้สึกอย่างปกติ... - อายตนภายในที่เคยมีตรงนั้น..มันไม่ทำงานรีว่าหายไปไหน (ระบบประสาท) วิ. อายตนะมีอยู่ แต่ไม่มีจิต อ้างคำพูด: - รึว่า...มันไม่เคยมีอายตนะภายในตั้งประจำตรงนั้นอยู่แล้ว วิ. อายตนะมันมีทั่วไปแต่จิตไม่ไปเกิดรับรู้ .. แสดงว่า..จิตเป็นแขกจร....ไม่ได้อยู่ประจำ อ้างคำพูด: - รึว่า...ที่จริง..มันยังไม่เกิดผัสสะ...แม้ว่าธูปจะจี้แตะผิวหนังแล้วก็ตาม วิ. ใช่...มันไม่ครบ ๓ สิ่งจึงไม่ใช่ผัสสะจึงไม่มีความรู้สึก - รึว่า...วิญญาณเกิดเป็นปกติอยู่ (รับรู้ว่าร้อนอยู่)...แต่..จิตไม่ไปรู้ตรงนั้น..(ไม่รับมาเป็นอารมณ์)...เพราะ จิตมามัวรู้อยู่กับอุเบกขามาเป็นอารมณ์เพียงอย่างเดียว ..รึ...ฯลฯ วิ. จิตเกิดอยู่ แต่จิตเกิดรับรู้ที่มโนทวาร กายจะร้อนจะหนาวอย่างไรก็ไม่รู้สึกเพราะจิตไม่ไปรับรู้ที่กาย ตรงนี้...หมายถึง..จิตเกิดได้ที่เดียวเท่านั้น....ซึ่งหมายถึงจิตรู้...แต่ไม่มีวิญญาณ..ณ...จุดที่ธูปสัมผัสผิวหนัง ตรงนี้...ยังมีข้อให้..ตรึกตรอง... |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 15 ม.ค. 2015, 06:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามลุงหมาน1 |
อ้างคำพูด: คงเหมือน...สวิสไฟ...ที่ไม่มีไฟมา....กดเปิดอย่างไรก็ไม่ติด... จิตไม่เหมือนสวิตไฟฟ้า แต่ท่านอุปมาเหมือนใยแมลงมุมที่มีใย ๕ ทาง ก็แมลงมุมริมทางตัวหนึ่งขึงใยไป ๕ ทิศ ทำข่ายแล้วนอนอยู่ตรงกลาง เมื่อใยที่ขึงไปในทิศแรกถูกกระทบด้วยสัตว์เล็ก ๆ หรือตั๊กกระแตนหรือแมลงวัน มันก็จะเคลื่อนออกจากที่เป็นที่นอนไปตามสายใยเจาะศีรษะดูดเลือดของสัตว์นั้น เมื่อกินจนเป็นที่อิ่มหนำแล้วจะกลับมานอน ณ ท่ามกลางใยนั้นนั่นแหละอีก แม้ในเวลาที่สัตว์มากระทบทางทิศที่ ๒ เป็นต้น แล้วก็กระทำเหมือนอย่างนั้นอีกนั่นแหละ ในข้อนั้นประสาททั้ง ๕ พึงทราบว่า เหมือนใยแมลงมุมที่ขึงไป ๕ ทิศ. จิตเหมือนแมลงมุม นอนในท่ามกลาง. เวลาที่อารมณ์มากระทบประสาท เหมือนเวลาที่สัตว์เล็ก ๆ เป็นต้น มาที่มีสัตว์กระทบใยแมลงมุม. เวลาที่กิริยามโนธาตุ รับอารมณ์ที่กระทบประสาทแล้ว ยังภวังค์ให้เปลี่ยนไป เหมือนการไหวของแมลงมุมซึ่งนอนอยู่ในท่ามกลาง ความเป็นไปของวิถีจิต เหมือนเวลาการไปตามสายใยของแมลงมุม เวลาที่ชวนจิตเสพอารมณ์ เหมือนการเจาะศีรษะดูดเลือด การที่จิตอาศัยหทัยวัตถุเป็นไป เหมือนแมลงมุมกลับมานอนในท่ามกลางใยอีก. |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 15 ม.ค. 2015, 06:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามลุงหมาน1 |
อ้างคำพูด: แสดงว่า..จิตเป็นแขกจร....ไม่ได้อยู่ประจำ จิตมิใช่แขกจร แต่เป็นเพราะจิตทำหน้าที่รับรู้ทางทวารต่างๆ แต่ขณะเดียวกับจิตจะทำหน้าที่รู้ได้ทีละทวารเท่านั้น จะรู้มากกว่านั้นไม่ได้ เช่นว่า จิตไปรู้ทางตา ก็ไม่สามารถไปรู้ทางหูได้ แต่หากจิตไปรับรู้ทางหู จิตที่รู้ทางตาก็ต้องดับ จิตนั้นมีประจำอยู่แล้ว เพียงแต่สถานที่เกิดของจิตไม่เกิดเป็นประจำอยู่ที่เดียว |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 15 ม.ค. 2015, 06:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามลุงหมาน1 |
อ้างคำพูด: ตรงนี้...หมายถึง..จิตเกิดได้ที่เดียวเท่านั้น....ซึ่งหมายถึงจิตรู้...แต่ไม่มีวิญญาณ..ณ...จุดที่ธูปสัมผัสผิวหนัง ตรงนี้...ยังมีข้อให้..ตรึกตรอง... อย่าสับสน จิต กับ วิญญาณ คือเป็นอันเดียวกัน เมื่อจิตมั่นคงกับสมาธิจิตก็จะไม่สนใจในทวารอื่นตรงที่ธูปมาจี้ที่กาย เหมือนแมลงมุมกินแมลงที่อิ่มแล้ว แม้แมลงอื่นจะมากระทบทางสายไหน แมลงมุมก็จะไม่สนใจอีก ก็จะเป็นเช่นนั้น |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 15 ม.ค. 2015, 06:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามลุงหมาน1 |
อ้างคำพูด: ตรงนี้...หมายถึง..จิตเกิดได้ที่เดียวเท่านั้น....ซึ่งหมายถึงจิตรู้...แต่ไม่มีวิญญาณ..ณ...จุดที่ธูปสัมผัสผิวหนัง ตรงนี้...ยังมีข้อให้..ตรึกตรอง... อย่าสับสน จิต กับ วิญญาณ คือเป็นอันเดียวกัน เมื่อจิตมั่นคงกับสมาธิจิตก็จะไม่สนใจในทวารอื่นตรงที่ธูปมาจี้ที่กาย เหมือนแมลงมุมกินแมลงที่อิ่มแล้ว แม้แมลงอื่นจะมากระทบทางสายไหน แมลงมุมก็จะไม่สนใจอีก ก็จะเป็นเช่นนั้น |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |