ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
การกำหนดรู้ทุกข์ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=48963 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 10 ธ.ค. 2014, 08:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | การกำหนดรู้ทุกข์ |
พระพุทธองค์ตรัสว่า.. "ชีวิตนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ ต้องเผชิญกับความแก่ ความเจ็บ ความตาย และความผิดหวัง." ... สิ่งที่ชีวิตจะต้องประสบและกำลังประสบอยู่ในตอนนี้คือทุกข์ ทุกข์จึงถือว่าเป็นปัญหาหนักที่สุดสำหรับชีวิต ก็แล้วอะไรเล่าที่นำเรามาสู่ทุกข์ต่างๆเหล่านี้?? ตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือ "การเกิดนำเรามา" ทำไมคนเราจึงต้องเกิดมา?ก็ความปรารถนาหรือความตั้งใจ(เจตนา) ที่จะเกิดอีกของเราเอง ดึงให้เราต้องมาเกิด อะไรเป็นสาเหตุทำให้คนเรามีความปรารถนาหรือความตั้งใจที่จะมาเกิด อีก?คำตอบคืออุปาทานความยึดมั่นถือมั่น เราหลงติดอยู่ในสิ่งต่างๆใน โลกนี้ มีความพอใจรักใคร่ ชื่นชอบ ไม่รู้สึกเต็มอิ่มกับเหยื่อที่ได้จากโลก เราจึงติดใจและอยากจะย้อนกลับมาลิ้มลองต่อ ส่วนพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านไม่มีความติดใจในเหยื่อของโลกอีกแล้ว ท่านได้มองเห็นโทษภัยอัน น่ากลัวของการเกิดจึงทำลายความอยากให้หมดไปไม่เหลือไว้ให้กลับมา เกิดใหม่ได้อีก อะไรเป็นตัวชักใยให้ยังอยากอยู่อย่างไม่รู้สึกอิ่มเอมในรสของกามา?ก็ตัว ตัณหาหรือความอยากนั้นเองที่เป็นตัวโหยถวิลอยากชิมอยากลิ้มลองรสชาติต่างๆของโลกอย่างไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอ ตัณหานี้พระพุทธองค์ตรัสบอกว่า มันพร่องอยู่เนืองนิตย์ บรรจุเท่าไร ไม่รู้จักเต็ม นอกจากจะถมไม่เต็มแล้วยังไม่มีวันเหือดแห้งไปได้ด้วย (ไม่มีวันเหือดแห้งไปได้เองโดยปราศจากการบำเพ็ญตบะทางจิตเป็น เครื่องเผาผลาญ) แม้เหล่าสัตว์จะเวียนว่ายตายเกิดกี่ภพกี่ชาติ เพื่อมา ตามหาสิ่งที่ตนพอใจ ก็มิอาจจะพบเจอ ตัณหาคือความอยากนั้นอยากในอะไร? ก็อยากในรูป ในรส ในกลิ่น ในเสียง ในสัมผัสแตะต้องทางตาหูจมูกลิ้น กายและทางใจ เหยื่อของโลกไหลเข้าทางนี้ทั้งสิ้น พระพุทธศาสนา เรียกว่า"สัมผัส" ที่ชอบก็อยากได้ไว้เสพร่ำไป(กามตัณหา) มีความสุขจากการสัมผัสก็อยากจะเป็นอยู่อย่างนั้นเรื่อยไป ไม่อยากให้ แปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น(ภวตัณหา) ส่วนที่ไม่ชอบก็อึดอัดขัดเคืองอยาก ให้พ้นไปเสีย ไม่อยากได้ไม่อยากเป็นเช่นนั้นอีก(วิภวตัณหา)ทั้งหมดนี้ อยู่ใต้การควบคุมของอวิชชาคือความโง่ตัวเดียว ความโง่หรือความไม่รู้หรือรู้แต่ไม่จริงอย่างนี้ เป็นต้นตอของกระบวน การเกิด แล้วนำไปสู่ทุกข์ทั้งมวล ความทุกข์ความเศร้าต่างๆเป็นดังเงาบดบังสติปัญญาไว้ เมื่อความทุกข์ความเศร้าต่างๆบดบังสติปัญญา เพราะฉะนั้นจึงต้องเจริญวิปัสสนากรรมฐานกำหนด สติ รู้รูป นาม ดูการเกิดดับของรูปและนามนั่นเอง ●คำสอนหลวงพ่อ● " มนุษย์" เป็นสัตว์สังคมขนิดหนึ่งต้องมีสัมพันธ ภาพใกล้ชิดผูกพันกับผู้อื่นมากมายโดยเริ่มจากคน ใกล้ตัวเรื่อยไปจนถึงคนไกลตัวที่ไม่รู้จักมัก...จี่ แต่เพราะตนมีความรู้สึกดีๆพิเศษให้ ที่เรียกกันว่า "ความรัก" ถามว่า ทำไมคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนใน วัยหนุ่มสาวถึงได้โหยหาความรักกันนัก หากจะตอบ ว่าเพราะมันธรรมชาติที่สร้างชายกับหญิงให้มาคู่กัน ก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่ที่จริงมันเกิดจากความรู้สึกนึกคิด ของมนุษย์เองส่วนหนึ่ง เมื่อเราเลี่ยงมันไม่ได้ ทำ อย่างไรจะไม่ให้เรื่องความรักมาทำร้ายเรา หรือคน ที่เรารัก สังคมไทย เรื่องของการมีคนรัก ท่านให้ปรึก ษาผู้ใหญ่ให้มากเพราะท่านผ่านร้อนผ่านหนาวมา มากกว่า คนที่ไม่รู้จักปรึกษาหารือผู้ใหญ่ แม้ในเรื่อง ความรัก ชีวิตต้องพบความวิบัติผิดหวังมามากราย... ● เจริญพร ● หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 11 ธ.ค. 2014, 21:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การกำหนดรู้ทุกข์ |
![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 11 ธ.ค. 2014, 21:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การกำหนดรู้ทุกข์ |
รสมน เขียน: พระพุทธองค์ตรัสว่า.. "ชีวิตนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ ต้องเผชิญกับความแก่ ความเจ็บ ความตาย และความผิดหวัง." ... สิ่งที่ชีวิตจะต้องประสบและกำลังประสบอยู่ในตอนนี้คือทุกข์ ทุกข์จึงถือว่าเป็นปัญหาหนักที่สุดสำหรับชีวิต ก็แล้วอะไรเล่าที่นำเรามาสู่ทุกข์ต่างๆเหล่านี้?? ตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือ "การเกิดนำเรามา" ทำไมคนเราจึงต้องเกิดมา?ก็ความปรารถนาหรือความตั้งใจ(เจตนา) ที่จะเกิดอีกของเราเอง ดึงให้เราต้องมาเกิด อะไรเป็นสาเหตุทำให้คนเรามีความปรารถนาหรือความตั้งใจที่จะมาเกิด อีก?คำตอบคืออุปาทานความยึดมั่นถือมั่น เราหลงติดอยู่ในสิ่งต่างๆใน โลกนี้ มีความพอใจรักใคร่ ชื่นชอบ ไม่รู้สึกเต็มอิ่มกับเหยื่อที่ได้จากโลก เราจึงติดใจและอยากจะย้อนกลับมาลิ้มลองต่อ ...... ถ้า..ถาม..ทำไม..ทำไม..บ่อยๆ...จะเป็นเหตุให้เกิดปัญญาได้ ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |