ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ถามเรื่องจิต http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=48947 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | เปลี่ยนชื่อใหม่ [ 07 ธ.ค. 2014, 10:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | ถามเรื่องจิต |
จิตเดิมนั้น ประกอบด้วยเจตสิกนิพพาน ป่าวครับ เป็นจิตที่ประกอบด้วยนิพพานอยู่แล้วเลย เพียงแต่โดนอวิชชามาบังไว้ตลอด เรื่องมันก็มีเพียงเท่านี้เองใช่ไหม |
เจ้าของ: | toy1 [ 07 ธ.ค. 2014, 12:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเรื่องจิต |
จิตเดิมของแต่ละดวงมาจากไหน จิตเดิมไม่สะสมบารมี เหมือนมาจากสัตว์นรก ได้มาพักจิตเกิดเป็นคน ถือกรรมมามาก สันดานของบุคคลจะรู้จักดีชั่วไหม จิตที่เคยสะสมบารมีมา เดินอยู่ในเส้นทางบรรเทาทุกข์มา เกิดมาพบพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ เขามีสติ มีความสนใจปฏิบัติธรรมต่อไป จนกว่าบารมีเต็ม ถึงความเป็นพระอรหันต์ อวิชชาเหมือนเรื่องเราเอาธรรมารมณ์ความรู้สึกนั้นเป็นจิต เหมือนเวลามีอารมณ์โกรธตั้งขึนมาทับจิต อารมณ์โกรธสั่งจิต จิตสั่งกายวาจาไปตามอารมณ์เกิดเป็นกรรม อวิชชาจึงเหมือนปิดบังตวามจริง |
เจ้าของ: | student [ 07 ธ.ค. 2014, 15:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเรื่องจิต |
เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน: จิตเดิมนั้น ประกอบด้วยเจตสิกนิพพาน ป่าวครับ เป็นจิตที่ประกอบด้วยนิพพานอยู่แล้วเลย เพียงแต่โดนอวิชชามาบังไว้ตลอด เรื่องมันก็มีเพียงเท่านี้เองใช่ไหม ความเห็นผม จิตเดิมไม่ประกอบด้วยนิพพานครับ ต้องทำปัญญาให้แจ้ง จึงจะประกอบด้วยนิพพาน ด้วยการปฏิบัติตนแห่งความเพียรเท่านั้น อวิชชานั้นไม่ได้บดบัง แต่ฝังลึกอยู่แล้ว |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 07 ธ.ค. 2014, 18:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเรื่องจิต |
เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน: จิตเดิมนั้น ประกอบด้วยเจตสิกนิพพาน ป่าวครับ เป็นจิตที่ประกอบด้วยนิพพานอยู่แล้วเลย เพียงแต่โดนอวิชชามาบังไว้ตลอด เรื่องมันก็มีเพียงเท่านี้เองใช่ไหม นิพพานไม่ใช่จิต นิพพานไม่ประกอบกับจิต นิพพานเป็นธรรมที่พ้นไปจากจิต เรียกว่าในสากลจักรวาลนี้หาอะไรที่จะเปรียบเทียบให้เหมือนพระนิพพานไม่มีเลย การที่เรายังไม่เข้าถึงพระนิพพาน เพราะเรายังข้ามโอฆะไม่ได้ ยังวนเวียนอยู่ในวัฏฏะสงสาร |
เจ้าของ: | เปลี่ยนชื่อใหม่ [ 07 ธ.ค. 2014, 21:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเรื่องจิต |
แล้วถ้า จิต รวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ รอบข้างละครับ |
เจ้าของ: | student [ 07 ธ.ค. 2014, 22:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเรื่องจิต |
เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน: แล้วถ้า จิต รวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ รอบข้างละครับ จิตไม่ได้รวมครับ จิตเกิดการรู้ครับ ที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติคือรูป เช่น ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาติลม ธาตุไฟ |
เจ้าของ: | asoka [ 08 ธ.ค. 2014, 05:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเรื่องจิต |
เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน: จิตเดิมนั้น ประกอบด้วยเจตสิกนิพพาน ป่าวครับ เป็นจิตที่ประกอบด้วยนิพพานอยู่แล้วเลย เพียงแต่โดนอวิชชามาบังไว้ตลอด เรื่องมันก็มีเพียงเท่านี้เองใช่ไหม ![]() ถูกต้องตามที่คุณเปลี่ยนชื่อใหม่คิดและเห็น จิต เจตสิก รูป นิพพาน อภิธรรมเหล่านี้เขามีอยู่แล้วโดยธรรม อวิชชามาทำให้เกิดความเห็นผิดยึดผิดขึ้นมาบดบังธรรมชาติเดิมแท้เหล่านี้ไว้ สัมมาปัญญา จะเป็นตัวปลดเปลื้องสิ่งผิดธรรมเหล่านี้ให้หมดไป เปลื้องความเห็นผิดยึดผิดได้ ธรรมบริสุทธิ์ก็จักผุดปรากฏขึ้นมาเองดุจแสงสว่างแห่งพระอาทิตย์ขับไล่ความมืดของรัตติกาลไปฉันนั้น ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 08 ธ.ค. 2014, 06:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเรื่องจิต |
เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน: จิตเดิมนั้น ประกอบด้วยเจตสิกนิพพาน ป่าวครับ เป็นจิตที่ประกอบด้วยนิพพานอยู่แล้วเลย เพียงแต่โดนอวิชชามาบังไว้ตลอด เรื่องมันก็มีเพียงเท่านี้เองใช่ไหม จิตเดิม....หมายถึง...ก่อนมีอวิชชา..ใช่มั้ยครับ?.. ถ้าใช่.... จิตเดิมก็ยังไม่ใช่นิพพาน..ครับ...เพราะยังไม่มีวิชชา...ยังไม่มีประสบการณ์... คล้ายๆ..กับว่า..ถ้าไม่เคยทุกข์..ก็จะไม่รู้ว่าสุข..มันเป็นยังงัย..นั้นแหละครับ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 08 ธ.ค. 2014, 06:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเรื่องจิต |
เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน: แล้วถ้า จิต รวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ รอบข้างละครับ ธรรมชาติรอบข้าง..คืออะไรรึครับ??....ดิน..น้ำ..ลม...ภูเขา..อากาศ...ต้นไม้..ฯลฯ จิต..รวมกับธรรมชาติเหล่านี้จริงๆไม่ได้หรอกครับ...เพราะเป็นธรรมชาติที่ไม่มีอยู่จริง..รวมได้ก็เป็นการชั่วคราว...สุดท้ายก็ต้องแยกจากกันไป...เป็นธรรมดาของธรรมชาติที่ไม่มีอยู่จริง...เป็นธรรมชาติของสิ่งที่ถูกทำให้เกิด... สิ่งที่มีอยู่จริง...ไม่มีอะไรทำให้เกิด...ไม่มีอะไรทำให้ดับเพราะไม่ได้ถูกทำให้เกิด....อยู่ได้ด้วยตัวเองเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งที่ไม่ปรากฎในวัฏฏสงสาร...ทั้ง31 ภพภูมิ |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 08 ธ.ค. 2014, 07:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเรื่องจิต |
เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน: แล้วถ้า จิต รวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ รอบข้างละครับ ธรรมชาติของจิตเป็นเพียงผู้รู้ ใน "จิต" นั้นมีธรรมชาติอีกอย่างที่เกิดร่วมด้วยได้แก่ "เจตสิก" เพราะ "เจตสิก" นั้นเป็นตัว"สังขาร"เป็นตัวปรุงแต่งให้จิตรู้เรื่องราวต่างๆ เจตสิก มี ๕๒ ดวงเว้นเวทนากับสัญญาเสีย ๒ ที่เหลือ ๕๐ เป็นสังขารทั้งหมด เมื่อจิตเป็นสมาธิหมายถึงรู้อารมณ์เดียว สังขารปรุงแต่งอารมณ์เดียว ที่เหลือนอกนั้นไม่มีหน้าที่มาปรุงแต่งอารมณ์ เป็นอารมณ์ที่ไม่ได้ถูกปรุงแต่ง ถ้าเมื่อ"จิต"แยกออกจาก"เจตสิก"เสียแล้วการจะไปรู้เรื่องราวต่างๆก็จะไม่ได้เลย เมื่อจิตพ้นจากความปรุงแต่งเสียแล้วก็ได้แก่ "พระนิพพาน" นั่นเอง |
เจ้าของ: | เปลี่ยนชื่อใหม่ [ 08 ธ.ค. 2014, 11:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเรื่องจิต |
จริงๆแล้ว ผมก็ไม่อาจทราบถึงคำตอบที่แท้จริงได้ เพราะคำตอบตอบที่แท้จริง มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวจริงๆ คำตอบของแต่ละท่าน ที่ตอบมาต่างๆกัน ตามสภาวะปรุงแต่ง ตามปัญญาของแต่ละท่าน ตามประสบการณ์ของแต่ละคน ตามแต่ที่เคยได้ยินได้ฟังมาแต่ละคน ก็ได้คำตอบที่ไม่เหมือนกัน หากเป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้ว มันควรจะเป็นเช่นไรครับ มันควรจะมีคำตอบแบบเดียวกัน หรือเป็นคำตอบเฉพาะที่รู้ๆได้โดยคนคนนั้นเอง ใช่ไหมครับ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | วิริยะ [ 08 ธ.ค. 2014, 12:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเรื่องจิต |
เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน: จิตเดิมนั้น ประกอบด้วยเจตสิกนิพพาน ป่าวครับ เป็นจิตที่ประกอบด้วยนิพพานอยู่แล้วเลย เพียงแต่โดนอวิชชามาบังไว้ตลอด เรื่องมันก็มีเพียงเท่านี้เองใช่ไหม "จิต" ดั้งเดิมประภัสสร ผ่องใสแต่ไม่บริสุทธิ์ เพราะประกอบด้วยอวิชชา "นิพพาน" เป็นสภาวะธรรมอย่างหนึ่ง .. มีแต่จิต ที่จะเข้าถึงสภาวะธรรมนั้นได้ จิตที่บริสุทธิ์ จิตที่อบรมดีแล้วด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา .. ![]() |
เจ้าของ: | toy1 [ 08 ธ.ค. 2014, 13:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเรื่องจิต |
ปฐมพุทธะวะจะนะ อะเนกะชาติสังสารัง คะหะการัง คะเวสันโต คะหะการะกะ ทิฏโฐสิ สัพพา เต ผาสุกา ภัคคา..... วิสังขาระคะตัง จิตตัง สันธาวิสสัง อะนิพพิสัง ทุกขา ชาติ ปุนัปปุนัง ปุนะ เคหัง นะ กาหะสิ คะหะกุฏัง วิสังขะตัง ตัณหานัง ขะยะมัชฌะคาติ ฯ เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน: แล้วถ้า จิต รวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ รอบข้างละครับ เนื่องจิตนี้ยังมีกรรม กรรมชักชักนำให้มาเกิด เมื่อตกลงมาในรูป ที่ก่อตัวขึ้นมาด้วยอำนาจกรรมปรุงแต่ง รวบรวมธาตุสี่ ขันธ์ห้า อายตนะ อารมณ์กรรม อวิชชา อุปทาน วิบากกรรม มีบุญมีบาป ก่อต่อขึนมาเป็นเป็นสังขารกรรมอาศัยอยู่ในรูป จิตผู้มีกรรมตกลงมาอาศัยในรูป ก็เหมือนถูกกักขัง ให้มีสัญชาตญาณหากินหล่อเลี้ยงชีวิตไปตามสัญชาตญาณของรูปนั้น จนกว่ารูปจะหมดอายุขัย สิ่งที่อยู่แวดล้อมจิตในรูปที่จิตอาศัยก็เป็นเรื่องธาตุสี่ ขันธ์ห้า อายตนะ ธรรมารมณ์ อุปทาน วิบากกรรม แวดล้อมจิตดวงนี่อยู่ จิตเราหมุนวนเวียนกับสิ่งเหล่านี้ไม่เคยได้พักยกเว้นเวลานอนหลับที่ไม่รู้สึกตัว นอกนั้นล้วนวนเวียนอยู่กับกามาวจร วัตถุกามเนื่องด้วยตาหูจมูกลิ้นกายใจ ลึกลงในมโนวิญญาณก็เป็นธรรมารมณ์ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อสุขเวทนาอทุกขเวทนา จิตเราพัวพันด้วยสิ่งเหล่านี้แวดล้อมจิตแล้วยังมีเรื่องของกรรมอีกมากมาย ที่เราไม่รู้ว่าจะเข้ามาปรุงแต่งธาตุสี่ ขันธ์ห้า อายตนะให้ผิดปกติ ให้เจ็บให้ป่วยทำให้ทุกข์เวลาไหน มีทางเดียวที่จะช่วยบรรเทาวิบากกรรมก็ด้วยทานบุญบารมี การปฏิบัตธรรมจึงเป็นเหมือนกาลหยุดวัฏฏะที่จิตเราวนเวียนหลงไปยึดหูตาจมูกลิ้นกายใจนี้เป็นของเรา เราฝึกปฏิบัติธรรมวางสิ่งที่ไม่เที่ยงเหล่านี้ เพื่อให้จิตเราเป็นอิสระ ขณะที่เราปฏิบัติธรรมกรรมก็คอยขัดขวางเหมือนดึงเราให้อยู่กับวัฏฏะ มีสิ่งหลอกลวงปิดบังซ่อนเร้นให้จิตหลงใหล เกิดอุปทานเนื่องด้วยตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ให้จิตนี้สงบไม่ได้ ต้องดิ้นรนหาวัตถุกาม หาภาระเป็นบ่วงให้จิตยึดถือ เหมือนหากรรมมาใส่ตัวเป็นเหมือนไฟเผาตัวเอง ต้องดิ้นรนเพราะทุกข์ แต่ไม่รู้ว่าทางไหนจะช่วยดับทุกข์ได้สนิท สิ่งที่อยู่รอบจิตเราจืงเป็นเหมือนไฟ ไม่ควรประมาท เราจึงขอที่พึ่ง มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณพ่อคุณแม่ที่เราอาศัยเป็นที่พึ่งของจิตเราในการสร้างบุญบารมีเพื่อปฏิบัติธรรม ให้มีศีลสมาธิปัญญา ไปตามทางที่พระพุทธองค์ชี้ให้เราเดินพาตนของตนให้พ้นทุกข์ |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 08 ธ.ค. 2014, 13:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเรื่องจิต |
เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน: จริงๆแล้ว ผมก็ไม่อาจทราบถึงคำตอบที่แท้จริงได้ เพราะคำตอบตอบที่แท้จริง มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวจริงๆ คำตอบของแต่ละท่าน ที่ตอบมาต่างๆกัน ตามสภาวะปรุงแต่ง ตามปัญญาของแต่ละท่าน ตามประสบการณ์ของแต่ละคน ตามแต่ที่เคยได้ยินได้ฟังมาแต่ละคน ก็ได้คำตอบที่ไม่เหมือนกัน หากเป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้ว มันควรจะเป็นเช่นไรครับ มันควรจะมีคำตอบแบบเดียวกัน หรือเป็นคำตอบเฉพาะที่รู้ๆได้โดยคนคนนั้นเอง ใช่ไหมครับ ![]() ![]() คำตอบแม้จะถูกต้องที่สุด...แต่ผู้ฟังไม่เข้าใจในคำตอบนั้น มันก็ไม่สามารถแก้ข้อสงสัยได้ มันก็คงเหมือนคำตอบที่ผิดนั่นเอง การตอบให้ผู้ถามผู้ฟังหายสงสัยได้เข้าใจได้นั่นแหละ คือคำตอบที่ถูกต้อง เพราะปัญญาของผู้ฟัง ต้องตอบแบบลึกซึ้งจึงจะเข้าใจได้ บางคนตอบลึกซึ้งเกินไป ก็ไม่เข้าใจ ถึงต้องยกอุปมาอุปมัยกันหลายอย่างจึงจะเข้าใจได้ บางคนก็ไม่เข้าใจอะไรเลย ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนสาวกทั้งหลายบรรลุธรรมได้ทุกคน เพราะเหตุว่าพระพุทธเจ้าหยั่งรู้ว่าบุคคลนี้สะสมอะไรมา ต้องสอนด้วยธรรมนี้จึงจะบรรลุธรรมได้ เป็นต้น ฉะนั้นการฟังธรรมจึงต้องฟังกันให้มากๆ เพื่ออาจจะตรงกับอัธยาสัยของตนจึงจะเข้าใจได้ บางคนก็ตอบแบบมั่วๆ ไม่รู้ซึ้งถึงคำถาม ตอบตามแบบฉบับของตนเองเข้าใจว่าน่าจะถูกต้อง ไม่ยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเอามาตอบ อันนี้เสียหายมากเพราะไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นคำสอนที่แข่งกับคำสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิ |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 09 ธ.ค. 2014, 14:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเรื่องจิต |
เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน: จิตเดิมนั้น ประกอบด้วยเจตสิกนิพพาน ป่าวครับ เป็นจิตที่ประกอบด้วยนิพพานอยู่แล้วเลย เพียงแต่โดนอวิชชามาบังไว้ตลอด เรื่องมันก็มีเพียงเท่านี้เองใช่ไหม นิพพาน ไม่ใช่เจตสิก นิพพาน นับว่าเป็นอายตนะ นิพพานจึงไม่ประกอบกับจิต อวิชชา ไม่ได้บังนิพพาน |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |