วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 09:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 124 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ย. 2014, 20:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คือคุนน้องมีอาการเกิดผีอำแบบสดๆร้อนๆเมื่อประมาณเวลา 18 -19.29 น เลยมาตั้งกระทู้ถามผู้รู้แต่ขอท้าวความก่อน วันนี้คุนน้องนึกอยากสวดมนต์อยากนั่งสมาธิก่อนเวลา พอดีว่างๆตอน5โมงเย็นกว่า เลยสวดมนต์ แล้ววันนี้ แผ่เมตตาให้ตนเอง และคุนน้องก็เตรียมน้ำไว้เพื่อจะกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร(กะว่าสวดมนต์นั่งสมาธิแล้วถึงไปกรวดน้ำ) คุนน้องสวดบทแผ่เมตตา สวดนมัสการพระรัตตรัย สวดคาถาเสริมดวงชะตา (บทนี้สวด3จบเพราะในหนังสือบอกว่านั่งสมาธิป้องกันมิให้จิตฟุ้งซ่าน)
หลังจากนั้นก็นั่งสมาธิ ในขณะนั่งรู้สึกแช่มชื่นโล่งโปร่งเบาสบายมากๆค่ะ ปกติเวลานั่งเริ่มแรกร่างกายจะไหวโยกเยก แล้วค่อยจิตตั้งมั่นทรงอยู่ในอารมณ์เอกัคคตา แต่คราวนี้ทรงอยู่ในอารมณ์เอกัคคตาได้ไวมาก จิตใจเบาโล่งสบายเหมือนปุยนุ่น นานเท่าไรจำมิได้(และก็ไม่ลืมแผ่บุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร) ขนาดขาเป็นเหน็บชายังไม่รู้สึกเพราะถูกกำลังสมาธิข่มทับความรู้สึกเหน็บชา แต่พอคุนน้องถอนอริยาบทเปลี่ยนเป็นนอนสมาธิแทน อาการเหน็บชาแทรกเข้ามาทั้งปวดแบบขาเกร็งจนขยับไม่ได้ เลยปล่อยให้มันหายเอง ทำสมาธิในท่านอนต่อ รู้สึกติดสุขในสมาธิ หลังจากนั้นคุนน้องเลยรู้สึกเคลิ้มจนหลับ คุนน้องหลับในท่านอยตะแคงทางขวา ทีนี้รู้สึกตัวแต่ขยับไม่ได้(ตอนนี้รู้แล้วว่าทำสมาธิตกภวังค์อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น)คุนน้องลืมตาเห็นแขนขวาตะเองราบอยู่บนที่นอนแต่ไม่รู้สึกตัวขยับไม่ได้ ทีนี้มันมาเลยค่ะ แกล้งคุนน้อง คุนน้องรู้สึกได้ยินเสียงคนเคลื่อนไหวไปมาข้างหลังแล้วเขามาทับตัวคุนน้องจากข้างหลัง คุนน้องก็สวดมนต์นะโมตัสสะ อะระหังสัมมาแต่ก็ไม่ตื่น พอเปลี่ยนจากทับข้างหลังเราแล้วลุกออกแล้วมาจับแขนขวาคุนน้องด้วย คุนน้องรู้สึกมีคนมาจับแขนคุนน้อง(แต่มองไม่เห็นใครเลยค่ะเรียกว่าผู้ไม่มีตัวตนละกัน )ยังไม่พอมาทับเราอีกรอบ รู้สึกเลยว่ามีคนมาทับเรา ทีนี้คุนน้องอยากไล่เขาไปเลยสวดคาถาชิณบัญชร จำได้แค่วรรคแรก :b5: ก็สวดแต่วรรคแรกซ้ำไปซ้ำมา ได้ยินเสียงแม่บ่นให้สามี ใจเราอยากตะโกนให้แม่ช่วยแต่รู้ว่าตะโกนไปแม่ก็ไม่ได้ยิน (นึกในใจรู้งี้น่าจะสวดชินบัญชรก่อนนั่งสมาธิ)เขายังทับคุนน้องอยู่บางทีก็เอามือมาจับตรงเอว ทีนี้เขาปิดจบส่งท้ายด้วยเสียงผู้ชายแก่ๆแหบๆทุ้มๆ เขาลากที่นอนคุนน้องให้ไปชนกับกำแพงห้อง(ที่นอนคุนน้องเป็นที่นอน6ฟุตไม่มีเตียงวางกลางห้องไม่ชิดขอบกำแพง เขาใช้แรงลากรึผลักไม่รู้ คุนน้องรับรู้ถึงแรงเหวี่ยงเลยหลับตา พร้อมเสียงสั่งลาว่า "โชคดี เจอกันชาติหน้า" หลังจากนั้นซักพักก็รู้สึกตัว ที่นอนก็อยู่ที่เดิม ไม่ได้โดนลากไปชนกำแพง แต่ตอนฝันเอฟเฟคสมจริงมาก :b5:
คุนน้องอยากเรียนถามว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับคุนน้อง คุนน้องใกล้เป็นโรคจิตแล้วใช่ไหมค่ะ หรือคุนน้องควรหยุดทำสมาธิตอนนอนค่ะ รบกวนผู้รู้มาตอบทีค่ะ อนุโมทนาล่วงหน้าค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2014, 02:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ได้เข้ามาตอบนะครับ คุณน้อง เข้ามาคุยเป็นเพื่อน.. เพราะต้องรอ คำตอบจาก เกจิ ผู้รู้ ผู้มีประสปการณ์
ขออนุญาตคุยกันแก้เหงา... เกี่ยวกับ คำว่า " ผีอำ " สมัยตอนเด็กๆ เคยเป็นบ่อยๆ โตมาแล้ว ก็ เคยเป็นบ้าง แต่ที่จำได้ พออายุมากขึ้น ได้เจริญสติ เจริญภาวนา ก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย..
แต่ตอนที่เป็น ขยับตัวไม่ได้ทั้งที่ลืม ตาอยู่ ตั้งสติ อยู่หลายที..ๆ ก็สบัด หลุด ออกมาได้ แต่จิตใจ ไม่ได้คิดว่า เป็นผีมาอำ..เพราะช่วงที่เป็น สังเกตุดู เวลา ว่างงาน นอนมาก..นอนกลางวัน (ส่วนมากจะเป็นช่วงนอนหลับกลางวัน) มีกลางคืนส่วนน้อย...ความเห็นส่วนตัว คิดว่ามันเกิดจากการนอนมาก เกิน จนทำให้เส้นสาย ยึด หรือสมองมัน เออเรอ..ประมาณนั้น ทั้งที่ลืมตาอยู่ แต่ก็ขยับตัวไม่ได้ บางที่จะได้ยินเสียง คนพูดกันบ้าง หรือแว่วๆ อันนี้ น่าจะมาจาก สัญญา เก่า จิตปรุงแต่งขึ้นเอง อาจจะเห็นภาพ มีคนมานั่งทับ หรือ มาอยู่ใกล้ ทั้งๆ ที่อยู่ในห้องคนเดียว..อันนี้ ก็จิตมันปรุง ขึ้นมาเอง บางทีคนที่ตายไปแล้ว เพื่อนๆ ก็เห็นมานั่ง..นั่นก็สัญญา ที่เคยบันทึกเอาไว้ จิตก็แต่งออกมาเป็นรูปร่าง..
.....สังเกตุ เวลาเรานอนหลับ ปกติจากการทำงานมาเหนื่อยล้า จะเห็นว่า หลับสนิท..เลย ไม่มีผีตัวใดมาอำ เพราะมันหลับสนิท จากการเหนื่อยล้า หรืออดนอนมากๆ..หลับแบบไม่รู้เรื่อง ไม่เคยมีผีมาอำ
....แต่กลางวัน ถ้าไปฝืนนอนมากๆ หรือ มันว่างมาก นอนเล่น หรืออาจนอนสมาธิ เผลอหลับไป นั่นแหละ อาจเกิดอาการ "ผีอำ"
....คนโบราณเขาบอกว่า นอนกลางคืน มีเทวดา มาอุ้มชู ปกปักรักษา จาก ภูติผีทั้งหลาย
...ส่วนกลางวันนั้น เทวดาอาจหลับ :b13: ไม่ได้มาเฝ้ารักษา หรือไม่ได้มาเข้าเวร :b12:
สังเกตุจาก นอนบนเสื่อที่มี ลาย ถ้าเราถอดเสื้อ นอนกลางวันตื่นมา เนื้อตัวเป็น รอย ลายตามเสื่อ
แต่นอน กลางคืน ลักษณะเดียวกัน ตื่นเช้ามา กลับไม่มีรอย :b16:
อันนี้จะจริง หรือไม่ ต้องไปพิสูจน์ดู :b13: ถ้ามันไม่จริง ก็ถือว่าคนโบราณโกหกนะ :b12:
สนุกๆ ครับ :b8:
เจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2014, 09:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ได้เข้ามาป่วนกระทู้นะ
แต่มีความเห็นว่าผีอำ ไม่ร้ายเท่ากับคนอำนะ
เป็นกรรม บาปไปตลอดทั้งชาติ....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2014, 09:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 09:13
โพสต์: 73


 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้ากรรมนายเวรมาลา ไม่มีคาถาบทใดขับเจ้ากรรมนายเวรได้ เพราะเป็นอกุศลกรรมที่ทำไว้ บุญจะช่วยเองเมื่อถึงเวลา เพราะคุณสร้างกุศลมากอันมีการสวดมนต์ อบรมสมาธิ แผ่ส่วนกุศล เขาคงอโหสิกรรมแล้ว แต่เวรยังอยู่ เลยเอาซะหน่อย จะได้ไม่ติดค้างกัน(กรรมการกระทำ เช่น ไม่มีเจตนาจะฆ่า ขับรถเหยียบกบตาย เกิดเป็นเวร เมื่อ กุศลกรรมเบาบางเรื่องของเวรกรรมเป็นเรื่องสลับซับซ้อนเค้าจัดสรรเมื่อถึงเวลาของเขา เวรก็จะสนองผู้กระทำ เช่น เดินข้ามถนนรถชนตาย คนขับเขาไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเรา)จึงสำรวมอินทรีย์ไว้ เพราะเราเป็นผู้ทำตัวเองทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2014, 12:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ยังไม่พ้น เขียน:
เจ้ากรรมนายเวรมาลา ไม่มีคาถาบทใดขับเจ้ากรรมนายเวรได้ เพราะเป็นอกุศลกรรมที่ทำไว้ บุญจะช่วยเองเมื่อถึงเวลา เพราะคุณสร้างกุศลมากอันมีการสวดมนต์ อบรมสมาธิ แผ่ส่วนกุศล เขาคงอโหสิกรรมแล้ว แต่เวรยังอยู่ เลยเอาซะหน่อย จะได้ไม่ติดค้างกัน(กรรมการกระทำ เช่น ไม่มีเจตนาจะฆ่า ขับรถเหยียบกบตาย เกิดเป็นเวร เมื่อ กุศลกรรมเบาบางเรื่องของเวรกรรมเป็นเรื่องสลับซับซ้อนเค้าจัดสรรเมื่อถึงเวลาของเขา เวรก็จะสนองผู้กระทำ เช่น เดินข้ามถนนรถชนตาย คนขับเขาไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเรา)จึงสำรวมอินทรีย์ไว้ เพราะเราเป็นผู้ทำตัวเองทั้งสิ้น

ตอนเกิดสภาวะนี้คุนน้องก็คิดว่าเจ้ากรรมนายเวร พอรู้สึกตัว รีบไปกรวดน้ำอุทิศบุญกุศลให้..
คุนน้องไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลยตั้งแต่ทำสมาธิ ที่เป็นก็แค่รู้เหมือนกายละเอียดหลุดออกจากกายเนื้อคือภาวนาตกภวังค์รู้สึกตัวพอจะตื่น ขยับแขนได้ แต่ขยับตัวไม่ได้ แต่ที่ขยับแขนได้ก็ตกใจเพราะเห็นแขนนอนอยู่รู้ว่าตนเองนอนอยู่ คุนน้องว่าคุนน้องมีของเก่าติดตัวมา แล้วมันจะถอดกายเองแบบไม่รู้ตัว คุนน้องเลยไม่ชอบทำสมาธินานเน้นเจริญสติ ที่อยากทำสมาธิเพราะดวงตกมากช่วงนี้ คุนน้องก็ไปค้นข้อมูลเกี่ยวกับภาวนาแล้วเจอสภาวะผีอำ มีความเห็นนึงเขาบอกว่า ปกติผีเขาไม่สามารถอำเราได้ง่ายๆ นอกซะจากคนนั้นเป็นญาติ พี่ น้อง เคยมีกรรมร่วมกัน หรือเจ้ากรรมนายเวร ตั้งแต่ปฏับัติธรรมคุนน้องเลิกกลัวผีไปนานละนะ ผีกลัวคุนน้องด้วยซ้ำ
คุนน้องตั้งข้อสังเกตุว่า ถ้าเป็นอาการของขันธ์5 สังขารปรุงแต่งของสัญญามันก็ยังพอรับมือไหว
แต่ถ้าทำสมาธิจนได้ของเก่า แบบไม่มีครูบาอาจารย์แนะนำ จน เกิดสภาวะที่เราสามารถเชื่อมต่อกับอีกมิตินึงได้ แล้วถ้าพวกเขารู้ว่าเราเชื่อมต่อกับเขาได้ คุนน้องจะไม่ซวยหรือค่ะ มันต้องมีผลกระทบกลับการใช้ชีวิตคุนน้องแน่ๆ กลัวเป็นบ้ายังอายุน้อยอยู่ อยากมีชีวิตปกติธรรมดา ไม่อยากสื่อสารคุยกับพวกโอปาติกะ แงๆๆจะปฏิบัติธรรมให้ก้าวหน้าทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ cry
ปล.เจ้ากรรมนายเวรมาลา อโหสิให้แล้ว ทำไมบอกเจอกันชาติหน้าละเจ้าค่ะ หรือพ่อน้องก้อง :b21:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2014, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
คือคุนน้องมีอาการเกิดผีอำแบบสดๆร้อนๆเมื่อประมาณเวลา 18 -19.29 น เลยมาตั้งกระทู้ถามผู้รู้แต่ขอท้าวความก่อน วันนี้คุนน้องนึกอยากสวดมนต์อยากนั่งสมาธิก่อนเวลา พอดีว่างๆตอน5โมงเย็นกว่า เลยสวดมนต์ แล้ววันนี้ แผ่เมตตาให้ตนเอง และคุนน้องก็เตรียมน้ำไว้เพื่อจะกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร(กะว่าสวดมนต์นั่งสมาธิแล้วถึงไปกรวดน้ำ) คุนน้องสวดบทแผ่เมตตา สวดนมัสการพระรัตตรัย สวดคาถาเสริมดวงชะตา (บทนี้สวด3จบเพราะในหนังสือบอกว่านั่งสมาธิป้องกันมิให้จิตฟุ้งซ่าน)
หลังจากนั้นก็นั่งสมาธิ ในขณะนั่งรู้สึกแช่มชื่นโล่งโปร่งเบาสบายมากๆค่ะ ปกติเวลานั่งเริ่มแรกร่างกายจะไหวโยกเยก แล้วค่อยจิตตั้งมั่นทรงอยู่ในอารมณ์เอกัคคตา แต่คราวนี้ทรงอยู่ในอารมณ์เอกัคคตาได้ไวมาก จิตใจเบาโล่งสบายเหมือนปุยนุ่น นานเท่าไรจำมิได้(และก็ไม่ลืมแผ่บุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร) ขนาดขาเป็นเหน็บชายังไม่รู้สึกเพราะถูกกำลังสมาธิข่มทับความรู้สึกเหน็บชา แต่พอคุนน้องถอนอริยาบทเปลี่ยนเป็นนอนสมาธิแทน อาการเหน็บชาแทรกเข้ามาทั้งปวดแบบขาเกร็งจนขยับไม่ได้ เลยปล่อยให้มันหายเอง ทำสมาธิในท่านอนต่อ รู้สึกติดสุขในสมาธิ หลังจากนั้นคุนน้องเลยรู้สึกเคลิ้มจนหลับ คุนน้องหลับในท่านอยตะแคงทางขวา ทีนี้รู้สึกตัวแต่ขยับไม่ได้(ตอนนี้รู้แล้วว่าทำสมาธิตกภวังค์อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น)คุนน้องลืมตาเห็นแขนขวาตะเองราบอยู่บนที่นอนแต่ไม่รู้สึกตัวขยับไม่ได้ ทีนี้มันมาเลยค่ะ แกล้งคุนน้อง คุนน้องรู้สึกได้ยินเสียงคนเคลื่อนไหวไปมาข้างหลังแล้วเขามาทับตัวคุนน้องจากข้างหลัง คุนน้องก็สวดมนต์นะโมตัสสะ อะระหังสัมมาแต่ก็ไม่ตื่น พอเปลี่ยนจากทับข้างหลังเราแล้วลุกออกแล้วมาจับแขนขวาคุนน้องด้วย คุนน้องรู้สึกมีคนมาจับแขนคุนน้อง(แต่มองไม่เห็นใครเลยค่ะเรียกว่าผู้ไม่มีตัวตนละกัน )ยังไม่พอมาทับเราอีกรอบ รู้สึกเลยว่ามีคนมาทับเรา ทีนี้คุนน้องอยากไล่เขาไปเลยสวดคาถาชิณบัญชร จำได้แค่วรรคแรก :b5: ก็สวดแต่วรรคแรกซ้ำไปซ้ำมา ได้ยินเสียงแม่บ่นให้สามี ใจเราอยากตะโกนให้แม่ช่วยแต่รู้ว่าตะโกนไปแม่ก็ไม่ได้ยิน (นึกในใจรู้งี้น่าจะสวดชินบัญชรก่อนนั่งสมาธิ)เขายังทับคุนน้องอยู่บางทีก็เอามือมาจับตรงเอว ทีนี้เขาปิดจบส่งท้ายด้วยเสียงผู้ชายแก่ๆแหบๆทุ้มๆ เขาลากที่นอนคุนน้องให้ไปชนกับกำแพงห้อง(ที่นอนคุนน้องเป็นที่นอน6ฟุตไม่มีเตียงวางกลางห้องไม่ชิดขอบกำแพง เขาใช้แรงลากรึผลักไม่รู้ คุนน้องรับรู้ถึงแรงเหวี่ยงเลยหลับตา พร้อมเสียงสั่งลาว่า "โชคดี เจอกันชาติหน้า" หลังจากนั้นซักพักก็รู้สึกตัว ที่นอนก็อยู่ที่เดิม ไม่ได้โดนลากไปชนกำแพง แต่ตอนฝันเอฟเฟคสมจริงมาก :b5:
คุนน้องอยากเรียนถามว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับคุนน้อง คุนน้องใกล้เป็นโรคจิตแล้วใช่ไหมค่ะ หรือคุนน้องควรหยุดทำสมาธิตอนนอนค่ะ รบกวนผู้รู้มาตอบทีค่ะ อนุโมทนาล่วงหน้าค่ะ



คือ อาการที่เกิดว่าทับนั้น อาจจะเป็นสภาวะของทุกข์ตรงจุดๆหนึ่ง

คือจิตไปจับเอาตรงข้อแขน และเอว นั้นเป็นสภาวะจริงที่จิตรับรู้ทุกข์

แต่อยู่ในสภาวะหลับอยู่ นอกเหนือจากจิตจับอยู่ที่เอว และข้อแขนเหมือนคนมาจับ เช่นเหมือนโดนลากเตียง แขนยกขึ้นแต่เห็นแขนนอนราบอยู่นั้นเป็นสัญญา ไม่ใช่สภาวะจริง

ลองตอบดูนะครับว่ามีความเห็นอย่างนี้

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2014, 14:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 09:13
โพสต์: 73


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณน้องคิดกลัวล่วงหน้าในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง บางคนขวนขวายเพื่อให้ถึงสมาธิขั้นสูงสุดเพื่อสามารถติดต่อกับกายละเอียดได้ ไม่ใช่ว่าจะได้ทุกคน ผมเองไม่ได้เห็นหรือติดต่อวิญญาณได้ จะได้ยืนยันในสิ่งที่เป็น ว่า เมื่อปราศจากร่างกายแล้ว ยังมีกายละเอียดอยู่เพื่อเสวยผลกรรมที่ทำมา ทั้งกุศล และ อกุศลจนกว่าจะถึงพระนิพพาน สิ่งนี้เป็นปัจจัตตัง เฉพาะเราผู้เดียว รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง สิ่งที่อยู่ใน มโน จะจริงหรือ เท็จ ก็รู้เฉพาะเรา นำมาประกอบเพื่อถึงพระนิพพานเท่านั้น ดังที่ท่านว่า รู้แล้ววาง จงใช้ สติ ปัญญาแก้ไข ปัญหา ชีวิตให้มาก
สำหรับผมแล้ว อยากเห็นนรกจะได้เลิกโง่ ยึดร่างกาย เร่งทำความดีให้มากกว่านี้ แต่ก็ไม่เคยเห็นหรือพบเจอ แม้ในฝันยังไม่มี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2014, 15:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ยังไม่พ้น เขียน:
คุณน้องคิดกลัวล่วงหน้าในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง บางคนขวนขวายเพื่อให้ถึงสมาธิขั้นสูงสุดเพื่อสามารถติดต่อกับกายละเอียดได้ ไม่ใช่ว่าจะได้ทุกคน ผมเองไม่ได้เห็นหรือติดต่อวิญญาณได้ จะได้ยืนยันในสิ่งที่เป็น ว่า เมื่อปราศจากร่างกายแล้ว ยังมีกายละเอียดอยู่เพื่อเสวยผลกรรมที่ทำมา ทั้งกุศล และ อกุศลจนกว่าจะถึงพระนิพพาน สิ่งนี้เป็นปัจจัตตัง เฉพาะเราผู้เดียว รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง สิ่งที่อยู่ใน มโน จะจริงหรือ เท็จ ก็รู้เฉพาะเรา นำมาประกอบเพื่อถึงพระนิพพานเท่านั้น ดังที่ท่านว่า รู้แล้ววาง จงใช้ สติ ปัญญาแก้ไข ปัญหา ชีวิตให้มาก
สำหรับผมแล้ว อยากเห็นนรกจะได้เลิกโง่ ยึดร่างกาย เร่งทำความดีให้มากกว่านี้ แต่ก็ไม่เคยเห็นหรือพบเจอ แม้ในฝันยังไม่มี

ความกลัวคืออวิชชา คุนน้องก็พยายามไม่กลัวแล้ว
พยายามคิดว่าอะไรจะเกิดอย่างน้อยแค่ตาย แต่พอเจอบททดสอบ ยังกลัวอยู่เลยค่ะ อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขารปรุงแต่ง มีเพียงพระอรหันต์ที่ไม่มีความกลัว..นอกนั้นยังมีกลัวอยู่นี่ค่ะ :b14:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2014, 15:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ย. 2014, 11:55
โพสต์: 123

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เวลาจะเกิดเหตุอะไรที่มันแปลกๆ ผิดปกติ เขาก็ทำให้เราง่วงสะลืมสะลือ กายที่ว่าเป็นของเรา เราเองก็ดูรักษาไม่ได้ กายที่อาศัยนี้มีอำนาจของกรรมซ้อนเร้นอยู่ เมื่อกรรมนั้นมาทวงแรงๆ ร่างกายนี้ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วยกรรม มีเจ็บมีป่วย มีทุกข์ มีกรรมตัดรอนบั้นทอนอายุขัย ต้องจบชีวิตก่อนกำหนด ชีวิตเป็นของไม่เที่ยงเมื่อยังมีกรรมอยู่ เคยสร้างกรรมมาก็ต้องเวียนเกิดเวียนตายต้องชดใช้กรรมเป็นวัฏฏะ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่เราควรทำให้มันเหนือดีเหนือชั่ว เพื่อพ้นบ่วงเวียนว่ายอยู่ในกรรมดีกรรมชั่ว ทำดีไม่หลงดีหรือไม่หลงไปยึดเพื่อละทุกข์ ไม่ได้ทำดีด้วยความหลงพาตนจมอยู่ในทุกข์

การปฏิบัติธรรมในอิริยาบถไสยาสน์หรือนอนนั้น ถ้าหากจิตไม่มีกำลังจริง ๆ เข้มแข็งจริงๆ ก็ยากที่จะรักษาจิตได้ อารมณ์ง่วง อารมณ์สะลืมสะลือจะเข้ามา จะทนอารมณ์เหล่านี้ไหวมั้ย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ธ.ค. 2014, 16:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนหน้านี้คุณน้องภาวนามักจะตกภวังค์เป็นเสียงจิตมาสอนธรรมเวลายังสงสัยสิ่งใดอยู่ อย่างมะก่อนสงสัยว่าธรรมคืออะไร ปฏิบัติธรรมทำไม จิตก็ผุดขึ้นว่า ธรรมคือความจริงของสิ่งเหล่านั้น..
หลังจากนั้นพอเข้าใจแบบนี้ ก็เริ่มปฏิบัติก้าวหน้าขึ้น เพราะเจริญสติปัฏฐาน เห็นกาย เห็น เวทนา เห็นจิต เห็นธรรม และยอมรับตนเองได้ และไม่ได้หนีความจริงในกายใจตนเอง มีกิเลศมากน้อยก็รู้ก็เห็นขัดเกลาไปเรื่อยๆ จนต่อมาเจริญภาวนาก็เจอสภาวะที่หลุดเข้าไปอยู่ในไสยศาสตร์ คือนอนสมาธิแล้ว กายละเอียดหลุดออก ตอนนั้นเคยหลุดออกลอยอยู่กลางเพดานค่ะ ควบคุมไม่เป็นเลยบังคับจิตให้นอนลงเหมือนเดิมละทำสมาธิเอาจิตมาอยู่ที่ลมหายใจ ตรงนี้คุนน้องรู้ว่า..มีความกลัวเข้าแทรกในตอนนั้น แต่สภาวะนี้เคยเป็นนานๆครั้ง
คิดว่าถ้าเกิดสภาวะนี้อีกเราน่าจะยอมรับความจริงได้นะ ถ้ากายจะหลุดออกจากร่างละตายก็จะไม่ฝืนไม่กลัว จะยอมรับความจริง อยากรู้เหมือนกันว่ามีความจริงอะไรบ้างที่เรายังไม่รู้.. ต่อมาก็เจอสภาวะกายละเอียดถอดออกได้แต่แขน ตัวติดหนึบอยู่ สภาวะนี้มันเกิดเองโดยเราไม่ได้ตั้งใจ แต่รู้ว่าเรายังไม่สะอาดพอที่จะถอดกายได้ บางคนถอดเพราะกำลังสมาธิที่ถูกฝึก แต่คุนน้องออกแบบไม่ตั้งใจ.. ละมาเจอกรณีล่าสุด ที่เจอบุคคลไม่มีตัวตนแกล้งทำให้กลัว.. ได้ยินเสียง รู้สึกมีคนมาสัมผัสทับเนื้อตัว..กานที่เราต้องเผชิญในสิ่งที่ไม่รู้มันทำให้กลัว ฟุ้งซ่าน คุนน้องรู้อินทรีย์ยังไม่แก่กล้าพอจะกำหนดรู้กับความกลัวตอนนั้น แต่ผลักไสความกลัวด้วยวิธีที่จะเอาชนะรึพยายามหนีมัน
ทุกคนที่ปฏิบัติจนถึงขั้นภาวนา เมื่อถึงสภาวะที่ยอมรับความกลัวได้ ยอมตายได้ มันจะมีบททดสอบมาเป็นช่วงๆ คุนน้องเชื่ออย่างนั้นน่ะ ถ้าคุยน้องต้องเจอผี โอปาติกะมาในแบบไม่น่าพิศมัย คุนน้องคงต้องมีกำลังสติมากพอที่จะขจัดความกลัวหรือพิจารณา อสุภะให้เห็นว่า เราอีกไม่ช้าก็ไม่แตกต่างจากเขา แต่สติในตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะไหวมั้ยเพราะถ้ามาตอนสะลึมสะลืม คงกลัวจนนึกไม่ออกปล่อยไปแล้วแต่เวรแต่กรรม เหอๆ :b14:
ถ้ายังกลัวก็ไม่สามารถเข้าใจ ไม่รู้ความจริง แม้ความจริงปรากฏต่อหน้าให้เห็น ก็ไม่รู้ เพราะอวิชา :b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2014, 11:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณน้องก้อง .... หลับ แล้วมีการกดทับของระบบเลือดลมในร่างกาย
คนโบราณเรียกว่า ผีอำ

ส่วนเห็นนู่นๆ นี่ๆ จิตปรุงแต่งไปเองจากสัญญาเดิมๆ เคยได้ยินได้ฟัง ได้รู้ ได้คิด ได้นึก

ไม่มีอะไรครับ

ภาวนาให้มาก ให้จิตสงบ พยายามไปเรื่อยๆ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2014, 11:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ย. 2014, 11:55
โพสต์: 123

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องของการปฏิบัติธรรม การได้ยินเสียงสอนในจิตเป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะเสียงที่ผุดขึ้นมา มักสอดคล้องกับอารมณ์อยากรู้อยากเห็น แม้กระทั้งเรื่องที่ไหลออกมาจากจิตใต้สำนึก เสียงที่ผุดขึ้นมาสอนเกิดขึ้นกับใคร ก็มักทำให้ผู้นั้นยึดถือสิ่งเกิดจากภายใน เหมือนมีความมั่นอกมั่นใจความภูมิใจ ทำให้ไม่ค่อยเชื่อฟังเหตุผลของใคร แม้กระทั้งอยู่ใกล้ผู้ที่ช่วยให้คำแนะนำเพื่อแก้ไขในสิ่งที่ตนเองกำลังผจญอุปสรรคอยู่ก็ไม่เชื่อ เหมือนเป็นเรื่องของวิบากกรรมที่ขัดขวาง ยิ่งเป็นเรื่องที่ออกแนวไสยศาศตร์แนวจิตวิญญาณ แนว Lucid Dream คงแก้ไขลำบาก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2014, 17:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


toy1 เขียน:
เรื่องของการปฏิบัติธรรม การได้ยินเสียงสอนในจิตเป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะเสียงที่ผุดขึ้นมา มักสอดคล้องกับอารมณ์อยากรู้อยากเห็น แม้กระทั้งเรื่องที่ไหลออกมาจากจิตใต้สำนึก เสียงที่ผุดขึ้นมาสอนเกิดขึ้นกับใคร ก็มักทำให้ผู้นั้นยึดถือสิ่งเกิดจากภายใน เหมือนมีความมั่นอกมั่นใจความภูมิใจ ทำให้ไม่ค่อยเชื่อฟังเหตุผลของใคร แม้กระทั้งอยู่ใกล้ผู้ที่ช่วยให้คำแนะนำเพื่อแก้ไขในสิ่งที่ตนเองกำลังผจญอุปสรรคอยู่ก็ไม่เชื่อ เหมือนเป็นเรื่องของวิบากกรรมที่ขัดขวาง ยิ่งเป็นเรื่องที่ออกแนวไสยศาศตร์แนวจิตวิญญาณ แนว Lucid Dream คงแก้ไขลำบาก

แบบนี้ถ้ารู้ไม่เท่าทันคงคิดว่าตนเองบรรลุธรรมหรือเป็นผู้วิเศษ... น่าจะมีคนเจอประสบการณ์แบบนี้มาแชร์กันบ้างเนาะ อยากรู้วิธีวางใจ เพราะเป็นอุปสรรคต่อการเจริญวิปัสนา..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2014, 17:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
คุณน้องก้อง .... หลับ แล้วมีการกดทับของระบบเลือดลมในร่างกาย
คนโบราณเรียกว่า ผีอำ

ส่วนเห็นนู่นๆ นี่ๆ จิตปรุงแต่งไปเองจากสัญญาเดิมๆ เคยได้ยินได้ฟัง ได้รู้ ได้คิด ได้นึก

ไม่มีอะไรครับ

ภาวนาให้มาก ให้จิตสงบ พยายามไปเรื่อยๆ

:b8: คุนน้องภาวนา จนตอนนี้รู้สึกสมาธิมันล้ำหน้า
จนจิตมันวางอุเบกขาแบบโง่ คือใครพูดไรก็เฉย เฉยโดยไม่มีตัวรู้เลยค่ะ..
มองไม่เห็นกิเลศเลยตอนนี้ รู้แต่ความสงบ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ธ.ค. 2014, 21:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ย. 2014, 11:55
โพสต์: 123

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีน้องคนหนึ่งมาเล่าให้ฟังว่าช่วงนีจิตดีจังใครพูดอะไรมาก็เฉย ดูเหมือนว่าจะดี แต่ความจริงมันเป็นอารมณ์เฉยแบบซื่อบื้อที่มันครองจิตอยู่ เรื่องเสียงที่สอนในจิตนั้นเป็นเรื่องยากที่จะหาคนที่รู้เข้าใจแก้ไขให้ เพราะที่มาของเสียงนั้นเราไม่อาจรู้ได้ว่ามาจากไหนเข้าข่ายเหมือนมารผจญจิต บางครั้งก็มาในลักษณะเป็นเหมือนกลมายา มีทั้งจริงและไม่จริงคอยหลอกลวงให้เชื่อหลงเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นคล้ายเรื่องปรุงแต่งคิดไปเอง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 124 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 156 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร