วันเวลาปัจจุบัน 07 ส.ค. 2025, 22:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2014, 08:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


"ความโกรธ"

..เรื่องการจอดรถในอาคารกับการควบคุมอารมณ์มาให้อ่านกันครับ
ส่วนตัวไม่รู้จักคุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย แต่อ่านเรื่องราวแล้ว อยากมาให้แบ่งปันกัน

เหตุเกิดที่ลานจอดรถ : กรณีศึกษาเรื่อง ‘ความโกรธ’ ของคุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย

หลายปีก่อน มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ผมได้ ‘เห็น’ ความโกรธชัดเจนที่วิ่งเข้ามาเยือนจิตใจ

บ่ายวันหนึ่ง...ผมต้องไปงานศพกะทันหัน ไม่ได้ทราบก่อนล่วงหน้า จึงไม่ได้เตรียมใส่ชุดดำ คนขับรถก็ลาพอดี

เลยต้องขับรถกลับมาที่ทำงานเพื่อ เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไปงานฯ

ปกติที่ออฟฟิศมีที่จอดรถประจำ

ปรากฏว่า...วันนั้นมีคนอื่นมาจอดรถในที่ของผมเอง และของบริษัทหมด...วนรถอยู่นานพอสมควร เลยตัดสินใจจอดในที่ของคนอื่นเพราะเห็นว่าว่างๆ อยู่

คิดในใจว่าขออนุญาตจอดสัก 10 นาที วิ่งไปเปลี่ยนเสื้อกลับมาคงไม่เป็นไร...เจ้าของที่คงยังไม่มา

พอเปลี่ยนเสื้อกลับมาที่รถ ปรากฏว่า...มีรถคันหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของที่จอดนั้น มาจอดขวางรถเราเอาไว้ แถมยังเข้าเกียร์ล็อคไว้อีกต่างหาก เลื่อนไม่ได้

ตอนแรกกะว่าจะให้ยาม ช่วยไปเชิญเจ้าของรถมาเลื่อนให้ แต่เกรงว่าจะไปงานศพไม่ทัน เลยตัดสินใจขึ้นรถแท็กซี่ไป

คืนนั้นกว่าจะสวดศพเสร็จกว่าจะรํ่าลาเจ้า ภาพก็ดึกพอสมควรผมก็นั่งรถแท็กซี่กลับไปที่ บ้าน ลืมเรื่องรถไปเลย

------


เช้าวันรุ่งขึ้น...ผมเดินมาที่รถซึ่งจอดเอาไว้เมื่อคืน ตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้น!!

เพราะยางรถแบนแต๋ดแต๋ ติดพื้น 2 ล้อเลย พอเห็นยางรถแบนเท่านั้น ความโกรธก็วิ่งเข้ามาในใจอย่างรวดเร็วและ รุนแรง

เป็นอาการบางอย่างที่ไม่เคยเห็นอยู่ในใจ แต่พอเรามีสติเข้าไป ‘เห็น’ ความโกรธที่ วิ่งเข้ามา ก็หายไปโดยฉับพลัน ความโกรธไม่มีเลย

ใจกลับเป็นปกติซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกมากกับตัวเอง

ส่วนใหญ่จะโกรธกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งวัน แม้จะพยายามปลอบใจตัวเองว่า อย่าโกรธอย่าโกรธ แต่พอเผลอ แว็บ ความโกรธก็จะวิ่งเข้ามาสู่ใจ

แต่พอมีสติเข้าไปเห็นทันความโกรธเท่านั้น ความโกรธเงียบหายไป

จำได้ว่าโกรธอยู่เพียง 3-5 วินาทีเท่านั้น เร็วมากๆ แล้วความโกรธก็ หายไป ไม่รู้หายไปไหนไม่กลับมาอีก

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ...ระหว่างที่ขึ้นลิฟท์จากชั้นที่จอดรถ มาบนออฟฟิศ เราเกิดปัญญาบางอย่างที่จะจัดการกับเหตุการณ์นี้ด้วยสติ

เป็นปัญญาที่ปกติตัวเองจะไม่สามารถคิดได้ขนาดนั้น

มันเหมือนเป็นอาการสว่างวาบแล้วเกิดปัญญา ประมาณนั้น!

-------


พอถึงออฟฟิศ ผมก็สั่งเลขาฯ ให้ไปตรวจสอบว่า...เจ้าของรถทะเบียนคันที่จอดรถขวางผมคือ ใคร แล้วช่วยจัดดอกไม้ให้หน่อย เดี๋ยวจะเอาดอกไม้ไปให้เขา

เลขาฯ ผมก็สงสัยทำไมต้อง เอาไปให้เขามากรีดยางรถผมแท้ๆ

ไม่ใช่แค่เลขาฯ เท่านั้นที่โกรธแทน พนักงานทั้งออฟฟิศโกรธกันหมด

พนักงานวิ่งส่งเอกสารวิ่งมาเลย บอกว่านายๆ เดี๋ยวผมจะเอาไม้ไปทุบ กระจกรถมันดีไหม

ยามของอาคารก็วิ่งขึ้นมาบอกว่า...

คนที่กรีดยางรถผมเป็นฝรั่งเจ้าของบริษัททัวร์ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย

เขาทำอย่างนี้มาหลายครั้งแล้ว โดนกันหมด ทั้งกรีดรถ กรีดยางรถ โดนกันประจำ เขาเป็นคนนิสัยแบบนี้

ผมบอกทุกคนว่า...ใจเย็นๆ รถผมเอง ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไร อย่าโกรธนะ...

แล้วผมก็เอากระเช้าดอกไม้ขึ้นไปที่ออฟฟิศเขา ซึ่งตลกมากเพราะอยู่ตรงกันข้ามกับสำนักพิมพ์ดี เอ็มจีซึ่งผมเช่าไว้คนละชั้นกับออฟฟิศบริษัทประชาสัมพันธ์

คิดอยู่ในใจว่า อืม...ออฟฟิศ อยู่ตรงข้ามกันอยู่ชั้นเดียวกันแท้ๆ ยังมาทำกันขนาดนี้!

-------


ผมพยายามจะขอพบเขา แต่เขาไม่ ออกมาพบ ส่งจีเอ็มคนไทยและพนักงาน 2-3 คน ยืนทำหน้าถขึงขังกันอยู่หน้าออฟฟิศ

แล้วถามผมว่าคุณใช่ไหม จอดรถทับที่เจ้านายเขา...โวยวายกันใหญ่แต่เขาคงไม่รู้ว่านายเขากรีดยางรถผม

ผมไม่ได้รับเชิญให้นั่ง และได้รับการยืนยันว่า นายเขาไม่ออกมาพบแน่นอน ปล่อยให้ยืนถือ ดอกไม้อยู่อย่างนั้น

ผมยืนอยู่สักพักหนึ่งเห็นว่า...คุณฝรั่งคนนั้นไม่ออกมาแน่ เลยอธิบาย เหตุการณ์ทั้งหมดให้ลูกน้องเขาฟัง

พอทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มเปลี่ยนท่าทีเชิญให้ผมนั่ง ดูเหมือนว่าตกใจที่นายเขามากรีดยางรถเรา

ผมบอกว่าตั้งใจเอาดอกไม้มาขอโทษเจ้านายคุณ สำหรับสิ่งที่ผมผิดพลาดในการจอดรถทับที่ของเขาเมื่อบ่ายวานนี้

แต่ผมมีเหตุจำเป็น คือต้องรีบไปงานศพ และที่จอดรถของผมและของบริษัทฯมีรถจอดเต็มทั้งหมด

และสิ่งที่อยากขอร้องคือเราอยู่ในตึกเดียวกัน น่าจะพูดกันดีๆ ไม่น่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้

หากเขาไปทำกับคนอื่นคงเดือดร้อน แต่สำหรับผม ผมไม่เดือดร้อน มีคนคอยดูแล เอารถไปเปลี่ยนยางได้

อย่างไรก็ตาม...ผมฝาก คำขอโทษไปถึงนายคุณด้วย

พูดจบแค่นั้น ผมก็ขอตัวลงมาทำงาน

-------

ปรากฏว่า...ก่อนเที่ยง วันเดียวกัน เลขาฯ และทีมงานเฮกันลั่นออฟฟิศ

เพราะได้รับตะกร้าผลไม้ใหญ่มาก พร้อมแชมเปญยี่ห้อแพงจากฝรั่งคนนี้ (เสียดาย ไม่ดื่ม!)

เลขาฯ หัวเราะมากกว่าคนอื่น เพราะสารภาพว่าไม่ได้สั่งดอกไม้ แต่ไปเอากระถางต้นไม้ในครัวมาผูกโบว์ โชคดีที่มีฝีมือเลยออก มาสวยงามพอให้ผมถือไปมอบให้เขาได้

ลงทุนไม่ถึงร้อยบาท แต่ได้รับกลับคืนมามากกว่าหลายเท่า!

แต่สิ่งที่ผมถือว่าเป็นรางวัลแท้จริง คือข้อความในจดหมายที่แนบมา (อุตส่าห์ส่งสาส์นรัก Love Note มาด้วย)

เขาบอกว่าทุกครั้งที่เขาได้ ‘สั่งสอน’ คนไทยที่ไม่มีระเบียบวินัย ชอบมาจอดรถในที่ของเขา และไปทำแบบนี้ จะรู้สึก ‘สะใจ’

เหมือนว่าได้ Give them a lesson! คือให้บทเรียนกับคนที่ไม่มีวินัย แบบนี้ยิ่งมีการมาโวยวายกันมากเท่าไรเขายิ่งรู้สึกสะใจมากขึ้น ว่าบทเรียนที่ให้ไปนั้นได้ผล ทำให้คนไทยสำนึก

แต่เขาบอกว่า...ผมมาแปลกที่เอาดอกไม้มา ขอโทษ แถมยังอธิบายเหตุผลด้วย และได้เห็นตัวอย่างว่า ผมก็ไม่โกรธที่มีคนอื่นมาจอดรถทับที่ผม

ทั้งที่สองบริษัทฯ ของผมดูแล้วน่าจะมีที่ จอดมากกว่าบริษัทเขาบริษัทเดียว

สรุปแล้ว...เขารู้สึกสำนึกว่าไม่ควรทำเรื่องแบบนี้ เขารู้สึกไม่ดีและอยากขอโทษ

เป็นครั้งแรกจริงๆที่รู้สึกแบบนี้

ในย่อหน้าสุดท้ายเขาบอกว่า...

ในฐานะที่ผมทำ บริษัทประชาสัมพันธ์ เขาก็เป็นบริษัททัวร์ชั้นนำ ขอมาเป็นลูกค้าได้หรือไม่

สรุปว่า...จากการที่ เราเจอเหตุการณ์แย่ๆ เราสามารถพลิกให้คน สำนึกได้ด้วยตนเอง และยังแถมมาเป็นลูกค้าอีก เป็นอานิสงส์ของสติจริงๆ

ผมไม่ได้รับเขามาเป็นลูกค้า ไม่ใช่ว่ากลัวจะโดนอะไรอีก

แต่เผอิญตอนนั้นเรามีลูกค้าเต็มมืออยู่แล้ว

และหลังจากนั้นเหตุการณ์การกรีดยางรถ หรือกรีดรถรอบคัน ในที่จอดรถของอาคาร ก็ไม่มีอีกต่อไป…

-------


ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด

ใครเชิด ใครชู ช่างเขา

ใครเบื่อ ใครบ่น ทนเอา

ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ...

ถ้าไม่ปิดกั้นตัวเองนะ อยากให้ฟังเรื่องของ "ความคิด" ฟังให้จบจะดีมาก https://www.youtube.com/watch?v=f2nBeT6RRyI

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2014, 15:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



" .. คนมีเมตตามีน้ำใจ โกรธยาก
แม้ไม่ได้รับการขอโทษก็อภัยได้

เป็นผู้ที่รักษาทั้งประโยชน์ตนและผู้อื่น .. "

:b20: :b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2014, 16:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2813


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2014, 19:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


ต้นไม้แก่ ขอฝนจากเมฆก้อนน้อย
เมฆก้อนน้อยตอบเพียงว่า

น้ำฝนมีอยู่น้อย
กลัวว่ามันคงจะไม่พอให้ต้นไม้แก่ได้ชื่นใจ

วันต่อมา
เมฆก้อนน้อยก็ยังคงบอกเช่นเดิม
มันน้อยไป จึงไม่พร้อมที่จะให้

เมฆก้อนน้อยจึงเดินทาง และพยายามสะสมฝน
เพื่อที่จะให้มันมากพอ พอที่จะทำให้ต้นไม้แก่ได้ชื่นใจ

เมื่อมีปริมาณมากพอ
เมฆน้อยจึงกลับมา


แต่สิ่งที่พบข้างหน้า
มีเพียงซากต้นไม้แก่ที่ตายแล้ว

เมฆน้อยได้แต่ร้องไห้แล้วถามว่าทำไม
ความพยายามของฉัน ไม่มีค่าเลยเหรอ

ชายหนุ่มที่นั่งใต้ต้นไม้จึงได้แหงนหน้า
แล้วบอกเมฆน้อยไปว่า

" การที่เราจะให้อะไรแก่ใครสักคนที่เรารัก
มันไม่ต้องรอให้มากพอหรือรอความพร้อมอะไรหรอก
ให้เท่าที่มี ก็ทำให้คนรับชื่นหัวใจได้
ความพยายามเป็นสิ่งที่ดี
แต่มันก็มีเวลาเป็นเงื่อนไขนะ

อย่าไปรอให้รวย ถึงจะทำอะไรให้คนที่เรารัก
อย่าไปรอให้พร้อม ถึงจะทำอะไรให้คนที่เรารัก
เพราะคนที่เรารัก อาจไม่มีเวลามากพอที่รอเรา "

แล้วก่อนที่ต้นไม้แก่จะจากไป
เขาฝากบอกเธอไว้ว่า ถ้าเห็นเธอผ่านมา
ให้บอกเธอว่า เขารักเธอ

เมฆน้อยได้แต่หลั่งน้ำตาออกมาเป็นเม็ดฝนอย่างไม่ขาดสาย
ให้กับต้นไม้ที่ไม่มีวันแตกใบให้ได้เห็นอีกต่อไป ตลอดกาล

อ่านกี่ทีก็ชอบ..เพราะเตือนสติได้ดีมาก...ในสิ่งที่เรามองข้าม

บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม) หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย..

ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ

ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง

เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ ครอบครัวเรากลับเล็กลง

เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง

เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น

เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า

แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น

เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้วแต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง

เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง

เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง

ทุกวันนี้ ทุกบ้านมีคนหา รายได้ได้ถึง 2 คน แต่การ หย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้นจากนี้ไปขอให้พวกเรา

อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้าง ว่าเพื่อโอกาสพิเศษ

เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิต อยู่คือโอกาสที่พิเศษสุดแล้ว

จงแสวงหา การหยั่งรู้

จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความอยาก

จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น

กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป

ชีวิตคือ โซ่ห่วงของนาที แห่งความสุข ไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด

เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย

น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้

เอาคำพูดที่ว่า "สักวันหนึ่ง……" ออกไปเสียจากพจนานุกรม

บอกคนที่เรารักทุกคนว่า เรารักพวกเขาเหล่านั้น แค่ไหน

อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตาม ที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น

ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย เราไม่รู้เลย ว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง

และเวลานี้….

ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีเวลา ที่จะ copy ข้อความนี้ ไป ให้คนที่คุณรักอ่าน แล้วคิด ว่า "สักวันหนึ่งค่อยส่ง"
คุณอาจไม่มีโอกาสมานั่ง ตรงนี้ เพื่อทำอย่างที่คุณ ต้องการอีกก็ได้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2014, 06:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ได้อ่านนิทานน่ารักๆ เรื่องนึง อ่านแล้วต้องยิ้มอยู่นาน ลองอ่านดูนะว่าหลังจากอ่านจบแล้วจะนั่งอมยิ้มเหมือนกันหรือเปล่า...

ช่างเทคนิค: ฮัลโหล สวัสดีครับ มีอะไรให้รับใช้ครับ

ลูกค้า : ดิฉันได้นั่งนึกดูแล้วคิดว่า โปรแกรมความรักนี่ก็น่าสนใจ ดีนะคะ คุณช่วยกรุณาแนะนำดิฉันหน่อยได้ไหมคะว่าจะลงโปรแกรมนี้ยังไง
ช่างเทคนิค : ด้วยความยินดีครับ ไม่ทราบว่าพร้อมที่จะลงโปรแกรม หรือยังครับ

ลูกค้า : อืม... ไม่รู้เหมือนกันคะ บอกตามตรงว่าดิฉันไม่ค่อยรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ เท่าไร แต่ดิฉันคิดว่าน่าจะพร้อมคะ ไม่ทราบว่าต้องเริ่มทำยังไงบ้างคะ
ช่างเทคนิค : อันดับแรกเลยคุณต้องเปิดใจคุณก่อนครับ

ลูกค้า : ไม่มีปัญหาคะ แต่ว่าตอนนี้ฉันเปิดใช้โปรแกรมอื่นอยู่ด้วย ไม่ทราบว่าจะมีปัญหาในการติดตั้งไหมคะถ้าฉันไม่ได้ปิดโปรแกรมพวกนี้
ช่างเทคนิค : ไม่ทราบว่าโปรแกรมอะไรหรือครับ ที่กำลังเปิดใช้งานอยู่

ลูกค้า : เดี๋ยว ขอดิฉันดูนิดนึงนะคะ อืม... ก็มีโปรแกรม "ความเจ็บปวดในอดีต","การไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง","ความ ริษยา", "ความขุ่นเคือง" และก็ "โปรแกรมความโกรธ" ทั้งหมดที่เปิดก็มีเท่านี้คะ

ช่างเทคนิค : ไม่มี ปัญหาครับ โปรแกรมความรักจะค่อยๆ ลบความเจ็บปวดในอดีต ออกจากระบบปฏิบัติการครับมันอาจจะคงอยู่ในหน่วยความ ทรงจำ แต่ว่าจะไม่รบกวนการทำงานของ โปรแกรมอื่นๆ ครับ ไม่ต้องกังวล สำหรับโปรแกรมการไม่เห็นคุณค่าของตัวเองนั้นจะค่อยๆ หายไปเอง เพราะ ส่วนประกอบส่วนหนึ่งของโปรแกรมความรัก คือ การเห็นคุณค่าของตนเอง ส่วน นี้จะค่อยๆ เข้ามาแทนที่อย่างช้าๆ จนการไม่เห็นคุณค่าตัวเองหมดไป แต่ว่าคุณเองจะต้องปิดโปรแกรมความริษยา ความขุ่นเคือง และ ความโกรธลง เพราะโปรแกรมพวกนี้จะขัดขวางไม่ให้โปรแกรมความรักสามารถติดตั้งได้ รบกวนช่วยปิดโปรแกรมพวกนี้ ก่อนได้ไหมครับ

ลูกค้า : บอกตามตรงเลยนะคะ ดิฉันไม่รู้จริงๆ คะว่าจะปิดโปรแกรมพวกนี้ยังไง

ช่างเทคนิค : เข้าไปที่ Start Menu นะครับ แล้วเรียกโปรแกรมการให้อภัยขึ้นมา ต้องเปิดโปรแกรมนี้เรื่อยๆ จนกว่าความริษยา,ความขุ่นเคือง และก็ความโกรธจะถูกลบออกไปจนหมด

ลูกค้า : ได้คะ.... เสร็จแล้วคะ ตอนนี้โปรแกรมความรักเริ่มที่จะติดตั้งอัตโนมัติแล้วคะ แต่เอ...นี่เป็นปกติของโปรแกรมใช่ไหมคะที่ติดตั้งด้วยตัวมันเอง

ช่างเทคนิค : ใช่ครับ แต่อย่าลืมนะครับว่า นี่ เป็นเพียงโปรแกรมพื้นฐานเท่านั้น คุณจะต้องติดต่อกับหัวใจดวงอื่นๆ เพื่อที่จะได้ upgrade โปรแกรมความรักให้มี version ที่สูงขึ้น

ลูกค้า : อุ้ย.... มีข้อความผิดพลาดขึ้นที่หน้าจอ บอกว่า โปรแกรมไม่สามารถติดต่อออก ไปสู่ภายนอกได้" ดิฉันควรทำยังไงดีคะ

ช่างเทคนิค : ไม่ต้องตกใจครับ นั่นแสดงว่าตอนนี้โปรแกรมความรักได้ติดตั้งอยู่ภายในใจคุณเรียบร้อยแล้วครับ แต่ที่โปรแกรมยังไม่สามารถใช้งานได้ ก็เพราะว่าคุณต้องเริ่มรักตัวคุณเองก่อน จากนั้นคุณถึงจะรักคนอื่นได้

ลูกค้า : แล้วดิฉันควรจะทำยังไงคะ

ช่างเทคนิค : คุณช่วยเลื่อนการยอมรับตัวเองลงมาหน่อยได้ไหมครับ จากนั้นให้คลิกที่ไฟล์ "การยกโทษให้ตนเอง" "การรู้ถึงคุณค่าของตัวเอง" และ การยอมรับถึงความจำกัดในตัวคุณ"

ลูกค้า : ได้คะ... เสร็จแล้วคะ

ช่างเทคนิค : โอเคครับ จากนั้นก็ ก๊อปปี้ไฟล์พวกนี้เข้ามาในไดเร็กทอรี่ "ใจฉัน" ระบบจะทำการจัดการไฟล์ที่มีปัญหา รวมทั้งแก้ไขโปรแกรมต่างๆที่มีข้อผิดพลาด แต่ว่าคุณจะต้องลบไฟล์ "การพูดถึงตัวเองในแง่ลบ" และ "ไฟล์การตัดสินผู้อื่น" ออกจากทุกๆไดเร็กทอรี่นะครับ และอย่าลืมเข้าไปลบอีกที ใน Recycle Bin นะครับ เพื่อให้มั่นใจว่าไฟล์พวกนี้ถูกลบจนหมด และไม่มีทางกลับเข้ามาทำความยุ่งยากได้อีก

ลูกค้า : ทราบแล้วคะ เอ๊ะ!! มีไฟล์ใหม่ๆ เกิดขึ้นในหัวใจตั้งเยอะคะ " ยิ้ม " กำลังวิ่งเล่นอยู่บนหน้าจอ "สันติสุข" และ "ความยินดี" กำลังก๊อปปี้ตัวเองอยู่ทั่วไปภายในใจฉัน นี่เป็นปกติหรือเปล่าคะ

ช่างเทคนิค : ครับ บางครั้งสำหรับบางคนอาจต้องใช้เวลาหน่อย แต่ท้ายที่สุดสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้โปรแกรมความรักได้ติดตั้ง และเปิดใช้งานเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ มีอีกอย่างหนึ่งที่อยากจะบอกก่อนที่จะวางสายครับ ความรักเป็นโปรแกรมให้เปล่า อย่า ลืมแบ่งปันให้คนอื่นนะครับ ความรักที่คุณให้ไปจะไม่เหมือนกันในแต่ละ คน และความรักนี้จะถูกส่งต่อไปยังคนอื่นๆ และส่วนหนึ่งก็จะกลับคืนมาสู่ ตัวคุณด้วย และเมื่อนั้นความรักของคุณก็จะมีการพัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

ลูกค้า : ดิฉันให้สัญญาคะว่าจะแบ่งปันโปรแกรมความรักให้กับคนอื่นๆ รบกวนขอทราบชื่อของคุณหน่อยได้ไหมคะ

ช่างเทคนิค : เรียกผมว่า "ผู้ชันสูตรจิตใจ" หรือ "เราเป็น" (I AM) ก็ได้

อย่าลืมหาโปรแกรม"ความรัก" มาติดตั้งกันทุกๆคนนะ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2015, 11:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 05:25
โพสต์: 620


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2015, 06:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


นพ.สุรพล รักทุม ฝากความคิดเห็นเรื่องชีวิตไว้ให้ก่อนจะเสียชีวิต...

คำไว้อาลัยงานพระราชทานเพลิงศพนายแพทย์ สุรพล รักทุม

ท่านเป็นหมอ ทำงานรักษาคนไข้มาตลอดชีวิต
เปิดคลีนิคของตัวเอง ร่วมธุรกิจกับพอล-ภัทรพล
เปิดบริษัทผลิตยา และลงทุนกับยุรนันท์ ภมรมนตรี(คงรู้จักดี)
เปิดคลีนิคสุขภาพ เป็นที่ปรึกษาให้เหล่าดารา ไปฉีดสเตมเซลล์เพื่อรักษาสุขภาพชลอความแก่ มีลูกค้าเป็นดารามากมาย และเงินทองก็มีมากเช่นกัน
แต่กลับพบว่าตนเองป่วยเป็นมะเร็งที่ตับ และใช้เงินที่หามาทั้งชีวิตพยายามรักษาตัวเองด้วยการไปผ่าตัดเปลี่ยนตับที่เมืองนอก
กลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นาน ตรวจพบมะเร็งรุกลามมาที่ปอด ก็ยังพยายามหาวีธีต่อสู้กับมะเร็งร้ายเรื่อยมา สุดท้ายก็ไม่อาจเอาชนะมันได้

ท่านเสียชีวิตในที่สุด ท่านฝากให้พวกเราทั้งหลายระลึกไว้ว่า
1.อย่าเอาแรงกดดัน มาเป็นแรงขับเคลื่อน ใช้ร่างกายจนเกินกำลัง เท่ากับทำร้ายร่างกาย
2.อย่าลืมว่าสุขภาพดี คือต้นทุน ร่างกายไม่แข็งแรง คุณจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างไร
3.อย่าเห็นชื่อเสียงและลาภยศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ชื่อเสียงลาภยศ เปรียบดังหมอกควัน สุดท้ายก็มลายสูญ
4.อย่าคิดว่าหมอจะช่วยชีวิตคุณได้ หมอที่ดีคือตัวคุณ ดูแลชีวิตดีกว่าให้ใครมาช่วยชีวิต
5.อย่าคิดว่าอุทิศให้แล้วจะต้องได้รับตอบแทนเสมอไป ให้อะไรกับใครอย่ารอให้เขาทดแทนบุญคุณ
6.อย่าคิดว่ารับราชการแล้วจะเหนือกว่าชาวบ้าน ถึงเวลาเกษียณก็ต้องเป็นชาวบ้านเหมือนเดิม
7.อย่ามองข้ามคนที่มีบุญสัมพันธ์กับคุณ เมื่อคุณตกอับ คุณจึงจะรู้ว่าใครบ้างที่ไปจากคุณ และตอนนั้นคนรู้ใจยิ่งหายาก
8.อย่าเห็นการทักทายของใครเป็นสิ่งน่ารำคาญ คนที่ส่งข้อความให้คุณเสมอเพราะคุณยังอยู่ในใจเขา

คำถามที่น่าคิด คุณมีเงิน แต่คุณมีค่าไหม?
เรามักแสวงหาสิ่งที่เราคิดว่า มีค่ามากที่สุดในชีวิต
แต่สุดท้าย ทุกคนหนีไม่พ้นอนิจจัง
หมั่นคิดดี พูดดี ทำดี
คุณค่าของชีวิตสร้างได้โดยไม่ต้องใช้เงิน

สุขภาพดีมาจากไหน?
พื้นฐาน 4 ประการในชีวิตประจำวัน คือ
-สภาวะจิตที่สงบสุข
-มีโภชนาการที่สมดุล
-ออกกำลังกายพอเหมาะ
-นอนหลับให้เพียงพอ

คนเราจะอยู่ได้อย่างมีคุณภาพต้องอาศัยอวัยวะทั้ง5
คือ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด และไต

WHO เตือนเราว่า คนเราเกิดโรคจาก
(1)รูปแบบการดำรงชีวิตไม่เหมาะสม
(2)กินอาหารไม่สมดุล

หากจะถามว่า เรากินอาหารเพื่ออะไร? คำตอบที่ได้คือ
(1)เพื่อการมีชีวิตอยู่
(2)เพื่อป้องกันโรค
(3)เพื่อรักษาโรค

บรรดาโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เกิดจากการกินทั้งนั้น
ในเมื่อกินแล้วทำให้เกิดโรคได้ ก็ต้องกินแล้วรักษาโรคได้เช่นกัน

แพทย์แผนจีนนั้น เป็นมรดกตกทอดมา 5 พันปี
เพื่อให้คนรุ่นหลังใช้รักษาโรค 5 ขั้นตอน คือ
ขั้นตอน 1 รักษาด้วยอาหาร
หมอจะให้สูตรอาหารแก่คนไข้เป็นเวลาหลายเดือน ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 2 กวาดทราย ดูดด้วยสุญญากาศ บีบนวด และดึงดัน ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 3 ฝังเข็ม ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 4 ใช้เหล้าดอง ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 5 ใช้ยา
ปัจจุบันหมอจะให้ยาทันทีที่คนไข้มาหา
ยาย่อมมีพิษ คุณกินยาทั้งเดือนทั้งปี ไม่มีวันที่โรคจะหายขาด

Socrates บิดาแห่งแพทย์แผนปัจจุบัน เคยกล่าวเตือนว่า
“จงกินอาหารให้เป็นยา อย่ากินยาเป็นอาหาร”
จีนโบราณก็มีคำกล่าวว่า
“ใช้อาหารรักษาโรคดีกว่ายา”
แต่ทุกวันนี้ มันกลับกันหมด

เรากินอาหารเพื่ออวัยวะชิ้นไหนกันแน่ ?
เราอยู่ได้ เพราะอาศัยพลังงานจากอวัยวะทั้ง5
•ตับดีชอบให้กินสีเขียว
•หัวใจดีชอบให้กินสีแดง
•ม้ามดีชอบให้กินสีเหลือง
•ปอดดีชอบให้กินสีขาว
•ไตดีชอบให้กินสีดำ

คำว่าดุลยภาพ หมายถึงกินหลากหลายชนิด
•ตับมีปัญหา สีหน้าจะออกเขียว
•หัวใจมีปัญหา สีหน้าจะออกแดง
•ม้ามมีปัญหา สีหน้าจะออกเหลือง
•คนไข้หอบหืด สีหน้าจะออกขาว
•คนไข้ไตเสื่อม สีหน้าจะออกดำ

ว่าด้วยเรื่องอาหาร
•ถั่วเขียวบำรุงตับ
คนทั่วไปมักจะต้มถั่วเขียวจนเละซึ่งไม่ถูกต้อง
วิธีที่ต้มถั่วเขียวที่ได้ประโยชน์ ที่ถูกคือ ต้มให้น้ำเดือดประมาณ 5-6 นาที ก่อนที่ถั่วจะแตกเม็ด รินเอาน้ำออกจะได้น้ำถั่วเขียวที่มีสีเข้มข้นที่สุด ดื่มแล้วมีสรรพคุณขับพิษสูงสุด จากนั้นเอาถั่วเติมน้ำ ต้มต่อจนเละ กินเป็นอาหาร

•หัวใจชอบสีแดง ให้กินถั่วแดง
•ม้ามชอบสีเหลือง ให้กินถั่วเหลือง
•ปอดชอบสีขาว ให้กินถั่วขาว
•ไตชอบสีดำ ให้กินถั่วดำ

ทำไมถึงให้กินแต่ถั่ว? เพราะตำรายาจีนมีคำว่า
“คนเรากินถั่วทั้ง5 จะสมบูรณ์พูนสุข”
โภชนาการแผนจีน ก็เน้นว่า “กินไม่พ้นถั่ว”
ดังนั้น เราควรบริโภคถั่วตลอดชีวิต

ในตำรายาจีน ได้พูดถึง รสชาติ ไว้ดังนี้
•เปรี้ยวบำรุงตับ (หากกินมาก ตับพัง)
•ขมบำรุงหัวใจ (หากกินมาก หัวใจพัง)
•หวานบำรุงม้าม (หากกินมาก ม้ามพัง)
•เผ็ดบำรุงปอด (หากกินมาก ปอดพัง)
•เค็มบำรุงไต (หากกินมาก ไตพัง)
หมายความว่า ต้องกินให้ครบทุกรสชาติ

กินอาหารอย่างไรจึงจะเหมาะ?
ง่ายนิดเดียว ขอแนะนำว่า แต่นี้ไป ให้กินผักดิบผลไม้สด แต่ละมื้อ ถ้าเปลือกกินได้ก็กินทั้งเปลือกจะยิ่งดี
เพราะแพทย์แผนจีนถือว่า กินของดิบลดอาการร้อนใน แพทย์แผนปัจจุบันก็ถือว่า ผักผลไม้สดดิบให้วิตามินดีกว่า

ขอส่งท้ายด้วย 4 ประโยคดังนี้
“หมอที่ดีที่สุดคือตัวเรา โรงพยาบาลที่ดีที่สุดคือห้องครัว ยาที่ดีที่สุดคืออาหารที่มีคุณค่า การรักษาที่ดีที่สุดคือเวลา”

ซินแสจีนแนะนำดังนี้
1.หลังจากฟังคำบรรยายแล้ว นำไปเผยแพร่แก่ญาติมิตร เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพดี และเป็นการทบทวนในตัว
2.เขียนข้อความ “ก่อนถึงอายุ 99 ห้ามเข้า(โลง)เด็ดขาด” ติดไว้หน้าเตียง เพื่อสั่งจิตใต้สำนึกของเราให้ดูแลร่างกายของเรา

สรุปว่าต่อไปนี้
-กินอาหารให้เป็นยา ไม่ใช่กินยาเป็นอาหาร
-อารมณ์ดี หัวเราะสามเวลา เพื่อห่างไกลจากโรคและยา
-บริโภคถั่วตลอดชีวิต เพื่อบำรุงอวัยวะทั้ง5 คือ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด และไต ควรกินทั้ง ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วขาว และ ถั่วดำ นั่นเอง!!!
-ให้กินผักดิบ ผลไม้สดที่สะอาดปลอดสารพิษ ถ้าเปลือกกินได้ ก็กินทั้งเปลือก
-กินอาหารให้ถูกต้อง เปรียบเสมือนกินยาจากธรรมชาติที่ดีที่สุดนั่นเอง!!!

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron