ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ทิฐิ มานะทิฐิ ? http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=48780 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ธงชาติ [ 18 พ.ย. 2014, 08:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | ทิฐิ มานะทิฐิ ? |
ทิฐิ ความเห็น ช่วยอธิบายให้เกิดความเข้าใจด้วยครับว่า ที่ถูกที่ผิดนั่นเอาอะไรมาเป็นหลัก มานะทิฐิกับทิฐิมานะ อันเดียวกันหรือเปล่าครับ สาธุครับ ![]() |
เจ้าของ: | ศรีสมบัติ [ 18 พ.ย. 2014, 09:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฐิ มานะทิฐิ ? |
ทิฐิ เฉยก็ยังเป็นฝ่ายอกุศล มี ทิฐิ คิอความเห็นผิด เติม สัมมาทิฐิ...อันนี้เป็นฝ่ายกุศล คือ ความเห็นดี เห็นถูก เติม มิจฉาทิฐิ อันนี้ เห็นผิด เป็นฝ่ายอกุศล ![]() ส่วน ทิฐิมานะ กับมานะทิฐิ อันนี้ก็เป็นฝ่ายอกุศล คือการถือตน ถือตัว หรือคิดว่าเราดีกว่าคนอื่นเขา อยู่เหนือเขา เป็นต้น..... เจริญในธรรม ![]() |
เจ้าของ: | toy1 [ 18 พ.ย. 2014, 11:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฐิ มานะทิฐิ ? |
มานะทิฎฐิด้วยตัณหาสามที่หมุนจิตของเราอยู่ กามตัณหา(กามคุณห้า รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ) อยากให้ได้มา ภวตัณหา (เช่น เกิดเป็นคนจน ทำบุญก็อยากเกิดเป็นคนรวย อยากเกิดเป็นเทพ เป็นเทวดา อยากเกิดบ่อย ๆ) อยากให้อยู่ ได้มาแล้วก็อยากให้อยู่นานๆ วิภวตัณหา ได้เป็นแล้วมีแล้วก็ทะเยอทะยานอยากได้ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่พึงพอใจในภาวะที่ตนเองกำลังเป็นต้องดิ้นรนต่อไป อยากให้ไปถึงสิ่งตัวเองเห็นว่าดี เรื่องความยึดถือในสิ่งตัวเองหลงว่าดี หลงว่าเห็นตัวเองดีแล้ว รู้ดีแล้ว ศึกษามามากแล้ว ทำมามากแล้ว มีประสบการณ์มามาก อาบน้ำร้อนมาก่อน พอใครมาติเตียน ขัดใจ ขัดขวาง ไม่ยอมรับ ไม่นับถือในสิ่งที่ตนหลงเห็นตัวเองดีแล้ว ก็ไม่ชอบใจเขา ยอมไม่ได้จึงยกตนเป็นคนพาล ก็ไปเอาอารมณ์โกรธโมโห ขัดเคือง อาฆาต พยาบาท มาหักล้างทำลายเขาอีกเป็นขบวน เหมือนเป็นกรรมจองเวรคล้องเวรกรรมกับผู้ที่ตำหนิติเตียนผู้หลงว่าตัวเองดีแล้ว หากเรามีสติรู้เท่าทันคลี่คลายตัณหามานะทิฎฐิมิให้มาแอบอิงที่จิตเรา ความหลงนี้ก็คงไม่มาเกิดที่เรา |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 19 พ.ย. 2014, 02:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฐิ มานะทิฐิ ? |
ธงชาติ เขียน: ทิฐิ ความเห็น ช่วยอธิบายให้เกิดความเข้าใจด้วยครับว่า ที่ถูกที่ผิดนั่นเอาอะไรมาเป็นหลัก มานะทิฐิกับทิฐิมานะ อันเดียวกันหรือเปล่าครับ สาธุครับ ![]() ทิฏฐิมานะ หรือ มานะทิฏฐิ คืออย่างเดียวกันเป็นคำสองคำนำมาพูดรวมกัน มานะ ก็อย่างหนึ่ง ทิฏฐิ ก็อย่างหนึ่ง แต่ก็เป็นอกุศลด้วยกันทั้งคู่ มานะ แปลว่า เย่อหยิ่งถือตน อวดตน เป็นอกุศลที่เบาละเอียดมากผู้ที่จะละมานะได้ ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้นที่ละได้ ทิฏฐิ มาคำเดียวโดดๆ แปลว่า ความเห็นผิด ถ้ามาสองคำ เช่น สัมมาทิฏฐิ แปลว่า มีความเห็นที่ถูกต้องกลายเป็นมหากุศลไป มิจฉาทิฎฐิ ก็แปลว่า มีความเห็นผิดเหมือนกับทิฎฐิ ที่มาตัวเดียวโดดๆ ทิฏฐินั้นเป็นอกุศลที่หนักถูกละได้โดยพระโสดบาบัน มานะเป็นอกุศลก็จริงที่ประกอบกับโลภะที่เป็นโลภะวิปปยุต มานะเกิดขึ้นได้แต่ไม่ถึงกับผิดศีล เช่นมีความอยากได้จึง ซื้อเอา ขอเอา เป็นต้น ทิฏฐิเป็นอกุศลหนักที่นำไปสู่อบายโดยฝ่ายเดียว |
เจ้าของ: | asoka [ 19 พ.ย. 2014, 18:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทิฐิ มานะทิฐิ ? |
![]() ทิฏฐิ เป็นคำกลาง แปลว่า ความเห็นเฉยๆ เมื่อรวมกับ มิจฉา=ผิด มิจฉาทิฏฐิ = เห็นผิด เมื่อรวมกับสัมมา=ถูกต้อง ชอบ ดีงาม เป็น สัมมาทิฏฐิ=เห็นถูกต้อง มานะ=ถือดี ถือตัว ถือรู้ ถือเก่ง อัตทิฏฐิ หรือ สักกายทิฏฐิ=มีกู......มีกู ตัวกู ของกูอยู่ในใจ มานะทิฏฐิ อัตติมานะ=กูมี........กูมี เงิน ทอง ข้าทาส ยศถา หน้าตา เกียรติ กาม ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |