มนุษย์ในทางพุทธศาสนาแบ่งออกเป็นกองนั่นคือขันธ์5 จะรูปนาม ปรมัตธรรม รูป จิต เจตสิก นิพพาน ก็อยู่ในกองขันธ์5 จะเห็นความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็อยู่ในกองขันธ์5นี้ เมื่อคุนน้องรู้เข้าใจเช่นนี้ คุนน้องก็ปิดตำรา และหมั่นเจริญสติปัฎฐาน4 คิดอย่างไรก็โอปะนะยิโก รู้สึกอย่างไรก็โอปะนะยิโกน้อมจิตมาพิจารณาที่กายนี้ นี่คือการโยนิโสมนสิการ เพื่อยกจิตขึ้นวิปัสนาตามกำลังปัญญาของตน คุนน้องปฏิบัติถูกมั้ยหรือมีท่านใดจะเพิ่มเติมชี้แนะ อนุโมทนาค่ะ
ปล.จริงๆอยากร่ายยาวกว่านี้แต่พิมพ์จากมือถือมันช้าค่ะ

มีคนกล่าวว่าคุนน้องปฏิบัติโดยไม่มีปริยัติ แสดงว่าคุนน้องไม่เชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้า คุนน้องก็ขอถามเลยละกัน อยากทราบว่า
หัวใจของพระพุทธศาสนาคืออะไร?
พระพุทธเจ้าทรงปฏิบัติอย่างไรถึงตรัสรู้?

เงิบ!!กระทู้คุนน้องยังไม่มีวี่แววว่าจะมีท่านผู้ใดมาตอบคำถามคาใจคุนน้องได้เลย คิดเห็นอย่างไรก็น่าจะมาแชกัน
หรือคำถามคุนน้องมันยากเกินกว่าจะมีผู้ใดอาจหาญมาตอบ แบบนี้นักปฏิบัติใหม่จะรู้เข้าใจพุทธศาสนาได้อย่างไร ถ้าไม่มีใครให้คำตอบเราให้กระจ่างได้ ว่าแท้จริงพุทธศาสนาสอนอะไรกันแน่ แล้วแบบนี้จะรู้ไหมว่าตนเดินผิดเดินถูก

ละชั่ว ทำดี ทำจิตให้ผ่องใส
นี่คือ หัวใจพระพุทธศาสนา ..

มรรคแปด คือแนวทาง หรือปฏิปทา
ที่พระองค์ทรงดำเนิน ..

ในที่สุดท่านวิริยะก็ทำประตูตีไข่แตกให้กระทู้คุนน้อง รู้สึกปลาบปลื้มยินดี อนุโมทนา ในความเมตตา กรุณาในจิต (นึกว่าตนเองโดนสังคมรังเกียจหรือเป็นกลุ่มไม่เข้าพวกกะชาวบ้านซะอีก )
ปล.มีท่านผู้ใดจะเพิ่มเติมอีกไหมค่ะ กระทู้นี้มีประโยชน์ค่ะไม่ไร้สาระ

สงสัยผมคงจะโพสต์ข้อความผิดจะขู่ใครหลายคน เลยเกิดการวัดกะเทียบ

โปรดติดตามตอนสาเอก..............

อยากมี ดีปลี ทรายแกนหลัก ก็ไม่ยอมบอกเราดีดี

พยายามกินยาให้ตรงเวลา อาการจะได้ไม่กำเริบนะค่ะ

การปฎิบัตินั้นคือการกระทำให้แจ้ง

ความเห็นคุณน้องก็ถูกทางแล้ว

เหลือการกระทำให้แจ้งตามกำลังของสติปัญญาต่อไป

ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าปริยัติมีความหมายว่าอย่างไร
เทียบปริยัติโดยทางใด

เข้ามาให้กำลังใจครับ คุณ น้อง มุ่งเดินทางปฏิบัตินั้นเดินมาถูกทางแล้ว เพราะ ทางก็มีอยู่ ผู้ชี้ทางก็มีอยู่ คนเดินทางก็มี แต่ ถึงจุดหมายอาจไม่พร้อมกัน เพราะ บุญบารมีเก่า ของเก่าที่สะสมมา ในสมัยพุทธกาล มีคนที่แค่ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า แล้วหลุดพ้น ได้มรรคผลขั้นนิพพานก็มีมาแล้ว เพียงแค่ได้ฟัง!! นะ เพราะบารมีบุญเก่าที่เขาสะสมมาแต่อดีตชาติ....เพราะฉะนั้น เมื่อศรัทธา เราเต็มเปี่ยม อินทรีย์เราพร้อม บารมีเก่าเรามี คุณน้องจะได้ มรรค ผล แน่นอน เพราะพระพุทธศาสนาเรา เป็นเรื่องพิสูจน์ได้ ลงมือปฏิบัติ แล้วจะเห็น จะรู้ ด้วยตัวเราเอง แต่บางครั้ง ครู บา อาจารย์ ก็จำเป็นที่จะต้องมีให้เพื่อ คลายความสงสัย หรือ ติดขัด เพื่อให้เดินตรงทาง คือ ไม่คด ไม่แวะ โค้ง ให้เสียเวลา...แชร์กันสนุกๆ นะครับ ว่างๆ ก็เข้ามา จะได้ไม่เหงา อย่างน้อย เราคือชาวพุทธบริษัท เราทั้งหลายเป็นกัลยณมิตร และเป็นนักเดินเหมือนกัน
เจริญในธรรม

ปริยัติตามความเข้าใจคุนน้องคือการเรียนรู้แนวทางปฏิบัติซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า คุนน้องถึงได้ถามประโยคสีแดงไงค่ะ

หัวใจของพุทธศาสนาคือ การทำดีละเว้นความชั่วทำจิตใจให้ผ่องใส ไม่ประมาทมัวเมาในขณะมีชีวิตอยู่ ไม่ปฎิบัติตนให้เสพสุขในกามคุนห้าจนเกินความพอดี และไม่ทรงทรมานตนจนเบียดเบียนตนเองให้เกิดทุกข์ และสิ่งที่เราชาวพุทธควรปฏิบัตคือ ทางสายกลางอริยมรรค มีองค์ 8
แล้วพระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไรค่ะ ถ้าไม่ใช่อริยสัจ4
ความจริงที่ทำให้บุคคลประเสร็ฐ
ทุกข์ การเกิดแก่เจ็บตาย พลัดพรากจากสิ่งที่รัก ผิดหวัง ไม่สมหวัง หรือสุขสมหวังมากไปจนเมื่อถึงเวลาที่ความสุขจากไปกระทันหันทุกข์เกิด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนคือทุกข์
สมุทัย เป็นสาเหตุแห่งทุกข์เพราะ ต้นเหตุของตัณหาคือ ความอยากใน จิต รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อยากในกาม อยากเป็นนั่นไม่อยากเป็นนี่ จากราคะความเพลิดเพลินยินดีพอใจกับสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
นิโรธ คือ ความดับ ความว่างปล่อยว่าง หลุดพ้นในทุกข์ ไม่พัวพันไม่อาลัยในทุกข์ สลัดคืนเข้าถึงความกระจ่างแจ้งแห่งจิต(ไม่ง่ายขนาดนั้นนะขอบอก )
มรรค แนวทางปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นนั่นคือมรรค8
การปฏิบัติได้อธิบายตั้งแต่กระทู้ด้านบนแล้ว และกัลยามิตรก็ชี้แนะให้ความเห็นว่ามาถูกทาง คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ใช่คำสอนพระพุทธเจ้า