วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 13:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2016, 08:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
บาลี ๑. "ภาษาอันรักษาไว้ ซึ่งพุทธพจน์" ภาษาที่ใช้ทรงจำ และจารึกรักษาพุทธพจน์ แต่เดิมมา อันเป็นหลักในพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ่ ถือกันว่า ได้แก่ ภาษามคธ


บาลีหรือมคธ ไม่ใช่พุทธพจน์
บาลีหรือมคธเป็นภาษาๆหนึ่ง ที่ใช้สื่อสารกันของชนเผ่าหนึ่งในชมพูทวีป

กรัชกาย เขียน:
๒. พระพุทธวจนะ ซึ่งพระสังคีติกาจารย์รวบรวมไว้ คือ พระธรรมวินัยที่พระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ประชุมกันรวบรวมจัดสรรให้เป็นหมวดหมู่ในคราวปฐมสังคายนา และรักษาไว้ด้วยภาษาบาลี สืบต่อกันมาในรูปที่เรียกว่า พระไตรปิฎก อันเป็นคัมภีร์พระพุทธศาสนาต้นเดิม ที่เป็นหลักของพระพุทธศาสนาเถรวาท,


ที่ชาวพุทธศึกษาอยู่ไม่ใช่พุทธวจน คำว่าพุทธวจนต้องหมายถึงถ้อยคำที่ออกจากปากหรือพระโอษถ์
ของพระพุทธองค์โดยตรง ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วจะยังมีพุทธวจน นั้นเป็นเพราะพระพุทธองค์ได้เสด็จ
ปรินิพพานไปสองพันกว่าปีแล้ว.......

ไอ้ที่เราศึกษากันอยู่มันเป็นการถ่ายทอดจากปากพระอานนท์และสาวกของพระพุทธองค์
และเกิดเป็นพระไตรปิฎกในภายหลัง

และที่ว่าพระไตรปิฎกที่เป็นหลักของเถรวาทเป็นคัมภีร์ดั้งเดิม ไม่เห็นด้วย
พระไตรปิฎกของเถรวาทไทย มีการสังคายนามาหลายครั้งหลายหน
ที่สำคัญในการทำสังคายนานั้น ได้มีการสอดไส้มิจฉาทิฐิของพราหมณ์
เอาเข้ามาไว้ในพระไตรปิกฉบับเถรวาทไทย....ก็ด้วยเหตุนี้ พระไตรปิฎกจึงมีเรื่อง
เทวดา นรกสวรรค์ อิทธิปาฏิหารย์ มันล้วนแต่เป็นสัตตทิฐิ(มิจฉา)ทั้งสิ้น
กรัชกาย เขียน:
พุทธพจน์, ข้อความที่มาในพระไตรปิฎก, ในการศึกษาพระพุทธศาสนา มีประเพณีที่ปฏิบัติกันมาในเมืองไทย ให้แยกคำว่า "บาลี" ในความหมาย ๒ อย่างนี้ ด้วยการเรียกให้ต่างกัน คือ ถ้าหมายถึงบาลี ในความหมายที่ ๑. ให้ใช้คำว่า ภาษาบาลี (หรือ ศัพท์บาลี คำบาลี หรือบาลี) แต่ถ้าหมายถึงบาลีในความหมายที่ ๒. ให้ใช้คำว่า พระบาลี


พุทธพจน์ไม่ใช่บาลี พุทธพจน์เป็นคำที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติขึ้นเอง
สิ่งที่พระพุทธองค์บัญญัติก็คือสิ่งที่พระพุทธองค์ค้นพบหรือตรัสรู้
บาลีหรือมคธเป็นภาษาที่ชาวมคธใช้กันตามปกติทั่วไป แต่พุทธพจน์เป็นภาษาเฉพาะของพระพุทธองค์



ภาษาพุทธพจน์ เป็นไง เอามาให้ดูถี่ :b14:


ไปเลือกเอาพระสูตรสั้นมาสักบท แล้วจะชี้ให้ดูว่า ภาษาพุทธพจน์ที่ถามเป็นอย่างไร

กรัชกายมันนิสัยแบบนี้ทุกที่ คือ...ไม่มีความรับผิดชอบ
ไปลอกบทความชาวบ้านมาตั้งกระทู้ พอมีคนโต้แย้งก็จนปัญญาให้ความกระจ่าง
ไม่รู้มันจะตั้งกระทู้ให้รกบอร์ดห้องสนทนาธรรมทำไม อยากโพสบทความเขามีห้องให้โพสก้ไม่ไปโพส

อยู่เว็บนี้มาจากผมดำเป็นผมขาวแล้ว ยังไม่รู้ปะสีปะสาอีก.....ไม่ไหวจะเคลียร์ :b32:



แนะๆแถ-ลง

ก็ว่าไม่ใช่ภาษาคนพูด คิกๆๆ (ภาษาพุทธพจน์) เราก็ถามว่า ภาษาคนสมัยใช้พูดกันเป็นยังไง

แนะๆ ยังแถให้เรา
อ้างคำพูด:
ไปเลือกเอาพระสูตรสั้นมาสักบท แล้วจะชี้ให้ดูว่า ภาษาพุทธพจน์ที่ถามเป็นอย่างไร


ก็ไปเอามาซี่ไป ไปเอามา ภาษาคนสมัยโน้น คือ ภาษาที่พระพุทธเจ้าสอนคนสมัยโน้นนะ ไปเอามา ไป คิกๆๆ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2016, 08:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
บาลี ๑. "ภาษาอันรักษาไว้ ซึ่งพุทธพจน์" ภาษาที่ใช้ทรงจำ และจารึกรักษาพุทธพจน์ แต่เดิมมา อันเป็นหลักในพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ่ ถือกันว่า ได้แก่ ภาษามคธ


บาลีหรือมคธ ไม่ใช่พุทธพจน์
บาลีหรือมคธเป็นภาษาๆหนึ่ง ที่ใช้สื่อสารกันของชนเผ่าหนึ่งในชมพูทวีป

กรัชกาย เขียน:
๒. พระพุทธวจนะ ซึ่งพระสังคีติกาจารย์รวบรวมไว้ คือ พระธรรมวินัยที่พระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ประชุมกันรวบรวมจัดสรรให้เป็นหมวดหมู่ในคราวปฐมสังคายนา และรักษาไว้ด้วยภาษาบาลี สืบต่อกันมาในรูปที่เรียกว่า พระไตรปิฎก อันเป็นคัมภีร์พระพุทธศาสนาต้นเดิม ที่เป็นหลักของพระพุทธศาสนาเถรวาท,


ที่ชาวพุทธศึกษาอยู่ไม่ใช่พุทธวจน คำว่าพุทธวจนต้องหมายถึงถ้อยคำที่ออกจากปากหรือพระโอษถ์
ของพระพุทธองค์โดยตรง ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วจะยังมีพุทธวจน นั้นเป็นเพราะพระพุทธองค์ได้เสด็จ
ปรินิพพานไปสองพันกว่าปีแล้ว.......

ไอ้ที่เราศึกษากันอยู่มันเป็นการถ่ายทอดจากปากพระอานนท์และสาวกของพระพุทธองค์
และเกิดเป็นพระไตรปิฎกในภายหลัง

และที่ว่าพระไตรปิฎกที่เป็นหลักของเถรวาทเป็นคัมภีร์ดั้งเดิม ไม่เห็นด้วย
พระไตรปิฎกของเถรวาทไทย มีการสังคายนามาหลายครั้งหลายหน
ที่สำคัญในการทำสังคายนานั้น ได้มีการสอดไส้มิจฉาทิฐิของพราหมณ์
เอาเข้ามาไว้ในพระไตรปิกฉบับเถรวาทไทย....ก็ด้วยเหตุนี้ พระไตรปิฎกจึงมีเรื่อง
เทวดา นรกสวรรค์ อิทธิปาฏิหารย์ มันล้วนแต่เป็นสัตตทิฐิ(มิจฉา)ทั้งสิ้น
กรัชกาย เขียน:
พุทธพจน์, ข้อความที่มาในพระไตรปิฎก, ในการศึกษาพระพุทธศาสนา มีประเพณีที่ปฏิบัติกันมาในเมืองไทย ให้แยกคำว่า "บาลี" ในความหมาย ๒ อย่างนี้ ด้วยการเรียกให้ต่างกัน คือ ถ้าหมายถึงบาลี ในความหมายที่ ๑. ให้ใช้คำว่า ภาษาบาลี (หรือ ศัพท์บาลี คำบาลี หรือบาลี) แต่ถ้าหมายถึงบาลีในความหมายที่ ๒. ให้ใช้คำว่า พระบาลี


พุทธพจน์ไม่ใช่บาลี พุทธพจน์เป็นคำที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติขึ้นเอง
สิ่งที่พระพุทธองค์บัญญัติก็คือสิ่งที่พระพุทธองค์ค้นพบหรือตรัสรู้
บาลีหรือมคธเป็นภาษาที่ชาวมคธใช้กันตามปกติทั่วไป แต่พุทธพจน์เป็นภาษาเฉพาะของพระพุทธองค์



ภาษาพุทธพจน์ เป็นไง เอามาให้ดูถี่ :b14:


ไปเลือกเอาพระสูตรสั้นมาสักบท แล้วจะชี้ให้ดูว่า ภาษาพุทธพจน์ที่ถามเป็นอย่างไร

กรัชกายมันนิสัยแบบนี้ทุกที่ คือ...ไม่มีความรับผิดชอบ
ไปลอกบทความชาวบ้านมาตั้งกระทู้ พอมีคนโต้แย้งก็จนปัญญาให้ความกระจ่าง
ไม่รู้มันจะตั้งกระทู้ให้รกบอร์ดห้องสนทนาธรรมทำไม อยากโพสบทความเขามีห้องให้โพสก้ไม่ไปโพส

อยู่เว็บนี้มาจากผมดำเป็นผมขาวแล้ว ยังไม่รู้ปะสีปะสาอีก.....ไม่ไหวจะเคลียร์ :b32:



แนะๆแถ-ลง

ก็ว่าไม่ใช่ภาษาคนพูด คิกๆๆ (ภาษาพุทธพจน์) เราก็ถามว่า ภาษาคนสมัยใช้พูดกันเป็นยังไง

แนะๆ ยังแถให้เรา
อ้างคำพูด:
ไปเลือกเอาพระสูตรสั้นมาสักบท แล้วจะชี้ให้ดูว่า ภาษาพุทธพจน์ที่ถามเป็นอย่างไร


ก็ไปเอามาซี่ไป ไปเอามา ภาษาคนสมัยโน้น คือ ภาษาที่พระพุทธเจ้าสอนคนสมัยโน้นนะ ไปเอามา ไป คิกๆๆ :b32:


เป็นคนตั้งกระทู้ คนเขาแย้งในประเด็นไหน มันเป็นหน้าที่ของตน
ที่จะต้องแก้ต่างในประเด็นที่เขาแย้ง ว่าใช่หรือไม่ใช่อย่างไรด้วยการให้เหตุผล

มันไม่ใช่มาถามเขาว่า นี่คืออะไร นั้นคืออะไร
ตัวเองต้องรู้ซิว่าเขาพูดอะไร มันเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ตัวแสดงความเห็นอย่างไร

แทนที่พี่โฮจะได้พูดธรรม กับต้องนั่งสอน
ธรรมเนียมปฏิบัติในการสนทนาให้ฟัง นี่แหล่ะหนา มั่วแต่ก๊อปปี้ชาวบ้าน
ไม่รู้จักใช้ความคิดตัวเอง......สมองเลยฝ่อหมด
ไม่ไหวจะเคลียร์! :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2016, 08:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
บาลี ๑. "ภาษาอันรักษาไว้ ซึ่งพุทธพจน์" ภาษาที่ใช้ทรงจำ และจารึกรักษาพุทธพจน์ แต่เดิมมา อันเป็นหลักในพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ่ ถือกันว่า ได้แก่ ภาษามคธ


บาลีหรือมคธ ไม่ใช่พุทธพจน์
บาลีหรือมคธเป็นภาษาๆหนึ่ง ที่ใช้สื่อสารกันของชนเผ่าหนึ่งในชมพูทวีป

กรัชกาย เขียน:
๒. พระพุทธวจนะ ซึ่งพระสังคีติกาจารย์รวบรวมไว้ คือ พระธรรมวินัยที่พระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ประชุมกันรวบรวมจัดสรรให้เป็นหมวดหมู่ในคราวปฐมสังคายนา และรักษาไว้ด้วยภาษาบาลี สืบต่อกันมาในรูปที่เรียกว่า พระไตรปิฎก อันเป็นคัมภีร์พระพุทธศาสนาต้นเดิม ที่เป็นหลักของพระพุทธศาสนาเถรวาท,


ที่ชาวพุทธศึกษาอยู่ไม่ใช่พุทธวจน คำว่าพุทธวจนต้องหมายถึงถ้อยคำที่ออกจากปากหรือพระโอษถ์
ของพระพุทธองค์โดยตรง ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วจะยังมีพุทธวจน นั้นเป็นเพราะพระพุทธองค์ได้เสด็จ
ปรินิพพานไปสองพันกว่าปีแล้ว.......

ไอ้ที่เราศึกษากันอยู่มันเป็นการถ่ายทอดจากปากพระอานนท์และสาวกของพระพุทธองค์
และเกิดเป็นพระไตรปิฎกในภายหลัง

และที่ว่าพระไตรปิฎกที่เป็นหลักของเถรวาทเป็นคัมภีร์ดั้งเดิม ไม่เห็นด้วย
พระไตรปิฎกของเถรวาทไทย มีการสังคายนามาหลายครั้งหลายหน
ที่สำคัญในการทำสังคายนานั้น ได้มีการสอดไส้มิจฉาทิฐิของพราหมณ์
เอาเข้ามาไว้ในพระไตรปิกฉบับเถรวาทไทย....ก็ด้วยเหตุนี้ พระไตรปิฎกจึงมีเรื่อง
เทวดา นรกสวรรค์ อิทธิปาฏิหารย์ มันล้วนแต่เป็นสัตตทิฐิ(มิจฉา)ทั้งสิ้น
กรัชกาย เขียน:
พุทธพจน์, ข้อความที่มาในพระไตรปิฎก, ในการศึกษาพระพุทธศาสนา มีประเพณีที่ปฏิบัติกันมาในเมืองไทย ให้แยกคำว่า "บาลี" ในความหมาย ๒ อย่างนี้ ด้วยการเรียกให้ต่างกัน คือ ถ้าหมายถึงบาลี ในความหมายที่ ๑. ให้ใช้คำว่า ภาษาบาลี (หรือ ศัพท์บาลี คำบาลี หรือบาลี) แต่ถ้าหมายถึงบาลีในความหมายที่ ๒. ให้ใช้คำว่า พระบาลี


พุทธพจน์ไม่ใช่บาลี พุทธพจน์เป็นคำที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติขึ้นเอง
สิ่งที่พระพุทธองค์บัญญัติก็คือสิ่งที่พระพุทธองค์ค้นพบหรือตรัสรู้
บาลีหรือมคธเป็นภาษาที่ชาวมคธใช้กันตามปกติทั่วไป แต่พุทธพจน์เป็นภาษาเฉพาะของพระพุทธองค์



ภาษาพุทธพจน์ เป็นไง เอามาให้ดูถี่ :b14:


ไปเลือกเอาพระสูตรสั้นมาสักบท แล้วจะชี้ให้ดูว่า ภาษาพุทธพจน์ที่ถามเป็นอย่างไร

กรัชกายมันนิสัยแบบนี้ทุกที่ คือ...ไม่มีความรับผิดชอบ
ไปลอกบทความชาวบ้านมาตั้งกระทู้ พอมีคนโต้แย้งก็จนปัญญาให้ความกระจ่าง
ไม่รู้มันจะตั้งกระทู้ให้รกบอร์ดห้องสนทนาธรรมทำไม อยากโพสบทความเขามีห้องให้โพสก้ไม่ไปโพส

อยู่เว็บนี้มาจากผมดำเป็นผมขาวแล้ว ยังไม่รู้ปะสีปะสาอีก.....ไม่ไหวจะเคลียร์ :b32:



แนะๆแถ-ลง

ก็ว่าไม่ใช่ภาษาคนพูด คิกๆๆ (ภาษาพุทธพจน์) เราก็ถามว่า ภาษาคนสมัยใช้พูดกันเป็นยังไง

แนะๆ ยังแถให้เรา
อ้างคำพูด:
ไปเลือกเอาพระสูตรสั้นมาสักบท แล้วจะชี้ให้ดูว่า ภาษาพุทธพจน์ที่ถามเป็นอย่างไร


ก็ไปเอามาซี่ไป ไปเอามา ภาษาคนสมัยโน้น คือ ภาษาที่พระพุทธเจ้าสอนคนสมัยโน้นนะ ไปเอามา ไป คิกๆๆ :b32:


เป็นคนตั้งกระทู้ คนเขาแย้งในประเด็นไหน มันเป็นหน้าที่ของตน
ที่จะต้องแก้ต่างในประเด็นที่เขาแย้ง ว่าใช่หรือไม่ใช่อย่างไรด้วยการให้เหตุผล

มันไม่ใช่มาถามเขาว่า นี่คืออะไร นั้นคืออะไร
ตัวเองต้องรู้ซิว่าเขาพูดอะไร มันเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ตัวแสดงความเห็นอย่างไร

แทนที่พี่โฮจะได้พูดธรรม กับต้องนั่งสอน
ธรรมเนียมปฏิบัติในการสนทนาให้ฟัง นี่แหล่ะหนา มั่วแต่ก๊อปปี้ชาวบ้าน
ไม่รู้จักใช้ความคิดตัวเอง......สมองเลยฝ่อหมด
ไม่ไหวจะเคลียร์! :b32:



คน ฟุ้งซ่านธรรม ฟุ้งซ่านเรื่องศาสนา โฮฮับนี่แหละตัวจริง ไม่มีตัวสำรอง :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2016, 09:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไหนลองสักตัวสิ

โฮฮับ ปัจจัตตัง เป็นอะไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2016, 09:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามเอาจริงเอาจัง เพ่นไม่เหลียวหลัง คิกๆๆ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2016, 12:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่สำเหนียกพึ่งสอนไปแหม่บๆ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2016, 17:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ไม่สำเหนียกพึ่งสอนไปแหม่บๆ :b32:


บอกไม่เชื่อ คิกๆๆ

ไปไม่เป็นออกทะเลเช่นเคย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 09:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2014, 11:29
โพสต์: 64

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
บาลี ๑. "ภาษาอันรักษาไว้ ซึ่งพุทธพจน์" ภาษาที่ใช้ทรงจำ และจารึกรักษาพุทธพจน์ แต่เดิมมา อันเป็นหลักในพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ่ ถือกันว่า ได้แก่ ภาษามคธ


บาลีหรือมคธ ไม่ใช่พุทธพจน์
บาลีหรือมคธเป็นภาษาๆหนึ่ง ที่ใช้สื่อสารกันของชนเผ่าหนึ่งในชมพูทวีป

กรัชกาย เขียน:
๒. พระพุทธวจนะ ซึ่งพระสังคีติกาจารย์รวบรวมไว้ คือ พระธรรมวินัยที่พระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ประชุมกันรวบรวมจัดสรรให้เป็นหมวดหมู่ในคราวปฐมสังคายนา และรักษาไว้ด้วยภาษาบาลี สืบต่อกันมาในรูปที่เรียกว่า พระไตรปิฎก อันเป็นคัมภีร์พระพุทธศาสนาต้นเดิม ที่เป็นหลักของพระพุทธศาสนาเถรวาท,


ที่ชาวพุทธศึกษาอยู่ไม่ใช่พุทธวจน คำว่าพุทธวจนต้องหมายถึงถ้อยคำที่ออกจากปากหรือพระโอษถ์
ของพระพุทธองค์โดยตรง ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วจะยังมีพุทธวจน นั้นเป็นเพราะพระพุทธองค์ได้เสด็จ
ปรินิพพานไปสองพันกว่าปีแล้ว.......

ไอ้ที่เราศึกษากันอยู่มันเป็นการถ่ายทอดจากปากพระอานนท์และสาวกของพระพุทธองค์
และเกิดเป็นพระไตรปิฎกในภายหลัง

และที่ว่าพระไตรปิฎกที่เป็นหลักของเถรวาทเป็นคัมภีร์ดั้งเดิม ไม่เห็นด้วย
พระไตรปิฎกของเถรวาทไทย มีการสังคายนามาหลายครั้งหลายหน
ที่สำคัญในการทำสังคายนานั้น ได้มีการสอดไส้มิจฉาทิฐิของพราหมณ์
เอาเข้ามาไว้ในพระไตรปิกฉบับเถรวาทไทย....ก็ด้วยเหตุนี้ พระไตรปิฎกจึงมีเรื่อง
เทวดา นรกสวรรค์ อิทธิปาฏิหารย์ มันล้วนแต่เป็นสัตตทิฐิ(มิจฉา)ทั้งสิ้น
กรัชกาย เขียน:
พุทธพจน์, ข้อความที่มาในพระไตรปิฎก, ในการศึกษาพระพุทธศาสนา มีประเพณีที่ปฏิบัติกันมาในเมืองไทย ให้แยกคำว่า "บาลี" ในความหมาย ๒ อย่างนี้ ด้วยการเรียกให้ต่างกัน คือ ถ้าหมายถึงบาลี ในความหมายที่ ๑. ให้ใช้คำว่า ภาษาบาลี (หรือ ศัพท์บาลี คำบาลี หรือบาลี) แต่ถ้าหมายถึงบาลีในความหมายที่ ๒. ให้ใช้คำว่า พระบาลี


พุทธพจน์ไม่ใช่บาลี พุทธพจน์เป็นคำที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติขึ้นเอง
สิ่งที่พระพุทธองค์บัญญัติก็คือสิ่งที่พระพุทธองค์ค้นพบหรือตรัสรู้
บาลีหรือมคธเป็นภาษาที่ชาวมคธใช้กันตามปกติทั่วไป แต่พุทธพจน์เป็นภาษาเฉพาะของพระพุทธองค์



ภาษาพุทธพจน์ เป็นไง เอามาให้ดูถี่ :b14:


ไปเลือกเอาพระสูตรสั้นมาสักบท แล้วจะชี้ให้ดูว่า ภาษาพุทธพจน์ที่ถามเป็นอย่างไร

กรัชกายมันนิสัยแบบนี้ทุกที่ คือ...ไม่มีความรับผิดชอบ
ไปลอกบทความชาวบ้านมาตั้งกระทู้ พอมีคนโต้แย้งก็จนปัญญาให้ความกระจ่าง
ไม่รู้มันจะตั้งกระทู้ให้รกบอร์ดห้องสนทนาธรรมทำไม อยากโพสบทความเขามีห้องให้โพสก้ไม่ไปโพส

อยู่เว็บนี้มาจากผมดำเป็นผมขาวแล้ว ยังไม่รู้ปะสีปะสาอีก.....ไม่ไหวจะเคลียร์ :b32:



แนะๆแถ-ลง

ก็ว่าไม่ใช่ภาษาคนพูด คิกๆๆ (ภาษาพุทธพจน์) เราก็ถามว่า ภาษาคนสมัยใช้พูดกันเป็นยังไง

แนะๆ ยังแถให้เรา
อ้างคำพูด:
ไปเลือกเอาพระสูตรสั้นมาสักบท แล้วจะชี้ให้ดูว่า ภาษาพุทธพจน์ที่ถามเป็นอย่างไร


ก็ไปเอามาซี่ไป ไปเอามา ภาษาคนสมัยโน้น คือ ภาษาที่พระพุทธเจ้าสอนคนสมัยโน้นนะ ไปเอามา ไป คิกๆๆ :b32:



ถ้าคุณกรัชกาย เลือกพระสูตรมา แล้วคุณโฮฮับเอื้อยเจื้อย ไม่ชี้ หรือชี้ไม่ได้ ว่า คำไหนเป็นพุทธพจน์
เราก็จะว่า คุณโฮฮับแก "แถ" อย่างที่คุณกรัชกายว่าเลยละ
.
.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 09:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Duangrat เขียน:

ถ้าคุณกรัชกาย เลือกพระสูตรมา แล้วคุณโฮฮับเอื้อยเจื้อย ไม่ชี้ หรือชี้ไม่ได้ ว่า คำไหนเป็นพุทธพจน์
เราก็จะว่า คุณโฮฮับแก "แถ" อย่างที่คุณกรัชกายว่าเลยละ
.
.


จัดคาถานี้ให้ก่อน :b1:

เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตํ ตถาคโต
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ ฯ


แถมให้อีก โฮฮับพูดเองนะ

"ปจฺจตฺตํ" ได้แก่ อะไรเป็นพุทธพจน์ไหม

บอกไม่เชื่อ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 13:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
จัดคาถานี้ให้ก่อน :b1:

เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตํ ตถาคโต
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ ฯ


ว่าแล้วไง.."ไม่ได้สำเหนียกเลยสักนิด"

บอกให้เอาพระสูตรที่เกี่ยวกับ "ภาษาพุทธพจน์" มันก็น่าจะรู้แล้วว่า ต้องเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า

ดันมั่วเอาคาถาบ้าบอคอแตกอะไรมา.....
ไอ้ที่เอามาถามเรียก...โวหาร ซึ่งมันเป็นโวหารหรือคำพูดของท่านอัสสชิ

โวหารนี้เกิดจากท่านอัสสชิบอกความกับท่านอุปติสสะ(สารีบุตร)...มันไม่ใช่พุทธวจนและไม่ใช่พุทธพจน์


ถ้าจะเอาพระสูตรที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์ มันต้องพระสูตรต้นตอนี่....

รูปภาพ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... =355&Z=478
รูปภาพ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... &A=13&Z=19

ไอ้ที่พี่โฮมาร์คสีฟ้าไว้นั้นแหล่ะคือ ต้นตอที่เกียวข้องกับพระพุทธองค์
มันเป็นคำสอนที่อยู่ในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร

เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่า กรัชกายสักแต่ก๊อปปี้บทความคนอื่นมาโพส
ทั้งๆที่ตัวเองไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย


และจะบอกให้ว่า ไอ้ที่กล่าวมาหาได้มีคำที่เป็นพุทธพจน์เลยไม่
มันเป็นเพียงภาษาที่ใช้สื่อสารกันตามปกติของชาวมคธ


ไอ้ที่พี่โฮมาร์คสีฟ้าไว้ ท่านเรียกว่า ....โวหารของพระพุทธองค์
ส่วนของกรัชกายที่เอามาถามท่านเรียก ....โวหารของท่านอัสสะชิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 13:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บัญญัติที่เป็นพุทธพจน์ จะต้องเป็นบัญญัติที่กล่าวถึง ความเป็นสมมติและความเป็นปรมัตถ์
เรียกให้ชัดว่า .....สมมติบัญญัติและปรมัตถ์บัญญัติ

โดยธรรมแล้ว สมมติสัจจะเป็นเหตุให้เกิดปรมัตถสัจจะ
ยกตัวอย่างคที่เป็นสมมติบัญญัติให้ดู........อาทิ อิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท กายใจ วัตถุธรรมฯลฯ
และที่เป็นปรมัตถบัญญัติ ได้แก่ องค์ธรรมที่อยู่ใน ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒

กรัชกาย เขียน:
แถมให้อีก โฮฮับพูดเองนะ

"ปจฺจตฺตํ" ได้แก่ อะไรเป็นพุทธพจน์ไหม

บอกไม่เชื่อ คิกๆๆ


มันเป็นโวหารของพระพุทธองค์ จึงไม่ใช่พุทธพจน์
และคำๆนี้พี่โฮเป็นคนเอามาอ้าง......โดยปัจจุบันมันจึงเป็น โวหารของพี่โฮ

ซึ่งโดยความหมายของบาลี มันคือ สิ่งที่ต้องรู้ได้ด้วยตนเอง และสิ่งที่รู้นั้นไม่สามารถอธิบายให้ผู้อื่นเห็นตามได้
นอกเสียจากว่า บุคคลนั้นๆจะได้รู้เห็นด้วยตนเอง



ไอ้การกระทำของกรัชกายที่ชอบก๊อปปี้บทความชาวบ้านมาโพสนั้นแหล่ะ เป็นตัวอย่างอันดี
ที่จะชี้ให้เห็นถึง ความเป็นปัจจัตตัง

กรัชกายหาได้มีปัจจัตตังเลย
ตัวตนของกรัชกายไม่ต่างจากนกแก้วนกขุนทองสักนิด :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 15:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
บัญญัติที่เป็นพุทธพจน์ จะต้องเป็นบัญญัติที่กล่าวถึง ความเป็นสมมติและความเป็นปรมัตถ์
เรียกให้ชัดว่า .....สมมติบัญญัติและปรมัตถ์บัญญัติ

โดยธรรมแล้ว สมมติสัจจะเป็นเหตุให้เกิดปรมัตถสัจจะ
ยกตัวอย่างคที่เป็นสมมติบัญญัติให้ดู........อาทิ อิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท กายใจ วัตถุธรรมฯลฯ
และที่เป็นปรมัตถบัญญัติ ได้แก่ องค์ธรรมที่อยู่ใน ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒

กรัชกาย เขียน:
แถมให้อีก โฮฮับพูดเองนะ

"ปจฺจตฺตํ" ได้แก่ อะไรเป็นพุทธพจน์ไหม

บอกไม่เชื่อ คิกๆๆ


มันเป็นโวหารของพระพุทธองค์ จึงไม่ใช่พุทธพจน์
และคำๆนี้พี่โฮเป็นคนเอามาอ้าง......โดยปัจจุบันมันจึงเป็น โวหารของพี่โฮ

ซึ่งโดยความหมายของบาลี มันคือ สิ่งที่ต้องรู้ได้ด้วยตนเอง และสิ่งที่รู้นั้นไม่สามารถอธิบายให้ผู้อื่นเห็นตามได้
นอกเสียจากว่า บุคคลนั้นๆจะได้รู้เห็นด้วยตนเอง



ไอ้การกระทำของกรัชกายที่ชอบก๊อปปี้บทความชาวบ้านมาโพสนั้นแหล่ะ เป็นตัวอย่างอันดี
ที่จะชี้ให้เห็นถึง ความเป็นปัจจัตตัง

กรัชกายหาได้มีปัจจัตตังเลย
ตัวตนของกรัชกายไม่ต่างจากนกแก้วนกขุนทองสักนิด :b32:



อ้างคำพูด:
ยกตัวอย่างคที่เป็นสมมติบัญญัติให้ดู........อาทิ อิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท กายใจ วัตถุธรรมฯลฯ
และที่เป็นปรมัตถบัญญัติ ได้แก่ องค์ธรรมที่อยู่ใน ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒


เอางี้ก่อน คนเป็นสมมุติหรือปรมัตถ์ :b14:


อ้างคำพูด:
มันเป็นโวหารของพระพุทธองค์ จึงไม่ใช่พุทธพจน์
และคำๆนี้พี่โฮเป็นคนเอามาอ้าง......โดยปัจจุบันมันจึงเป็น โวหารของพี่โฮ

ซึ่งโดยความหมายของบาลี มันคือ [b]สิ่งที่ต้องรู้ได้ด้วยตนเอง และสิ่งที่รู้นั้นไม่สามารถอธิบายให้ผู้อื่นเห็นตามได้
นอกเสียจากว่า บุคคลนั้นๆจะได้รู้เห็นด้วยตนเอง


"ปจฺจตฺตํ" พี่โฮเอาของเขามาพูด (ต้องยังงี้) คือเอาของเขามาแล้วมามโนเอาเอง ว่าเป็นสิ่งที่ต้องรู้ด้วยตนเอง คิกๆๆๆ

ความหมาย "ปจฺจตฺตํ" เฉพาะตน ไม่มี "รู้" ไม่เอา รู้ มาแต่ไหน

ทั้งหมดทั้งมวล ก็ทำนองเดียวกัน พี่โฮ ไปเอาศัพท์นั่นศัพท์นี่มามโน โดยไม่เข้าใจความหมายของเขาเลย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 16:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
จัดคาถานี้ให้ก่อน :b1:

เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตํ ตถาคโต
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ ฯ


ว่าแล้วไง.."ไม่ได้สำเหนียกเลยสักนิด"

บอกให้เอาพระสูตรที่เกี่ยวกับ "ภาษาพุทธพจน์" มันก็น่าจะรู้แล้วว่า ต้องเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า

ดันมั่วเอาคาถาบ้าบอคอแตกอะไรมา.....
ไอ้ที่เอามาถามเรียก...โวหาร ซึ่งมันเป็นโวหารหรือคำพูดของท่านอัสสชิ

โวหารนี้เกิดจากท่านอัสสชิบอกความกับท่านอุปติสสะ(สารีบุตร)...มันไม่ใช่พุทธวจนและไม่ใช่พุทธพจน์


ถ้าจะเอาพระสูตรที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์ มันต้องพระสูตรต้นตอนี่....

รูปภาพ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... =355&Z=478
รูปภาพ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... &A=13&Z=19

ไอ้ที่พี่โฮมาร์คสีฟ้าไว้นั้นแหล่ะคือ ต้นตอที่เกียวข้องกับพระพุทธองค์
มันเป็นคำสอนที่อยู่ในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร

เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่า กรัชกายสักแต่ก๊อปปี้บทความคนอื่นมาโพส
ทั้งๆที่ตัวเองไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย


และจะบอกให้ว่า ไอ้ที่กล่าวมาหาได้มีคำที่เป็นพุทธพจน์เลยไม่
มันเป็นเพียงภาษาที่ใช้สื่อสารกันตามปกติของชาวมคธ


ไอ้ที่พี่โฮมาร์คสีฟ้าไว้ ท่านเรียกว่า ....โวหารของพระพุทธองค์
ส่วนของกรัชกายที่เอามาถามท่านเรียก ....โวหารของท่านอัสสะชิ





เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตํ ตถาคโต
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ ฯ


โฮฮับแปลบาลีคาถานี้สิ ว่าไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 17:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
บัญญัติที่เป็นพุทธพจน์ จะต้องเป็นบัญญัติที่กล่าวถึง ความเป็นสมมติและความเป็นปรมัตถ์
เรียกให้ชัดว่า .....สมมติบัญญัติและปรมัตถ์บัญญัติ

โดยธรรมแล้ว สมมติสัจจะเป็นเหตุให้เกิดปรมัตถสัจจะ
ยกตัวอย่างคที่เป็นสมมติบัญญัติให้ดู........อาทิ อิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท กายใจ วัตถุธรรมฯลฯ
และที่เป็นปรมัตถบัญญัติ ได้แก่ องค์ธรรมที่อยู่ใน ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒

กรัชกาย เขียน:
แถมให้อีก โฮฮับพูดเองนะ

"ปจฺจตฺตํ" ได้แก่ อะไรเป็นพุทธพจน์ไหม

บอกไม่เชื่อ คิกๆๆ


มันเป็นโวหารของพระพุทธองค์ จึงไม่ใช่พุทธพจน์
และคำๆนี้พี่โฮเป็นคนเอามาอ้าง......โดยปัจจุบันมันจึงเป็น โวหารของพี่โฮ

ซึ่งโดยความหมายของบาลี มันคือ สิ่งที่ต้องรู้ได้ด้วยตนเอง และสิ่งที่รู้นั้นไม่สามารถอธิบายให้ผู้อื่นเห็นตามได้
นอกเสียจากว่า บุคคลนั้นๆจะได้รู้เห็นด้วยตนเอง



ไอ้การกระทำของกรัชกายที่ชอบก๊อปปี้บทความชาวบ้านมาโพสนั้นแหล่ะ เป็นตัวอย่างอันดี
ที่จะชี้ให้เห็นถึง ความเป็นปัจจัตตัง

กรัชกายหาได้มีปัจจัตตังเลย
ตัวตนของกรัชกายไม่ต่างจากนกแก้วนกขุนทองสักนิด :b32:



อ้างคำพูด:
ยกตัวอย่างคที่เป็นสมมติบัญญัติให้ดู........อาทิ อิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท กายใจ วัตถุธรรมฯลฯ
และที่เป็นปรมัตถบัญญัติ ได้แก่ องค์ธรรมที่อยู่ใน ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒


เอางี้ก่อน คนเป็นสมมุติหรือปรมัตถ์ :b14:


อ้างคำพูด:
มันเป็นโวหารของพระพุทธองค์ จึงไม่ใช่พุทธพจน์
และคำๆนี้พี่โฮเป็นคนเอามาอ้าง......โดยปัจจุบันมันจึงเป็น โวหารของพี่โฮ

ซึ่งโดยความหมายของบาลี มันคือ [b]สิ่งที่ต้องรู้ได้ด้วยตนเอง และสิ่งที่รู้นั้นไม่สามารถอธิบายให้ผู้อื่นเห็นตามได้
นอกเสียจากว่า บุคคลนั้นๆจะได้รู้เห็นด้วยตนเอง


"ปจฺจตฺตํ" พี่โฮเอาของเขามาพูด (ต้องยังงี้) คือเอาของเขามาแล้วมามโนเอาเอง ว่าเป็นสิ่งที่ต้องรู้ด้วยตนเอง คิกๆๆๆ

ความหมาย "ปจฺจตฺตํ" เฉพาะตน ไม่มี "รู้" ไม่เอา รู้ มาแต่ไหน

ทั้งหมดทั้งมวล ก็ทำนองเดียวกัน พี่โฮ ไปเอาศัพท์นั่นศัพท์นี่มามโน โดยไม่เข้าใจความหมายของเขาเลย :b32:


สอนธรรมให้ก็ไม่มีปัญญาเก็บไปสำเหนียก
ว่ากล่าวตักเตือนเพื่อจะให้ได้ดี.....ก็ไม่สำนึก

แบบนี้ต้องปล่อยเลยตามเลย :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 17:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
จัดคาถานี้ให้ก่อน :b1:

เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตํ ตถาคโต
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ ฯ


ว่าแล้วไง.."ไม่ได้สำเหนียกเลยสักนิด"

บอกให้เอาพระสูตรที่เกี่ยวกับ "ภาษาพุทธพจน์" มันก็น่าจะรู้แล้วว่า ต้องเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า

ดันมั่วเอาคาถาบ้าบอคอแตกอะไรมา.....
ไอ้ที่เอามาถามเรียก...โวหาร ซึ่งมันเป็นโวหารหรือคำพูดของท่านอัสสชิ

โวหารนี้เกิดจากท่านอัสสชิบอกความกับท่านอุปติสสะ(สารีบุตร)...มันไม่ใช่พุทธวจนและไม่ใช่พุทธพจน์


ถ้าจะเอาพระสูตรที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์ มันต้องพระสูตรต้นตอนี่....

รูปภาพ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... =355&Z=478
รูปภาพ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... &A=13&Z=19

ไอ้ที่พี่โฮมาร์คสีฟ้าไว้นั้นแหล่ะคือ ต้นตอที่เกียวข้องกับพระพุทธองค์
มันเป็นคำสอนที่อยู่ในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร

เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่า กรัชกายสักแต่ก๊อปปี้บทความคนอื่นมาโพส
ทั้งๆที่ตัวเองไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย


และจะบอกให้ว่า ไอ้ที่กล่าวมาหาได้มีคำที่เป็นพุทธพจน์เลยไม่
มันเป็นเพียงภาษาที่ใช้สื่อสารกันตามปกติของชาวมคธ


ไอ้ที่พี่โฮมาร์คสีฟ้าไว้ ท่านเรียกว่า ....โวหารของพระพุทธองค์
ส่วนของกรัชกายที่เอามาถามท่านเรียก ....โวหารของท่านอัสสะชิ





เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตํ ตถาคโต
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ ฯ


โฮฮับแปลบาลีคาถานี้สิ ว่าไป




รูปภาพ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 208 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร