ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

การเจริญสมาธิ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=47795
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  รสมน [ 24 พ.ค. 2014, 09:03 ]
หัวข้อกระทู้:  การเจริญสมาธิ

คันธารชาดก
ท่านทิ้งหมู่บ้านที่บริบูรณ์ ๑๖,๐๐๐ หมู่
และคลังที่เดิมด้วยทรัพย์มาแล้ว บัดนี้ยังจะทำ
การสะสมอยู่อีก.
ท่านละทิ้งที่อยู่คือคันธารรัฐ หนีจาก
การปกครองในราชธานี ที่มีทรัพย์พอเพียงแล้ว
บัดนี้ยังจะปกครองในที่นี้อีก.
ดูก่อนท่านวิเทหะ เรากล่าวธรรมะ
ความจริง เราไม่ชอบธรรมความไม่จริง เมื่อ
เรากล่าวคำเป็นธรรมอยู่ บาปก็ไม่เปรอะเปื้อน
เรา.
คนอื่นได้รับความแค้นเคือง เพราะคำ
พูดอย่างใดอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่าคำพูดนั้นจะมี
ประโยชน์มาก บัณฑิตก็ไม่ควรพูด.
ผู้ถูกตักเตือน จะแค้นเคืองหรือไม่แค้น
เคืองก็ตามเถิด จะเขี่ยทิ้งเหมือนโปรยแกลบ
ทิ้งก็ตาม เมื่อเขากล่าวคำเป็นธรรมอยู่ ขึ้นชื่อ
ว่าบาปย่อมไม่เปรอะเปื้อน.
[การเจริญสมาธิ]
ส่วนคำเฉลยในปัญหาข้อว่า " สมาธินั้นจะพึงเจริญอย่างไร "
นี้พึงทราบต่อไปนี้ สมาธิใดอันสัมปยุตด้วยอริยมรรค ที่ข้าพเจ้า
กล่าวไว้ก่อนแล้วในทุกสมาธิ มีข้อว่า " นี้สมาธิเป็น ๒ โดยเป็น
โลกิยะและโลกุตระ " ดังนี้เป็นอาทิ นัยแห่งการเจริญอริยมรรค-
สมาธินั้นสงเคราะห์เข้ากับนัยแห่งการเจริญปัญญาได้ทีเดียว เพราะว่า
เมื่อเจริญปัญญาแล้ว มรรคสมาธินั้นก็ย่อมเป็นอันเจริญด้วยแท้
เพราะเหตุนั้น เราจะไม่มุ่งเอามรรคสมาธินั้นมากล่าวแยกไว้ต่างหาก
ว่ามรรคสมาธินั้นจะพึงเจริญอย่างนี้ๆ ส่วนว่าสมาธิอันเป็นโลกิยะนี้ใด
โลกิยะสมาธินั้น อันพระโยคาวจรผู้ยังศีลทั้งหลายให้หมดจด โดยนัยที่
กล่าวแล้ว ตั้งอยู่ในศีลอันบริสุทธิ์ดีแล้ว บรรดาปลิโพธ ๑๐ ประการ
ปลิโพธใดของเธอมีอยู่ ตัดปลิโพธนั้นเสียแล้ว เข้าไปหาท่านผู้ให้
กรรมฐานผู้เป็นกัลยาณมิตร ถือเอากรรมฐาน ๔๐ ข้อใดข้อหนึ่ง
ซึ่งอนุกูลแก่จริยาของตน ละวิหารอันไม่เหมาะสมแก่การเจริญสมาธิเสีย
อยู่ในวิหารอันเหมาะ ตัดความกังวลเล็กๆ น้อยๆ ( เสียให้หมดด้วย )
แล้วพึงเป็นผู้ไม่ทำภาวนาวิธีทั้งปวงให้บกพร่องไป เจริญขึ้นเถิด
นี้เป็นความสังเขปในการเจริญสมาธินั้น ส่วนความพิสดารดังต่อไปนี้

[ปลิโพธ ๑๐]
วินิจฉัยในข้อที่ว่า " บรรดาปลิโพธ ๑๐ ประการ ปลิโพธใด
ของเธอมีอยู่ ตัดปลิโพธนั้นเสีย " นี้ก่อน
เครื่องกังวลนั้น คือ อาวาส ตระกูล ลาภ คณะ
และการงานเป็นที่ ๕ การเดินทาง ญาติ อาพาธ
การเล่าเรียน และฤทธิ รวมเป็น ๑๐


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ

เจ้าของ:  สองใจ [ 25 พ.ค. 2014, 00:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเจริญสมาธิ

สัมมาสมาธิ เป็นบาทฐาน แห่งการเจริญปัญญา

หากรู้ถูก เข้าใจถูก ว่าสมาธิใด เป็นไปเพื่อการอันใดแล้วนั้น ย่อม เกิดผล

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 25 พ.ค. 2014, 03:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเจริญสมาธิ

สองใจ เขียน:
สัมมาสมาธิ เป็นบาทฐาน แห่งการเจริญปัญญา

หากรู้ถูก เข้าใจถูก ว่าสมาธิใด เป็นไปเพื่อการอันใดแล้วนั้น ย่อม เกิดผล



คุณสองใจก็ยังเทศนาอยู่นะครับ ปัญหามีอยู่ว่า ทำยังไง จึงจะรู้ถูก เข้าใจถูก ไหนลองว่าไปสิครับ ทำยังไง :b13:

เจ้าของ:  สองใจ [ 25 พ.ค. 2014, 08:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเจริญสมาธิ

กรัชกาย เขียน:
สองใจ เขียน:
สัมมาสมาธิ เป็นบาทฐาน แห่งการเจริญปัญญา

หากรู้ถูก เข้าใจถูก ว่าสมาธิใด เป็นไปเพื่อการอันใดแล้วนั้น ย่อม เกิดผล



คุณสองใจก็ยังเทศนาอยู่นะครับ ปัญหามีอยู่ว่า ทำยังไง จึงจะรู้ถูก เข้าใจถูก ไหนลองว่าไปสิครับ ทำยังไง :b13:



ท่านจงถามตนเถิด กรัชกาย เราจะได้ทราบด้วยว่าท่าน ทำยังไง ถึงจะรู้ถูก เข้าใจถูก
ตามนั้นนะ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 25 พ.ค. 2014, 08:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเจริญสมาธิ

สองใจ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สองใจ เขียน:
สัมมาสมาธิ เป็นบาทฐาน แห่งการเจริญปัญญา

หากรู้ถูก เข้าใจถูก ว่าสมาธิใด เป็นไปเพื่อการอันใดแล้วนั้น ย่อม เกิดผล



คุณสองใจก็ยังเทศนาอยู่นะครับ ปัญหามีอยู่ว่า ทำยังไง จึงจะรู้ถูก เข้าใจถูก ไหนลองว่าไปสิครับ ทำยังไง :b13:



ท่านจงถามตนเถิด กรัชกาย เราจะได้ทราบด้วยว่าท่าน ทำยังไง ถึงจะรู้ถูก เข้าใจถูก
ตามนั้นนะ



แสดงว่า คิดเองใช่ไหมครับ :b1:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 25 พ.ค. 2014, 10:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเจริญสมาธิ

ต้องไปดู..ที่พุทธธรรม..นะครับ...คุณสองใจ...จะได้คำคม...ไม่งั้นก็จะโดนกรัชกายถาม...

:b9:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 25 พ.ค. 2014, 12:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเจริญสมาธิ

กบนอกกะลา เขียน:
ต้องไปดู..ที่พุทธธรรม..นะครับ...คุณสองใจ...จะได้คำคม...ไม่งั้นก็จะโดนกรัชกายถาม...

:b9:


ดูกาตูนดีกว่าไม่เครียด

ไฟล์แนป:
1375241010-1370203825-o.gif
1375241010-1370203825-o.gif [ 497.16 KiB | เปิดดู 5057 ครั้ง ]

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 25 พ.ค. 2014, 23:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเจริญสมาธิ

อ่อ....กรัชกายแนะนำ...ให้ดูกาตูน...กว่า...ดูพุทธธรรม...รึ

อิอิ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 26 พ.ค. 2014, 04:58 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเจริญสมาธิ

กบอ้างถึงหนังสือพุทธธรรม ดังนั้น ก่อนตอบคำถามกบ คห.ข้างบน ขอนำบทความบางตอนจากหนังสือนั้นให้ดูสักหน่อยก่อน



เมื่อสิ้นยุคขององค์พระศาสดาแล้ว เวลาล่วงไป และคำสอนแผ่ไปในถิ่นต่างๆ ความเข้าใจในพุทธธรรมก็แปรไปจากเดิม และแตกต่างกันไปได้หลายอย่าง เพราะผู้ถ่ายทอดสืบต่อ มีพื้นความรู้ การศึกษา อบรม สติปัญญาแตกต่างกัน ตีความหมายพุทธธรรมแผกกันไปบ้าง นำเอาความรู้ ความเชื่อถือเดิมจากลัทธิศาสนาอื่น เข้ามาผสมแทรกแซงบ้าง อิทธิพลศาสนา และวัฒนธรรม ในท้องถิ่นเข้าผสมผสานบ้าง คำสอนบางแง่เด่นขึ้น บางแง่เลือนลง เพราะการย้ำ และเลี่ยงความสนใจ ตามความโน้มเอียง และความถนัดของผู้รักษาคำสอนบ้าง ทำให้เกิดความแตกแยก ออกเป็นนิกายต่างๆ เช่น ที่แยกเป็นมหายาน กับเถรวาท ตลอดจนนิกายย่อยๆ ในสองนิกายใหญ่นั้น


สำหรับเถรวาทนั้น แม้จะได้ชื่อว่า เป็นนิกายที่รักษาแบบแผนและคำสอน ดั้งเดิมไว้ได้แม่นยำ ก็มิใช่จะพ้นไปจากความแปรเปลี่ยนได้โดยสิ้นเชิง คำสอนบางส่วน แม้ที่อยู่ในคัมภีร์เอง ก็ยังเป็นปัญหาที่คนรุ่น ปัจจุบัน ต้องนำมาถกเถียง คิดค้นหาหลักฐาน ยืนยัน หรือปฏิเสธความเป็นของแท้แต่ดั้งเดิม ยิ่งความรู้ความเข้าใจ ที่ประชาชน เชื่อถือ และปฏิบัติอยู่ด้วยแล้ว ความคลาดเคลื่อนก็ยิ่งมีได้มาก และชัดเจนยิ่งขึ้น บางกรณีกับเสมือนเป็นของตรงข้าม กับคำสอนเดิม หรือ เกือบจะกลายไปเป็นลัทธิอื่นที่คำสอนเดิมคัดค้านแล้วก็มี


ยกตัวอย่างในประเทศไทยนี้ เมื่อพูดถึงคำว่า “กรรม” ความเข้าใจของคนทั่วไป ก็จะเพ่งไปยังกาละส่วนอดีต เจาะจงเอาการกระทำในชาติที่ล่วงแล้ว หรือชาติก่อนๆบ้าง เพ่งไปยังปรากฏการณ์ส่วนผล คือนึกถึงผลที่ปรากฏในปัจจุบันของการกระทำในอดีตบ้าง เพ่งไปยังแง่ที่เสียหาย เลวร้าย คือ การกระทำชั่วฝ่ายเดียวบ้าง เพ่งไปยังอำนาจแสดงผลร้ายของการกระทำความชั่วในชาติก่อนบ้าง และโดยมาก เป็นความเข้าใจตามแง่ต่างๆ เหล่านี้ รวมๆกันไปทั้งหมด ซึ่งเมื่อพิจารณาตัดสินตามหลักกรรมที่แท้จริงในพุทธธรรมแล้ว จะเห็นได้ชัดว่าเป็นความเข้าใจที่ห่างไกลจากความหมายที่แท้ จริงเป็นอันมาก


แม้ข้อธรรมอื่นๆ ตลอดจนคำบัญญัติทางธรรมแต่ละคำๆ เช่น อารมณ์ วิญญาณ บารมี สันโดษ อุเบกขา อธิษฐาน บริกรรม ภาวนา สมถะ สมาธิ วิปัสสนา กาม โลกีย์ โลกุตระ บุญ อิจฉา ฯลฯ ก็ล้วนมีความหมายพิเศษ ในความเข้าใจของประชาชน ซึ่งผิดแปลกไปจากความหมาย ดั้งเดิมในพุทธธรรม โดยตัวความหมายเองบ้าง โดยขอบเขตความหมายบ้าง มากน้อยต่างกันไปในแต่ละคำนั้นๆ ในการศึกษาพุทธธรรม จำเป็นต้องแยกความหมาย ในความเข้าใจของประชาชน ส่วนที่คลาดเคลื่อนนี้ออกไปต่างหาก จึงจะสามารถเข้าใจความหมาย ที่แท้จริงได้

ไฟล์แนป:
images.jpg
images.jpg [ 988 ไบต์ | เปิดดู 5010 ครั้ง ]

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 26 พ.ค. 2014, 05:05 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเจริญสมาธิ

ในการแสดงพุทธธรรมนี้ ผู้แสดงถือว่าได้พยายามที่จะแสดงตัวพุทธธรรมแท้อย่างที่องค์พระบรมศาสดาทรงสอนและทรงมุ่งหมาย ในกรณีนี้ได้ตัดความหมายที่ประชาชนเข้าใจออกโดยสิ้นเชิง ไม่นำมาพิจารณาเลย เพราะถือว่าเป็นเรื่องข้างปลาย ไม่จำเป็นต่อการเข้าใจตัวพุทธธรรมที่แท้แต่ประการใด


เมื่อเน้นในด้านหลักฐาน ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่หนังสือนี้จะหนักไปทางวิชาการ หรืออาจพูดได้ว่า มุ่งแสดงหลักวิชาทางพระพุทธศาสนาโดยตรง คำนึงถึงการอธิบายหลักธรรม มากกว่าจะคำนึงถึงพื้นฐานของผู้อ่าน


ดังนั้น หนังสือพุทธธรรมนี้ จึงเป็นหนังสือสำหรับผู้ที่ศึกษาพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว หรือสำหรับผู้ต้องการศึกษาอย่างจริงจัง มุ่งหาความรู้อย่างไม่กลัวความยาก ใจสู้ จะเอาชนะทำความเข้าใจให้จงได้ ไม่ใช่หนังสือสำหรับชวนให้ศึกษา หรือเข้าไปหาผู้อ่าน เพื่อชักจูงให้มาสนใจ คือ ถือเอาหลักวิชาเป็นที่ตั้ง มิใช่ถือเอาผู้อ่านเป็นที่ตั้ง แต่กระนั้น ก็มิใช่จะยากเกินกำลังของผู้อ่านทั่วไป ที่มีความใฝ่รู้และตั้งใจจริงจะเข้าใจได้


ในเมื่อเป็นหนังสือแสดงหลักวิชา ก็ย่อมมีคำศัพท์วิชาการทางพระพุทธศาสนา คือ ถ้อยคำทางธรรมที่มาจากภาษาบาลีเป็นจำนวนมาก ข้อนี้ก็เป็นเหตุอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้หนังสือนี้ยากยิ่งขึ้น สำหรับผู้ไม่คุ้นกับศัพท์ธรรม หรือคำที่มาจากบาลี แต่ก็เป็นเรื่องจำเป็นที่ไม่ควรหลีกเลี่ยง ในเมื่อต้องการจะรู้หลักกันจริงๆ


อันที่จริงพุทธธรรมนั้น ถ้ารู้แจ้งเข้าใจจริงแล้ว เมื่อพูดชี้แจงอธิบาย แม้จะไม่ใช้ศัพท์ธรรมคำบาลีสักคำเดียว ก็เป็นพุทธธรรม แต่ตรงข้าม ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจ หรือรู้ผิดเข้าใจผิด แม้จะพูดออกมาทุกคำล้วนศัพท์บาลี ก็หาใช่เป็นพุทธธรรมไม่ กลายเป็นแสดงลัทธิอื่นที่ตนสับสนหลงผิดไปเสีย


อย่าง ไรก็ตาม สำหรับผู้ที่รู้เข้าใจด้วยกันแล้ว คำศัพท์กลับเป็นเครื่องหมายรู้ ที่ช่วยสื่อถึงสิ่งที่เข้าใจได้โดยสะดวก พูดกันง่าย เข้าใจทันที หรือแม้สำหรับผู้ศึกษาประสงค์จะเข้าใจ หากอดทนเรียนรู้คำศัพท์สักหน่อย คำศัพท์เหล่านั้นแหละ จะเป็นสื่อแห่งการสอน ที่ช่วยให้เข้าใจพุทธธรรมได้รวดเร็ว หากชี้แจงสั่งสอนกันโดยไม่ใช้คำ ศัพท์เลย ในที่สุด ก็จะต้องมีศัพท์ธรรมภาษาอื่น รูปอื่น ชุดอื่น เกิดขึ้นใหม่อยู่ดี แล้วข้อนั้นอาจจะนำไปสู่ความสับสนยิ่งขึ้น


โดยนัยนี้ คำศัพท์อาจเป็นสื่อนำไปสู่ความเข้าใจพุทธธรรมก็ได้ เป็นกำแพงกั้นไม่ให้เข้าถึงพุทธธรรมก็ได้ เมื่อเข้าใจเช่นนี้แล้ว พึงนำศัพท์ธรรมมาใช้ประโยชน์อย่างรู้เท่าทัน คือรู้เข้าใจ ใช้ถูกต้อง รู้กาลควรใช้ ไม่ควรใช้ ให้สำเร็จประโยชน์ แต่ไม่ยึดติดถือคลั่ง

ไฟล์แนป:
images.jpg
images.jpg [ 988 ไบต์ | เปิดดู 5010 ครั้ง ]

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 26 พ.ค. 2014, 05:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเจริญสมาธิ

กบนอกกะลา เขียน:
อ่อ....กรัชกายแนะนำ...ให้ดูกาตูน...กว่า...ดูพุทธธรรม...รึ

อิอิ


อยากให้กบลองศึกษาดูบ้าง ไม่ยังงั้นเหมือนรู้เรื่องพุทธศาสนาทั้งเปลือก หรือเข้าใจพุทธศาสนาแบบท่อนซุง ใช้ทำประโยชน์อะไรไม่ได้

ตัวอย่างที่ตัวเองนำมาพูดมาแสดง แต่ไม่เข้าใจความหมายของเขาเลย ถามไม่ตอบ เช่น


อ้างคำพูด:
กบ...

สัมมาทิฏฐิ....

เยี่ยมครับ...สั้นๆ...แต่ได้ความหมาย..

กบ ความหมายยังไงครับ พูดเหมือนคนฉี่ไม่สุดแระ เอาให้สุดไปเลยครับ


กรัชกาย..มีคำนี้อยู่ในใจ..ป้าวคับ.
.
มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา
มโนเสฏฺฐา มโนมยา

กรัชกายเขียน

มันยังไงอธ้ิบายสิครับ



นำคำศัพท์มากล่าวอ้างไป แต่ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร ที่

viewtopic.php?f=1&t=47798&p=352823#p352823

ยกมาโด่ๆ ถ้าอย่างนั้น อ่านกาตูนดีกว่า :b1:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 26 พ.ค. 2014, 13:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเจริญสมาธิ

กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
อ่อ....กรัชกายแนะนำ...ให้ดูกาตูน...กว่า...ดูพุทธธรรม...รึ

อิอิ


อยากให้กบลองศึกษาดูบ้าง ไม่ยังงั้นเหมือนรู้เรื่องพุทธศาสนาทั้งเปลือก หรือเข้าใจพุทธศาสนาแบบท่อนซุง ใช้ทำประโยชน์อะไรไม่ได้


ขอบคุณครับ...ที่อยากให้ศึกษา...

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 26 พ.ค. 2014, 13:37 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเจริญสมาธิ

กรัชกาย เขียน:
ตัวอย่างที่ตัวเองนำมาพูดมาแสดง แต่ไม่เข้าใจความหมายของเขาเลย ถามไม่ตอบ เช่น

กบ...

สัมมาทิฏฐิ....

เยี่ยมครับ...สั้นๆ...แต่ได้ความหมาย..

กบ ความหมายยังไงครับ พูดเหมือนคนฉี่ไม่สุดแระ เอาให้สุดไปเลยครับ
.....
มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา
มโนเสฏฺฐา มโนมยา

กรัชกายเขียน

มันยังไงอธ้ิบายสิครับ

นำคำศัพท์มากล่าวอ้างไป แต่ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร ที่

viewtopic.php?f=1&t=47798&p=352823#p352823
ยกมาโด่ๆ ถ้าอย่างนั้น อ่านกาตูนดีกว่า :b1:


มันเป้นคำที่รู้ทั่วไปเป็นสามัญสำหรับคนใฝ่ธรรมอยู่แล้ว...ก็เลยไม่เห็นความจำเป็นต้องนำคำแปล...มาแปะใว้

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 26 พ.ค. 2014, 14:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเจริญสมาธิ

กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ตัวอย่างที่ตัวเองนำมาพูดมาแสดง แต่ไม่เข้าใจความหมายของเขาเลย ถามไม่ตอบ เช่น

กบ...

สัมมาทิฏฐิ....

เยี่ยมครับ...สั้นๆ...แต่ได้ความหมาย..

กบ ความหมายยังไงครับ พูดเหมือนคนฉี่ไม่สุดแระ เอาให้สุดไปเลยครับ
.....
มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา
มโนเสฏฺฐา มโนมยา

กรัชกายเขียน

มันยังไงอธ้ิบายสิครับ

นำคำศัพท์มากล่าวอ้างไป แต่ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร ที่

viewtopic.php?f=1&t=47798&p=352823#p352823
ยกมาโด่ๆ ถ้าอย่างนั้น อ่านกาตูนดีกว่า :b1:


มันเป้นคำที่รู้ทั่วไปเป็นสามัญสำหรับคนใฝ่ธรรมอยู่แล้ว...ก็เลยไม่เห็นความจำเป็นต้องนำคำแปล...มาแปะใว้


อ้างคำพูด:
สัมมาทิฏฐิ


หมายถึงยังไงเอาชัดๆครับ กบก่อน ต่อไปอโศก ดูนะว่า จะรู้ตรงกันไหม เพราะต่างก็ใฝ่ธรรมอยู่แล้วทั้งนั้น

อ้างคำพูด:
มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา
มโนเสฏฺฐา มโนมยา


หมายถึงยังไง :b32: กบก่อน ดูนะว่า จะรู้เข้าใจตรงกันกับอโศกมั้ย

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 27 พ.ค. 2014, 03:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเจริญสมาธิ

กรัชกาย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ตัวอย่างที่ตัวเองนำมาพูดมาแสดง แต่ไม่เข้าใจความหมายของเขาเลย ถามไม่ตอบ เช่น

กบ...

สัมมาทิฏฐิ....

เยี่ยมครับ...สั้นๆ...แต่ได้ความหมาย..

กบ ความหมายยังไงครับ พูดเหมือนคนฉี่ไม่สุดแระ เอาให้สุดไปเลยครับ
.....
มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา
มโนเสฏฺฐา มโนมยา

กรัชกายเขียน

มันยังไงอธ้ิบายสิครับ

นำคำศัพท์มากล่าวอ้างไป แต่ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร ที่

viewtopic.php?f=1&t=47798&p=352823#p352823
ยกมาโด่ๆ ถ้าอย่างนั้น อ่านกาตูนดีกว่า :b1:


มันเป้นคำที่รู้ทั่วไปเป็นสามัญสำหรับคนใฝ่ธรรมอยู่แล้ว...ก็เลยไม่เห็นความจำเป็นต้องนำคำแปล...มาแปะใว้


อ้างคำพูด:
สัมมาทิฏฐิ


หมายถึงยังไงเอาชัดๆครับ กบก่อน ต่อไปอโศก ดูนะว่า จะรู้ตรงกันไหม เพราะต่างก็ใฝ่ธรรมอยู่แล้วทั้งนั้น

อ้างคำพูด:
มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา
มโนเสฏฺฐา มโนมยา


หมายถึงยังไง :b32: กบก่อน ดูนะว่า จะรู้เข้าใจตรงกันกับอโศกมั้ย



กบ ตอบคำถามนี้หน่อย คิกๆๆ

กบ เป็นต้น ยังมีอีก รู้เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าเหมือนแก้วสารพัดนึก คือตัวอยากได้อยากเป็นอะไรก็นึกๆเอา เช่น ยกสัมมาสติ เป็นต้นมา ยกข้อความจากคาถานั่นนี่มา แล้วคิดวาดภาพไปว่า เดี๋ยวเถอะๆ :b9: มันต้องมาแน่แน่ มันต้องเกิดขึ้นแน่เลย คือนึกยังไงก็ได้ยังงั้น นี่เขาคิดกันอย่างนี้ ถึงได้ว่าไงว่า เขารู้เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าเหมือนแก้วสารพัดนึก :b32:

กบนี่ มีแนวโน้มคิดเตลิดสุดกู่น่าจะเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าไม่ใช่คนไม่ใช่มนุษย์ไปโน่นเลย คิกๆ เหนื่อยใจจริงๆ

เจริญธรรม :b20:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/