วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 09:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 117 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2014, 12:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้เจริญอานาปานสติ ย่อมชื่อว่า เจริญกายคตาสติ! ภิกษุทั้งหลาย! ในกรณีนี้ ภิกษุไปแล้วสู่ป่า หรือโคนไม้ หรือเรือนว่างก็ตาม นั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบตั้งกายตรงดำรงสติ เฉพาะหน้า เธอนั้น มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้า ยาว เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจ ออกยาว เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้าสั้น เมื่อหายใจออกสั้นเราก็รู้ชัดว่าหายใจออก สั้น เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า"เราเป็นผู้รู้ พร้อมเฉพาะซึ่งกาย ทั้งปวง หายใจเข้า"ว่า"เรา เป็นผู้รู้พร้อม เฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจออก" เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้ทำกาย สังขารให้รำงับ หายใจเข้า "ว่า "เราเป็นผู้ทำกาย สังขารให้รำงับ หายใจออก" เมื่อภิกษุนั้นเป็นผู้ไม่ ประมาท มีความเพียรมีตนส่ง ไปแล้วในการทำเช่นนั้นอยู่ ย่อมละความระลึก และความดำริอัน อาศัยเรือนเสียได้. เพราะละความระลึก และความดำรินั้นได้ จิตของเธอก็ตั้งอยู่ ด้วยดี สงบรำงับอยู่ด้วยดี เป็นธรรมเอกผุดมีขึ้น เป็นสมาธิอยู่ในภาย ในนั่นเที่ยว. ภิกษุทั้งหลาย! แม้อย่างนี้ ภิกษุนั้นก็ชื่อว่า เจริญกายคตาสติ


[อธิบายการบริโภคปัจจัยมี ๔ อย่าง]
จริงอยู่ การบริโภค มี ๔ อย่าง คือ ไถยบริโภค (บริโภคอย่าง
ขโมย ) ๑ อิณบริโภค (บริโภคอย่างเป็นหนี้ ) ๑ ทายัชชบริโภค (บริโภค
อย่างเป็นผู้รับมรดก) ๑ สามีบริโภค (บริโภคอย่างเป็นเจ้าของ) ๑. บรรดา
การบริโภค ๔ อย่างนั้น การบริโภคของภิกษุผู้ทุศีลซึ่งนั่งบริโภคอยู่
แม้ในท่ามกลางสงฆ์ ชื่อว่า ไถยบริโภค. การบริโภคไม่พิจารณาของ

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 952
ภิกษุผู้มีศีล ชื่อว่า อิณบริโภค. เพราะฉะนั้น ภิกษุผู้มีศีลพึงพิจารณา
จีวรทุกขณะที่บริโภคใช้สอย บิณฑบาตพึงพิจารณาทุก ๆ คำกลืน. เมื่อ
ไม่อาจอย่างนั้น พึงพิจารณาในกาลก่อนฉัน หลังฉัน ยามต้น ยามกลาง
และยามสุดท้าย. หากเมื่อเธอไม่ทันพิจารณาอรุณขึ้น, ย่อมตั้งอยู่ในฐานะ
บริโภคหนี้. แม้เสนาสนะ ก็พึงพิจารณาทุก ๆ ขณะที่ใช้สอย . ความมี
สติเป็นปัจจัยทั้งในขณะรับทั้งในขณะบริโภคเภสัช ย่อมควร. แม้เมื่อ
เป็นอย่างนั้น ก็เป็นอาบัติแก่ภิกษุผู้ทำสติในการรับ ไม่ทำในการบริโภค
อย่างเดียว. แต่ไม่เป็นอาบัติแก่ภิกษุผู้ไม่ทำสติในการรับ ทำแต่ในเวลา
บริโภค.




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2014, 13:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อานาปานสติ ถ้าเจริญให้ครบ ทั้ง 16 ข้อดังนัยมีในอานาปานสติสูตร ย่อมส่งผลให้หลุดพ้นถึงนิพพานโดยเร็ว

แม้หากทำได้เพียง 2 - 3 ข้อแรกก็จักเป็นบาทฐานสำคัญต่อการเจริญวิปัสสนาภาวนาต่อไปได้

อานาปานสติสูตร เป็นการเจริญสมถะควบคู่ไปกับวิปัสสนาภาวนาทันทีครับ

:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2014, 01:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เราเป็นผู้ทำกายสังขาร ให้ระงับ หายใจเข้าออก คำนี้หมายความว่าอะไรครับ?

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2014, 05:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
อานาปานสติ ถ้าเจริญให้ครบ ทั้ง 16 ข้อดังนัยมีในอานาปานสติสูตร ย่อมส่งผลให้หลุดพ้นถึงนิพพานโดยเร็ว

แม้หากทำได้เพียง 2 - 3 ข้อแรกก็จักเป็นบาทฐานสำคัญต่อการเจริญวิปัสสนาภาวนาต่อไปได้

อานาปานสติสูตร เป็นการเจริญสมถะควบคู่ไปกับวิปัสสนาภาวนาทันทีครับ


นั่นจากตำรา ^ สู่ภาคปฏิบัติ V :b1:

ถามอโศกเนี่ยะ

อ้างคำพูด:
ลองแก้หลายวิธีไม่หาย เดินจงกรมจะง่วงแต่พอหันมาทำอย่างอื่นอย่างเข้าเว้ปลานธรรมตอนนี้ มันหายทันที เป็นนอวรณ์ที่แพ้มานานแล้ว ทำอย่างไรดี
ขอบคุณค่ะ


เป็นอโศกเอง และเป็นบุคคลในสำนักเอง อโศกใช้วิธีไหน -และแนะนำเขายังไงขอรับ :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2014, 16:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โดนของจริงเข้าไปทีเไร อโศกหายไปจอเรด้าทุกที คิกๆๆ :b9: :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2014, 20:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
ใจร้อนจริงๆนะหนุ่มนักวิชาการ กรัชกาย ผู้ชอบนำอารมณ์คนอื่นมาถามอยู่เรื่อยเลย
s004
คนที่เดินจงกรมแล้วง่วงนี่ ต้องส่งไปตรวจเช็คสุขภาพก่อนดีกว่ามั้ง เพราะคนปกติธรรมดายิ่งเดินยิ่งตาสว่างเพราะร่างกายมีกิจกรรม แถมยังต้องระวังการทรงตัว

ฤาว่าจะเป็นเคสที่สมมุติขึ้นมาเอาเอง

อีกทางหนึ่งคือเขาไปเดินแบบหอย ย่าง 3-4-5-6 อะไรอย่างนั้นซึ่งจะต้องเดินช้ามากไม่บ่อย่างนั้นจะกำหนดสติหนอไม่ทันปัจจุบันอารมณ์ ถ้าเดิยอย่างนี้มีโอกาสง่วงแน่นอน ให้แก้โดยเดินเร็วแบบพระป่าสายพุทโธ หรือถ้าทิ้งหนอไม่ไม่ได้ให้เดินแค่ย่าง 1หรือ 2
ซ้าย ย่างหนอ ขวา ย่างหนอ.......ยกหนอ เหยียบหนอ .....อย่าเพิ่งขึ้นชั้นการเดิน
:b11:
เรื่องง่วงนี่ ต้องใช้อุบายหลายอย่าง พระบรมศาสดาเคยทรงสอนพระโมคคัลลานหรือท่านใดผมจำไม่ได้ ไว้โดยละเอียดแล้ว ไปถามอาจารย์ดูกูเกิ้ลดูง่ายกว่านะครับ

แต่จ่ากประสบการณ์จริง ถ้าเรานั่งชน คือสู้หน้าสังเกตพิจารณาความง่วงและลูกหลานอารมณ์ที่เกิดจากความง่วงจริงๆจนมันดับไปๆหมดได้สักครั้งสองครั้งวันหลังง่วงจะไม่มากวนอีกเลย
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2014, 23:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คนมันง่วง....จะไปให้นิ่งสังเกตุ...ถามว่า....จุดที่ยังมีสติอยู่กับกำลังจะเข้าหลับใน...เนี้ย....อโสกะเห็นเป็นยังงัย...??...เอาที่อโสกะเจอมา..มาเล่า..นะ..อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 05:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

อานาปานสติ ถ้าเจริญให้ครบ ทั้ง 16 ข้อดังนัยมีในอานาปานสติสูตร ย่อมส่งผลให้หลุดพ้นถึงนิพพานโดยเร็ว

แม้หากทำได้เพียง 2 - 3 ข้อแรกก็จักเป็นบาทฐานสำคัญต่อการเจริญวิปัสสนาภาวนาต่อไปได้

อานาปานสติสูตร เป็นการเจริญสมถะควบคู่ไปกับวิปัสสนาภาวนาทันทีครับ


วิธีทำอานาปานสติอย่างว่านั่นทำยังไงขอรับ :b10: :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 05:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
ใจร้อนจริงๆนะหนุ่มนักวิชาการ กรัชกาย ผู้ชอบนำอารมณ์คนอื่นมาถามอยู่เรื่อยเลย
s004
คนที่เดินจงกรมแล้วง่วงนี่ ต้องส่งไปตรวจเช็คสุขภาพก่อนดีกว่ามั้ง เพราะคนปกติธรรมดายิ่งเดินยิ่งตาสว่างเพราะร่างกายมีกิจกรรม แถมยังต้องระวังการทรงตัว

ฤาว่าจะเป็นเคสที่สมมุติขึ้นมาเอาเอง

อีกทางหนึ่งคือเขาไปเดินแบบหอย ย่าง 3-4-5-6 อะไรอย่างนั้นซึ่งจะต้องเดินช้ามากไม่บ่อย่างนั้นจะกำหนดสติหนอไม่ทันปัจจุบันอารมณ์ ถ้าเดิยอย่างนี้มีโอกาสง่วงแน่นอน ให้แก้โดยเดินเร็วแบบพระป่าสายพุทโธ หรือถ้าทิ้งหนอไม่ไม่ได้ให้เดินแค่ย่าง 1หรือ 2
ซ้าย ย่างหนอ ขวา ย่างหนอ.......ยกหนอ เหยียบหนอ .....อย่าเพิ่งขึ้นชั้นการเดิน
:b11:
เรื่องง่วงนี่ ต้องใช้อุบายหลายอย่าง พระบรมศาสดาเคยทรงสอนพระโมคคัลลานหรือท่านใดผมจำไม่ได้ ไว้โดยละเอียดแล้ว ไปถามอาจารย์ดูกูเกิ้ลดูง่ายกว่านะครับ

แต่จ่ากประสบการณ์จริง ถ้าเรานั่งชน คือสู้หน้าสังเกตพิจารณาความง่วงและลูกหลานอารมณ์ที่เกิดจากความง่วงจริงๆจนมันดับไปๆหมดได้สักครั้งสองครั้งวันหลังง่วงจะไม่มากวนอีกเลย
onion



อ้างคำพูด:
ใจร้อนจริงๆนะหนุ่มนักวิชาการ กรัชกาย ผู้ชอบนำอารมณ์คนอื่นมาถามอยู่เรื่อยเลย



พูดหลายครั้งแล้ว มันเป็นยังไงครับ อารมณ์คนอื่น :b1: อโศกไม่เคยง่วงหรือยังไง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 05:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
ใจร้อนจริงๆนะหนุ่มนักวิชาการ กรัชกาย ผู้ชอบนำอารมณ์คนอื่นมาถามอยู่เรื่อยเลย
s004
คนที่เดินจงกรมแล้วง่วงนี่ ต้องส่งไปตรวจเช็คสุขภาพก่อนดีกว่ามั้ง เพราะคนปกติธรรมดายิ่งเดินยิ่งตาสว่างเพราะร่างกายมีกิจกรรม แถมยังต้องระวังการทรงตัว

ฤาว่าจะเป็นเคสที่สมมุติขึ้นมาเอาเอง

อีกทางหนึ่งคือเขาไปเดินแบบหอย ย่าง 3-4-5-6 อะไรอย่างนั้นซึ่งจะต้องเดินช้ามากไม่บ่อย่างนั้นจะกำหนดสติหนอไม่ทันปัจจุบันอารมณ์ ถ้าเดิยอย่างนี้มีโอกาสง่วงแน่นอน ให้แก้โดยเดินเร็วแบบพระป่าสายพุทโธ หรือถ้าทิ้งหนอไม่ไม่ได้ให้เดินแค่ย่าง 1หรือ 2
ซ้าย ย่างหนอ ขวา ย่างหนอ.......ยกหนอ เหยียบหนอ .....อย่าเพิ่งขึ้นชั้นการเดิน
:b11:
เรื่องง่วงนี่ ต้องใช้อุบายหลายอย่าง พระบรมศาสดาเคยทรงสอนพระโมคคัลลานหรือท่านใดผมจำไม่ได้ ไว้โดยละเอียดแล้ว ไปถามอาจารย์ดูกูเกิ้ลดูง่ายกว่านะครับ

แต่จ่ากประสบการณ์จริง ถ้าเรานั่งชน คือสู้หน้าสังเกตพิจารณาความง่วงและลูกหลานอารมณ์ที่เกิดจากความง่วงจริงๆจนมันดับไปๆหมดได้สักครั้งสองครั้งวันหลังง่วงจะไม่มากวนอีกเลย
onion


ดูที่อโศกตอบรวมๆนี่แล้ว

อ้างคำพูด:
คน่ที่เดินจงกรมแล้วง่วงนี่ ต้องส่งไปตรวจเช็คสุขภาพก่อนดีกว่ามั้ง เพราะคนปกติธรรมดายิ่งเดินยิ่งตาสว่างเพราะร่างกายมีกิจกรรม แถมยังต้องระวังการทรงตัว


ไม่มีพื้นฐานภาคปฏิบัติจริงเลยจริงๆ ขาดประสบการณ์

ไม่ต้องไปหาหมอไม่ต้องไปตรวจสุขภาพดอก เขาหายง่วงทันทีทันใดเมื่อไปทำอย่างอื่น

อ้างคำพูด:
ลองแก้หลายวิธีไม่หาย เดินจงกรมจะง่วง แต่พอหันมาทำอย่างอื่นอย่างเข้าเว้ปลานธรรมตอนนี้ มันหายทันที


เห็นตั้งกระทู้นิวงนิวรณ์ คิดว่าเข้าใจเรื่องนี้ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 09:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


รสมน เขียน:
ผู้เจริญอานาปานสติ ย่อมชื่อว่า เจริญกายคตาสติ! ภิกษุทั้งหลาย! ในกรณีนี้ ภิกษุไปแล้วสู่ป่า หรือโคนไม้ หรือเรือนว่างก็ตาม นั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบตั้งกายตรงดำรงสติ เฉพาะหน้า เธอนั้น มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้า ยาว เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจ ออกยาว เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้าสั้น เมื่อหายใจออกสั้นเราก็รู้ชัดว่าหายใจออก สั้น เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า"เราเป็นผู้รู้ พร้อมเฉพาะซึ่งกาย ทั้งปวง หายใจเข้า"ว่า"เรา เป็นผู้รู้พร้อม เฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจออก" เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้ทำกาย สังขารให้รำงับ หายใจเข้า "ว่า "เราเป็นผู้ทำกาย สังขารให้รำงับ หายใจออก" เมื่อภิกษุนั้นเป็นผู้ไม่ ประมาท มีความเพียรมีตนส่ง ไปแล้วในการทำเช่นนั้นอยู่ ย่อมละความระลึก และความดำริอัน อาศัยเรือนเสียได้. เพราะละความระลึก และความดำรินั้นได้ จิตของเธอก็ตั้งอยู่ ด้วยดี สงบรำงับอยู่ด้วยดี เป็นธรรมเอกผุดมีขึ้น เป็นสมาธิอยู่ในภาย ในนั่นเที่ยว. ภิกษุทั้งหลาย! แม้อย่างนี้ ภิกษุนั้นก็ชื่อว่า เจริญกายคตาสติ



ถ้าเป็นวิปัสสนาของอโสกะ....ต้องไร้เจตนา
จากข้อความข้างต้น....ตรงไหนเป็นสมถะ....ตรงไหนเป็นวิปัสสนา...ตามความคิดของอโสกะ...นะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 11:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คนมันง่วง....จะไปให้นิ่งสังเกตุ...ถามว่า....จุดที่ยังมีสติอยู่กับกำลังจะเข้าหลับใน...เนี้ย....อโสกะเห็นเป็นยังงัย...??...เอาที่อโสกะเจอมา..มาเล่า..นะ..อิอิ

:b9:
แสดงว่ากบ ยังไม่เคยสู้แบบชนกับความง่วงจริงๆซักที มีแต่หลบ ไปทำโน่นทำนี่ มันก็เลยมีความง่วงเป็นเจ้าเรือนอยู่ไม่รู้จบ

ถีนะ....เกียจคร้าน หดหู่ ห่อเหี่ยว

มิทธะ....ง่วงเหงา หาวนอน

กิเลสนิวรณ์ 2 ตัวนี้ ใหม่ๆ ให้ใช้วิธีหลบก่อน อาศั้ยตอนที่ไม่ง่วงทำความเพียร จนสติปัญญากล้าแข็ง คมเข้มเพียงพอ ก็ เข้าเผชิญหน้า สู้กับมันตรงๆ จึงจะขุดถอนออกจากกมลสันดานได้

วันที่มีความพร้อมก็สู้กับมันตรงๆ ในท่านั่ง ยืนหรือเดิน เว้นท่านอน ทำความเพียรแบบโต้รุ่ง เพื่อเปิดโอกาสให้ความง่วงได้มาปรากฏขึ้นในจิต มันมาถุึงเวลาไหนเป็นปัจจุบันอารมณ์อยู่ในจิตใจ จงอย่าถอยอย่าหลบ ตั้งใจ มนสิการ ตั้งสติปัญญา โยนิโส ที่จะนิ่งรู้ นิ่ง สังเกต พิจารณามันให้จนถึงที่สุด ถ้าสติปัญญาชนะ ง่วงตายหรือถอย
ถ้าง่วงชนะ ก็พิงฝาหลับแล้วลุกขึ้นมาสู้กันใหม่เมื่อพร้อมอีก จะตั้งใจสู้แบบอุกฤษ์ โดยอธิษฐานถือเนสัชชิก เพิ่มขึ้นไปเป็นลำดับตามกำลังของตน 1 คืน 3 คืน 7 คืน 1 เดือน 3 เดือน หรือมากกว่า ก็ทำได้ ตามกำลังของตน
ต้องสู้กันอย่างนี้แหละถ้าจะเอาชนะให้ได้จริงๆ ครูบาอาจารย์พระป่าทั้งหลายมีสู้กันแบบนี้หลายท่านหลายองค์แล้วก็ผ่านถีนะมิทธะนิวรณ์นี้ได้

เรื่องหลับนอกหลับในอย่างที่กบสงสัยนั้นเอาโยนทิ้งไปเลย ตั้งใจสู้จริงๆ ถ้าสู้ไม่ถอย ความง่วงมันถอยเอง

:b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 11:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:

อานาปานสติ ถ้าเจริญให้ครบ ทั้ง 16 ข้อดังนัยมีในอานาปานสติสูตร ย่อมส่งผลให้หลุดพ้นถึงนิพพานโดยเร็ว

แม้หากทำได้เพียง 2 - 3 ข้อแรกก็จักเป็นบาทฐานสำคัญต่อการเจริญวิปัสสนาภาวนาต่อไปได้

อานาปานสติสูตร เป็นการเจริญสมถะควบคู่ไปกับวิปัสสนาภาวนาทันทีครับ


วิธีทำอานาปานสติอย่างว่านั่นทำยังไงขอรับ :b10: :b14:

:b34:
เคยไปคัดลอกตำรามาสรุปให้ดู 2 - 3 ครั้งแล้ว 16 ขั้นตอนของอานาปานสติ ยังมาถามอีกได้ไม่รู้จักละอายแก่ใจเลยนะนักวิชาการใหญ่ อย่าเกียจคร้าน (ถีนะ) กลับไปค้นดู หรือ ถามอาจารย์กูเกิ้ลเอาเอง
:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 11:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
ใจร้อนจริงๆนะหนุ่มนักวิชาการ กรัชกาย ผู้ชอบนำอารมณ์คนอื่นมาถามอยู่เรื่อยเลย
s004
คนที่เดินจงกรมแล้วง่วงนี่ ต้องส่งไปตรวจเช็คสุขภาพก่อนดีกว่ามั้ง เพราะคนปกติธรรมดายิ่งเดินยิ่งตาสว่างเพราะร่างกายมีกิจกรรม แถมยังต้องระวังการทรงตัว

ฤาว่าจะเป็นเคสที่สมมุติขึ้นมาเอาเอง

อีกทางหนึ่งคือเขาไปเดินแบบหอย ย่าง 3-4-5-6 อะไรอย่างนั้นซึ่งจะต้องเดินช้ามากไม่บ่อย่างนั้นจะกำหนดสติหนอไม่ทันปัจจุบันอารมณ์ ถ้าเดิยอย่างนี้มีโอกาสง่วงแน่นอน ให้แก้โดยเดินเร็วแบบพระป่าสายพุทโธ หรือถ้าทิ้งหนอไม่ไม่ได้ให้เดินแค่ย่าง 1หรือ 2
ซ้าย ย่างหนอ ขวา ย่างหนอ.......ยกหนอ เหยียบหนอ .....อย่าเพิ่งขึ้นชั้นการเดิน
:b11:
เรื่องง่วงนี่ ต้องใช้อุบายหลายอย่าง พระบรมศาสดาเคยทรงสอนพระโมคคัลลานหรือท่านใดผมจำไม่ได้ ไว้โดยละเอียดแล้ว ไปถามอาจารย์ดูกูเกิ้ลดูง่ายกว่านะครับ

แต่จ่ากประสบการณ์จริง ถ้าเรานั่งชน คือสู้หน้าสังเกตพิจารณาความง่วงและลูกหลานอารมณ์ที่เกิดจากความง่วงจริงๆจนมันดับไปๆหมดได้สักครั้งสองครั้งวันหลังง่วงจะไม่มากวนอีกเลย
onion



อ้างคำพูด:
ใจร้อนจริงๆนะหนุ่มนักวิชาการ กรัชกาย ผู้ชอบนำอารมณ์คนอื่นมาถามอยู่เรื่อยเลย



พูดหลายครั้งแล้ว มันเป็นยังไงครับ อารมณ์คนอื่น :b1: อโศกไม่เคยง่วงหรือยังไง

:b13: :b13: :b13:
ถามมาก็ขอถามกลับทันทีเลยนะ ว่า "กรัชกายไม่เคยง่วงเลยหรือย่างไร ถ้าเคยก็เอาอารมณ์ง่วงที่เคยเกิดนั้นมาถามตรงๆเลยก็ได้ ไม่ต้องไปเที่ยว จินตนาการ หรือยกเอาอารมณ์คนอื่นมาถาม ให้เอาอารมณ์ของกรัชกายนั่นแหละมาถาม จะยินดีตอบเป็นอย่างยิ่ง
:b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2014, 11:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
ใจร้อนจริงๆนะหนุ่มนักวิชาการ กรัชกาย ผู้ชอบนำอารมณ์คนอื่นมาถามอยู่เรื่อยเลย
s004
คนที่เดินจงกรมแล้วง่วงนี่ ต้องส่งไปตรวจเช็คสุขภาพก่อนดีกว่ามั้ง เพราะคนปกติธรรมดายิ่งเดินยิ่งตาสว่างเพราะร่างกายมีกิจกรรม แถมยังต้องระวังการทรงตัว

ฤาว่าจะเป็นเคสที่สมมุติขึ้นมาเอาเอง

อีกทางหนึ่งคือเขาไปเดินแบบหอย ย่าง 3-4-5-6 อะไรอย่างนั้นซึ่งจะต้องเดินช้ามากไม่บ่อย่างนั้นจะกำหนดสติหนอไม่ทันปัจจุบันอารมณ์ ถ้าเดิยอย่างนี้มีโอกาสง่วงแน่นอน ให้แก้โดยเดินเร็วแบบพระป่าสายพุทโธ หรือถ้าทิ้งหนอไม่ไม่ได้ให้เดินแค่ย่าง 1หรือ 2
ซ้าย ย่างหนอ ขวา ย่างหนอ.......ยกหนอ เหยียบหนอ .....อย่าเพิ่งขึ้นชั้นการเดิน
:b11:
เรื่องง่วงนี่ ต้องใช้อุบายหลายอย่าง พระบรมศาสดาเคยทรงสอนพระโมคคัลลานหรือท่านใดผมจำไม่ได้ ไว้โดยละเอียดแล้ว ไปถามอาจารย์ดูกูเกิ้ลดูง่ายกว่านะครับ

แต่จ่ากประสบการณ์จริง ถ้าเรานั่งชน คือสู้หน้าสังเกตพิจารณาความง่วงและลูกหลานอารมณ์ที่เกิดจากความง่วงจริงๆจนมันดับไปๆหมดได้สักครั้งสองครั้งวันหลังง่วงจะไม่มากวนอีกเลย
onion


ดูที่อโศกตอบรวมๆนี่แล้ว

อ้างคำพูด:
คน่ที่เดินจงกรมแล้วง่วงนี่ ต้องส่งไปตรวจเช็คสุขภาพก่อนดีกว่ามั้ง เพราะคนปกติธรรมดายิ่งเดินยิ่งตาสว่างเพราะร่างกายมีกิจกรรม แถมยังต้องระวังการทรงตัว


ไม่มีพื้นฐานภาคปฏิบัติจริงเลยจริงๆ ขาดประสบการณ์

ไม่ต้องไปหาหมอไม่ต้องไปตรวจสุขภาพดอก เขาหายง่วงทันทีทันใดเมื่อไปทำอย่างอื่น

อ้างคำพูด:
ลองแก้หลายวิธีไม่หาย เดินจงกรมจะง่วง แต่พอหันมาทำอย่างอื่นอย่างเข้าเว้ปลานธรรมตอนนี้ มันหายทันที


เห็นตั้งกระทู้นิวงนิวรณ์ คิดว่าเข้าใจเรื่องนี้ คิกๆๆ

:b13: :b13: :b13:
นี่พ่อนักวิชาการใหญ่กรัชกาย ทำไมจึงเป็นคนเฉโกอย่างนี้

่คำถามนั้นเพื่อที่จะแก้ปัญหาง่วงตอนเดินจงกรมไม่ใช่หรือ ก็แก้ให้ตามประเด็น
แต่กลับไม่รู้คุณมาแดกดันผู้สอน


ก็เมื่อไปทำอย่างอื่นแล้วง่วงหาย ก็ไปภาวนาในท่าอื่นซิ จะมาถามวิธีแก้ความง่วงตอนเดินจงกรม หาพระแสง...สว่างอีกทำไม ฮึ กรัชกาย
:b9: :b1: :b12:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 117 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 155 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร