ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
บุคคลใด ถ้า "ตายแล้ว" สุ่มเสี่ยงที่จะ " ตกนรก" มากกว่ากัน ? http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=47408 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 4 |
เจ้าของ: | ไอ้ฟัก [ 07 มี.ค. 2014, 20:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | บุคคลใด ถ้า "ตายแล้ว" สุ่มเสี่ยงที่จะ " ตกนรก" มากกว่ากัน ? |
ระหว่าง 1.คนดี ที่ รักชาติ ( แต่ปราศจาก ศีล 5 ) กับ 2.คนธรรมดา ๆ มีศีล 5 ( แต่ว่า ไม่รักชาติ ) รบกวน ช่วยใช้ สามัญสำนึก เฉกเช่น วิญญูชนพึงมี มาชี้ ทางสว่าง ให้ด้วย ( แต่ถ้า แถวนี้ ไม่มี วิญญูชน มีแต่ คนสามัญสำนึกบกพร่อง ก็ไม่เป็นไร.... ) ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 07 มี.ค. 2014, 23:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุคคลใด ถ้า "ตายแล้ว" สุ่มเสี่ยงที่จะ " ตกนรก" มากกว่าก |
เท่ากัน... |
เจ้าของ: | student [ 08 มี.ค. 2014, 01:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุคคลใด ถ้า "ตายแล้ว" สุ่มเสี่ยงที่จะ " ตกนรก" มากกว่าก |
คนที่รักชาติ ก็จัดเป็นคนที่มีความเห็นถูก รู้จักรัก เคารพ แผ่นดินเกิด หวงแหน และอยากเห็นความพัฒนา ความเห็นถูก จัดเป็นปัญญา แต่เนื่องจากศีลไม่สมบูรณ์ จึงไม่บริสุทธิ์ คนที่ศีลสมบูรณ์ ก็คือคนที่มีความเกลงกลัวในการกระทำบาป ไม่ต้องการทำบาป แต่ยังขาดความเห็นที่ถูก ซึ่งเป็นปัญญา จะว่าศีล5 นั้นสมบูรณ์นั้นต้องออกมาจากจิตใจด้วย การที่จะจำกัดข้อห้ามที่5 ข้อ นั้นถือว่ายังน้อยเกินไป เพราะชีวิตคนเราในชีวิตหนึ่งต้องประสบเรื่องราวต่างๆมากมาย อย่างน้อยคนเราควรจะมีพื้นฐานของศีล5 แต่ก็ควรจะมีอะไรที่ควรทำได้มากกว่านั้นด้วยครับผม |
เจ้าของ: | student [ 08 มี.ค. 2014, 01:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุคคลใด ถ้า "ตายแล้ว" สุ่มเสี่ยงที่จะ " ตกนรก" มากกว่าก |
ส่วนตกนรกไม่นรกนั้น มันย่อมอยู่ในจิตใจคนนั้นแล้วว่า ถ้าหากชาตินี้มีความร้อนรนว้าวุ่นใจ ก็เหมือนตกนรกอยู่แล้ว |
เจ้าของ: | ปลีกวิเวก [ 08 มี.ค. 2014, 10:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุคคลใด ถ้า "ตายแล้ว" สุ่มเสี่ยงที่จะ " ตกนรก" มากกว่าก |
![]() ในหลักการของพุทธศาสนาเป็นเรื่องการพัฒนาจิตใจไปจนถึงขั้นหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง แต่ความเป็นชีวิตประกอบด้วยกายและใจ ที่เป็นองค์ประกอบร่วมกัน องค์พระศาสดาจึงวางหลักเกณฑ์การพัฒนาที่เรียกว่า ไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา คือต้องพัฒนาทั้งสามด้าน ดังนั้นจากคำถามของ คุณจขกท บุคคลใดสุ่มเสี่ยงที่จะตกนรกมากกว่ากัน... ก็ขอตอบบุคคลข้อที่ 1.คนดี ที่ รักชาติ ( แต่ปราศจาก ศีล 5 ) ข้อสังเกตคำว่า "ปราศจาก" ในที่นี้อาจดูคลุมเครือ... ...แต่ถ้าหมายความว่าได้ประพฤติผิดศีลหรือมีการละเมิดศีลก็มีผลอย่างหนึ่ง ...แต่ถ้าหมายความว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะรักษาศีลแต่ก็ไม่ได้ประพฤติผิดศีลหรือละเมิดศีลอันนี้ก็มีผลอีกอย่างหนึ่ง ความแตกต่างระหว่างบุคคลข้อที่ 1 และ 2 บุคคลในข้อที่ 1.ยังไม่ได้เริ่มพัฒนาศีล คือกายและวาจายังเป็นไปเพื่ออกุศลกรรม บุคคลในข้อที่ 2.อยู่ในขั้นพัฒนาศีล คือการควบคุมกายและวาจาเพื่อละอกุศลกรรม สิ่งหนึ่งที่เราควรทำความเข้าใจคือเจตนา ความตรึกนึกคิดมีผลต่อพฤติกรรม(การกระทำ)ดังนั้นแค่ศีลยังไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมได้อย่างแท้จริง..จึงยังต้องพัฒนาด้านจิตใจด้วยคือขั้นของสมาธิและพัฒนาต่อไปยังขั้นสติปัญญาให้ครบทั้งสามด้าน... ดังนั้นพระอริยบุคคลตั้งแต่ขั้นต้นขึ้นไปคือพระโสดาบันถือว่าปลอดภัยจากอบายภูมิ... ![]() |
เจ้าของ: | ปฤษฎี [ 08 มี.ค. 2014, 23:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุคคลใด ถ้า "ตายแล้ว" สุ่มเสี่ยงที่จะ " ตกนรก" มากกว่าก |
ธรรมะต้องพิจารณาเป็นขณะๆ เป็นดีก็ดี เป็นชั่วก็ชั่ว ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน อย่างเช่น กรรมที่จะเป็นเหตุให้ตกนรก หรือปฏิสนธิในนรก ก็คืออกุศลกรรมที่มีกำลัง ทั้งสองคนที่กล่าวมา ถ้ายังเป็นปุถุชน ไม่ใช่พระโสดาบันบุคคลขึ้นไป ก็มีโอกาสตกนรกได้ทั้งนั้น สุดแล้วแต่ว่ากรรมใดจะให้ผลให้เกิดในภพใด อย่างกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ก็มีวิบากเป็นทุกข์ เบียดเบียน ส่วนกายสุจริต วีสุจริต มโนสุจริต มีวิบากเป็นสุข ไม่เบียดเบียนใครเลย คนที่มีปัญญาก็เจริญกุศลละอกุศล ส่วนผู้มีปัญญาทรามมีความเห็นผิด ก็เจริญอกุศลมากขึ้น ทั้งทางกาย ทางวาจา ทางใจ |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 09 มี.ค. 2014, 01:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุคคลใด ถ้า "ตายแล้ว" สุ่มเสี่ยงที่จะ " ตกนรก" มากกว่าก |
ความสุ่มเสียงในการตกนรก ไม่ได้เอาความรักชาติ หรือ ไม่รักชาติมาเป็นตัวบอกครับ ให้ดู ที่ ศีล ครับ ว่าล่วงศีล หรือไม่ล่วงศีลครับ เข้าใจนะครับ |
เจ้าของ: | ไอ้ฟัก [ 09 มี.ค. 2014, 18:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุคคลใด ถ้า "ตายแล้ว" สุ่มเสี่ยงที่จะ " ตกนรก" มากกว่าก |
กบนอกกะลา เขียน: เท่ากัน... งั้น ถ้า โจทย์ มัน ให้ ข้อมูล โดย ยกตัวอย่าง เพิ่มเติม ว่า คนธรรมดา ๆ มีศีล 5 ( แต่ว่า ไม่รักชาติ ) อาทิเช่น คนที่ ไม่ กระตือรือล้น ที่จะรักชาติ ถ้า มี อริราชศัตรู มาราวีรุกรานประเทศที่อาศัย ก็พร้อมที่จะ หนี มากกว่า จับดาบปกป้องประเทศ ไม่มายด์ ว่าใครจะโกงกิน เพราะ ถือ คติ เคร่งครัดที่ตน ผ่อนปรนคนอื่น จึง มุ่งเน้น ที่การ ระวังไม่ให้ตนนั้น ก้าวล่วงศีล 5 แต่ ถ้าคนอื่นก้าวล่วง ก็ ไม่ไปเพ่งโทษ อะไรเขา ที่สำคัญ ศีลของเขา เป๊ะเว่อร์ บริบูรณดี แทบไม่มีการก้าวล่วงศีล 5 เลย คนดี ที่ รักชาติ ( แต่ปราศจาก ศีล 5 ) อาทิเช่น -ทหารหาญผู้รักชาติ รักสถาบัน ผู้ทำการป้องกัน ประเทศชาติ ด้วยการ เข่นฆ่าอริราชศัตรู ซึ่ง การกระทำนี้ มี องค์ประกอบ ครบ ที่จะชี้มูล ว่า เขาผิดศีลข้อ 1 - พวกที่ บอกว่ารักชาติ ต้องการ กำจัด คนโกงกิน แต่ตัวมันเองก็ โกงกิืน เหมือน ๆ กัน อาทิเช่น ผิดศีล ข้อ 2 โกงที่ดิน/ ฉ้อราษฏร์บังหลวง โกงเวลางาน ( เอาเวลางานไปทำธุระส่วนตัว ) / โกงน้ำโกงไฟที่ทำงาน ( เช่น ชาร์จแบตโทรศัพท์+ล้างรถในที่ทำงาน ) -พวกที่บอกว่า รักชาติ แต่ก็มีรสนิยม ชอบแย่งเมียเพื่อน ผิดศีลข้อ 3 ผิดศีลข้อ 4,5 เมครายงาน เขียนข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อให้ได้เบี้ยเดินทางไปราชการ ให้ได้มาก ๆ เขียนโครงการหลอก ๆ เพื่อ เอางบหลวง ไป จัดงานสังสรรน์ ทั้ง ๆ ที่ผิดระเบียบ แถม ยังเอางบหลวง สั่งเหล้ามากินในงานสังสรรน์ นั้นด้วย ฯลฯ เมื่อตายไปแล้ว.... ใครคือ คนที่ สุ่มเสี่ยงที่จะ ตกนรก มากกว่ากัน |
เจ้าของ: | ไอ้ฟัก [ 09 มี.ค. 2014, 18:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุคคลใด ถ้า "ตายแล้ว" สุ่มเสี่ยงที่จะ " ตกนรก" มากกว่าก |
เช่นนั้น เขียน: ความสุ่มเสียงในการตกนรก ไม่ได้เอาความรักชาติ หรือ ไม่รักชาติมาเป็นตัวบอกครับ ให้ดู ที่ ศีล ครับ ว่าล่วงศีล หรือไม่ล่วงศีลครับ เข้าใจนะครับ ขอบคุณ ที่ ตอบคำถาม ตามประเด็น อย่าง ตรงไปตรงมา โดยไม่แทงกั๊ก ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | nongkong [ 09 มี.ค. 2014, 18:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุคคลใด ถ้า "ตายแล้ว" สุ่มเสี่ยงที่จะ " ตกนรก" มากกว่าก |
คนเราเกิดมาทำทั้งบุญและบาป ไม่มีใครสามารถบอกได้หรอกว่าใครจะไปนรกใครจะขึ้นสวรรค์ มีแต่ญาณของพระพุทธเจ้าเท่านั้นแหละสามารถบอกได้ว่า สัตว์เคลื่อนจากภพนี้ไปจุติที่ภพใด ดั่งเช่นนางมัลลิกาที่ตายต้องลงนรกก่อน 7 วันถึงขึ้นสวรรค์ แต่ถ้าเราเชื่อว่ากฏแห่งกรรมมีจริง ![]() พระพุทธองค์ตรัสถึงกฏแห่งกรรมว่า อดีตชาติไดประกอบแต่กรรมดี จึงเกิดมาเป็นคนที่มียศสู.ศักดิ์ และร่ำรวยในโภคทรัพย์ ผู้ใดบำเพ็ญธรรมมาตลอดจะได้บญวาสนาไปทุกภพทุกชาติ มนุษย์จงฟังให้ดี ฟังตถาคตกล่าวผลกรรมของไตรภพ ผลกรรมของไตรภพเป็นเรื่องใหญ่จงอย่าดูหมิ่นพุทธพจน์ จงฟังผลกรรมดังต่อไปนี้ ปัจจุบันเป็นขุนนางเพราะเหตุใด ชาติก่อนนำทองคำสร้างพระพุทธรูป สิ่งที่ได้รับในชาตินี้เพราะชาติก่อนทำไว้ ถวายเครื่องทรงสักการะพระพุทธองค์ ทองคำสร้างองค์พระดั่งสร้างตนเอง เครื่องทรงสักการะคืออาภรณ์ประดับกาย ดังนั้นอย่าคิดว่าเป็นขุนนางนั้นมันง่าย หากไม่สร้างบุญก่อกุศลแต่ปางก่อนไว้ไฉนเลยจะได้รับ มีรถนั่งมีเรือขี่เพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนสร้างถนนทำสะพาน มีเสื้อผ้าแพรพรรณประดับกายเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนบริจาคเสื้อผ้าให้ผู้ยากจน มีอาหารกินอิ่มสมบูรณืเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนบริจาคข้างปลาอาหารและน้ำดื่มให้ผู้ยากจน ที่มไมจะกินจะใสเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนไม่เคยบริจาคทานเลยแม้แต่น้อย มีตึกรามบ้านช่องอยู่เพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวสารช่วยผู้ยากไร้ มีบุญบารมีวาสนาเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนบูชาพระพุทธรูปด้วยดอกไม้ของหอม มีปัญญามีความปราดเปรื่องเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนสวดมนต์สรรเสริญพระนามพระพุทธเจ้า มีภรรยาดีมีมารยาทพร้อมเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนได้สร้างบุญสร้างกุศลร่วมกัน สามีภรรยามีอายุยืนยาวเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนได้แต่งริ้วธงประดับหน้าพระพุทธรูป มีพ่อแม่อยู่ครบเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนเห็นอกเห็นใจผู้กำพร้า ไม่มีพ่อแม่เพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนชอบยิงนกตกปลา มีลูกหลานแยะเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนชอบปล่อยนกปล่อยปลา เลี้ยงลูกไม่รู้จักโตเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนชอบเจ็บแค้นผู้อื่น ชาตินี้ไม่มีลูกเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนข่มเหงรังแกลูกหลานชาวบ้าน ชาตินี้อายุยืนเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนชอบซื้อสัตว์ปลดปล่อยชีวิต ชาตินี้อายุสั้นเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ชาตินี้ไม่มีภรรยาเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนชอบผิดประเวณี ข่มขืนลูกเมียเขา ชาตินี้เป็นหม้ายเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนชอบดูหมิ่นดูแคลนสามี ชาตนี้เป็นทาสเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนไม่รู้จักบุญคุณคนอื่น ชาตินี้มีตาดีเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนซื้อน้ำมันตะเกียงบูชาพระ ชาตินี้ตาบอดเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนชอบอ่านหนังสือลามก ชาตินี้มีปากแหว่งเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนกล่าวร้ายใส่ความผู้อื่น ชาตินี้หูหนวกเป็นใบ้เพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนปากร้ายชอบด่าว่าพ่อแม่ ชาตินี้หลังค่อมเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนหัวเราะคนที่ไหว้พระ ชาตินี้มืองอ แขนคดเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนเคยตีพ่อแม่ ชาตินี้ขาเป๋ ตีนแปเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนทำลายถนนและสะพาน ชาตินี้เป็นวัวเป็นควายเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนเป็นหนี้เขาแล้วไม่คืน ชาตินี้เป็นหมูเป็นหมาเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนมีใจคิดหลอกลวงเขา ชาตินี้มีโรคมากเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนดีใจเห็นผู้อื่นเคราห์ร้าย ชาตินี้สุขภาพดีเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนบริจาคยารักษาโรคผู้อื่น ชาตินี้ต้องติดคุกติดตะรางเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนเห็นคนอื่นตกอยู่ในอันตรายแล้วไม่ยอมช่วยเหลือ ชาตินี้ต้องอดอาหารตายเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนหัวเราะขอทาน ชาตินี้ต้องถูกเขาวางยาเบื่อตายเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนเบื่อปลาในคลอง ชาตินี้โดดเดี่ยวทุกข์ทรมานเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนใจบาปคิดแต่จะทำลายผู้อื่น ชาตินี้แคระแกรนเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนชอบเหยียดหยามดูแคลนคนรับใช้ ชาตินี้อาเจียนเป็นโลหิตเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนคอยปลุกปั่นยุแหย่คนอื่นให้แตกแยกกัน ชาตินี้หูหนวกเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนฟังธรรมแล้วไม่เชื่อถือ ชาตินี้เป็นฝี หนองเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนทารุณสัตว์ ชาตินี้ตัวมีกลิ่นเหม็นเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนชอบอิจฉาริษยาผู้อื่น ชาตินี้ต้องแขวนคอตายเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนทำลายเขาเพื่อประโยชน์ตน ชาตินี้เป็นหม้ายหรือโดเดี่ยวเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนไม่รักลูกรักภรรยา ชาตินี้ถูกฟ้าผ่าตายเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนพูดจาเสียดสีผู้ออกบวช ชาตินี้ถูกสัตว์ร้ายกัดตายเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนชอบก่อศัตรูคู่อาฆาต สรรพกรรมที่ก่อไว่กรรมตามสนอง ต้องตกนรกได้รับทุข์ทรมานจะโทษใครเล่า อย่าพูดว่ากฏแห่งกรรมไม่มีใครเห็น กรรมสนองเร็วก็ตกที่ตัวเอง กรรมสนองช้าก็ตกที่ลูกหลาน |
เจ้าของ: | ไอ้ฟัก [ 09 มี.ค. 2014, 18:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุคคลใด ถ้า "ตายแล้ว" สุ่มเสี่ยงที่จะ " ตกนรก" มากกว่าก |
student เขียน: คนที่รักชาติ ก็จัดเป็นคนที่มีความเห็นถูก รู้จักรัก เคารพ แผ่นดินเกิด หวงแหน และอยากเห็นความพัฒนา ความเห็นถูก จัดเป็นปัญญา แต่เนื่องจากศีลไม่สมบูรณ์ จึงไม่บริสุทธิ์ ตกลง การรักชาติ จัดเป็น สัมมาทิฏฐิ เช่นนั้น หรือ ? แต่ เราว่า ถ้า เรารักชาติ แบบ ไม่ลืมหูลืมตา จนหลงลืมความยุติธรรม แล้ว ก้าวล่วงศีล 5 มันเหมือน เป็น ฉันทาคติ มากกว่านะ สัมมาทิฏฐิ นะ ตัวอย่าง ก็มีให้เห็นกันอยู่่ อาทิเช่น กรณีรักชาติแบบ ชนเผ่าฮูตู กับ ทูตซี่ ที่ รักพวกพ้องเผ่าพันธุ์ จนเข่นฆ่า คนเผ่าอื่น กรณี การรักชาติแบบเยอรมัน ที่ รวมหัวกัน คิด กำจัดชาวยิว ซึ่งเขาเห็นว่า พ่อค้าชาวยิวเป็น คนโกง เป็น เหลือบไร คอย ชุบมือเปิบ หากินผลประโยชน์จากประเทศชาติ ของเขา กรณีรักชาติแบบญึ่ปุ่น ที่ ทหารทั้งหลาย พร้อมพลีชีพ และ สังหารศัตรู ใน สงครามนานกิง ไม่เว้นแม้แต่เด็ก และ ผู้หญิง กรณี รักชาติ แบบ ยิว ที่เห็นแก่พวกพ้อง ให้ อภิสิทธิพิเศษ กับ คนเชื้อชาติของ ตน จนทำให้ คนเชื้อชาติอื่นไม่พอใจ เช่น กรณี ที่ ร้านค้ายิวจะ สงวน รองเท้าคุณภาพดี เอาไว้ขาย ให้แก่ ชาวยิว ด้วยกันเท่านั้น ส่วนคนชาติอื่น ที่เป็น เจ้าของประเทศ แม้จะมีเงินซื้อ แต่ก็ หมดสิทธิ ที่จะเป็นเจ้าของรองเท้าคุณภาพดี เพราะ ถูก ระบบผูกขาด ทางการตลาด ของ ยิว |
เจ้าของ: | ไอ้ฟัก [ 09 มี.ค. 2014, 19:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุคคลใด ถ้า "ตายแล้ว" สุ่มเสี่ยงที่จะ " ตกนรก" มากกว่าก |
ปลีกวิเวก เขียน: ![]() ในหลักการของพุทธศาสนาเป็นเรื่องการพัฒนาจิตใจไปจนถึงขั้นหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง แต่ความเป็นชีวิตประกอบด้วยกายและใจ ที่เป็นองค์ประกอบร่วมกัน องค์พระศาสดาจึงวางหลักเกณฑ์การพัฒนาที่เรียกว่า ไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา คือต้องพัฒนาทั้งสามด้าน ดังนั้นจากคำถามของ คุณจขกท บุคคลใดสุ่มเสี่ยงที่จะตกนรกมากกว่ากัน... ก็ขอตอบบุคคลข้อที่ 1.คนดี ที่ รักชาติ ( แต่ปราศจาก ศีล 5 ) ข้อสังเกตคำว่า "ปราศจาก" ในที่นี้อาจดูคลุมเครือ... ...แต่ถ้าหมายความว่าได้ประพฤติผิดศีลหรือมีการละเมิดศีลก็มีผลอย่างหนึ่ง ...แต่ถ้าหมายความว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะรักษาศีลแต่ก็ไม่ได้ประพฤติผิดศีลหรือละเมิดศีลอันนี้ก็มีผลอีกอย่างหนึ่ง ความแตกต่างระหว่างบุคคลข้อที่ 1 และ 2 บุคคลในข้อที่ 1.ยังไม่ได้เริ่มพัฒนาศีล คือกายและวาจายังเป็นไปเพื่ออกุศลกรรม บุคคลในข้อที่ 2.อยู่ในขั้นพัฒนาศีล คือการควบคุมกายและวาจาเพื่อละอกุศลกรรม สิ่งหนึ่งที่เราควรทำความเข้าใจคือเจตนา ความตรึกนึกคิดมีผลต่อพฤติกรรม(การกระทำ)ดังนั้นแค่ศีลยังไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมได้อย่างแท้จริง..จึงยังต้องพัฒนาด้านจิตใจด้วยคือขั้นของสมาธิและพัฒนาต่อไปยังขั้นสติปัญญาให้ครบทั้งสามด้าน... ดังนั้นพระอริยบุคคลตั้งแต่ขั้นต้นขึ้นไปคือพระโสดาบันถือว่าปลอดภัยจากอบายภูมิ... ![]() ขอบคุณ สำหรับคำตอบ คิดคล้าย ๆ กันนะ อ้อ ขอชม ว่า คุณ รอบคอบมาก ที่เขียน แยก ประเด็น เรื่อง 1.ประพฤติผิดศีลหรือมีการละเมิดศีล กับ 2.ไม่ได้มีเจตนาที่จะรักษาศีลแต่ก็ไม่ได้ประพฤติผิดศีลหรือละเมิดศีล อนึ่ง ปราศจากศีล 5 ในที่นี้ ตาม ความหมายของ จขกท. คือ ไม่มีเจตนาจะรักษาศีล 5 และ มีก้าวก้าวล่วงศีล 5 ด้วย ส่วน คนธรรมดา ๆ ที่มีศีล 5 จขกท. ไม่ได้หมายความแค่ มีเจตนาจะรักษาศีล 5 แต่หมายถึง คนที่มี "ภูมิศีล" (Moral Quotient) คือ มีศีล 5 เป็นปกติ โดยไม่ต้อง อาราธนาศีล 5 มารักษาไว้ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | student [ 10 มี.ค. 2014, 00:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุคคลใด ถ้า "ตายแล้ว" สุ่มเสี่ยงที่จะ " ตกนรก" มากกว่าก |
ไอ้ฟัก เขียน: student เขียน: คนที่รักชาติ ก็จัดเป็นคนที่มีความเห็นถูก รู้จักรัก เคารพ แผ่นดินเกิด หวงแหน และอยากเห็นความพัฒนา ความเห็นถูก จัดเป็นปัญญา แต่เนื่องจากศีลไม่สมบูรณ์ จึงไม่บริสุทธิ์ ตกลง การรักชาติ จัดเป็น สัมมาทิฏฐิ เช่นนั้น หรือ ? แต่ เราว่า ถ้า เรารักชาติ แบบ ไม่ลืมหูลืมตา จนหลงลืมความยุติธรรม แล้ว ก้าวล่วงศีล 5 มันเหมือน เป็น ฉันทาคติ มากกว่านะ สัมมาทิฏฐิ นะ ตัวอย่าง ก็มีให้เห็นกันอยู่่ อาทิเช่น กรณีรักชาติแบบ ชนเผ่าฮูตู กับ ทูตซี่ ที่ รักพวกพ้องเผ่าพันธุ์ จนเข่นฆ่า คนเผ่าอื่น กรณี การรักชาติแบบเยอรมัน ที่ รวมหัวกัน คิด กำจัดชาวยิว ซึ่งเขาเห็นว่า พ่อค้าชาวยิวเป็น คนโกง เป็น เหลือบไร คอย ชุบมือเปิบ หากินผลประโยชน์จากประเทศชาติ ของเขา กรณีรักชาติแบบญึ่ปุ่น ที่ ทหารทั้งหลาย พร้อมพลีชีพ และ สังหารศัตรู ใน สงครามนานกิง ไม่เว้นแม้แต่เด็ก และ ผู้หญิง กรณี รักชาติ แบบ ยิว ที่เห็นแก่พวกพ้อง ให้ อภิสิทธิพิเศษ กับ คนเชื้อชาติของ ตน จนทำให้ คนเชื้อชาติอื่นไม่พอใจ เช่น กรณี ที่ ร้านค้ายิวจะ สงวน รองเท้าคุณภาพดี เอาไว้ขาย ให้แก่ ชาวยิว ด้วยกันเท่านั้น ส่วนคนชาติอื่น ที่เป็น เจ้าของประเทศ แม้จะมีเงินซื้อ แต่ก็ หมดสิทธิ ที่จะเป็นเจ้าของรองเท้าคุณภาพดี เพราะ ถูก ระบบผูกขาด ทางการตลาด ของ ยิว ครับความรู้สึกรักชาตินั้นเป็นปัญญา แต่เป็นสัมมาทิฎฐิหรือปล่าวต้องดูที่สัมมาสังกัปปะ มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาครับ และความศรัทธาด้วย ความรักชาติ กับ การคิดร้าย และทำลายผู้อื่น มันคนละอย่างกันครับ เอามารวมกันไม่ได้ |
เจ้าของ: | ไอ้ฟัก [ 10 มี.ค. 2014, 09:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุคคลใด ถ้า "ตายแล้ว" สุ่มเสี่ยงที่จะ " ตกนรก" มากกว่าก |
student เขียน: ครับความรู้สึกรักชาตินั้นเป็นปัญญา แต่เป็นสัมมาทิฎฐิหรือปล่าวต้องดูที่สัมมาสังกัปปะ มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาครับ และความศรัทธาด้วย ความรักชาติ กับ การคิดร้าย และทำลายผู้อื่น มันคนละอย่างกันครับ เอามารวมกันไม่ได้ คำตอบคุณดูย้อนแย้งกันเองนะ รักชาติ เป็น ปัญญา แต่จะเป็น สัมมา หรือ มิจฉาฯ ก็ได้ ปัญญา ในนิยาม ของคุณ คือ อะไร กันแน่ ปกติ อะไรที่เป็น ปัญญา ย่อม ต้องเป็น สัมมาฯ ด้วยนะ ถ้า รักชาติ = ปัญญา แล้ว รักชาติ = มิจฉา ( ก็ได้ ) โดย ตรรกะแล้ว แสดงว่า ปัญญา = มิจฉา (ก็ได้) อ่ะดิ อ่านแล้ว เหมือน ตรรกะป่วย ๆ ไงไม่รู้เนอะ ![]() |
เจ้าของ: | student [ 10 มี.ค. 2014, 14:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุคคลใด ถ้า "ตายแล้ว" สุ่มเสี่ยงที่จะ " ตกนรก" มากกว่าก |
ไอ้ฟัก เขียน: คำตอบคุณดูย้อนแย้งกันเองนะ รักชาติ เป็น ปัญญา แต่จะเป็น สัมมา หรือ มิจฉาฯ ก็ได้ ปัญญา ในนิยาม ของคุณ คือ อะไร กันแน่ ปกติ อะไรที่เป็น ปัญญา ย่อม ต้องเป็น สัมมาฯ ด้วยนะ ถ้า รักชาติ = ปัญญา แล้ว รักชาติ = มิจฉา ( ก็ได้ ) โดย ตรรกะแล้ว แสดงว่า ปัญญา = มิจฉา (ก็ได้) อ่ะดิ อ่านแล้ว เหมือน ตรรกะป่วย ๆ ไงไม่รู้เนอะ ![]() ก็เพราะคุณตั้งคำถามผิดตั้งแต่แรก คุณไม่แยกแยะธรรม ความรักชาติก็เป็นปัญญา แต่เพราะว่าคุณยกตัวอย่างทีหลัง อย่างสงครามและการเบียดเบียน ตอนแรกคุณแค่พูดผิดศีล ตอนหลังเอาวิบัติของสัมมาสังกัปะมาพูด ผมจึงบอกว่าคุณไม่แยกแยะธรรม อย่างเมตตาคือสัมมาสังกัปปะ แต่ความลำเอียงคือวิบัติของความเมตตา หรือความอาฆาตพยาบาทคือวิบัติของความกรุณา ทีนี้คุณเข้าใจหรือยังว่าคุณไม่แยกแยะธรรม คนที่ชอบเบียดเบียนและทำลายคนอื่นคือคนชั่ว ไม่เกี่ยวกับความรักชาติ ผมรู้แล้วว่าคุณจะต้องเข้ามาถามคำนี้ เพราะว่าผมคาดคะเนความเห็นคุณไว้ตั้งแต่แรก |
หน้า 1 จากทั้งหมด 4 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |