ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
แก้ยังไงดีค่ะ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=47192 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | wangmingdi [ 21 ม.ค. 2014, 07:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | แก้ยังไงดีค่ะ |
ปกติปฏิบัติธรรมตามปกติเท่าที่ทำได้ แต่อยู่มาก็รู้สึกอยากมีรัก อยากมีคู่ มีวิธีแก้มั้ยค่ะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 21 ม.ค. 2014, 08:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แก้ยังไงดีค่ะ |
ปัญหาเบาสมองดีครับ ![]() ปฏิบัติธรรม ไม่ได้ห้ามมีคู่รัก (ยกเว้นนักบวชในพระพุทธศาสนา) หากมีคนรักเรา แล้วเราก็รักเขา ก็แต่งงานกันเลยครับ (ช่วงนี้อากาศกำลังเป็นใจ) นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาประเด็นนี้ ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 21 ม.ค. 2014, 08:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แก้ยังไงดีค่ะ |
การปฏิบัติธรรม ท่านไม่ได้ห้ามมีคู่รักหรือแต่งงาน ตัวอย่างนี้ อ้างคำพูด: พุทธสาวกโสดาบันจำนวนมากมายในพุทธกาล เป็นคฤหัสถ์ ดำเนินชีวิตที่ดีงาม ชอบด้วยศีลธรรม อยู่ท่ามกลางสังคมของชาวโลก มีชีวิตครอบครัวที่เป็นสุข บำเพ็ญประโยชน์แก่ชุมชน แก่พระศาสนาและแก่บ้านเมือง มีชีวประวัติที่น่ายึดถือเป็นแบบอย่าง ท่านเหล่านี้ แม้จะได้บรรลุภูมิธรรมสูงแล้ว แต่ยังมีกิเลสละเอียดเหลืออยู่ เมื่อประสบความพลัดพราก ยังโศกเศร้าร่ำไห้ ยังมีรักมีโกรธดังสามัญชน แต่ละเมียดบางเบากว่า และจะไม่ทำความชั่วความผิดที่เสียหายร้ายแรง และความทุกข์เหลืออยู่ ก็มีเพียงเล็กน้อย เื่มื่อเทียบกับทุกข์ส่วนใหญ่ที่ละได้แล้ว เป็นผู้มีพื้นฐานอันมั่นคง ที่จะนำชีวิตของตนเิดินทางก้าวหน้าไป ในมรรคาแห่งความสุขที่ไร้โทษ และกุศลธรรมที่ไพบูลย์ พุทธสาวกโสดาบัน ที่พึงออกชื่อเป็นตัวอย่างแสดงหลักฐานไว้ ณ ที่นี้ เช่น - พระเจ้าพิมพิสาร กษัตริย์ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นมคธ ผู้ทรงถวายเวฬุวันเป็นสังฆารามแห่งแรกในพระพุทธศาสนา และทรงรักษาอุโบสถเดือนละ ๔ ครั้ง - อนาถบิณฑิกเศรษฐี เจ้าของทุนสร้างวัดเชตวันที่มีชื่อเสียง ผู้บำรุงพระสงฆ์ และสงเคราะห์คนอนาถาอย่างไม่มีใครอื่นเพียบเท่า - นางวิสาขามหาอุบาสิกา เอตทัคคะฝ่ายทายิกา ผู้มีบุตรธิดามากถึง ๒๐ คน แต่สามารถบำเพ็ญประโยชน์ส่วนรวมได้เป็นอย่างดี มีบทบาทช่่วยกิจการของสงฆ์อย่างสำคัญ เป็นผู้กว้างขวางและมีเกียรติคุณสูงเด่นในสงคมแคว้นโกศล - หมอชีวกโกมารภัจ แพทย์ใหญ่ประจำองค์พระราชาแห่งมคธ ประจำองค์พระพุทธเจ้าและคณะสงฆ์ ผู้มีเกียรติคุณยั่งยืนตลอดมาในวิชาแพทย์แผนโบราณ - นกุลบิดาและนกุลมารดา คู่สามีภรรยาผู้ครองรักอันภักดีมั่นคงตราบเท่าชรา และยังปรารถนาเกิดพบกันทุกชาติไป ปฏิบัติธรรม ได้แก่ การนำธรรมะมาใช้ในการดำเนินชีวิตหรือดำเนินตามธรรม ไม่ได้ห้ามแต่งงานหรือห้ามการมีคู่ครอง ไม่ใช่ ![]() |
เจ้าของ: | sirinpho [ 21 ม.ค. 2014, 14:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แก้ยังไงดีค่ะ |
ขออนุโมทนากับท่านกรัชกาย ตอบได้ชัดเจนดีค่ะ |
เจ้าของ: | asoka [ 21 ม.ค. 2014, 16:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แก้ยังไงดีค่ะ |
wangmingdi เขียน: ปกติปฏิบัติธรรมตามปกติเท่าที่ทำได้ แต่อยู่มาก็รู้สึกอยากมีรัก อยากมีคู่ มีวิธีแก้มั้ยค่ะ ![]() ถามหาวิธีแก้ โดยหวังว่าจะข้ามความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่นี้ให้ได้ก็ต้องเข้มแข็งมากๆ มีวิธีแก้อยู่ 3 วิธี 1.โดยใช้อสุภะกรรมฐานข่มทับ ให้ค้นหาความไม่ดีไม่งามของการเสพกาม ทุกข์ของการมีคู่ครอง ความน่าเกลียดน่ากลัวของส้งขารร่างกาย เอาภาพซากศพในระยะต่างๆมาเพ่งเป็นกรมฐาน 2.โดยใช้วิป้สสนาขุดถอน เมื่อมีความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่เกิดขึ้นในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตความรู้สึกนั้นจนมันดับไปต่อหน้าต่อตา จะมีอารมณ์ลูกหลานที่แตกออกมาจากอารมณ์อยากมีรักอยากมีคู่นี้มากเพียงใดก็ให้มีสติรู้ทัน ปัญญาคอยนิ่งรู้นิ่งสังเกตให้ทันปัจจุบันจนม้นดับไปต่อหน้าต่อตาทุกอารมณ์ทุกอารมณ์ โดยไม่ทำอะไรตามคำสั่งของอารมณ์ ไม่ช้าจะพบว่าอารมณ์ความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่นี้จะเบาบางจางลงและหมดกำลังลงในที่สุด แต่จะตายขาดก็ต่อเมื่อได้เข้าถึงอนาคามีมรรค 3.โดยใช้วิธีทรมาณตน มีครูบาอาจารย์หลายท่านหลายองค์ใช้วิธีอดข้าวจนเจียนตายเอาชนะกิเลสสำคัญตัวนี้ ![]() |
เจ้าของ: | sirinpho [ 21 ม.ค. 2014, 16:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แก้ยังไงดีค่ะ |
ท่านasoka สุดยอด ![]() ![]() |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 21 ม.ค. 2014, 17:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แก้ยังไงดีค่ะ |
wangmingdi เขียน: ปกติปฏิบัติธรรมตามปกติเท่าที่ทำได้ แต่อยู่มาก็รู้สึกอยากมีรัก อยากมีคู่ มีวิธีแก้มั้ยค่ะ ![]() ![]() มันอาจจะไม่ต้องแก้อะไรก็ได้มั๊ง... ![]() เพราะ คือเอกอนก็เคยอยากมีรัก อยากมีคู่ น่ะ แต่...มันก็ได้แต่อยากน่ะ เพราะมันก็ไม่ได้มีลาภสัตว์สองเท้าเดินเข้ามาในชีวิต... ![]() ... และเมื่อเวลาล่วงเลยไป...ก็พบว่าความอยากมันก็คงอยู่ไม่ได้ในที่สุด... อิอิ มันก็เลยไม่มีอะไรต้องแก้ น่ะ... ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 22 ม.ค. 2014, 06:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แก้ยังไงดีค่ะ |
asoka เขียน: wangmingdi เขียน: ปกติปฏิบัติธรรมตามปกติเท่าที่ทำได้ แต่อยู่มาก็รู้สึกอยากมีรัก อยากมีคู่ มีวิธีแก้มั้ยค่ะ ![]() ถามหาวิธีแก้ โดยหวังว่าจะข้ามความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่นี้ให้ได้ก็ต้องเข้มแข็งมากๆ มีวิธีแก้อยู่ 3 วิธี อยากแนะนำใครเขาสิ่งแรกมันต้องรู้และเข้าใจคำถามเขาเสียก่อน ......ไม่ใช่พอเห็นคำถามแล้วไปคิดเองเออเองตอบเอง แบบนี้จขกทจะเข้าใจหรือ ลักษณะของคำถาม ผู้ถามๆโดยขาดความเข้าใจในบัญญัติที่ถาม และผู้ตอบก็ไม่รู้พอๆกับผู้ถาม ที่มาตอบก็เป็นเพียงอาการอวดเก่งแค่นั้น ความเป็นธรรมชาติของสัตว์โลก ....ย่อมต้องมีอารมณ์รักและอารมณ์อยากมีคู่ อารมณ์รักกับอารมณ์อยากมีคู่...เป็นคนล่ะอย่างกัน พระพุทธองค์ทรงแยกแยะอารมณ์ทั้งสองว่า ต่างก็เป็นกิเลสสังโยชน์ อารมณ์ความรักก็เป็นกิเลสตัวหนึ่ง อารมณ์อยากมีคู่ก็เป็นกิเลสอีกตัวหนึ่ง จะกล่าวลงไปให้ตรงตัว.....ความรักเป็นกิเลสเบื้องสูง.....มีแต่พระอรหันต์ที่ละได้ ส่วนอารมณ์อยากมีคู่....เป็นกิเลสเบื้องต่ำ ซึ่งเรียกว่า....กามฉันทะ มีแต่พระอนาคามีที่ละได้ สิ่งที่จขกทกำลังประสบยังไม่เรียกว่า เป็นความรัก เพราะความรักจะต่องมีตัวตนในสิ่งที่รัก เช่น พ่อ แม่ ครอบครัว หรือแฟน ฯลฯ จขกทเป็นเพียงอารมณ์อยากมีคู่ ท่านเรียกว่า เป็นกามฉันทะ มันเป็นเรื่องปกติของปุถุชน |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 22 ม.ค. 2014, 07:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แก้ยังไงดีค่ะ |
asoka เขียน: wangmingdi เขียน: ปกติปฏิบัติธรรมตามปกติเท่าที่ทำได้ แต่อยู่มาก็รู้สึกอยากมีรัก อยากมีคู่ มีวิธีแก้มั้ยค่ะ ![]() ถามหาวิธีแก้ โดยหวังว่าจะข้ามความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่นี้ให้ได้ก็ต้องเข้มแข็งมากๆ มีวิธีแก้อยู่ 3 วิธี 1.โดยใช้อสุภะกรรมฐานข่มทับ ให้ค้นหาความไม่ดีไม่งามของการเสพกาม ทุกข์ของการมีคู่ครอง ความน่าเกลียดน่ากลัวของส้งขารร่างกาย เอาภาพซากศพในระยะต่างๆมาเพ่งเป็นกรมฐาน 2.โดยใช้วิป้สสนาขุดถอน เมื่อมีความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่เกิดขึ้นในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตความรู้สึกนั้นจนมันดับไปต่อหน้าต่อตา จะมีอารมณ์ลูกหลานที่แตกออกมาจากอารมณ์อยากมีรักอยากมีคู่นี้มากเพียงใดก็ให้มีสติรู้ทัน ปัญญาคอยนิ่งรู้นิ่งสังเกตให้ทันปัจจุบันจนม้นดับไปต่อหน้าต่อตาทุกอารมณ์ทุกอารมณ์ โดยไม่ทำอะไรตามคำสั่งของอารมณ์ ไม่ช้าจะพบว่าอารมณ์ความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่นี้จะเบาบางจางลงและหมดกำลังลงในที่สุด แต่จะตายขาดก็ต่อเมื่อได้เข้าถึงอนาคามีมรรค 3.โดยใช้วิธีทรมาณตน มีครูบาอาจารย์หลายท่านหลายองค์ใช้วิธีอดข้าวจนเจียนตายเอาชนะกิเลสสำคัญตัวนี้ ![]() อ้างคำพูด: มีครูบาอาจารย์หลายท่านหลายองค์ใช้วิธีอดข้าวจนเจียนตายเอาชนะกิเลสสำคัญตัวนี้ คุณอโศกบอกชื่อ อ.ดังกล่า่วสักองค์สององค์สิครับ กรัชกายจะไปกราบท่านสักหน่อย ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 22 ม.ค. 2014, 07:37 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: แก้ยังไงดีค่ะ | ||
asoka เขียน: wangmingdi เขียน: ปกติปฏิบัติธรรมตามปกติเท่าที่ทำได้ แต่อยู่มาก็รู้สึกอยากมีรัก อยากมีคู่ มีวิธีแก้มั้ยค่ะ ![]() ถามหาวิธีแก้ โดยหวังว่าจะข้ามความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่นี้ให้ได้ก็ต้องเข้มแข็งมากๆ มีวิธีแก้อยู่ 3 วิธี 1.โดยใช้อสุภะกรรมฐานข่มทับ ให้ค้นหาความไม่ดีไม่งามของการเสพกาม ทุกข์ของการมีคู่ครอง ความน่าเกลียดน่ากลัวของส้งขารร่างกาย เอาภาพซากศพในระยะต่างๆมาเพ่งเป็นกรมฐาน 2.โดยใช้วิป้สสนาขุดถอน เมื่อมีความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่เกิดขึ้นในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตความรู้สึกนั้นจนมันดับไปต่อหน้าต่อตา จะมีอารมณ์ลูกหลานที่แตกออกมาจากอารมณ์อยากมีรักอยากมีคู่นี้มากเพียงใดก็ให้มีสติรู้ทัน ปัญญาคอยนิ่งรู้นิ่งสังเกตให้ทันปัจจุบันจนม้นดับไปต่อหน้าต่อตาทุกอารมณ์ทุกอารมณ์ โดยไม่ทำอะไรตามคำสั่งของอารมณ์ ไม่ช้าจะพบว่าอารมณ์ความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่นี้จะเบาบางจางลงและหมดกำลังลงในที่สุด แต่จะตายขาดก็ต่อเมื่อได้เข้าถึงอนาคามีมรรค 3.โดยใช้วิธีทรมาณตน มีครูบาอาจารย์หลายท่านหลายองค์ใช้วิธีอดข้าวจนเจียนตายเอาชนะกิเลสสำคัญตัวนี้ ![]() อ้างคำพูด: มีครูบาอาจารย์หลายท่านหลายองค์ใช้วิธีอดข้าวจนเจียนตายเอาชนะกิเลสสำคัญตัวนี้ การอดข้าวอดน้ำทรมานตนเนียะนะ ไม่มีใครเกินเจ้าชายสิทธัตถะ (พระพุทธเจ้า) เล่นเอาเกือบตาย ถึงกระนั้นก็ยังไม่รู้เข้าใจสัจธรรมได้ สุดท้ายต้องกลับมากินอาหาร (ที่ต้องเน้น ก็คือ พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์นะ) ... แล้วไฉนอโศกจึงแนะนำให้เขาอดอาหารเล่า หรือคิดฆ่าคนด้วยความปรารถนาดี คิกๆๆ ปลายพุทธกาลแล้วจริงๆ
|
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 22 ม.ค. 2014, 12:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แก้ยังไงดีค่ะ |
asoka เขียน: 1.โดยใช้อสุภะกรรมฐานข่มทับ ให้ค้นหาความไม่ดีไม่งามของการเสพกาม ทุกข์ของการมีคู่ครอง ความน่าเกลียดน่ากลัวของส้งขารร่างกาย เอาภาพซากศพในระยะต่างๆมาเพ่งเป็นกรมฐาน เลอะเทอะ! อสุภกรรมฐานท่านใช้สำหรับ ขจัดนิวรณ์ที่มารบกวนในขณะที่ต้องการให้จิตเกิดสมาธิ และการทำอสุภกรรมฐาน ก็ไม่ใช่การเพ่งแต่เป็นการพิจารณาธรรม...การเพ่งเป็นการทำฌาน ไม่ใช่การทำอสุภกรรมฐาน asoka เขียน: 2.โดยใช้วิป้สสนาขุดถอน เมื่อมีความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่เกิดขึ้นในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตความรู้สึกนั้นจนมันดับไปต่อหน้าต่อตา จะมีอารมณ์ลูกหลานที่แตกออกมาจากอารมณ์อยากมีรักอยากมีคู่นี้มากเพียงใดก็ให้มีสติรู้ทัน ปัญญาคอยนิ่งรู้นิ่งสังเกตให้ทันปัจจุบันจนม้นดับไปต่อหน้าต่อตาทุกอารมณ์ทุกอารมณ์ โดยไม่ทำอะไรตามคำสั่งของอารมณ์ ไม่ช้าจะพบว่าอารมณ์ความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่นี้จะเบาบางจางลงและหมดกำลังลงในที่สุด แต่จะตายขาดก็ต่อเมื่อได้เข้าถึงอนาคามีมรรค เละเทะ! การจะขุดรากถอนโคนสิ่งที่จขกทเป็นจะต้องอาศัยการทำ...สติปัฏฐาน๔เท่านั้น ไม่ใช่อย่างที่โสกะกำลังมั่วครับ asoka เขียน: 3.โดยใช้วิธีทรมาณตน มีครูบาอาจารย์หลายท่านหลายองค์ใช้วิธีอดข้าวจนเจียนตายเอาชนะกิเลสสำคัญตัวนี้ ![]() นี่เป็นพวกนอกรีตครับ ถึงได้ตำหนิโสกะบ่อยๆว่า...เอาวิธีการของโยคีมามั่ว พระพุทธองค์ทรงห้าม เพราะมันเป็นอัตตกิลมถานุโยค |
เจ้าของ: | asoka [ 22 ม.ค. 2014, 19:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แก้ยังไงดีค่ะ |
โฮฮับ เขียน: asoka เขียน: wangmingdi เขียน: ปกติปฏิบัติธรรมตามปกติเท่าที่ทำได้ แต่อยู่มาก็รู้สึกอยากมีรัก อยากมีคู่ มีวิธีแก้มั้ยค่ะ ![]() ถามหาวิธีแก้ โดยหวังว่าจะข้ามความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่นี้ให้ได้ก็ต้องเข้มแข็งมากๆ มีวิธีแก้อยู่ 3 วิธี อยากแนะนำใครเขาสิ่งแรกมันต้องรู้และเข้าใจคำถามเขาเสียก่อน ......ไม่ใช่พอเห็นคำถามแล้วไปคิดเองเออเองตอบเอง แบบนี้จขกทจะเข้าใจหรือ ลักษณะของคำถาม ผู้ถามๆโดยขาดความเข้าใจในบัญญัติที่ถาม และผู้ตอบก็ไม่รู้พอๆกับผู้ถาม ที่มาตอบก็เป็นเพียงอาการอวดเก่งแค่นั้น ความเป็นธรรมชาติของสัตว์โลก ....ย่อมต้องมีอารมณ์รักและอารมณ์อยากมีคู่ อารมณ์รักกับอารมณ์อยากมีคู่...เป็นคนล่ะอย่างกัน พระพุทธองค์ทรงแยกแยะอารมณ์ทั้งสองว่า ต่างก็เป็นกิเลสสังโยชน์ อารมณ์ความรักก็เป็นกิเลสตัวหนึ่ง อารมณ์อยากมีคู่ก็เป็นกิเลสอีกตัวหนึ่ง จะกล่าวลงไปให้ตรงตัว.....ความรักเป็นกิเลสเบื้องสูง.....มีแต่พระอรหันต์ที่ละได้ ส่วนอารมณ์อยากมีคู่....เป็นกิเลสเบื้องต่ำ ซึ่งเรียกว่า....กามฉันทะ มีแต่พระอนาคามีที่ละได้ สิ่งที่จขกทกำลังประสบยังไม่เรียกว่า เป็นความรัก เพราะความรักจะต่องมีตัวตนในสิ่งที่รัก เช่น พ่อ แม่ ครอบครัว หรือแฟน ฯลฯ จขกทเป็นเพียงอารมณ์อยากมีคู่ ท่านเรียกว่า เป็นกามฉันทะ มันเป็นเรื่องปกติของปุถุชน ![]() ![]() ![]() น้องเขาถามวิธีแก้นะครับ โฮฮับ ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 22 ม.ค. 2014, 19:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แก้ยังไงดีค่ะ |
กรัชกาย เขียน: asoka เขียน: wangmingdi เขียน: ปกติปฏิบัติธรรมตามปกติเท่าที่ทำได้ แต่อยู่มาก็รู้สึกอยากมีรัก อยากมีคู่ มีวิธีแก้มั้ยค่ะ ![]() ถามหาวิธีแก้ โดยหวังว่าจะข้ามความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่นี้ให้ได้ก็ต้องเข้มแข็งมากๆ มีวิธีแก้อยู่ 3 วิธี 1.โดยใช้อสุภะกรรมฐานข่มทับ ให้ค้นหาความไม่ดีไม่งามของการเสพกาม ทุกข์ของการมีคู่ครอง ความน่าเกลียดน่ากลัวของส้งขารร่างกาย เอาภาพซากศพในระยะต่างๆมาเพ่งเป็นกรมฐาน 2.โดยใช้วิป้สสนาขุดถอน เมื่อมีความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่เกิดขึ้นในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตความรู้สึกนั้นจนมันดับไปต่อหน้าต่อตา จะมีอารมณ์ลูกหลานที่แตกออกมาจากอารมณ์อยากมีรักอยากมีคู่นี้มากเพียงใดก็ให้มีสติรู้ทัน ปัญญาคอยนิ่งรู้นิ่งสังเกตให้ทันปัจจุบันจนม้นดับไปต่อหน้าต่อตาทุกอารมณ์ทุกอารมณ์ โดยไม่ทำอะไรตามคำสั่งของอารมณ์ ไม่ช้าจะพบว่าอารมณ์ความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่นี้จะเบาบางจางลงและหมดกำลังลงในที่สุด แต่จะตายขาดก็ต่อเมื่อได้เข้าถึงอนาคามีมรรค 3.โดยใช้วิธีทรมาณตน มีครูบาอาจารย์หลายท่านหลายองค์ใช้วิธีอดข้าวจนเจียนตายเอาชนะกิเลสสำคัญตัวนี้ ![]() อ้างคำพูด: มีครูบาอาจารย์หลายท่านหลายองค์ใช้วิธีอดข้าวจนเจียนตายเอาชนะกิเลสสำคัญตัวนี้ คุณอโศกบอกชื่อ อ.ดังกล่า่วสักองค์สององค์สิครับ กรัชกายจะไปกราบท่านสักหน่อย ![]() ![]() หลวงปู่สิม พุทธจาโร ลองไปค้นประวัติท่านมาอ่านดูนะครับ รูปอื่นเดี๋ยวต้องขอเวลาทบทวนความจำก่อน ที่เป็นพระหนุ่มเคยสนทนากัน ท่านชื่อ อาจารย์วิทยา ตอนนี้เป็นเถระแล้ว ผ่านด่านนี้ไปแล้วด้วยการอดอาหาร ผสมกดข่ม ผสมวิปัสสนาภาวนา ![]() ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 22 ม.ค. 2014, 19:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แก้ยังไงดีค่ะ |
กรัชกาย เขียน: asoka เขียน: wangmingdi เขียน: ปกติปฏิบัติธรรมตามปกติเท่าที่ทำได้ แต่อยู่มาก็รู้สึกอยากมีรัก อยากมีคู่ มีวิธีแก้มั้ยค่ะ ![]() ถามหาวิธีแก้ โดยหวังว่าจะข้ามความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่นี้ให้ได้ก็ต้องเข้มแข็งมากๆ มีวิธีแก้อยู่ 3 วิธี 1.โดยใช้อสุภะกรรมฐานข่มทับ ให้ค้นหาความไม่ดีไม่งามของการเสพกาม ทุกข์ของการมีคู่ครอง ความน่าเกลียดน่ากลัวของส้งขารร่างกาย เอาภาพซากศพในระยะต่างๆมาเพ่งเป็นกรมฐาน 2.โดยใช้วิป้สสนาขุดถอน เมื่อมีความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่เกิดขึ้นในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตความรู้สึกนั้นจนมันดับไปต่อหน้าต่อตา จะมีอารมณ์ลูกหลานที่แตกออกมาจากอารมณ์อยากมีรักอยากมีคู่นี้มากเพียงใดก็ให้มีสติรู้ทัน ปัญญาคอยนิ่งรู้นิ่งสังเกตให้ทันปัจจุบันจนม้นดับไปต่อหน้าต่อตาทุกอารมณ์ทุกอารมณ์ โดยไม่ทำอะไรตามคำสั่งของอารมณ์ ไม่ช้าจะพบว่าอารมณ์ความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่นี้จะเบาบางจางลงและหมดกำลังลงในที่สุด แต่จะตายขาดก็ต่อเมื่อได้เข้าถึงอนาคามีมรรค 3.โดยใช้วิธีทรมาณตน มีครูบาอาจารย์หลายท่านหลายองค์ใช้วิธีอดข้าวจนเจียนตายเอาชนะกิเลสสำคัญตัวนี้ ![]() อ้างคำพูด: มีครูบาอาจารย์หลายท่านหลายองค์ใช้วิธีอดข้าวจนเจียนตายเอาชนะกิเลสสำคัญตัวนี้ การอดข้าวอดน้ำทรมานตนเนียะนะ ไม่มีใครเกินเจ้าชายสิทธัตถะ (พระพุทธเจ้า) เล่นเอาเกือบตาย ถึงกระนั้นก็ยังไม่รู้เข้าใจสัจธรรมได้ สุดท้ายต้องกลับมากินอาหาร (ที่ต้องเน้น ก็คือ พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์นะ) ... แล้วไฉนอโศกจึงแนะนำให้เขาอดอาหารเล่า หรือคิดฆ่าคนด้วยความปรารถนาดี คิกๆๆ ปลายพุทธกาลแล้วจริงๆ ![]() ![]() ![]() ![]() นักวิชาการ ลอกตำรามาสอนธรรมอยู่บนหอคอยงาช้าง ย่อมไม่ได้รู้รสชาติ ชีวิตการต่อสู้กับกามของพระป่าหรอกว่ามันดุเด็ดเผ้ดมันขนาดไหน ถึงขนาดต้องเอาความตายเข้าแลกจึงได้มา แต่ใช่ว่าจะชนะถาวรนะ ต้องโน้นอนาคามีมรรคเข้าถึงอนาคามีผลกามจึงจะตายด้านไปจริงๆ กรัชกายหรือโฮฮับคงไม่รู้หรอก(เพราะค้นหาอ่านจากตำราไม่ค่อยได้ พระไตรปิฎกก็ไม่มีบอกไว้ แต่ในสนามรบจริงมันเป็นอย่างนี้จริงๆ)ว่า เมื่อถึงอนาคามีผลแล้วนั้น ชาย....ต่อมน้ำกามจะหยุดผลิตน้ำกาม แม้เป็นหนุ่มๆก็ตาม.....ไม่ใช่หยุดทันทีนะ มันจะฝ่อและหมดไปเร็วช้าแล้วแต่ธาตุขันธ์ของพระอนาคามีเจ้าท่านนั้น แต่ไม่นานเกิน 1 - 2 ปี ครับ หญิง....จะหมดประจำเดือนไปแม้เป็นสาวๆก็ตาม ![]() ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 22 ม.ค. 2014, 19:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แก้ยังไงดีค่ะ |
โฮฮับ เขียน: asoka เขียน: 1.โดยใช้อสุภะกรรมฐานข่มทับ ให้ค้นหาความไม่ดีไม่งามของการเสพกาม ทุกข์ของการมีคู่ครอง ความน่าเกลียดน่ากลัวของส้งขารร่างกาย เอาภาพซากศพในระยะต่างๆมาเพ่งเป็นกรมฐาน เลอะเทอะ! อสุภกรรมฐานท่านใช้สำหรับ ขจัดนิวรณ์ที่มารบกวนในขณะที่ต้องการให้จิตเกิดสมาธิ และการทำอสุภกรรมฐาน ก็ไม่ใช่การเพ่งแต่เป็นการพิจารณาธรรม...การเพ่งเป็นการทำฌาน ไม่ใช่การทำอสุภกรรมฐาน asoka เขียน: 2.โดยใช้วิป้สสนาขุดถอน เมื่อมีความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่เกิดขึ้นในจิต ให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตความรู้สึกนั้นจนมันดับไปต่อหน้าต่อตา จะมีอารมณ์ลูกหลานที่แตกออกมาจากอารมณ์อยากมีรักอยากมีคู่นี้มากเพียงใดก็ให้มีสติรู้ทัน ปัญญาคอยนิ่งรู้นิ่งสังเกตให้ทันปัจจุบันจนม้นดับไปต่อหน้าต่อตาทุกอารมณ์ทุกอารมณ์ โดยไม่ทำอะไรตามคำสั่งของอารมณ์ ไม่ช้าจะพบว่าอารมณ์ความรู้สึกอยากมีรักอยากมีคู่นี้จะเบาบางจางลงและหมดกำลังลงในที่สุด แต่จะตายขาดก็ต่อเมื่อได้เข้าถึงอนาคามีมรรค เละเทะ! การจะขุดรากถอนโคนสิ่งที่จขกทเป็นจะต้องอาศัยการทำ...สติปัฏฐาน๔เท่านั้น ไม่ใช่อย่างที่โสกะกำลังมั่วครับ asoka เขียน: 3.โดยใช้วิธีทรมาณตน มีครูบาอาจารย์หลายท่านหลายองค์ใช้วิธีอดข้าวจนเจียนตายเอาชนะกิเลสสำคัญตัวนี้ ![]() นี่เป็นพวกนอกรีตครับ ถึงได้ตำหนิโสกะบ่อยๆว่า...เอาวิธีการของโยคีมามั่ว พระพุทธองค์ทรงห้าม เพราะมันเป็นอัตตกิลมถานุโยค ![]() ![]() ![]() เดี๋ยวก็รู้ ว่าใครเลอะเทอะและนอกลู่นอกทางคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สังคมกำลังจับตามองอยู่ เพราะเวลาโฮฮับมายกตนข่มอโศกะอยู่ในกระทู้ต่างๆ เรตติ้งของกระทู้นั้นจะดีมาก จำนวนคนอ่านจะพุ่งพรวดๆ และกระทู้จะติดอยู่หน้า 1 นาน ยิ่งมีท่านกรัชกายนักวิชาการใหญ่มาแจมยิ่งเพิ่มเรตติ้งขึ้นไปอีก ![]() ![]() ![]() น้องเจ้าของกระทู้อย่าตกใจนะครับที่มีนักวิชาการ อันธพาล และนักปฏิบัติธรรมบ้านนอก มาถกธรรมะและธรรมเมากันในกระทู้ของน้อง พยายามคัดเลือกเฟ้นเอาคำตอบที่ใช่ไว้พิจารณาด้วยวิจารณญาณของตนเองนะครับ อย่าเชื่อใครง่าย ในลานธรรมจักรแห่งนี้มีเสือ สิงห์กระทิง แรด กัลยาณมิตร มหากัลยาณมิตร ปะปนกันอยู่มากมาย ใครสอบตกด้านความสังเกตพิจารณา อาจหลงไปคบคนพาล พาให้ติดหลงในวัฏฏะสงสารไปอีกแบบกู่ไม่กลับ ![]() สบายๆนะครับ ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |