วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 00:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 346 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16 ... 24  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2014, 13:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ของจริง..ไม่ออกสื่อครับ...เดียวมีคนตกนรก...ลาภสักการะมามาก...ลูกศิษย์ลูกหาจะพากันตกกะโถ่นตกนรกกัน

และเขาไม่พูด..ตรงๆ..ครับ...และพูด..เพื่อประโยชน์ของลูกศิษย์ตน
(เพราะดูท่าทางจะมีโอกาสไปปรามาสเอา)เท่าที่สังเกตนะครับ...

มีครูบาอาจารย์ที่สุดยอดแล้ว..มันก็สบายอย่างนี้แหละอโสกะ...เรื่องดอกไม้ข้างทางไม่ต้องเสียเวลาหาเอง...ทำแต่เรื่องออกจากทุกข์..อย่างเดียว..อิอิ

สบายดีมั่ยละ.. s007

:b17:
แล้วที่มาเที่ยวเก็บดอกไม้ตอดเล็กตอดใหญ่อยู่ในลานธรรมจักรทุกวันนี้ เป็นที่อาจารย์สอน หรือ เป็นที่ กู มันไหว้วอนให้ทำล่ะ
cool
ครูบาอาจารย์ที่ท่านถึงธรรมจริงๆท่านอาจหาญและกล้าที่จะประกาศบอกกล่าวความจริงได้เสมอ โดยแสดงเป็นธรรมะ ให้คนทั้งหลาย เข้าใจ อย่างเรื่องใครบรรลุธรรมชั้นไหนอย่างไรเหล่านี้ ถ้ามีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดคลุกคลีกับครูบาอาจารย์ท่านมักจะแย้มให้ได้รู้ได้ยินเสมอ
s004


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2014, 14:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นผม..มันไม่ดีเองครับ...อาจารย์ไม่ได้สั่งให้มาทำ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2014, 16:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เป็นผม..มันไม่ดีเองครับ...อาจารย์ไม่ได้สั่งให้มาทำ...

:b4: :b4:
อย่าเพิ่งน้อยใจ ลงโทษ ประชดตัวเอง

อาจารย์ท่านไม่ได้บังคับขู่เข็ญว่า

"เธอต้องก้มหน้าก้มตาค้นหาวิธีพ้นทุกข์แต่เพียงอย่างเดียวนะ อย่าได้ไปสนเรื่องอื่นในโลก"

ทุกสิ่งมีคุณทั้งนั้นเมื่อรู้จักมองโลกในมุมบวก

การมาเที่ยวเลาะเลียบเสียบดอกไม้...แวะชมธรรมชาติข้างทางไปด้วยอย่างนี้ บางทีอาจเป็นเครื่องช่วยให้ได้ข้อคิดสะกิดใจ ปิ๊ง อะไรดีๆไปช่วยเสริมการปฏิบัติธรรมของเราให้ก้าวหน้าได้เร็วกว่าการก้มหน้างุดๆทำอะไรไปตะพึดตะพือ คนเดียวโดยไม่เหลียวแลมองโลกธรรมดาๆ
:b4: :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2014, 10:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


การเห็นว่า..เราผิด...นี้...ไม่ใช่การน้อยใจนะอโสกะ....แต่กลับเป้นกระบวนการที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาตนให้ดียิ่งๆขึ้น...ต่อไป

โสดาบัน...จึงไม่มีการไปนั้งแท่นอย่างสบายใจ...ดั่งที่ใครๆ..จิตนการ...ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2014, 10:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


บุคคลผู้หนาแน่นด้วยอวิชชา มักชอบกล่าว ทำนองนี้ว่า

"การมาเที่ยวเลาะเลียบเสียบดอกไม้...แวะชมธรรมชาติข้างทางไปด้วยอย่างนี้ บางทีอาจเป็นเครื่องช่วยให้ได้ข้อคิดสะกิดใจ ปิ๊งอะไรดีๆไปช่วยเสริมการปฏิบัติธรรมของเราให้ก้าวหน้าได้เร็วกว่าการก้มหน้างุดๆทำอะไรไปตะพึดตะพือ คนเดียวโดยไม่เหลียวแลมองโลกธรรมดาๆ"



คำสอนที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ที่เป็นสุดยอดของบรมครู ทรงตรัสสอนไว้ว่า

อุปัชฌายสูตร

[๕๖] ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปหาอุปัชฌาย์ของตนถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว ได้กล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บัดนี้ กายของผมหนักขึ้น ทิศทั้งหลาย ย่อมไม่ปรากฏแก่ผม ธรรมทั้งหลายย่อมไม่แจ่มแจ้งแก่ผม ถีนมิทธะย่อมครอบงำจิตของผม ผมไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ และผมมีความสงสัยในธรรมทั้งหลาย

ครั้งนั้น ภิกษุนั้นพาภิกษุสัทธิวิหาริกนั้นเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว กราบทูลว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุนี้กล่าวอย่างนี้ว่า บัดนี้ กายของผมหนักขึ้น ทิศทั้งหลายย่อมไม่ปรากฏแก่ผม ธรรมทั้งหลายย่อมไม่แจ่มแจ้งแก่ผม ถีนมิทธะย่อมครอบงำจิต
ของผม ผมไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ และผมมีความสงสัยในธรรมทั้งหลาย

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ การที่กายของเธอหนักขึ้น ทิศทั้งหลายย่อมไม่
ปรากฏแก่เธอ ธรรมทั้งหลายย่อมไม่แจ่มแจ้งแก่เธอ เธอไม่ยินดีประพฤติ
พรหมจรรย์ และเธอมีความสงสัยในธรรมทั้งหลายนี้

ย่อมมีแก่ภิกษุผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ไม่รู้ประมาณในโภชนะ ไม่ประกอบความเพียรเป็ นเครื่องตื่นอยู่ ไม่เห็นแจ้งกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ประกอบการเจริญ โพธิปักขิยธรรมทั้งหลายทุกวัน ทุกคืน

ดูกรภิกษุ เพราะเหตุนั้นแหละ เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
เราจักเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ประมาณในโภชนะ ประกอบ
ความเพียรเป็นเครื่องตื่นอยู่ เห็นแจ้งกุศลธรรมทั้งหลาย ประกอบการเจริญโพธิปักขิยธรรมทั้งหลาย ทุกวัน ทุกคืน ดังนี้ ดูกรภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล

ครั้งนั้นแล ภิกษุนั้นอันพระผู้มีพระภาคตรัสสอนด้วยพระโอวาทนี้แล้ว ลุกขึ้นจากที่นั่งถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้วหลีกไป

ภิกษุนั้นหลีกออกจากหมู่ อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจแน่วแน่อยู่ ไม่นานเท่าไร ได้ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม

ที่กุลบุตรทั้งหลายออกบวช เป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีก ก็แลภิกษุนั้นได้เป็นพระอรหันต์ รูปหนึ่ง ในจำนวน พระอรหันต์ทั้งหลาย

ครั้งนั้น ภิกษุนั้น ได้บรรลุอรหัตแล้ว จึงเข้าไปหาอุปัชฌาย์ของตนถึงที่อยู่ แล้วกล่าวว่า
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บัดนี้ กายผมไม่หนักขึ้น ทิศทั้งหลายย่อมปรากฏแก่ผม ธรรมทั้งหลายย่อมแจ่มแจ้งแก่ผม ถีนมิทธะย่อมไม่ครอบงำจิตของผม ผมยินดีประพฤติพรหมจรรย์ และผมไม่มีความสงสัยในธรรมทั้งหลาย

ครั้งนั้น ภิกษุนั้น พาภิกษุผู้สัทธิวิหาริกนั้นเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วกราบทูลว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บัดนี้ กายของผมไม่
หนักขึ้น ทิศทั้งหลายย่อมปรากฏแก่ผม ธรรมทั้งหลายย่อมแจ่มแจ้งแก่ผม ถิ่นมิทธะย่อมไม่ครอบงำจิตของผม ผมยินดีประพฤติพรหมจรรย์ และผมไม่มีความสงสัย ในธรรมทั้งหลาย

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ การที่กายของเธอไม่หนักขึ้น ทิศทั้งหลายย่อมปรากฏแก่เธอ

ธรรมทั้งหลายย่อมแจ่มแจ้งแก่เธอ

ถิ่นมิทธะย่อมไม่ครอบงำจิตของเธอ

เธอยินดีประพฤติพรหมจรรย์

และเธอไม่มีความสงสัยในธรรมทั้งหลายนี้ ย่อมมีได้แก่

ภิกษุผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย

รู้ประมาณในโภชนะ

ประกอบความเพียรเป็นเครื่องตื่นอยู่

เห็นแจ้งกุศลธรรมทั้งหลาย

ประกอบการเจริญโพธิปักขิยธรรมทั้งหลาย ทุกวัน ทุกคืน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
เราทั้งหลายจักเป็นผู้คุ้มครองทวาร ในอินทรีย์ทั้งหลาย
เป็นผู้รู้ประมาณในโภชนะ
ประกอบความเพียรเป็นเครื่องตื่นอยู่
เห็นแจ้งกุศลธรรมทั้งหลาย
ประกอบการเจริญโพธิปักขิยธรรมทั้งหลาย ทุกวัน ทุกคืน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล ฯ

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... 603&Z=1648



เลือกเอานะว่า จะเดินตามบุคคลผู้หนาแน่นด้วยอวิชชา บุคคลผู้มีมิจฉาทิฏฐิ

หรือจะเดินตามรอย ตามแนวทางพระธรรมคำสอน ที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงทิ้งไว้ให้เห็น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2014, 10:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


บุคคลผู้หนาแน่นด้วยอวิชชา มีมิจฉาทิฏฐิ มักชอบกล่าวทำนองนี้


"ครูบาอาจารย์ที่ท่านถึงธรรมจริงๆท่านอาจหาญและกล้าที่จะประกาศบอกกล่าวความจริงได้เสมอ โดยแสดงเป็นธรรมะ ให้คนทั้งหลาย เข้าใจ อย่างเรื่องใครบรรลุธรรมชั้นไหนอย่างไรเหล่านี้ ถ้ามีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดคลุกคลีกับครูบาอาจารย์ท่านมักจะแย้มให้ได้รู้ได้ยินเสมอ"



เหตุของอวิชชาที่มีอยู่ เป็นเหตุปัจจัยให้ เกิดการกระทำแบบนั้นๆ
ซึ่งเป็นการกระทำ ที่ตรงข้ามกับคำสอน ที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็นอยู่




สุทธกสูตร

ว่าด้วยลาภสักการะเป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรม

พระไตรปิฎกชุด91 เล่มมมร. เล่ม26หน้า639

ข้าพเจ้าได้ฟังมาอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระเจ้าข้า.

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายลาภสักการะ และความสรรเสริญ ทารุณ เผ็ดร้อน หยาบคาย เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ(ความพ้นภัยจากกิเลส) ซึ่งไม่มีธรรมอื่นยิ่งไปกว่าเพราะฉะนั้นแหละ

เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักละลาภสักการะและความสรรเสริญที่เกิดขึ้นแล้วเสีย และลาภสักการะและความสรรเสริญที่บังเกิดขึ้นแล้ว จักครอบงำจิตของเราทั้งหลายตั้งอยู่ไม่ได้เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ.


ทฬิสสูตร
ว่าด้วยลาภสักการะเหมือนเหยื่อเกี่ยวเบ็ด

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนปลาบางตัวเห็นแก่เหยื่อ กลืนเบ็ดที่พรานเบ็ดเกี่ยวเหยื่อหย่อนลงในห้วงน้ำลึก มันกลืนเบ็ดของพรานเบ็ดอย่างนี้แล้ว ได้รับทุกข์ ถึงความพินาศ พรานเบ็ดพึงทำได้ตามความพอใจฉะนั้น.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คำว่า "พรานเบ็ด" นี้เป็นชื่อของมารใจบาป คำว่า "เบ็ด" เป็นชื่อของลาภ สักการะ และความสรรเสริญ ภิกษุบางรูปยินดี พอใจลาภ สักการะ และความสรรเสริญที่เกิดขึ้นแล้ว

ภิกษุนี้เรากล่าวว่า กลืนเบ็ดของมาร ได้รับทุกข์ ถึงความพินาศ อันมารใจบาปพึงทำได้ตามความพอใจ ภิกษุทั้งหลาย ลาภสักการะและความสรรเสริญ ทารุณ เผ็ดร้อน หยาบคาย เป็นอันตรายแก่การบรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ ซึ่งไม่มีธรรมอื่นยิ่งไปกว่า อย่างนี้แล.


เอฬกสูตร
ว่าด้วยคนติดลาภสักการะเหมือนแมลงวันกินขี้

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แมลงวันกินขี้เต็มท้อง และข้างหน้ายังมีกองขี้ใหญ่ มันพึงดูหมิ่นแมลงวันเหล่าอื่นว่า เรากินขี้เต็มท้องแล้ว และเรายังมีกองขี้ใหญ่อยู่ข้างหน้าอีกฉันใด

ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ อันลาภสักการะและความสรรเสริญครอบงำ ย่ำยีจิตแล้วก็ฉันนั้น เวลาเช้า นุ่งแล้วถือบาตรและจีวรเข้าไปบิณฑบาตยังบ้านหรือนิคม ฉันอยู่ ณ ที่นั้นพอแก่ความต้องการแล้ว และทายกนิมนต์เพื่อให้ฉันในวันรุ่งขึ้น

แม้บิณฑบาตของเธอจะเต็มแล้ว เธอไปอารามแล้ว อวดอ้างที่ท่ามกลางหมู่ภิกษุว่า ผมฉันพอแก่ความต้องการแล้วทายกยังนิมนต์เพื่อให้ฉันในวันรุ่งขึ้น บิณฑบาตของผมก็เต็ม และยังจะได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขารอีก

ส่วนภิกษุเหล่าอื่นนี้มีบุญน้อย มีศักดิ์น้อย จึงไม่ได้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร เธออันลาภสักการะและความสรรเสริญ ครอบงำย่ำยีจิตแล้ว

ย่อมดูหมิ่นภิกษุเหล่าอื่นผู้มีศีลเป็นที่รัก ข้อนั้นของโมฆบุรุษ(บุรุษเปล่า,คนที่ใช้การไม่ได้,คนโง่เขลา)นั้นย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์สิ้นกาลนานลาภสักการะและความสรรเสริญ ทารุณ ฯ ล ฯ อย่างนี้แล เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ.


สคัยหกสูตร
ว่าด้วยคนติดลาภสักการะตายไปตกอบายเป็นต้น

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราเห็นคนบางคนในโลกนี้ อันสักการะครอบงำย่ำยีจิตแล้ว เมื่อตายไป เพราะกายแตกทำลาย ต้องเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

อนึ่ง เราเห็นคนบางคนในโลกนี้อันความเสื่อมสักการะครอบงำย่ำยีจิต เมื่อตายไป เพราะกายแตกทำลายต้องเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เราเห็นคนบางตนในโลกนี้ อันสักการะและความเสื่อมสักการะทั้งสองอย่างครอบงำย่ำยีจิตแล้ว เมื่อตายไป เพราะกายแตกทำลาย ต้องเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลาภสักการะและความสรรเสริญ ทารุณ ฯ ล ฯ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ.


พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสคำไวยากรณภาษิตนี้แล้ว ได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปว่า
สมาธิของผู้ใด ที่เขาสักการะอยู่ด้วยผลสมาธิหาประมาณมิได้
ไม่หวั่นไหว้ด้วยสักการะ และความเสื่อมสักการะ
ผู้นั้นเพ่งอยู่ ทำความเพียรเป็นไปติดต่อ
เห็นแจ้งด้วยทิฏฐิอย่างละเอียด
ยินดีในพระนิพพานเป็นที่สิ้นอุปาทาน
บัณฑิตทั้งหลายเรียกว่าสัปปุรุษ ดังนี้.

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2014, 11:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


สารัตถะแห่งพระสุตตันตปิฎก เล่ม ๑
บทที่ ๔ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ตอนที่ ๒

สาเหตุที่ประพฤติพรหมจรรย์

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราประพฤติพรหมจรรย์นี้
มิใช่เพื่อหลอกลวงคน
มิใช่เพื่อเรียกร้องคนให้มานับถือ
มิใช่เพื่ออานิสงส์ ลาภ สักการะ และความสรรเสริญ
มิใช่อานิสงส์เป็นเจ้าลัทธิและแก้ลัทธิอย่างนั้นอย่างนี้
มิใช่เพื่อให้คนรู้จักตัวว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

ที่แท้เราประพฤติพรหมจรรย์นี้
เพื่อสังวร (ความสำรวม)
เพื่อปหานะ (ความละ)
เพื่อวิราคะ (ความหายกำหนัดยินดี)
เพื่อนิโรธะ (ความดับทุกข์)
อัง. ๒๑/พรหมจริยสูตร/๒๕/๒๕-๒๖




ภิกษุผู้นับถือและไม่นับถือพระตถาคต

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุเหล่าใดเป็นผู้หลอกลวง ดื้อรั้นด้วยความโกรธและมานะ
พูดพล่ามเพ้อ ไว้ตัว เย่อหยิ่ง ใจไม่มั่น

ภิกษุเหล่านั้นนับว่าไม่นับถือตถาคต และออกไปนอกพระธรรมวินัยนี้แล้ว
ย่อมไม่ถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในพระธรรมวินัยนี้

ส่วนภิกษุเหล่าใดไม่หลอกลวง ไม่พล่ามเพ้อ ฉลาด ไม่ดื้อรั้น ใจมั่นคงดี
ภิกษุเหล่านั้นนับว่านับถือตถาคต และไม่ออกไปจากพระธรรมวินัยนี้
ย่อมถึงความเจริญด้วยศีลาทิคุณ ความงอกงาม เพราะไม่หวั่นไหว
ความไพบูลย์เพราะแผ่ไปในที่ทุกสถาน ในพระธรรมวินัยนี้
อัง. ๒๑/กุหสูตร/๒๖/๒๖

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 03 เม.ย. 2014, 11:06, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2014, 11:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
การเห็นว่า..เราผิด...นี้...ไม่ใช่การน้อยใจนะอโสกะ....แต่กลับเป้นกระบวนการที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาตนให้ดียิ่งๆขึ้น...ต่อไป

โสดาบัน...จึงไม่มีการไปนั้งแท่นอย่างสบายใจ...ดั่งที่ใครๆ..จิตนการ...ครับ

:b17:
โห!........ทั้งคำพูดของกบ ทั้งข้อธรรมที่วลัยพรยกมา ล้วนแต่เป็นเรื่องที่เน้นย้ำให้ทำจริงและเร่งความเพียรทั้งนั้น

ลุยเลยคุณกบ ปลีกหลีกเร้นโดยเร็วเลยทั้งกบทั้งวลัยพร

ประโยชน์ในการมาเที่ยวเก็บดอกไม้ชมสวนอุทธยานริมทางในลานธรรมจักรแห่งนี้และลานธรรมทั้งหลาย ไม่มีคุณค่าเพียงพอที่จะมายับยั้งความเพียรอันเยี่ยมยอดของทั้งสองคนได้แล้ว

อนุโมทนาและขอให้บรรลุธรรม สำเร็จกิจโดยเร็วไว

:b4: :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2014, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


สิ่งที่ไกลกันแสนไกล

๑. ฟ้ากับแผ่นดิน

๒. ฝั่งนี้และฝั่งโน้นแห่งสมุทร

๓. พระอาทิตย์ยามขึ้นและยามอัสดงคต

๔. ธรรมของอสัตบุรุษและธรรมของสัตบุรุษ
อัง.๒๑/สุวิทูรสูตร/๔๗/๕๐

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2014, 11:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
"กบเฒ่าเฝ้ากอบัว"

มีทั้งกบตัวผู้และกบตัวเมีย มากมายมหาศาล
คิดว่าแน่ในวิชชารู้มานาน
ทั้งเชี่ยวชาญบัญญัติธรรมได้ตามใจ
พุทธวัจนะอยู่ที่ใดไปรู้หมด

ไม่เลี้ยวลดตอบโต้ได้ทุกสถาน
อ้างพระสูตร พระวินัย อภิธาน
อย่างเชี่ยวชาญ ไม่ติดขัด บัดเดี๋ยวใจ

แต่อัตตา มานะยังคงหนา
เหล่าวิชชาที่รู้ช่วยไม่ได้
ใกล้คำสอนพุทธองค์ก็เหมือนไกล
เทียบกันได้ กบเฒ่าเฝ้ากอบัว

:b38:
s005


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2014, 16:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
การเห็นว่า..เราผิด...นี้...ไม่ใช่การน้อยใจนะอโสกะ....แต่กลับเป้นกระบวนการที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาตนให้ดียิ่งๆขึ้น...ต่อไป

โสดาบัน...จึงไม่มีการไปนั้งแท่นอย่างสบายใจ...ดั่งที่ใครๆ..จิตนการ...ครับ

:b17:
โห!........ทั้งคำพูดของกบ ทั้งข้อธรรมที่วลัยพรยกมา ล้วนแต่เป็นเรื่องที่เน้นย้ำให้ทำจริงและเร่งความเพียรทั้งนั้น

ลุยเลยคุณกบ ปลีกหลีกเร้นโดยเร็วเลยทั้งกบทั้งวลัยพร

ประโยชน์ในการมาเที่ยวเก็บดอกไม้ชมสวนอุทธยานริมทางในลานธรรมจักรแห่งนี้และลานธรรมทั้งหลาย ไม่มีคุณค่าเพียงพอที่จะมายับยั้งความเพียรอันเยี่ยมยอดของทั้งสองคนได้แล้ว

อนุโมทนาแลิะขอให้บรรลุธรรม สำเร็จกิจโดยเร็วไว

:b4: :b4: :b4:

ก็บอกแล้ว..ว่าผมยังไม่ใช่คนดี..555

แต่ให้พรอะไรมา..ก็รับ..อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2014, 16:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s004
"กบเฒ่าเฝ้ากอบัว"

มีทั้งกบตัวผู้และกบตัวเมีย มากมายมหาศาล
คิดว่าแน่ในวิชชารู้มานาน
ทั้งเชี่ยวชาญบัญญัติธรรมได้ตามใจ
พุทธวัจนะอยู่ที่ใดไปรู้หมด

ไม่เลี้ยวลดตอบโต้ได้ทุกสถาน
อ้างพระสูตร พระวินัย อภิธาน
อย่างเชี่ยวชาญ ไม่ติดขัด บัดเดี๋ยวใจ

แต่อัตตา มานะยังคงหนา
เหล่าวิชชาที่รู้ช่วยไม่ได้
ใกล้คำสอนพุทธองค์ก็เหมือนไกล
เทียบกันได้ กบเฒ่าเฝ้ากอบัว

:b38:
s005


โชว์กึ๋นผู้แต่งกลอนนี้อย่างดีเลยครับ...โชว์หมด...ทั้งอัตตา..มานะ..อุปาทาน...อิอิ
โชว์อุปาทานของผู้แต่ง..คือ...ใครที่ตอบโต้ด้วยพุทธพจน์..ก็เหมาหมดว่าเขาดีแต่จำตำรา
โชว์..มานะของผู้แต่ง..คือ...แบบไม่อิงตำราของตัวดีกว่ากอดตำราของคนอื่นๆ
โชว์อัตตาของผู้แต่ง....คือ...ยึดว่าแบบตัวเองนั้นดี...

555...ครบหมด...ไม่ดีครบหมด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2014, 20:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
s004
"กบเฒ่าเฝ้ากอบัว"

มีทั้งกบตัวผู้และกบตัวเมีย มากมายมหาศาล
คิดว่าแน่ในวิชชารู้มานาน
ทั้งเชี่ยวชาญบัญญัติธรรมได้ตามใจ
พุทธวัจนะอยู่ที่ใดไปรู้หมด

ไม่เลี้ยวลดตอบโต้ได้ทุกสถาน
อ้างพระสูตร พระวินัย อภิธาน
อย่างเชี่ยวชาญ ไม่ติดขัด บัดเดี๋ยวใจ

แต่อัตตา มานะยังคงหนา
เหล่าวิชชาที่รู้ช่วยไม่ได้
ใกล้คำสอนพุทธองค์ก็เหมือนไกล
เทียบกันได้ กบเฒ่าเฝ้ากอบัว

:b38:
s005


โชว์กึ๋นผู้แต่งกลอนนี้อย่างดีเลยครับ...โชว์หมด...ทั้งอัตตา..มานะ..อุปาทาน...อิอิ
โชว์อุปาทานของผู้แต่ง..คือ...ใครที่ตอบโต้ด้วยพุทธพจน์..ก็เหมาหมดว่าเขาดีแต่จำตำรา
โชว์..มานะของผู้แต่ง..คือ...แบบไม่อิงตำราของตัวดีกว่ากอดตำราของคนอื่นๆ
โชว์อัตตาของผู้แต่ง....คือ...ยึดว่าแบบตัวเองนั้นดี...

555...ครบหมด...ไม่ดีครบหมด


s004
คิดเองสรุปเอาเองด้วยอัตโนมัยทั้งนั้นเลยไม่ใช่หรือกบ

ถ้ากูเบาบางหรือหมดกูก็เงียบเองแล้ว .....ทุกวันนี้ก็ กู พามาเข้าลาน กู พามาคุยตอบโต้อยู่ไม่ใช่หรือ

ต่างกันนะ......... เข้าลานมาด้วย กู

กับเข้าลานมาด้วยเมตตาและกรุณา....พรหมวิหารธรรม
wink


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2014, 20:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อโสกะ..พาล..แล้ว

ผมพูดตามเนื้อผ้า....ว่าคนแต่งกลอน...มีอัตตาตรงไหน..มีมานะอย่างไร....อุปาทานในอะไร...
ตามกลอนที่แต่ง...อิอิ

แต่ดูอโสกะซิ...พูดอะไรไม่รู้...พูดไปเรื่อย...เหมือนบ่น...ผิดจุดไหน..ไม่เห็นแจงให้ชัด...มั่วใน..กู...เล่นลิ้นในคำว่า..กู..อยู่นั้นแหละ...

:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2014, 21:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อโสกะ..พาล..แล้ว

ผมพูดตามเนื้อผ้า....ว่าคนแต่งกลอน...มีอัตตาตรงไหน..มีมานะอย่างไร....อุปาทานในอะไร...
ตามกลอนที่แต่ง...อิอิ

แต่ดูอโสกะซิ...พูดอะไรไม่รู้...พูดไปเรื่อย...เหมือนบ่น...ผิดจุดไหน..ไม่เห็นแจงให้ชัด...มั่วใน..กู...เล่นลิ้นในคำว่า..กู..อยู่นั้นแหละ...

:b32: :b32:

s004
น่าเสียดายที่เป็นกระจกเงาสะท้อนภาพกลับไปแล้วยังมองไม่เห็น
:b7:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 346 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 10, 11, 12, 13, 14, 15, 16 ... 24  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 159 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร