ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ฆ่าจุลินทรีย์บาปหรือไม่ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=46922 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 07 ธ.ค. 2013, 09:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | ฆ่าจุลินทรีย์บาปหรือไม่ |
ควรทราบเบื้องต้นว่า จุลินทรีย์ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตประเภทสัตว์หรือพืช แต่เป็นสิ่งที่นับ เนื่องในอาณาจักรแบคทีเรีย ไม่มีจิต ไม่มีเจตสิก ฉะนั้นการทำลายจุลินทรีย์ หรือ การทำลายพืช จึงไม่ชื่อว่าเป็นการฆ่าสัตว์ในความหมายของสัตว์ ที่พระพุทธองค์ ทรงหมายเอาว่า สัตว์มีชีวิตที่เกิดจากกรรม มีจิต มีเจตสิก และรูป ฆ่าจุลิทรีย์ไม่บาป เพราะไม่ใช่สิ่งที่มีชีวิตแต่เป็นสิ่งที่เกิดจากอุตุเป็นปัจจัย จุลิทรีย์ไม่มีจิต เจตสิก ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดที่จะต้องศึกษาไตร่ตรองในเหตุในผล ตามพระธรรมที่พระ สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ตามความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่มีชีวิต ทั้งหมด ตามพระ ธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง นั้น ต้องเป็นเกิดจากกรรม เท่านั้น ซึ่งเป็น สัตว์ที่มีจิต เจตสิก รูป จึงจะเรียกว่า สิ่งมีชีวิต เมื่อกล่าวโดยรวมแล้ว ได้แก่ สัตว์ ที่เกิดในภพภูมิต่าง ๆ อย่างเช่น ผู้ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ในสุคติภูมิ และ สัตว์ ดิรัจฉาน ในอบายภูมิ เป็นต้น ล้วนเป็นสิ่งที่มีชีวิต เพราะเกิดขึ้นด้วยผลของกรรม การฆ่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ เป็นปาณาติบาต แน่นอน เพราะองค์ของปาณาติบาต (การฆ่าสัตว์) มี ๕ ประการ คือ -สิ่งมีชีิวิต -รู้ว่า เป็นสิ่งมีชีวิต -มีจิตคิดจะฆ่า -มีความพยายามฆ่า -สัตว์ตายด้วยความพยายาม ดังกล่าวนั้น ถ้าครบทั้ง ๕ นี้เป็นปาณาติบาต เป็นการล่วงศีลข้อที่ ๑ เป็นอกุศลกรรมบถ ที่ครบองค์ สามารถนำเกิดในอบายภูมิ มี นรก เป็นต้น ได้ แต่ถ้าเป็นจำพวกแบ็คทีเรีย หรือ ไว้รัสต่าง ๆ ตามคำถามนั้น เกิดจากอุตุ ไม่ใช่ เกิดจากกรรม ไม่ใช่สิ่งที่มีชีวิตแต่ประการใด การฆ่า การทำลายแบ็คทีเรีย หรือ ไว้รัส ต่าง ๆ จึงไม่ชื่อว่าเป็นการฆ่าสัตว์ เพราะสัตว์ ในที่นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงว่า ต้องเป็นสัตว์มีชีวิตที่เกิดจากกรรม มีจิต มีเจตสิก และรูป เท่านั้น แม้แต่สัตว์เล็ก ๆ เช่น มด ปลวก ยุง เป็นต้น ก็เป็นสัตว์มีชีวิต เพราะเกิดจากกรรม ซึ่งเป็นสัตว์ในอบายภูมิ ถ้าฆ่าสัตว์เหล่านี้เมื่อใด ก็เป็นอกุศลกรรมบถ เมื่อนั้น ให้ โทษแก่ผู้กระทำอกุศลกรรม โดยส่วนเดียว เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 07 ธ.ค. 2013, 09:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆ่าจุลินทรีย์บาปหรือไม่ |
ปาณาติบาต (ปาณ+อติปาต) เดิมทีมุ่งหมายเอามนุษย์ คือ คนด้วยกันเข่นฆ่าประหัตประหารคนด้วยกันเอง เมื่อใดคนประหัตประหารกันเองเมื่อนั้นก็เป็นกลียุคเป็นมิคสัญญี....พอถึงยุคอรรถกถาจารย์ให้รวมเอาสัตว์ทุกชนิดทั้งคนด้วย (คนตามความหมายพุทธศาสนาเรียกรวมว่าสัตว์) เพราะว่าสัตว์ทุกชนิดที่มีลมหายใจ (ปาณ) ต่างก็รักตัวกลัวตาย รักชีวิตเหมือนๆกัน รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนๆกัน ![]() |
เจ้าของ: | พุทธคุณ [ 07 ธ.ค. 2013, 12:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆ่าจุลินทรีย์บาปหรือไม่ |
กรัชกาย เขียน: ปาณาติบาต (ปาณ+อติปาต) เดิมทีมุ่งหมายเอามนุษย์ คือ คนด้วยกันเข่นฆ่าประหัตประหารคนด้วยกันเอง เมื่อใดคนประหัตประหารกันเองเมื่อนั้นก็เป็นกลียุคเป็นมิคสัญญี....พอถึงยุคอรรถกถาจารย์ให้รวมเอาสัตว์ทุกชนิดทั้งคนด้วย (คนตามความหมายพุทธศาสนาเรียกรวมว่าสัตว์) เพราะว่าสัตว์ทุกชนิดที่มีลมหายใจ (ปาณ) ต่างก็รักตัวกลัวตาย รักชีวิตเหมือนๆกัน รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนๆกัน ![]() ตามที่พุทธคุณรู้ ปาณ หรือ ปาณา แปลว่าสิ่งมีชีวิต แล้วทำไมจึงมุ่งหมายเอาเพียงแต่มนุษย์ล่ะท่าน ทำไมมีการแปลกันกลับไปกลับมาทำให้คนรุ่นหลังสับสน เราจะหาทางออกจากความสับสนนี้อย่างไรดี จะเชื่อ ถืออรรถกถาจารย์เวอร์ชั่นไหนดี ท่านกรัชกายคิดว่าเราควรจะทำอย่างไรดี |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 07 ธ.ค. 2013, 14:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆ่าจุลินทรีย์บาปหรือไม่ |
พุทธคุณ เขียน: กรัชกาย เขียน: ปาณาติบาต (ปาณ+อติปาต) เดิมทีมุ่งหมายเอามนุษย์ คือ คนด้วยกันเข่นฆ่าประหัตประหารคนด้วยกันเอง เมื่อใดคนประหัตประหารกันเองเมื่อนั้นก็เป็นกลียุคเป็นมิคสัญญี....พอถึงยุคอรรถกถาจารย์ให้รวมเอาสัตว์ทุกชนิดทั้งคนด้วย (คนตามความหมายพุทธศาสนาเรียกรวมว่าสัตว์) เพราะว่าสัตว์ทุกชนิดที่มีลมหายใจ (ปาณ) ต่างก็รักตัวกลัวตาย รักชีวิตเหมือนๆกัน รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนๆกัน ![]() ตามที่พุทธคุณรู้ ปาณ หรือ ปาณา แปลว่าสิ่งมีชีวิต แล้วทำไมจึงมุ่งหมายเอาเพียงแต่มนุษย์ล่ะท่าน ทำไมมีการแปลกันกลับไปกลับมาทำให้คนรุ่นหลังสับสน เราจะหาทางออกจากความสับสนนี้อย่างไรดี จะเชื่อ ถืออรรถกถาจารย์เวอร์ชั่นไหนดี ท่านกรัชกายคิดว่าเราควรจะทำอย่างไรดี ปาณ+อติปาต = ปาณาติปาต แล้วว่า ทำสิ่งที่มีชีวิต (ปาณ แปลว่า ลมปราณ) ให้ตกล่วงไป Quote Tipitaka: ท่านกรัชกายคิดว่าเราควรจะทำอย่างไรดี ตอบ.... ไม่ต้องไปทำอะไรมากครับ เพียงศึกษาทุกเวอร์ชั่น จึงเป็นทางออกจากความสับสนนั่นครับ ![]() ต่อไปจะนำหลายๆเวอร์ชั่นให้พิจารณา แต่จะตัดมาเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องศีล เริ่มงี้ก่อน สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ อยู่ในหมดศีล |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 07 ธ.ค. 2013, 14:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆ่าจุลินทรีย์บาปหรือไม่ |
ศีลพื้นฐาน คือ ศีลที่เป็นหลักกลาง ซึ่งเป็นความหมายของสัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ ที่เป็นองค์ของมรรค ได้แก่ การพูด การกระทำ การประกอบอาชีวะอย่างไรก็ตาม ที่ประกอบด้วยเจตนา ซึ่งปราศจากความทุจริต หรือความคิดเบียดเบียน กินความคลุมถึงสุจริตที่เป็นคู่กันด้วย นำมาแสดงเพื่อตั้งเป็นฐาน ดังนี้ ๑. สัมมาวาจา เจรจาชอบ ได้แก่ ๑) ละมุสาวาท เว้นการพูดเท็จ (คลุม สัจจวาจา พูดคำจริง) ๒) ละปิสณาวาจา เว้นการพูดส่อเสียด (คลุม สมัคคกรณีวาจา พูดคำสมานสามัคคี) ๓) ละผรุสวาจา เว้นการพูดคำหยาบ (คลุม สัณหวาจา พูดคำอ่อนหวานสุภาพ) ๔) ละสัมผัปปลาปะ เว้นการพูดเจ้อเจ้อ (คลุม อัตถสัณหิตาวาจา พูดคำมีประโยชน์) ๒. สัมมากัมมันตะ กระทำขอบ ได้แก่ ๑) ละปาณาติบาต เว้นการทำลายชีวิต (คลุม การกระทำที่ช่วยเหลือเกื้อกูล) ๒) ละอทินนาทาน เว้นการเอาของที่เขามิได้ให้ (คู่อยู่สัมมาอาชีวะ หรือทาน) ๓) ละกาเมสุมิจฉาจาร เว้นการประพฤติผิดในกาม (คลุม สทารสันโดษ) ๓. สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ ได้แก่ ละมิจฉาชีพ เลี้ยงชีวิตด้วยสัมมาชีพ รวมถึง ความขยันหมั่นเพียรในการประกอบอาชีพที่สุจริต เช่น ทำงานไม่ให้คั่งค้างอากูล (ไม่หมักหมม ไม่ผิดเพี้ยน ไม่จับจด ไม่ยุ่งเหยิงสับสน) เป็นต้น สำหรับคนทั่วไป ท่านผ่อนลงมา เหมือนจับเอาศีลพื้นฐานนี้ ส่วนที่จำเป็นอย่างยิ่ง มาแสดงเป็นข้อกำหนดอย่างต่ำที่สุดในทางความประพฤติของมนุษย์ เท่าที่พอจะให้สังคมมนุษย์อยู่กันโดยปกติสุข ให้แต่ละคนมีชีวิตที่ไม่เป็นโทษภัย หมู่ชนไม่เบียดเบียนกันจนเดือดร้อนมากนัก เรียกข้อกำหนดนี้ว่า สิกขาบท (ข้อศึกษา หรือข้อฝึกความประพฤติ) ๕ หรือที่นิยมเรียกกันเป็นสามัญว่า ศีล ๕ ได้แก่ ๑. เว้นจากปาณาติบาต คือ ไม่ทำลายชีวิต จับสาระว่า ความประพฤติ หรือการดำเนินชีวิต ที่ปราศจากการเบียดเบียนผู้อื่นทางด้านชีวิตร่างกาย ๒. เว้นจากอทินนาทาน คือ ไม่เอาของที่เขามิได้ให้ หรือไม่ลักขโมย จับเอาสาระว่า ความประพฤติ หรือดำเนินชีวิต ที่ปราศจากการเบียดเบียนผู้อื่นทางด้านทรัพย์สินและกรรมสิทธิ์ ๓. เว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร คือ ไม่ประพฤติผิดในกามทั้งหลาย จับเอาสาระว่า ความประพฤติ หรือดำเนินชีวิต ที่ปราศจากการเบียดเบียนผู้อื่นทางด้านคู่ครอง บุคคลที่รักหวงแหน ไม่ผิดประเพณีทางเพศ ไม่นอกใจคู่ครองของตน ไม่ทำลายสายตระกูลวงศ์ของผู้อื่น ๔. เว้นจากมุสาวาท คือไม่พูดเท็จ จับเอาสาระว่า ความประพฤติ หรือดำเนินชีวิต ที่ปราศจากการเบียดเบียนผู้อื่น ด้วยวาจาเท็จโกหกหลอกลวงตัดรอนประโยชน์หรือแกล้งทำลาย ๕. เว้นจากสุราเมรัย และของมีนเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คือไม่เสพของมึนเมา จับเอาสาระว่า ความประพฤติ หรือดำเนินชีวิต ที่ปราศจากความประมาทพลั้งพลาดมัวเมาเนื่องจากการใช้ สิ่งเสพติดที่ทำให้เสียสติสัมปชัญญะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 07 ธ.ค. 2013, 14:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆ่าจุลินทรีย์บาปหรือไม่ |
ความหมาย และขอบเขตของศีล ๕ และศีลจำพวกเดียวกันนั้น ที่จำกันไว้ มักว่าตามที่อธิบายสืบๆ กันมาในขั้นหลัง ในที่นี้ จึงขอนำพุทธพจน์มาแสดงให้พิจารณา "คหบดีทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมบรรยายสำหรับน้อมเข้ามาเทียบตัว.... ๑) อริยสาวก ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า เราเองอยากมีชีวิต ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ถ้าใครจะปลงชีวิตเรา ผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเราจะปลงชีวิตคนอื่น ผู้อยากอยู่ ไม่อยากตาย รักสุข เกลียดทุกข์ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน สิ่งใดตัวเราเองไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ ถึงคนอื่นเขาก็ไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ เหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองก็ไม่ชอบ ไม่พอใจ ไฉนจะพึงเอาไปผูกใส่คนอื่นเล่า อริยสาวกนั้น พิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมงดเว้นจากปาณาติบาตด้วยตนเองด้วย ย่อมชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากปาณาติบาตด้วย ย่อมกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการงดเว้นจากปาณาติบาตด้วย กายสมาจารของอริยสาวกนั้น ย่อมบริสุทธิ์ทั้งสามด้านอย่างนี้ ๒) อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ถ้าใครจะถือเอาสิ่งของที่เรามิได้ให้ด้วย อาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเราจะถือเอาของที่ผู้อื่นมิได้ให้ด้วยอาการขโมย ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน ๓) อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใครจะประพฤติผิดในภรรยาของ เรา ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าใครจะประพฤติผิดในภรรยาของคนอื่น ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน ๔) อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใครจะทำลายประโยชน์ของเราด้วยการกล่าวเท็จ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าใครจะทำลายประโยชน์ของคนอื่นด้วยการกล่าวเท็จ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน... ๕) อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใครจะยุยงเราให้แตกจากมิตรด้วย คำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าใครจะยุยงคนอื่นให้แตกจากมิตรด้วยคำส่อเสียด ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน... ๖) อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใครจะพูดจากะเราด้วยคำหยาบ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเราจะพูดจากะคนอื่นด้วยคำหยาบ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน. ๗) อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ก็ถ้าใครจะพูดจากะเราด้วยคำเพ้อเจ้อ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเราจะพูดจากะคนอื่นด้วยคำเพ้อเจ้อ ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน, สิ่งใด ตัวเราเองก็ไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ ถึงคนอื่นเขาก็ไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ เหมือนกัน สิ่งใดตัวเราเองก็ไม่ชอบ ไม่พอใจ ไฉนจะพึงเอาไปผูกใส่ให้คนอื่นเล่า อริยสาวกนั่น พิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ย่อมงดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อด้วยตนเองด้วย ย่อมชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อด้วยตนเองด้วย ย่อมกล่าวสรรเสริญคุณแห่งการงดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อด้วย วจีสมาจารของอริยสาวกนั้น ย่อมบริสุทธิ์ทั้งสามด้านอย่างนี้" มีต่อ |
เจ้าของ: | asoka [ 07 ธ.ค. 2013, 15:17 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆ่าจุลินทรีย์บาปหรือไม่ | ||
กรัชกาย เขียน: ปาณาติบาต (ปาณ+อติปาต) เดิมทีมุ่งหมายเอามนุษย์ คือ คนด้วยกันเข่นฆ่าประหัตประหารคนด้วยกันเอง เมื่อใดคนประหัตประหารกันเองเมื่อนั้นก็เป็นกลียุคเป็นมิคสัญญี....พอถึงยุคอรรถกถาจารย์ให้รวมเอาสัตว์ทุกชนิดทั้งคนด้วย (คนตามความหมายพุทธศาสนาเรียกรวมว่าสัตว์) เพราะว่าสัตว์ทุกชนิดที่มีลมหายใจ (ปาณ) ต่างก็รักตัวกลัวตาย รักชีวิตเหมือนๆกัน รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนๆกัน ![]() ![]() ่คุณกรัชกาย จะเอาความรู้เรื่องปาราชิกธรรมข้อที่ 1 ฆ่ามนุษย์ มาปะปนกับเรื่องของศีลข้อที่ 1 งดเว้นจากการฆ่าสัตว์และเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น เป็นอย่างนั้นหรือเปล่าครับ? ![]() ![]() เรื่องของศีลนี่ ศีล 5 ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้จิตใจสงบ เย็น เป็นปกติสุข และตั้งมั่นจนสามารถเจริญสมถภาวนา วิปัสสนาภาวนา พาตนเข้าถึงความเป็นอริยบุคคลได้ทั้ง 4 ชั้น แต่ ......ถ้ายึดแน่นจนเกินไปท่านเรียกว่า "พรต" หรือพัตตะ อย่างเช่นที่พวกนักพรตเขาทำกัน ถ้าปฏิบัติหละหลวมย่อหย่อน ท่านเรียกว่า "ปรามาส".อย่างที่ปุถุชนทั้งหลายเขาทำกัน สองอย่างแรกนี้ไม่ใช่ทางสายกลาง คือ อันหนึ่งตึงเกินไป เป็นอัตตกิลมถานุโยค อันที่สอง หย่อนเกินไป เป็น "กามสุขัลลิกานุโยค ถ้าปฏิบัติได้พอดี จะเป็นเป็นปกติสบายๆ ไม่เกร็ง ไม่กลัวผิดจนเกินไป จนแทบจะขยับตัวไปทำอะไรไม่ได้เพราะกลัวปาป ระแวง ระวังจนเกินไปเพราะความกลัวผิดศีลข้อที่ 1 จะไม่เศร้าหมองเพราะอดีตบาป จะไม่เห่อเหิมยกตนข่มท่าน อวดอ้างคุณศีลของตนเพราะถือเคร่ง ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 07 ธ.ค. 2013, 15:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆ่าจุลินทรีย์บาปหรือไม่ |
ต่อ สังเกตพุทธพจน์นี้ “ภิกษุ ทั้งหลาย พวกเธอเข้าใจว่าอย่างไร เธอทั้งหลาย เคยได้เห็น หรือได้ยินบ้างไหมว่า บุรุษนี้ละปาณาติบาต เป็นผู้งดเว้นจากปาณาติบาตแล้ว พระราชาทั้งหลายจับเขามาประหาร จองจำ เนรเทศ หรือกระทำการตามปัจจัย เพราะการงดเว้นจากปาณาติบาตเป็นเหตุ อย่างนี้ เธอทั้งหลาย เคยเห็น หรือเคยได้ยินบ้างไหม? “ไม่เคยเลยพระเจ้าข้า” “ถูกแล้ว ภิกษุทั้งหลาย แม้เราก็ไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยิน...มีแต่เขาจะประกาศการกระทำชั่วว่า คนผู้นี้ฆ่าหญิงหรือ ชายตาย พระ ราชาทั้งหลายจึงจับเขามาประหาร จองจำ เนรเทศ หรือกระทำการตามปัจจัย เพราะปาณาติบาตเป็นเหตุ อย่างนี้ เธอทั้งหลายเคยเห็น หรือเคยได้ยินบ้างไหม? “เคยเห็น เคยได้ยิน และจักได้ยินต่อไปด้วย พระเจ้าข้า” “ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอเข้าใจว่าอย่างไร เธอทั้งหลายเคยได้เห็น หรือได้ยินบ้างไหมว่า (บุรุษผู้นี้ ละอทินนาทาน เป็นผู้งดเว้นจากอทินนาทานแล้ว....จากกาเมสุมิจฉาจารแล้ว....จากมุสาวาท แล้ว...จากสุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานแล้ว) พระราชาทั้งหลาย จับเขามาประหาร จองจำ เนรเทศ หรือกระทำการตามปัจจัย เพราะการเว้นจากอทินนาทาน....จากกาเมสุมิจฉาจาร....จากมุสาวาท...จากสุรา เมรยมัชชปมาทัฏฐานเป็นเหตุ” “ไม่เคยเห็น พระเจ้าข้า” “ถูกแล้ว ภิกษุทั้งหลาย แม้เราก็ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยิน...มีแต่เขาจะประกาศการกระทำชั่วว่า คนผู้นี้ลักทรัพย์เขามาจากบ้าน หรือจากป่า...คนผู้นี้ประพฤติละเมิดในสตรี หรือในบุตรีของผู้อื่น....คนผู้นี้ทำลายประโยชน์ของชาวบ้าน หรือลูกชาวบ้าน ด้วยการกล่าวเท็จ....คนผู้นี้ร่ำสุราเมรัยฯ แล้วฆ่าหญิง หรือ ชายตาย ....คน ผู้นี้ร่ำสุราเมรัย ฯ แล้วลักทรัพย์เขาจากบ้านหรือจากป่า... .คนผู้นี้ร่ำสุราเมรัยฯ แล้วประพฤติละเมิดในสตรี หรือบุตรีของผู้อื่น... .คนผู้นี้ร่ำสุราเมรัยฯ แล้วทำลายประโยชน์ของชาวบ้าน หรือลูกชาวบ้าน ด้วยการกล่าวเท็จ พระราชาทั้งหลาย จึงจับเขามาประหาร จองจำ เนรเทศ หรือกระทำการตามปัจจัย เพราะอทินนาทาน....กาเมสุมิจฉาจาร...มุสาวาท...สุราเมรัยฯ เป็นเหตุ อย่างนี้เธอทั้งหลาย เคยเห็น หรือเคยได้ยินบ้างไหม?" “เคยเห็น เคยได้ยิน และจักได้ยินต่อไปด้วย พระเจ้าข้า” อาชญากรรม ที่ร้ายแรงแทบทั้งหมด เป็นเรื่องของการละเมิดศีล ๕ ในสังคมที่มากด้วยการสังหารผลาญชีวิต การปองร้าย การทำร้ายกัน การลักขโมย ปล้นแย่งชิง การทำความผิดทางเพศ มีคดีฆาตกรรม โจรกรรมการ ข่มขืน หลอกลวง การเสพของมึนเมา และสิ่งเสพติด ตลอดจนการก่อปัญหา และอุบัติเหตุต่างๆ เนื่องมาจากของมึนเมา และสิ่งเสพติดเหล่านั้น ระบาดแพร่พลายทั่วไป ชีวิต และทรัพย์สินไม่ปลอดภัย จะอยู่ไหนหรือไปที่ไหน ก็ไม่มีความมั่นใจ เต็มไปด้วยความห่วงใย วิตกกังวล จิตใจหวาดผวาบ่อย ๆ ผู้คนพบเห็นกัน แทนที่จะอบอุ่นใจ ก็หวาดระแวงกันอยู่กันไม่เป็นปกติสุข สุขภาพจิตของประชาชน ย่อมเสื่อมโทรม ยากที่จะพัฒนาคุณภาพ และสมรรถภาพของจิต ในเวลาเดียวกัน สังคมเช่นนั้น ก็ไม่เป็นสภาพแวดล้อมที่เกื้อกูลสำหรับการสร้างสรรค์สิ่งดีงาม และการพัฒนาใดๆ เพราะมัววุ่นวายระส่ำระสาย ยุ่งแต่กับการแก้ปัญหา และมีแต่กิจกรรมที่บ่อนทำลายสังคมให้เสื่อมโทรมลงไป โดยนัยนี้ การขาดศีล ๕ จะเนื่องมาจากเหตุใดก็ตาม จึงเป็นมาตรฐานวัดความเสื่อมโทรมของสังคม ส่วนสภาพพฤติกรรม และการดำเนินชีวิตที่ตรงข้ามจากนี้นั่นแหละ คือ การมีศีล ๕ ดังนั้น ศีล ๕ จึงเป็นเกณฑ์มาตรฐานอย่างต่ำที่สุดของความประพฤติ มนุษย์ สำหรับรักษาสภาพแวดล้อมทางสังคม ให้อยู่ในภาวะเกื้อกูล เป็นพื้นฐานของการดำเนินชีวิตที่ดีงาม และการพัฒนาที่สูงขึ้นไป |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 07 ธ.ค. 2013, 15:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆ่าจุลินทรีย์บาปหรือไม่ |
asoka เขียน: กรัชกาย เขียน: ปาณาติบาต (ปาณ+อติปาต) เดิมทีมุ่งหมายเอามนุษย์ คือ คนด้วยกันเข่นฆ่าประหัตประหารคนด้วยกันเอง เมื่อใดคนประหัตประหารกันเองเมื่อนั้นก็เป็นกลียุคเป็นมิคสัญญี....พอถึงยุคอรรถกถาจารย์ให้รวมเอาสัตว์ทุกชนิดทั้งคนด้วย (คนตามความหมายพุทธศาสนาเรียกรวมว่าสัตว์) เพราะว่าสัตว์ทุกชนิดที่มีลมหายใจ (ปาณ) ต่างก็รักตัวกลัวตาย รักชีวิตเหมือนๆกัน รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนๆกัน ![]() ![]() ่คุณกรัชกาย จะเอาความรู้เรื่องปาราชิกธรรมข้อที่ 1 ฆ่ามนุษย์ มาปะปนกับเรื่องของศีลข้อที่ 1 งดเว้นจากการฆ่าสัตว์และเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น เป็นอย่างนั้นหรือเปล่าครับ? ![]() ![]() ถึงได้ว่าไงครับ ว่าควรศึกษาให้รอบด้าน แล้วจะไม่ขัดแย้งในจิตใจตัวเอง ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 07 ธ.ค. 2013, 15:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆ่าจุลินทรีย์บาปหรือไม่ |
ต่อ นำมาให้ดูเท่าที่ถามถึง พระอรรถกถาจารย์ ได้ประมวลหลักเกณฑ์บางอย่างไว้สำหรับกำหนดว่า การกระทำแค่ไหนเพียงใด จึงจะชื่อว่าเป็นการละเมิดศีลแต่ละข้อๆ เป็นการให้ความสะดวกแก่ผู้รักษาศีล โดยจัดวางเป็นองค์ประกอบของการละเมิด เรียกว่าสัมภาระ หรือ เรียกกันง่ายๆ ว่าองค์ บุคคลจะชื่อว่าละเมิดศีล (เรียกกันง่ายๆว่าศีลข้อนั้นจะขาด) ต่อเมื่อกระทำการครบองค์ทั้งหมด ของการละเมิด ดังนี้ ศีลข้อ 1 ปาณาติบาต มีองค์ 5 คือ 1. สัตว์มีชีวิต 2. รู้อยู่ว่าสัตว์มีชีวิต 3. จิต คิดจะฆ่า 4. มีความพยายาม 5. สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น สำหรับศีลข้อ 1 คือ เว้นปาณาติบาตนั้น แม้ว่าการฆ่าสัตว์จะมุ่งเอาสัตว์ที่เรียกว่า มนุษย์ เป็นหลัก ดังพุทธพจน์ ที่ยกมาแสดงแล้ว แต่สัตว์จำพวกที่เรียกว่าดิรัจฉาน ก็รักชีวิต รักสุขเกลียดทุกข์ เป็นเพื่อนร่วมโลก เกิดแก่เจ็บตายเหมือนกัน ไม่ควรเบียดเบียนเช่นเดียวกัน ศีลข้อนี้ ท่านจึงให้แผ่คลุมไปถึงสัตว์จำพวกดิรัจฉานด้วย แต่ยอมรับว่า การฆ่าสัตว์จำพวกดิรัจฉาน มีโทษน้อยกว่าการฆ่าสัตว์จำพวกมนุษย์ |
เจ้าของ: | student [ 08 ธ.ค. 2013, 02:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆ่าจุลินทรีย์บาปหรือไม่ |
ความเห็นผม เป็นสามเรื่องที่เกิดขึ้นในการกล่าวถึง จุลินทรีย์ เรื่องแรก เป็นเรื่องของศีล คำว่าฆ่า ทำลาย ในที่นี้คืออะไร ใช้มือขยี้ให้ตาย ใช้น้ำยาล้างทำลาย หรือ ปกติ ร่างกายคนเราก็มีระบบฆ่า ทำลายเชื้อโรคสิ่งแปลกปลอมอยู่แล้ว ดังนั้น ถึงเราไม่ได้ฆ่าด้วยมือหรือน้ำยา งั้นเราก็เป็นผู้ฆ่าอยู่แล้ว เพราะระบบของร่างกายก็ฆ่า ทำลายจุลินทรีย์อยู่เป็นปกติ เรื่องที่สอง เป็นเรื่องของ ความเชื่อ ว่า จุลินทรีย์เป็นสัตว์หรือไม่ เรื่องที่สาม เป็นเรื่องของทิฎฐิ คือการยกทิฎฐิมาอ้าง เพื่อสรุปผลว่า ผิดศีลหรือไม่ผิดศีล ดังนั้น สิ่งที่จะส่งผลกระทบมากที่สุดก็คือ ความเห็นหรือทิฎฐิ ที่อาจจะทำเรากลายเป็นคนเห็นผิด หรือ เห็นถูก |
เจ้าของ: | รสมน [ 09 ธ.ค. 2013, 13:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ฆ่าจุลินทรีย์บาปหรือไม่ |
ในความเห็นของผมนะครับจุลินทรีย์เป็นสัตว์จำพวกแบคทีเรียและเชื้อราครับ และไม่มีวิญญาณครองครับ ส่วนสัตว์จำพวกมด ขึ้นไปมีวิญญาณครองครับ ผิดถูกประการใด ขอเชิญทุกท่านแสดงความคิดเห็นได้นะครับ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |