วันเวลาปัจจุบัน 29 เม.ย. 2024, 23:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 52, 53, 54, 55, 56, 57, 58 ... 62  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2014, 17:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
asoka เขียน:
nongkong เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
....
กับคนที่คิดว่าตัวเองเป็นอริยะ ...ผมก็จะลองดูว่า..เขามีปัญญาสมเป็นอริยะหรือไม่? ....

:b1: :b1:

แล้วท่านกบมีปัญญารู้ได้ไงว่าคนไหนมีปัญญาสมเป็นอริยะ โอ้ยเวรกรรม อย่าบอกนะว่าเอาตนเองเป็นเครื่องตัดสินคนอื่น :b14:
คุนน้องว่าท่านกบน่ะ ปล่อยกบตัวเบอเร้อเลยนะ :b32: วิ่งกลับเข้ากะลาแทบไม่ทัน555 :b13:


อโสกะเป็นไรมากป่าวเจ้าค่ะ


คงรู้สึกเหงา ณ ภายในน่ะ :b32: ถ้าอยู่ใกล้ๆจะสักป้าบนี่ :b9:

ป๊าบใครนิ :b10: ป๊าบคุนน้องรึอโสกะ :b24:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2014, 22:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka:เขียน
nongkong เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
....
กับคนที่คิดว่าตัวเองเป็นอริยะ ...ผมก็จะลองดูว่า..เขามีปัญญาสมเป็นอริยะหรือไม่? ....

:b1: :b1:

แล้วท่านกบมีปัญญารู้ได้ไงว่าคนไหนมีปัญญาสมเป็นอริยะ โอ้ยเวรกรรม อย่าบอกนะว่าเอาตนเองเป็นเครื่องตัดสินคนอื่น :b14:
คุนน้องว่าท่านกบน่ะ ปล่อยกบตัวเบอเร้อเลยนะ :b32: วิ่งกลับเข้ากะลาแทบไม่ทัน555 :b13:


smiley smiley smiley
tongue tongue tongue
:b8: :b8: :b8:
:b27: :b27: :b27:
:b38: :b38: :b38:
:b37: :b37: :b37:
:b36: :b36:[/quote]
....................….................................................................................

กบ จะเขียนต่อ....อิอิ

ผู้ยินดีในโลกธรรม ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แสดงว่ายังเอาโลกอยู่
อริยะ จะเห็นเป็นอาจมย่อมไม่ยินดี ไม่คลุกคลี

ยศ คือการอยากมีพวกพ้องแล้วก็อยากใหญ่กว่า ดีกว่า ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
อากัปกิริยาเล็กๆน้อยๆ จะเป็นตัวบ่งบอกอย่างดี เพราะสติกดข่มกิเลสไม่ทัน

การยิ้มให้คนที่เดินผ่านกัน
การส่งสติกเกอร์แสดงอารมณ์ว่าชอบใจ
ฯลฯ
แน่ใจนะว่า ไม่ได้มาจากความต้องการให้ผู้รับผู้เห็น....พอใจในตน

โลกธรรมเป็นของหยาบ. ยังไม่ทัน
แล้วจะละตัวตนอันที่ละเอียดกว่านี้. จะทันได้อย่างไร

รึจะต้อง นิ่งๆ ห้ามขยับ ถึงจะเห็น อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2014, 17:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้า ไม่ทรงสรรเสริญ ความบังเกิดขึ้นแห่งภพ

"การกำหนดหมายสิ่งใดเป็นของเรา สัตว์โลกก็ข้องอยู่ในภพ ยังยินดีในภพนั่นเอง"


หมายเหตุ:

การกำหนดหมายสิ่งใดเป็นของเรา หมายถึง ความมี ความเป็น
คิดว่ามี คิดว่าเป็น ในคำเรียกเหล่านี้
โสดา สกิทาคา อนาคามี อรหันต์

หากยังมีอยู่ นั่นคือ ผู้ทียังข้องอยู่ในภพ ยังยินดีในภพ





แม้กระทั่ง พระสารีบุตร พูดเรื่อง ความเป็นพระอนาคามี

พระผู้มีพระภาคเจ้า ยังทรงตำหนิ


walaiporn เขียน:
สิ่งที่ควรศึกษา

พระพุทธเจ้า ทรงตรัสกับพระสารีบุตร

[๒๘๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถีสมัยนั้นแล ท่านพระ
สารีบุตรอยู่ที่ปราสาทของนางวิสาขา มิคารมารดาในบุพพาราม ใกล้พระนคร
สาวัตถี ณ ที่นั้นแล ท่านพระสารีบุตรได้เรียกภิกษุทั้งหลายมาว่า ดูกรผู้มีอายุ
ทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นตอบรับท่านพระสารีบุตรแล้ว ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวว่า
ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย เราจักแสดงบุคคลที่มีสังโยชน์ในภายใน และบุคคลที่มี
สังโยชน์ในภายนอก ท่านทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้น
ตอบรับท่านพระสารีบุตรแล้ว ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวว่า

ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ก็บุคคลที่มีสังโยชน์ในภายในเป็นไฉน ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
เป็นผู้มีศีล สำรวมแล้วในปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร มีปรกติเห็นภัยใน
โทษเพียงเล็กน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย

เมื่อแตกกายตายไปภิกษุนั้นย่อมเข้าถึงหมู่เทพหมู่ใดหมู่หนึ่ง ครั้นจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว
เป็นอนาคามีกลับมาสู่ความเป็นผู้เช่นนี้ นี้เรียกว่าบุคคลผู้มีสังโยชน์ในภายใน
เป็นอนาคามี กลับมาสู่ความเป็นผู้เช่นนี้ ฯ


ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้มีสังโยชน์ในภายนอกเป็นไฉน ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
เป็นผู้มีศีล สำรวมแล้วในพระปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วย
อาจาระและโคจร มีปรกติเห็นภัยในโทษเพียงเล็กน้อย สมาทานศึกษาอยู่ใน
สิกขาบททั้งหลาย ภิกษุนั้นย่อมบรรลุเจโตวิมุติอันสงบอย่างใดอย่างหนึ่ง

เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงหมู่เทพหมู่ใดหมู่หนึ่ง ครั้นจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว เป็น
อนาคามีไม่กลับมาสู่ความเป็นผู้เช่นนี้ นี้เรียกว่า บุคคลผู้มีสังโยชน์ในภายนอก
เป็นอนาคามี ไม่กลับมาสู่ความเป็นผู้เช่นนี้ ฯ


ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้มีศีล สำรวมแล้วใน
ปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร มีปรกติเห็นภัยในโทษเพียง
เล็กน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย

ภิกษุนั้นย่อมปฏิบัติเพื่อความหน่าย เพื่อคลาย เพื่อความดับกามทั้งหลาย
ย่อมปฏิบัติเพื่อความหน่าย เพื่อคลาย เพื่อความดับภพทั้งหลาย ย่อมปฏิบัติเพื่อสิ้นตัณหา
เพื่อสิ้นความโลภ

ภิกษุนั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงหมู่เทพหมู่ใดหมู่หนึ่ง ครั้นจุติจากอัตภาพ
นั้นแล้ว เป็นอนาคามี ไม่กลับมาสู่ความเป็นผู้เช่นนี้ ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย
นี้เรียกว่า บุคคลมีสังโยชน์ในภายนอก เป็นอนาคามี ไม่กลับมาสู่ความเป็นผู้
เช่นนี้ ฯ


ครั้งนั้นแล เทวดาที่มีจิตเสมอกันมากองค์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้น
แล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท่านพระสารีบุตรนั่น
กำลังเทศนาถึงบุคคลที่มีสังโยชน์ในภายใน และบุคคลที่มีสังโยชน์ในภายนอก
แก่ภิกษุทั้งหลาย อยู่ที่ปราสาทของนางวิสาขามิคารมารดาในบุพพาราม ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ บริษัทร่าเริง ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคจงทรง
พระกรุณา เสด็จไปหาท่านพระสารีบุตรจนถึงที่อยู่เถิด พระผู้มีพระภาคทรงรับคำ
อาราธนาด้วยดุษณีภาพ

ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคทรงหายจากพระเชตวันวิหารไปปรากฏเฉพาะหน้าท่านพระสารีบุตร
ที่ปราสาทของนางวิสาขามิคารมารดาในบุพพาราม เหมือนบุรุษมีกำลังเหยียดแขนที่คู้หรือคู้แขนที่เหยียดฉะนั้น พระผู้มีพระภาคประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้ แม้ท่านพระสารีบุตรก็ได้ถวายบังคมพระ
ผู้มีพระภาค แล้วนั่งลง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

ครั้นแล้วพระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะท่านพระสารีบุตรว่า
ดูกรสารีบุตร เทวดาที่มีจิตเสมอกันมากองค์เข้าไปหาเรา
จนถึงที่อยู่ ไหว้เราแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วบอกว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ท่านพระสารีบุตรกำลังเทศนาถึงบุคคลที่มีสังโยชน์ในภายใน
และบุคคลที่มีสังโยชน์ในภายนอก แก่ภิกษุทั้งหลาย อยู่ที่ปราสาทของนาง
วิสาขามิคารมารดาในบุพพาราม

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บริษัทร่าเริง ขอประทานพระวโรกาส
ขอพระผู้มีพระภาคทรงพระกรุณาเสด็จไปหาท่านพระสารีบุตรจนถึงที่อยู่เถิด

ดูกรสารีบุตร ก็เทวดาเหล่านั้นยืนอยู่ในโอกาสแม้เท่าปลายเหล็กแหลมจดลง
๑๐ องค์บ้าง ๒๐ องค์บ้าง ๓๐ องค์บ้าง ๔๐ องค์บ้าง ๕๐ องค์บ้าง ๖๐ องค์บ้าง
แต่ก็ไม่เบียดกันและกัน

ดูกรสารีบุตร ก็เธอพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า
จิตอย่างนั้น ซึ่งเป็นเหตุให้เทวดาเหล่านั้นยืนอยู่ได้ในโอกาสแม้เท่าปลายเหล็ก
แหลมจดลง ๑๐ องค์บ้าง ... ๖๐ องค์บ้าง
เป็นจิตอันเทวดาเหล่านั้นอบรมแล้วในภพนั้นแน่นอน
ดูกรสารีบุตร ก็ข้อนั้นเธอไม่ควรเห็นเช่นนี้

ดูกรสารีบุตร ก็จิตอย่างนั้น ซึ่งเป็นเหตุให้เทวดาเหล่านั้นยืนอยู่ได้ในโอกาสแม้เท่าปลายเหล็ก
แหลมจดลง ๑๐ องค์บ้าง ฯลฯ แต่ก็ไม่เบียดกันและกัน
เทวดาเหล่านั้นได้อบรมแล้วในศาสนานี้เอง

เพราะฉะนั้นแหละสารีบุตร เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
จักเป็นผู้มีอินทรีย์สงบ มีใจระงับอยู่ เธอควรศึกษาเช่นนี้แหละ สารีบุตร

กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมของผู้มีอินทรีย์สงบ มีใจระงับ จักสงบระงับ
เพราะฉะนั้นแหละ สารีบุตร เธอพึงศึกษาว่า จักนำกายและจิตที่สงบระงับแล้วเท่านั้น
เข้าไปในพรหมจารีทั้งหลาย ดูกรสารีบุตร เธอควรศึกษาเช่นนี้แหละ

ดูกรสารีบุตร พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกที่ไม่ได้ฟังธรรมบรรยายนี้ ได้พากันฉิบหายเสียแล้ว ฯ


http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php ... agebreak=0



หมายเหตุ:

เหตุที่พระองค์ ทรงตรัสกับพระสารีบุตรเช่นนี้ว่า

"เพราะฉะนั้นแหละสารีบุตร เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
จักเป็นผู้มีอินทรีย์สงบ มีใจระงับอยู่

เธอควรศึกษาเช่นนี้แหละ สารีบุตร
กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมของผู้มีอินทรีย์สงบ มีใจระงับ จักสงบระงับ

เพราะฉะนั้นแหละ สารีบุตร เธอพึงศึกษาว่า จักนำกายและจิตที่สงบระงับแล้วเท่านั้น
เข้าไปในพรหมจารีทั้งหลาย ดูกรสารีบุตร เธอควรศึกษาเช่นนี้แหละ"

เพราะสิ่งที่พระสารีบุตร ได้พูดไปแล้ว เกี่ยวกับพระอนาคามี
เป็นเรื่องของ ผู้ที่มีเหตุแห่งภพ(การเกิด) บังเกิดขึ้นอยู่

เมื่อเป็นดังนี้ พระผู้มีพระภาค จึงทรงตรัสต่อไปว่า



"ดูกรสารีบุตร พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกที่ไม่ได้ฟังธรรมบรรยายนี้ ได้พากันฉิบหายเสียแล้ว ฯ"

หมายถึง ผู้ที่ไม่ได้ฟังธรรมบรรยาย ที่พระองค์ทรงตรัสกับพระสารีบุตร(คือ ฟังแค่คำที่สารีบุตรกล่าวไป)

ได้พากันฉิบหายเสียแล้ว หมายถึง หากพอใจติดอยู่แค่พระอนาคามี ไม่มุ่งกระทำเพื่อให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์

เหตุแห่งภพ(การเกิด) ย่อมมีบังเกิดขึ้นอยู่ พระองค์จึงทรงตรัสว่า ได้พากันฉิบหายเสียแล้ว เพราะเหตุนี้

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2014, 13:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
"ความรู้อันวิเศษ วิจิตรพิสดารมากมาย ถ้าไม่ฉลาดใช้ก็กลับกลายมาเป็นนิวรณ์ขวางกั้น จนจิตนั้นไม่สงบ ไม่พบสันติธรรม"

"แต่ความรู้เพียงนิดเดียวที่เชี่ยวชาญในการทำ ก็อาจจะส่งนำให้ถึงจริงโดยเร็วพลัน"

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2014, 17:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s004
"ความรู้อันวิเศษ วิจิตรพิสดารมากมาย ถ้าไม่ฉลาดใช้ก็กลับกลายมาเป็นนิวรณ์ขวางกั้น จนจิตนั้นไม่สงบ ไม่พบสันติธรรม"

"แต่ความรู้เพียงนิดเดียวที่เชี่ยวชาญในการทำ ก็อาจจะส่งนำให้ถึงจริงโดยเร็วพลัน"



รู้นิดเดียวแต่รู้ผิด ก็ทำผิด ลงมือทำ ก็หงายท้องอุจจาระ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2014, 20:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
s004
"ความรู้อันวิเศษ วิจิตรพิสดารมากมาย ถ้าไม่ฉลาดใช้ก็กลับกลายมาเป็นนิวรณ์ขวางกั้น จนจิตนั้นไม่สงบ ไม่พบสันติธรรม"

"แต่ความรู้เพียงนิดเดียวที่เชี่ยวชาญในการทำ ก็อาจจะส่งนำให้ถึงจริงโดยเร็วพลัน"



รู้นิดเดียวแต่รู้ผิด ก็ทำผิด ลงมือทำ ก็หงายท้องอุจจาระ :b32:

:b12: :b12: :b12:
รู้ผิดมีได้ รู้ถูกต้องก็ย่อมมีได้ ป่วยการไปใยที่จะมาคิดบั่นทอนกำลังใจตนเอง

ผิดเป็นครู รู้เป็นหลัก อย่ามัวเกรง จนตัวเกร็งไม่กล้าลงมือทำ

ได้ขัดคอขวางสักนิดคงติดใจ ว่าตัวฉันทำได้ให้คนหงอ

หารู้ว่าเวรกรรมกำลังรอ จะสนองตอบต่อผู้กระทำ


wink :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2014, 07:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
s004
"ความรู้อันวิเศษ วิจิตรพิสดารมากมาย ถ้าไม่ฉลาดใช้ก็กลับกลายมาเป็นนิวรณ์ขวางกั้น จนจิตนั้นไม่สงบ ไม่พบสันติธรรม"

"แต่ความรู้เพียงนิดเดียวที่เชี่ยวชาญในการทำ ก็อาจจะส่งนำให้ถึงจริงโดยเร็วพลัน"



รู้นิดเดียวแต่รู้ผิด ก็ทำผิด ลงมือทำ ก็หงายท้องอุจจาระ :b32:

:b12: :b12: :b12:
รู้ผิดมีได้ รู้ถูกต้องก็ย่อมมีได้ ป่วยการไปใยที่จะมาคิดบั่นทอนกำลังใจตนเอง

ผิดเป็นครู รู้เป็นหลัก อย่ามัวเกรง จนตัวเกร็งไม่กล้าลงมือทำ

ได้ขัดคอขวางสักนิดคงติดใจ ว่าตัวฉันทำได้ให้คนหงอ

หารู้ว่าเวรกรรมกำลังรอ จะสนองตอบต่อผู้กระทำ




บางทีผิดยังไม่รู้ว่าผิด ต้องมีคนช่วยดู ที่เรียกว่ากัลยาณมิตร :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2014, 10:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
s004
"ความรู้อันวิเศษ วิจิตรพิสดารมากมาย ถ้าไม่ฉลาดใช้ก็กลับกลายมาเป็นนิวรณ์ขวางกั้น จนจิตนั้นไม่สงบ ไม่พบสันติธรรม"

"แต่ความรู้เพียงนิดเดียวที่เชี่ยวชาญในการทำ ก็อาจจะส่งนำให้ถึงจริงโดยเร็วพลัน"



รู้นิดเดียวแต่รู้ผิด ก็ทำผิด ลงมือทำ ก็หงายท้องอุจจาระ :b32:

:b12: :b12: :b12:
รู้ผิดมีได้ รู้ถูกต้องก็ย่อมมีได้ ป่วยการไปใยที่จะมาคิดบั่นทอนกำลังใจตนเอง

ผิดเป็นครู รู้เป็นหลัก อย่ามัวเกรง จนตัวเกร็งไม่กล้าลงมือทำ

ได้ขัดคอขวางสักนิดคงติดใจ ว่าตัวฉันทำได้ให้คนหงอ

หารู้ว่าเวรกรรมกำลังรอ จะสนองตอบต่อผู้กระทำ




บางทีผิดยังไม่รู้ว่าผิด ต้องมีคนช่วยดู ที่เรียกว่ากัลยาณมิตร :b1:

อ้างเป็นกัลยาณมิตร แต่อาจกลายเป็นอกัลยาณมิตรโดยไม่รู้ตัว หากไปทำให้ผู้ที่เขาเดินตรงทางแล้วเบนเฉออกจากทางสายตรงลงไปจากไฮเวย์หลงเข้าซอกตรอกซอย ถอยจากปรมัตถ์มาพึ่งบัญญัติ

Onion_L


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2014, 10:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
s004
"ความรู้อันวิเศษ วิจิตรพิสดารมากมาย ถ้าไม่ฉลาดใช้ก็กลับกลายมาเป็นนิวรณ์ขวางกั้น จนจิตนั้นไม่สงบ ไม่พบสันติธรรม"

"แต่ความรู้เพียงนิดเดียวที่เชี่ยวชาญในการทำ ก็อาจจะส่งนำให้ถึงจริงโดยเร็วพลัน"



รู้นิดเดียวแต่รู้ผิด ก็ทำผิด ลงมือทำ ก็หงายท้องอุจจาระ :b32:

:b12: :b12: :b12:
รู้ผิดมีได้ รู้ถูกต้องก็ย่อมมีได้ ป่วยการไปใยที่จะมาคิดบั่นทอนกำลังใจตนเอง

ผิดเป็นครู รู้เป็นหลัก อย่ามัวเกรง จนตัวเกร็งไม่กล้าลงมือทำ

ได้ขัดคอขวางสักนิดคงติดใจ ว่าตัวฉันทำได้ให้คนหงอ

หารู้ว่าเวรกรรมกำลังรอ จะสนองตอบต่อผู้กระทำ




บางทีผิดยังไม่รู้ว่าผิด ต้องมีคนช่วยดู ที่เรียกว่ากัลยาณมิตร :b1:

อ้างเป็นกัลยาณมิตร แต่อาจกลายเป็นอกัลยาณมิตรโดยไม่รู้ตัว หากไปทำให้ผู้ที่เขาเดินตรงทางแล้วเบนเฉออกจากทางสายตรงลงไปจากไฮเวย์หลงเข้าซอกตรอกซอย ถอยจากปรมัตถ์มาพึ่งบัญญัติ

Onion_L



ใครพูดนิดพูดหน่อย แล้วเป๋ไปเป๋มา แสดงว่าผิดทาง :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2014, 20:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion onion onion
ทางอยู่ตรงนี้ ลองทำดูนะ

งานและหน้าที่ของชาวพุทธ

สำรวมกายใจ มานิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์
จนละความเห็นผิดว่ากาย ใจ นี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้อง ว่ากาย ใจ นี้เป็นอนัตตา
บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส


หัวใจวิปัสสนาภาวนา

ใจปัญญาอย่ายอมใจเป็นกู
นิ่งดู นิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ ทนได้ ไม่ตะบอย
กู จะถอยหรือตายดับ ไปจากใจ

:b27:
Kiss
:b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2014, 21:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
onion onion onion
ทางอยู่ตรงนี้ ลองทำดูนะ

งานและหน้าที่ของชาวพุทธ

สำรวมกายใจ มานิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์
จนละความเห็นผิดว่ากาย ใจ นี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้อง ว่ากาย ใจ นี้เป็นอนัตตา
บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส


หัวใจวิปัสสนาภาวนา

ใจปัญญาอย่ายอมใจเป็นกู
นิ่งดู นิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ ทนได้ ไม่ตะบอย
กู จะถอยหรือตายดับ ไปจากใจ




ท่องเข้าไป พ่อนักปฏิบัติใหญ่ ท่องเข้าๆ คิกๆๆ

อโศกเขาเป็นอะไร


อ้างคำพูด:
คือผมเพิ่งเริ่มนั้งสมาธิได้ประมาณ 2 อาทิตย์ แล้วมีอยู่วันหนึ่งนั่งสมาธิรู้สึกตัวเบาวิวเหมือนไม่มีแขนไม่มีขา แล้วเริ่มมีอาการหายใจไม่ออก เหมือนกำลังจะตาย แต่ยังสามารถท่อง พุธ โท ได้ แต่สักผมทนไม่ไหวมันหายใจไม่ออก เหมือนจะตาย เลยลืมตาขึ้นมาปรากฎว่าหายใจออกเลย ไม่ทราบว่าอาการนี้เกิดจากอะไรครับ เกร็งเกินไปหรือป่าว


จะปฏิบัติต่อมันอย่าง่ไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2014, 21:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
onion onion onion
ทางอยู่ตรงนี้ ลองทำดูนะ

งานและหน้าที่ของชาวพุทธ

สำรวมกายใจ มานิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์
จนละความเห็นผิดว่ากาย ใจ นี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู
พอกพูนความเห็นถูกต้อง ว่ากาย ใจ นี้เป็นอนัตตา
บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู
ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส


หัวใจวิปัสสนาภาวนา

ใจปัญญาอย่ายอมใจเป็นกู
นิ่งดู นิ่งสังเกต พิจารณา
ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ มิยอมถอย
ถ้าสู้ได้ ทนได้ ไม่ตะบอย
กู จะถอยหรือตายดับ ไปจากใจ




ท่องเข้าไป พ่อนักปฏิบัติใหญ่ ท่องเข้าๆ คิกๆๆ

อโศกเขาเป็นอะไร


อ้างคำพูด:
คือผมเพิ่งเริ่มนั้งสมาธิได้ประมาณ 2 อาทิตย์ แล้วมีอยู่วันหนึ่งนั่งสมาธิรู้สึกตัวเบาวิวเหมือนไม่มีแขนไม่มีขา แล้วเริ่มมีอาการหายใจไม่ออก เหมือนกำลังจะตาย แต่ยังสามารถท่อง พุธ โท ได้ แต่สักผมทนไม่ไหวมันหายใจไม่ออก เหมือนจะตาย เลยลืมตาขึ้นมาปรากฎว่าหายใจออกเลย ไม่ทราบว่าอาการนี้เกิดจากอะไรครับ เกร็งเกินไปหรือป่าว


จะปฏิบัติต่อมันอย่าง่ไร

:b53: :b53: :b53:
ตัวเบาหวิว......ปัสสัทธิ

ไม่มีแขนขา.....นิมิต

หายใจไม่ออก.......ปีติ

ยังท่องพุทโธได้ ......สติ

ทนไม่ไหว จะตาย......ทุกขสัจจะ

เลยลืมตา.....ละความเพียร

หายใจออก เข้าได้เป็นปกติ.....เพราะปีติสงบไป ดับไป

อาการทั้งหมดนี้เป็นเรื่องธรรมดาาของคนเจริญแต่สมาธิ แล้วไม่มีความรู้เรื่องผลและอารมณ์ของสมาธิ
อาจารย์ก็ไม่รู้จริงแก้ไขให้ศิษย์ไม่ได้

การแก้ไข

1.ต้องย้ำให้รู้งานและหน้าที่ของนักเจริญสมาธิ สติต้องไม่ให้หลุดจากกรรมฐานไปเป็นอื่น

2.สอนให้เจริญการสังเกต พิจารณาอารมณ์ หรือวิปัสสนาภาวนาไปด้วย ควบคู่และได้สัดส่วนสมดุลย์ไปด้วยกับการเจริญสมาธิ โดยธรรมปัญญา ศีล สมาธิต้องเจริญร่วมกันไปอย่างได้สัดส่วนการปฏิบัติธรรมจึงจะก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ
:b53: :b53: :b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2014, 06:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b53: :b53: :b53:
ตัวเบาหวิว......ปัสสัทธิ

ไม่มีแขนขา.....นิมิต

หายใจไม่ออก.......ปีติ

ยังท่องพุทโธได้ ......สติ

ทนไม่ไหว จะตาย......ทุกขสัจจะ

เลยลืมตา.....ละความเพียร

หายใจออก เข้าได้เป็นปกติ.....เพราะปีติสงบไป ดับไป


อโศกะ....เล่นแปลคำ....ซะแล้ว
:b9: :b9: :b9:

ปัสสัทธิ...ปีติ....สติ...เป็นสภาวะฝ่ายคุณ..นะอโศกะ..อิอิ

อโศกะตีโจทษ์....ผิด.....ไปคนละลากเลยพ่อ
เขาขาดสติ...ดังนั้น...ปีติ...ปัสสัทธิ....ไม่มีทางเกิด...
อาการที่เกิดเป้นแค่ผลพวงจากการขาดสติ....ธรรมดา..ๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2014, 06:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b53: :b53: :b53:
ตัวเบาหวิว......ปัสสัทธิ

ไม่มีแขนขา.....นิมิต

หายใจไม่ออก.......ปีติ

ยังท่องพุทโธได้ ......สติ

ทนไม่ไหว จะตาย......ทุกขสัจจะ

เลยลืมตา.....ละความเพียร

หายใจออก เข้าได้เป็นปกติ.....เพราะปีติสงบไป ดับไป


อโศกะ....เล่นแปลคำ....ซะแล้ว
:b9: :b9: :b9:

ปัสสัทธิ...ปีติ....สติ...เป็นสภาวะฝ่ายคุณ..นะอโศกะ..อิอิ

อโศกะตีโจทษ์....ผิด.....ไปคนละลากเลยพ่อ
เขาขาดสติ...ดังนั้น...ปีติ...ปัสสัทธิ....ไม่มีทางเกิด...
อาการที่เกิดเป้นแค่ผลพวงจากการขาดสติ....ธรรมดา..ๆ

:b3:
กบวิเคราะห์ปัญหาแบบไม่ดูลำดับเหตุผลของแต่ละปัจจุบันขณะที่มาเชื่อมต่อเนื่องกันเป็นสันตติ จึงวินิจฉัยแบบไม่ยุติธรรม

สังเกตดูให้ดีผู้ภาวนาท่านนี้ไม่ได้ขาดสติมาแต่ต้น เขาภาวนามาได้ดีจนปีติปัสสัทธิเกิด แต่สติมาขาดไม่ทันปัจจุบันตอนหลังจึงถูกโมหะครอบงำและปรุงแต่งเป็นเรื่องเป็นราวออกไป

อารมณ์ผู้ปฏิบัติเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจนต้องวินิจฉัยกันเป็นขณะๆจิตกันเลยทีเดียวจึงจะแก้ไขปัญหาและแนะนำกันได้ถูกต้องตามธรรม

อย่าใจร้อนนะกบ เพิ่มความละเอียดลึกซึ้งในการสังเกตพิจารณาให้ดี วันข้างหน้าจะได้ใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนร่วมโลกได้ สมตามความเข้าใจว่าตนถึงความเป็นอริยะแล้ว
:b4:
อนึ่งที่บอกว่าอโศกะเล่นแปลคำ นั้นก็วินิจฉัยแบบปล่อยไก่ตัวเบ้อเร้อ อาจเป็นเพราะความอ่อนหัดขาดประสบการณ์

เล่นแปลคำมันต้องอย่างที่กรัชกายกำลังคลั่งออกเป็นกระทู้ อยู่ขณะนี้ ลองไปพิจารณาเปรียบเทียบดูให้ดีๆนะครับ วันข้างหน้าจะได้เก่งจึ้น
:b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2014, 06:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อโศกะต่างหาก...ไม่ดูอะไรเป็นเหตุเป้นปัจจัยของการเกิด..ทำให้หลงไปแปลความหมายของคำ

สติ....เป้นเหตุให้เกิดปัสสัทธิ....ปีติ...แล้วจะตามมาด้วย..สงบ....สุข...
หากไม่เป็นตามนี้.....สติบกพร่อง..อย่างเดียวเลย
:b32: :b32:
จำใว้นะ..อโศกะ...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 52, 53, 54, 55, 56, 57, 58 ... 62  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 113 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร