วันเวลาปัจจุบัน 29 เม.ย. 2024, 13:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2013, 11:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


กรัชกายสมมุตินะ. ตอนนี้ท่านกำลังนั่งต่อหน้าพุทธองค์และท่านบอกว่าบุญกิริยามี3และกรัชกายบอกว่าเพิ่มอีก7เถอะ ผมว่าดีกว่าครับ


ไม่ค่อยเข้าใจว่าสื่ออะไร งง เอาชัดๆ

ดูเส้นทางบุญกิริยาวัตถุก่อนว่ามาจากไหน

เดิมเป็นองค์ประกอบของมรรคา 8 ย่นย่อเป็นภาคปฏิบัติการ ได้แก่ ศีล สมาธิ และปัญญา (ไตรสิกขา) พระพุทธเจ้าขยายเองเลย เพื่อให้ชาวบ้านใกล้ชิดพุทธธรรมง่ายขึ้น โดยพระองค์เพิ่ม ทาน เข้ามา เป็น ทาน ศีล ภาวนา (บุญกิริยาวัตถุสาม ตัวอย่างมีแล้ว) อรรถกถาจารย์ (ทำความเช้าใจก่อนนะ อรรถกถาจารย์ ท่านเกิดก่อนชาวพุทธสมัยนี้หลายพันปี จึงเกิดใกล้ยุคพุทธศาสนากว่าชาวพุทธปัจจุบันนี้ และแต่ละท่านๆนะ เจ๊งงงงงกว่าชาวพุทธยุคนี้มากกกกกมายจนเทียบกันไม่ได้ จึงได้พูดก่อนหน้าว่า จำขี้ปากท่านมาพูด) ก็ใช้แนวนี้แหละ ขยายให้ชาวบ้าน หรือชาวพุทธเข้าใกล้ศาสนาง่ายขึ้น จึงเป็นบุญกิริยาวัตถุสิบ เห็นเหตุผลแล้วนะ :b1:

จะเป็นใครยุกไหนก็เก่งกว่าพระองค์ไม่มี.พระองค์แสดงไว้3ก้ต้อง3กรัชกายยังไม่เข้าใจ.

ผมถามกรัชกายอย่างนี้นะครับว่ากรัชกายเชื่อว่าพระพุทธองค์เก่งกว่าอรรถกถาจารย์หรือป่าว? กรัชกายกำลังกล่าวคำเป้นข้าศึกกับพระศาสดาอยู่นะครับ สาวกเป็นผู้เดินตามทำไมแซงพระองค์ล่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2013, 11:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


กรัชกายสมมุตินะ. ตอนนี้ท่านกำลังนั่งต่อหน้าพุทธองค์และท่านบอกว่าบุญกิริยามี3และกรัชกายบอกว่าเพิ่มอีก7เถอะ ผมว่าดีกว่าครับ


ไม่ค่อยเข้าใจว่าสื่ออะไร งง เอาชัดๆ

ดูเส้นทางบุญกิริยาวัตถุก่อนว่ามาจากไหน

เดิมเป็นองค์ประกอบของมรรคา 8 ย่นย่อเป็นภาคปฏิบัติการ ได้แก่ ศีล สมาธิ และปัญญา (ไตรสิกขา) พระพุทธเจ้าขยายเองเลย เพื่อให้ชาวบ้านใกล้ชิดพุทธธรรมง่ายขึ้น โดยพระองค์เพิ่ม ทาน เข้ามา เป็น ทาน ศีล ภาวนา (บุญกิริยาวัตถุสาม ตัวอย่างมีแล้ว) อรรถกถาจารย์ (ทำความเช้าใจก่อนนะ อรรถกถาจารย์ ท่านเกิดก่อนชาวพุทธสมัยนี้หลายพันปี จึงเกิดใกล้ยุคพุทธศาสนากว่าชาวพุทธปัจจุบันนี้ และแต่ละท่านๆนะ เจ๊งงงงงกว่าชาวพุทธยุคนี้มากกกกกมายจนเทียบกันไม่ได้ จึงได้พูดก่อนหน้าว่า จำขี้ปากท่านมาพูด) ก็ใช้แนวนี้แหละ ขยายให้ชาวบ้าน หรือชาวพุทธเข้าใกล้ศาสนาง่ายขึ้น จึงเป็นบุญกิริยาวัตถุสิบ เห็นเหตุผลแล้วนะ :b1:

จะเป็นใครยุกไหนก็เก่งกว่าพระองค์ไม่มี.พระองค์แสดงไว้3ก้ต้อง3กรัชกายยังไม่เข้าใจ.

ผมถามกรัชกายอย่างนี้นะครับว่ากรัชกายเชื่อว่าพระพุทธองค์เก่งกว่าอรรถกถาจารย์หรือป่าว? กรัชกายกำลังกล่าวคำเป้นข้าศึกกับพระศาสดาอยู่นะครับ สาวกเป็นผู้เดินตามทำไมแซงพระองค์ล่ะ


ตอบคำถามนี้นะ แล้วที่เพิ่มมาอีก 7 ข้อ ต่อภาวนา มันแย้งกับ ทาน ศีล ภาวนาตรงไหน เอ้ออ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2013, 11:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


กรัชกายสมมุตินะ. ตอนนี้ท่านกำลังนั่งต่อหน้าพุทธองค์และท่านบอกว่าบุญกิริยามี3และกรัชกายบอกว่าเพิ่มอีก7เถอะ ผมว่าดีกว่าครับ


ไม่ค่อยเข้าใจว่าสื่ออะไร งง เอาชัดๆ

ดูเส้นทางบุญกิริยาวัตถุก่อนว่ามาจากไหน

เดิมเป็นองค์ประกอบของมรรคา 8 ย่นย่อเป็นภาคปฏิบัติการ ได้แก่ ศีล สมาธิ และปัญญา (ไตรสิกขา) พระพุทธเจ้าขยายเองเลย เพื่อให้ชาวบ้านใกล้ชิดพุทธธรรมง่ายขึ้น โดยพระองค์เพิ่ม ทาน เข้ามา เป็น ทาน ศีล ภาวนา (บุญกิริยาวัตถุสาม ตัวอย่างมีแล้ว) อรรถกถาจารย์ (ทำความเช้าใจก่อนนะ อรรถกถาจารย์ ท่านเกิดก่อนชาวพุทธสมัยนี้หลายพันปี จึงเกิดใกล้ยุคพุทธศาสนากว่าชาวพุทธปัจจุบันนี้ และแต่ละท่านๆนะ เจ๊งงงงงกว่าชาวพุทธยุคนี้มากกกกกมายจนเทียบกันไม่ได้ จึงได้พูดก่อนหน้าว่า จำขี้ปากท่านมาพูด) ก็ใช้แนวนี้แหละ ขยายให้ชาวบ้าน หรือชาวพุทธเข้าใกล้ศาสนาง่ายขึ้น จึงเป็นบุญกิริยาวัตถุสิบ เห็นเหตุผลแล้วนะ :b1:

จะเป็นใครยุกไหนก็เก่งกว่าพระองค์ไม่มี.พระองค์แสดงไว้3ก้ต้อง3กรัชกายยังไม่เข้าใจ.

ผมถามกรัชกายอย่างนี้นะครับว่ากรัชกายเชื่อว่าพระพุทธองค์เก่งกว่าอรรถกถาจารย์หรือป่าว? กรัชกายกำลังกล่าวคำเป้นข้าศึกกับพระศาสดาอยู่นะครับ สาวกเป็นผู้เดินตามทำไมแซงพระองค์ล่ะ


ตอบคำถามนี้นะ แล้วที่เพิ่มมาอีก 7 ข้อ ต่อภาวนา มันแย้งกับ ทาน ศีล ภาวนาตรงไหน เอ้ออ :b1:
เพิ่มกิเจเข้าไปอีกซิ เพิ่ม7ได้เดี๋ยวก็สิบไปเรื่อยๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2013, 11:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


กรัชกายสมมุตินะ. ตอนนี้ท่านกำลังนั่งต่อหน้าพุทธองค์และท่านบอกว่าบุญกิริยามี3และกรัชกายบอกว่าเพิ่มอีก7เถอะ ผมว่าดีกว่าครับ


ไม่ค่อยเข้าใจว่าสื่ออะไร งง เอาชัดๆ

ดูเส้นทางบุญกิริยาวัตถุก่อนว่ามาจากไหน

เดิมเป็นองค์ประกอบของมรรคา 8 ย่นย่อเป็นภาคปฏิบัติการ ได้แก่ ศีล สมาธิ และปัญญา (ไตรสิกขา) พระพุทธเจ้าขยายเองเลย เพื่อให้ชาวบ้านใกล้ชิดพุทธธรรมง่ายขึ้น โดยพระองค์เพิ่ม ทาน เข้ามา เป็น ทาน ศีล ภาวนา (บุญกิริยาวัตถุสาม ตัวอย่างมีแล้ว) อรรถกถาจารย์ (ทำความเช้าใจก่อนนะ อรรถกถาจารย์ ท่านเกิดก่อนชาวพุทธสมัยนี้หลายพันปี จึงเกิดใกล้ยุคพุทธศาสนากว่าชาวพุทธปัจจุบันนี้ และแต่ละท่านๆนะ เจ๊งงงงงกว่าชาวพุทธยุคนี้มากกกกกมายจนเทียบกันไม่ได้ จึงได้พูดก่อนหน้าว่า จำขี้ปากท่านมาพูด) ก็ใช้แนวนี้แหละ ขยายให้ชาวบ้าน หรือชาวพุทธเข้าใกล้ศาสนาง่ายขึ้น จึงเป็นบุญกิริยาวัตถุสิบ เห็นเหตุผลแล้วนะ :b1:

จะเป็นใครยุกไหนก็เก่งกว่าพระองค์ไม่มี.พระองค์แสดงไว้3ก้ต้อง3กรัชกายยังไม่เข้าใจ.

ผมถามกรัชกายอย่างนี้นะครับว่ากรัชกายเชื่อว่าพระพุทธองค์เก่งกว่าอรรถกถาจารย์หรือป่าว? กรัชกายกำลังกล่าวคำเป้นข้าศึกกับพระศาสดาอยู่นะครับ สาวกเป็นผู้เดินตามทำไมแซงพระองค์ล่ะ


ตอบคำถามนี้นะ แล้วที่เพิ่มมาอีก 7 ข้อ ต่อภาวนา มันแย้งกับ ทาน ศีล ภาวนาตรงไหน เอ้ออ :b1:
เพิ่มกิเจเข้าไปอีกซิ เพิ่ม7ได้เดี๋ยวก็สิบไปเรื่อยๆ


มัีนคนละเรื่องคนละเคสกับบุญกิริยาวัตถุสิืบ คิกๆ หมกมุ่นสะจริง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2013, 11:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


กรัชกายสมมุตินะ. ตอนนี้ท่านกำลังนั่งต่อหน้าพุทธองค์และท่านบอกว่าบุญกิริยามี3และกรัชกายบอกว่าเพิ่มอีก7เถอะ ผมว่าดีกว่าครับ


ไม่ค่อยเข้าใจว่าสื่ออะไร งง เอาชัดๆ

ดูเส้นทางบุญกิริยาวัตถุก่อนว่ามาจากไหน

เดิมเป็นองค์ประกอบของมรรคา 8 ย่นย่อเป็นภาคปฏิบัติการ ได้แก่ ศีล สมาธิ และปัญญา (ไตรสิกขา) พระพุทธเจ้าขยายเองเลย เพื่อให้ชาวบ้านใกล้ชิดพุทธธรรมง่ายขึ้น โดยพระองค์เพิ่ม ทาน เข้ามา เป็น ทาน ศีล ภาวนา (บุญกิริยาวัตถุสาม ตัวอย่างมีแล้ว) อรรถกถาจารย์ (ทำความเช้าใจก่อนนะ อรรถกถาจารย์ ท่านเกิดก่อนชาวพุทธสมัยนี้หลายพันปี จึงเกิดใกล้ยุคพุทธศาสนากว่าชาวพุทธปัจจุบันนี้ และแต่ละท่านๆนะ เจ๊งงงงงกว่าชาวพุทธยุคนี้มากกกกกมายจนเทียบกันไม่ได้ จึงได้พูดก่อนหน้าว่า จำขี้ปากท่านมาพูด) ก็ใช้แนวนี้แหละ ขยายให้ชาวบ้าน หรือชาวพุทธเข้าใกล้ศาสนาง่ายขึ้น จึงเป็นบุญกิริยาวัตถุสิบ เห็นเหตุผลแล้วนะ :b1:

จะเป็นใครยุกไหนก็เก่งกว่าพระองค์ไม่มี.พระองค์แสดงไว้3ก้ต้อง3กรัชกายยังไม่เข้าใจ.

ผมถามกรัชกายอย่างนี้นะครับว่ากรัชกายเชื่อว่าพระพุทธองค์เก่งกว่าอรรถกถาจารย์หรือป่าว? กรัชกายกำลังกล่าวคำเป้นข้าศึกกับพระศาสดาอยู่นะครับ สาวกเป็นผู้เดินตามทำไมแซงพระองค์ล่ะ


ตอบคำถามนี้นะ แล้วที่เพิ่มมาอีก 7 ข้อ ต่อภาวนา มันแย้งกับ ทาน ศีล ภาวนาตรงไหน เอ้ออ :b1:
เพิ่มกิเจเข้าไปอีกซิ เพิ่ม7ได้เดี๋ยวก็สิบไปเรื่อยๆ


มัีนคนละเรื่องคนละเคสกับบุญกิริยาวัตถุสิืบ คิกๆ หมกมุ่นสะจริง
อ้าวไหงบอกคนละเรื่องล่ะ. ผมว่ามันบุญผมจะใส่ไม่เห็นเป็นไรห้ามผมทำไมฯลฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2013, 11:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


กรัชกายสมมุตินะ. ตอนนี้ท่านกำลังนั่งต่อหน้าพุทธองค์และท่านบอกว่าบุญกิริยามี3และกรัชกายบอกว่าเพิ่มอีก7เถอะ ผมว่าดีกว่าครับ


ไม่ค่อยเข้าใจว่าสื่ออะไร งง เอาชัดๆ

ดูเส้นทางบุญกิริยาวัตถุก่อนว่ามาจากไหน

เดิมเป็นองค์ประกอบของมรรคา 8 ย่นย่อเป็นภาคปฏิบัติการ ได้แก่ ศีล สมาธิ และปัญญา (ไตรสิกขา) พระพุทธเจ้าขยายเองเลย เพื่อให้ชาวบ้านใกล้ชิดพุทธธรรมง่ายขึ้น โดยพระองค์เพิ่ม ทาน เข้ามา เป็น ทาน ศีล ภาวนา (บุญกิริยาวัตถุสาม ตัวอย่างมีแล้ว) อรรถกถาจารย์ (ทำความเช้าใจก่อนนะ อรรถกถาจารย์ ท่านเกิดก่อนชาวพุทธสมัยนี้หลายพันปี จึงเกิดใกล้ยุคพุทธศาสนากว่าชาวพุทธปัจจุบันนี้ และแต่ละท่านๆนะ เจ๊งงงงงกว่าชาวพุทธยุคนี้มากกกกกมายจนเทียบกันไม่ได้ จึงได้พูดก่อนหน้าว่า จำขี้ปากท่านมาพูด) ก็ใช้แนวนี้แหละ ขยายให้ชาวบ้าน หรือชาวพุทธเข้าใกล้ศาสนาง่ายขึ้น จึงเป็นบุญกิริยาวัตถุสิบ เห็นเหตุผลแล้วนะ :b1:

จะเป็นใครยุกไหนก็เก่งกว่าพระองค์ไม่มี.พระองค์แสดงไว้3ก้ต้อง3กรัชกายยังไม่เข้าใจ.

ผมถามกรัชกายอย่างนี้นะครับว่ากรัชกายเชื่อว่าพระพุทธองค์เก่งกว่าอรรถกถาจารย์หรือป่าว? กรัชกายกำลังกล่าวคำเป้นข้าศึกกับพระศาสดาอยู่นะครับ สาวกเป็นผู้เดินตามทำไมแซงพระองค์ล่ะ


ตอบคำถามนี้นะ แล้วที่เพิ่มมาอีก 7 ข้อ ต่อภาวนา มันแย้งกับ ทาน ศีล ภาวนาตรงไหน เอ้ออ :b1:
เพิ่มกิเจเข้าไปอีกซิ เพิ่ม7ได้เดี๋ยวก็สิบไปเรื่อยๆ


มัีนคนละเรื่องคนละเคสกับบุญกิริยาวัตถุสิืบ คิกๆ หมกมุ่นสะจริง
อ้าวไหงบอกคนละเรื่องล่ะ.

ผมว่ามันบุญผมจะใส่ไม่เห็นเป็นไรห้ามผมทำไมฯลฯ


คุณใส่ไปแล้วใครยอมรับไปเรียนกับคุณ มีใครยอมรับไหม :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2013, 11:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


กรัชกายสมมุตินะ. ตอนนี้ท่านกำลังนั่งต่อหน้าพุทธองค์และท่านบอกว่าบุญกิริยามี3และกรัชกายบอกว่าเพิ่มอีก7เถอะ ผมว่าดีกว่าครับ


ไม่ค่อยเข้าใจว่าสื่ออะไร งง เอาชัดๆ

ดูเส้นทางบุญกิริยาวัตถุก่อนว่ามาจากไหน

เดิมเป็นองค์ประกอบของมรรคา 8 ย่นย่อเป็นภาคปฏิบัติการ ได้แก่ ศีล สมาธิ และปัญญา (ไตรสิกขา) พระพุทธเจ้าขยายเองเลย เพื่อให้ชาวบ้านใกล้ชิดพุทธธรรมง่ายขึ้น โดยพระองค์เพิ่ม ทาน เข้ามา เป็น ทาน ศีล ภาวนา (บุญกิริยาวัตถุสาม ตัวอย่างมีแล้ว) อรรถกถาจารย์ (ทำความเช้าใจก่อนนะ อรรถกถาจารย์ ท่านเกิดก่อนชาวพุทธสมัยนี้หลายพันปี จึงเกิดใกล้ยุคพุทธศาสนากว่าชาวพุทธปัจจุบันนี้ และแต่ละท่านๆนะ เจ๊งงงงงกว่าชาวพุทธยุคนี้มากกกกกมายจนเทียบกันไม่ได้ จึงได้พูดก่อนหน้าว่า จำขี้ปากท่านมาพูด) ก็ใช้แนวนี้แหละ ขยายให้ชาวบ้าน หรือชาวพุทธเข้าใกล้ศาสนาง่ายขึ้น จึงเป็นบุญกิริยาวัตถุสิบ เห็นเหตุผลแล้วนะ :b1:

จะเป็นใครยุกไหนก็เก่งกว่าพระองค์ไม่มี.พระองค์แสดงไว้3ก้ต้อง3กรัชกายยังไม่เข้าใจ.

ผมถามกรัชกายอย่างนี้นะครับว่ากรัชกายเชื่อว่าพระพุทธองค์เก่งกว่าอรรถกถาจารย์หรือป่าว? กรัชกายกำลังกล่าวคำเป้นข้าศึกกับพระศาสดาอยู่นะครับ สาวกเป็นผู้เดินตามทำไมแซงพระองค์ล่ะ


ตอบคำถามนี้นะ แล้วที่เพิ่มมาอีก 7 ข้อ ต่อภาวนา มันแย้งกับ ทาน ศีล ภาวนาตรงไหน เอ้ออ :b1:
เพิ่มกิเจเข้าไปอีกซิ เพิ่ม7ได้เดี๋ยวก็สิบไปเรื่อยๆ


มัีนคนละเรื่องคนละเคสกับบุญกิริยาวัตถุสิืบ คิกๆ หมกมุ่นสะจริง
อ้าวไหงบอกคนละเรื่องล่ะ.

ผมว่ามันบุญผมจะใส่ไม่เห็นเป็นไรห้ามผมทำไมฯลฯ


คุณใส่ไปแล้วใครยอมรับไปเรียนกับคุณ มีใครยอมรับไหม :b1:

ก้นี่ไงยังไม่เข้าใจอีกหรอว่าใครจะยอมรับว่ามีสิบข้อนอกจากพวกคนที่ยอมรับรวมถึงคุณ. พระองค์บอกมีสามข้อ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2013, 13:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b27:
การตัด ต่อ เติม แต่ง ให้แตกต่างไปจากคำสอนหลักของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ถูกต้องแน่

แต่การอธิบาย ขยายความเพื่อให้เข้าใจหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นกลับเป็นสิ่งสมควรทำ และครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านก็ทำ

คุณ amazing ต้องพิจารณาให้ดีนะครับอย่าไปตีความเอาเองว่าใครสอนไม่ตรงกับคำสอนในพระไตรปิฎกแล้วเป็นการบิดเบือนธรรมไปเสียหมด ตัวอย่างง่ายๆ เช่น หลวงปู่ชาสอนเรื่องอนัตตาโดยบอกว่า "ก็โยมไปพยายามอยากจะให้เป็ดมันขันเหมือนไก่นี่ มันก็ทุกข์นะสิ".............ดังนี้เป็นต้น เรื่องอย่างนี้ก็ไม่มีสอนในพระไตรปิฎก แต่กลับไปตรงกับหลักธรรมของพระพุทธเจ้า

ถ้าพากันยึดตำราแน่นเกินไปก็จะพึ่งตัวเองไม่ได้สักที เหมือนนักศึกษาที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้วเอาความรู้ในตำราไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงไม่เป็น จะทำอะไรก็วิ่งหาตำรา กลัวอยู่แต่ว่าจะผิดจากตำรา

คนท่องความรู้จากตำรามาสอน เทียบกับคนที่ลงมือปฏิบัติจริงแล้วเอาประสบการจริง มาสอน รสชาดของเรื่องที่ผู้ศึกษาจะได้ยินได้ฟังมันต่างกันมาก คุณamazing น่าจะรู้ซึ้งดีในเรื่องนี้นะครับ
:b20:


ลูกศิษย์ท่าน...ยังไม่เชื่อท่านเลยคับ....เค้าว่าเค้าจะเชื่อพระพุทธเจ้าเท่านั้น....
ดูๆ ไป..ก็อาจจะว่าคล้ายๆกับพระสารีบุตร..ที่ไม่เชื่อ...ธรรมที่พระพุทธเจ้ากล่าว...
แต่..ผมว่า..ต่างกันลิบลับ...กับพระสารีบุตร....เพราะพระสารีบุตรจะเชื่อเมื่อตนทำตามจนเห็นธรรมนั้นด้วยตัวเองก่อน

แต่นี..หันหลังให้เลย...บอกว่าไม่ใช่คำพระพุทธเจ้ากล่าว....

รักษาคำพระพุทธเจ้า..นี้ดีนะครับ..แต่เข้าใจว่าธรรมะมีแค่นี้......น่าสงสารเน๊าะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2013, 23:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 10:42
โพสต์: 249

แนวปฏิบัติ: ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ยึด
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มของท่านพุทธทาส
อายุ: 32
ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: คุณกบ

เมื่อนึกเรื่องอะไรซ้ำๆบ่อยๆ พูดอะไรซ้ำๆบ่อยๆ จะทำให้เกิดความเคยชินที่จะนึกหรือพูดถึงเรื่องนั้นๆ
ในทางวิทยาศาสตร์อธิบายว่าเป็นจากจุดเชื่อมเซลล์ประสาทในสมองเกี่ยวกับเรื่องนั้นมั่นคงแข็งแรงเพราะทำเรื่องนั้นบ่อยๆ

เช่นเดียวกัน ผู้ที่นึกถึงพุทธวจนะบ่อยๆ กล่าวพุทธวจนะบ่อยๆ เมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิตก็มีโอกาสที่จะระลึกถึงพุทธวจนะ

ดังนั้น แม้ว่าในขณะปัจจุบันผู้กล่าวพุทธวจนะอยู่อาจจะยังละสังโยชน์เบื้องต่ำไม่ได้ แต่ในขณะสุดท้ายของชีวิตเขาอาจจะละได้ ถ้าเขาระลึกถึงพุทธวจนะครับ

ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก ผัคคุณสูตร http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0

:b8:

.....................................................
วงว่างยงอยู่ยั้ง อนันตกาล
ในถิ่นที่ทุกสถาน แหล่งหล้า
ยึดมั่นไป่พบพาน ประจักษ์
ยามปล่อยหยุดไขว่คว้า ถึงได้โดยพลัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2013, 06:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


คำของพระพุทธเจ้าเป็นอนุศาสนีปาฎิหารย์พวกเขาไม่รู้และไม่เข้าใจ. จึงมีสาวกประดิษฐ์คำให้สละสลวย. วิจิตรขึ้นมามากมาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2013, 07:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โกเมศวร์ เขียน:
:b8: คุณกบ

เมื่อนึกเรื่องอะไรซ้ำๆบ่อยๆ พูดอะไรซ้ำๆบ่อยๆ จะทำให้เกิดความเคยชินที่จะนึกหรือพูดถึงเรื่องนั้นๆ
ในทางวิทยาศาสตร์อธิบายว่าเป็นจากจุดเชื่อมเซลล์ประสาทในสมองเกี่ยวกับเรื่องนั้นมั่นคงแข็งแรงเพราะทำเรื่องนั้นบ่อยๆ

เช่นเดียวกัน ผู้ที่นึกถึงพุทธวจนะบ่อยๆ กล่าวพุทธวจนะบ่อยๆ เมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิตก็มีโอกาสที่จะระลึกถึงพุทธวจนะ

ดังนั้น แม้ว่าในขณะปัจจุบันผู้กล่าวพุทธวจนะอยู่อาจจะยังละสังโยชน์เบื้องต่ำไม่ได้ แต่ในขณะสุดท้ายของชีวิตเขาอาจจะละได้ ถ้าเขาระลึกถึงพุทธวจนะครับ

ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก ผัคคุณสูตร http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0

:b8:

รักษา...ท่องบ่น...อยู่เป็นนิจ...ดี...ครับ..และดีมากด้วย...

และ..จะดีมากขึ้น...หากรู้จักสังเกตกิเลสตน....ในดี..นี้แหละ

ฉันดี.....อันอื่นไม่ดี
แบบฉันรักษาศาสนาได้.....นอกนั้นรักษาศาสนาไม่ได้

ยิ่งนำความคิดนี้ไปปลูกแก่ผู้อื่นให้เชื่อในกิเลสตนอย่างนี้...กรรมหนักในดีนี้แหละอีกด้วย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2013, 07:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
โกเมศวร์ เขียน:
:b8: คุณกบ

เมื่อนึกเรื่องอะไรซ้ำๆบ่อยๆ พูดอะไรซ้ำๆบ่อยๆ จะทำให้เกิดความเคยชินที่จะนึกหรือพูดถึงเรื่องนั้นๆ
ในทางวิทยาศาสตร์อธิบายว่าเป็นจากจุดเชื่อมเซลล์ประสาทในสมองเกี่ยวกับเรื่องนั้นมั่นคงแข็งแรงเพราะทำเรื่องนั้นบ่อยๆ

เช่นเดียวกัน ผู้ที่นึกถึงพุทธวจนะบ่อยๆ กล่าวพุทธวจนะบ่อยๆ เมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิตก็มีโอกาสที่จะระลึกถึงพุทธวจนะ

ดังนั้น แม้ว่าในขณะปัจจุบันผู้กล่าวพุทธวจนะอยู่อาจจะยังละสังโยชน์เบื้องต่ำไม่ได้ แต่ในขณะสุดท้ายของชีวิตเขาอาจจะละได้ ถ้าเขาระลึกถึงพุทธวจนะครับ

ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก ผัคคุณสูตร http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0

:b8:

รักษา...ท่องบ่น...อยู่เป็นนิจ...ดี...ครับ..และดีมากด้วย...

และ..จะดีมากขึ้น...หากรู้จักสังเกตกิเลสตน....ในดี..นี้แหละ

ฉันดี.....อันอื่นไม่ดี
แบบฉันรักษาศาสนาได้.....นอกนั้นรักษาศาสนาไม่ได้

ยิ่งนำความคิดนี้ไปปลูกแก่ผู้อื่นให้เชื่อในกิเลสตนอย่างนี้...กรรมหนักในดีนี้แหละอีกด้วย
คิดไปเองป่าวว่าเขาต้องคิดอย่างนั้นกบ. เปิดใจหน่อยกบ. เดี๋ยวผัดเผ็ดเลย!อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2013, 09:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


จะดีมากเลย....ถ้าเป้นแค่ผมคิดไปเอง...

คิดว่าหลายท่านคงเคยได้เห้นผลผลิตแห่งความคิดนี้..แล้ว

มีเรื่องมากมาย..ที่เราอยากบอกเขา...แต่เขากลับคนที่ไม่ได้ยินเสียงอื่นเสียแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2013, 15:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
จะดีมากเลย....ถ้าเป้นแค่ผมคิดไปเอง...

คิดว่าหลายท่านคงเคยได้เห้นผลผลิตแห่งความคิดนี้..แล้ว

มีเรื่องมากมาย..ที่เราอยากบอกเขา...แต่เขากลับคนที่ไม่ได้ยินเสียงอื่นเสียแล้ว
มองในส่วนดีกบ. ทุกคนมีความคิดในแนวความเชื่องตนเองโดยเฉพาะถ้าตามพุทธวจนอย่างไรก็ไม่เสียหาย กบถ้าดื้อต้มยำนะ


แก้ไขล่าสุดโดย amazing เมื่อ 09 ต.ค. 2013, 20:00, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2013, 19:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ดี...นะ..เห็น..และไม่ดี..ก็เห็น...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 121 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร