ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ความจริง เป็นอย่างไร
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=46516
หน้า 4 จากทั้งหมด 8

เจ้าของ:  amazing [ 07 ต.ค. 2013, 05:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความจริง เป็นอย่างไร

โฮฮับ เขียน:
อเมชิ่งกับกรัชกาย ชำเรากระทู้พี่โฮซะเละตุ้มเปะ
ไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าจะคุยอะไรนอกเรื่องไปบ้าง
แต่กรุณาใช้หน้ากระทู้ให้มีคุณค่าหน่อย
นี่มันคุยที่ล่ะประโยคต่อหนึ่งความเห็น
ถามหน่อยเถอะคิดว่า เล่นไลน์กันอยู่หรือไง
เผลอแป็บเดียว กระทู้ขึ้นหน้า๓แล้ว
ทำแบบนี้ความเห็นคนอื่นเขาก็ไม่ปะติดปะต่อกันน่ะซิ
:b6:
พี่โฮมันก็เป็นความจริงที่ลึกซึ้งนะกายสังขารดับนี่

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 07 ต.ค. 2013, 05:51 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความจริง เป็นอย่างไร

amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
อเมชิ่งกับกรัชกาย ชำเรากระทู้พี่โฮซะเละตุ้มเปะ
ไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าจะคุยอะไรนอกเรื่องไปบ้าง
แต่กรุณาใช้หน้ากระทู้ให้มีคุณค่าหน่อย
นี่มันคุยที่ล่ะประโยคต่อหนึ่งความเห็น
ถามหน่อยเถอะคิดว่า เล่นไลน์กันอยู่หรือไง
เผลอแป็บเดียว กระทู้ขึ้นหน้า๓แล้ว
ทำแบบนี้ความเห็นคนอื่นเขาก็ไม่ปะติดปะต่อกันน่ะซิ
พี่โฮมันก็เป็นความจริงที่ลึกซึ้งนะกายสังขารดับนี่



นักอ่านๆๆแล้วก็ยึดติดถือมั่น คำว่า "ดับ" เป็นต้น ว่าดี เมื่อคิดดีถูกจิตถูกใจ ก็จึงไปทำนั่นทำนี่ เพื่อจะดับมัน... บลาๆๆ

amazing คุณนิยามคำว่า สังขาร ยังไง :b10:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 07 ต.ค. 2013, 07:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความจริง เป็นอย่างไร

กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
อเมชิ่งกับกรัชกาย ชำเรากระทู้พี่โฮซะเละตุ้มเปะ
ไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าจะคุยอะไรนอกเรื่องไปบ้าง
แต่กรุณาใช้หน้ากระทู้ให้มีคุณค่าหน่อย
นี่มันคุยที่ล่ะประโยคต่อหนึ่งความเห็น
ถามหน่อยเถอะคิดว่า เล่นไลน์กันอยู่หรือไง
เผลอแป็บเดียว กระทู้ขึ้นหน้า๓แล้ว
ทำแบบนี้ความเห็นคนอื่นเขาก็ไม่ปะติดปะต่อกันน่ะซิ
พี่โฮมันก็เป็นความจริงที่ลึกซึ้งนะกายสังขารดับนี่



นักอ่านๆๆแล้วก็ยึดติดถือมั่น คำว่า "ดับ" เป็นต้น ว่าดี เมื่อคิดดีถูกจิตถูกใจ ก็จึงไปทำนั่นทำนี่ เพื่อจะดับมัน... บลาๆๆ

amazing คุณนิยามคำว่า สังขาร ยังไง :b10:


amazing ตามที่คุณเข้าใจ คุณนิยามคำว่า สังขาร ยังไง สังขารเนี่ย :b10: :b14: :b36: :b37:

เจ้าของ:  amazing [ 07 ต.ค. 2013, 07:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความจริง เป็นอย่างไร

กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
อเมชิ่งกับกรัชกาย ชำเรากระทู้พี่โฮซะเละตุ้มเปะ
ไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าจะคุยอะไรนอกเรื่องไปบ้าง
แต่กรุณาใช้หน้ากระทู้ให้มีคุณค่าหน่อย
นี่มันคุยที่ล่ะประโยคต่อหนึ่งความเห็น
ถามหน่อยเถอะคิดว่า เล่นไลน์กันอยู่หรือไง
เผลอแป็บเดียว กระทู้ขึ้นหน้า๓แล้ว
ทำแบบนี้ความเห็นคนอื่นเขาก็ไม่ปะติดปะต่อกันน่ะซิ
พี่โฮมันก็เป็นความจริงที่ลึกซึ้งนะกายสังขารดับนี่



นักอ่านๆๆแล้วก็ยึดติดถือมั่น คำว่า "ดับ" เป็นต้น ว่าดี เมื่อคิดดีถูกจิตถูกใจ ก็จึงไปทำนั่นทำนี่ เพื่อจะดับมัน... บลาๆๆ

amazing คุณนิยามคำว่า สังขาร ยังไง :b10:

พี่เราพูดคุยเรื่องนิยามหรือคำพูดกันมามากอวดอ้างปัญญาหาคำพูดดูสวยหรูข้านี้เป็นผู้รู้ชัดเข้าใจธรรมมะมันไม่ผิดหรอกมันก็เข้าใจถูกอยู่แต่มันไม่ได้เข้าถึงธรรมโดยความเป็นจริง กายสังขารต่างพูดกันมากมันคนละเรื่องเลยจริงๆ กายสังขารรวมทั้งหมดที่เป็นอะไรอาการอะไรอายตนะอะไรดับไป่หมดเหลืออย่างเดียวคือจิต คนมาไม่ถึงตรงนี้อยากที่จะเข้าใจ ถึงจะพอพิจารณาได้ก็เพียงความไกลเคียงแต่รสชาติต่างกันฟ้ากับเหว

ท่านดูบทอธิฐานความเพียรเถอะมันขนาดนั้นเลยล่ะ

เจ้าของ:  amazing [ 07 ต.ค. 2013, 07:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความจริง เป็นอย่างไร

กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
อเมชิ่งกับกรัชกาย ชำเรากระทู้พี่โฮซะเละตุ้มเปะ
ไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าจะคุยอะไรนอกเรื่องไปบ้าง
แต่กรุณาใช้หน้ากระทู้ให้มีคุณค่าหน่อย
นี่มันคุยที่ล่ะประโยคต่อหนึ่งความเห็น
ถามหน่อยเถอะคิดว่า เล่นไลน์กันอยู่หรือไง
เผลอแป็บเดียว กระทู้ขึ้นหน้า๓แล้ว
ทำแบบนี้ความเห็นคนอื่นเขาก็ไม่ปะติดปะต่อกันน่ะซิ
พี่โฮมันก็เป็นความจริงที่ลึกซึ้งนะกายสังขารดับนี่



นักอ่านๆๆแล้วก็ยึดติดถือมั่น คำว่า "ดับ" เป็นต้น ว่าดี เมื่อคิดดีถูกจิตถูกใจ ก็จึงไปทำนั่นทำนี่ เพื่อจะดับมัน... บลาๆๆ

amazing คุณนิยามคำว่า สังขาร ยังไง :b10:


amazing ตามที่คุณเข้าใจ คุณนิยามคำว่า สังขาร ยังไง สังขารเนี่ย :b10: :b14: :b36: :b37:

สังขาร คือการปรุงแต่ง

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 07 ต.ค. 2013, 07:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความจริง เป็นอย่างไร

amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
อเมชิ่งกับกรัชกาย ชำเรากระทู้พี่โฮซะเละตุ้มเปะ
ไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าจะคุยอะไรนอกเรื่องไปบ้าง
แต่กรุณาใช้หน้ากระทู้ให้มีคุณค่าหน่อย
นี่มันคุยที่ล่ะประโยคต่อหนึ่งความเห็น
ถามหน่อยเถอะคิดว่า เล่นไลน์กันอยู่หรือไง
เผลอแป็บเดียว กระทู้ขึ้นหน้า๓แล้ว
ทำแบบนี้ความเห็นคนอื่นเขาก็ไม่ปะติดปะต่อกันน่ะซิ
พี่โฮมันก็เป็นความจริงที่ลึกซึ้งนะกายสังขารดับนี่



นักอ่านๆๆแล้วก็ยึดติดถือมั่น คำว่า "ดับ" เป็นต้น ว่าดี เมื่อคิดดีถูกจิตถูกใจ ก็จึงไปทำนั่นทำนี่ เพื่อจะดับมัน... บลาๆๆ

amazing คุณนิยามคำว่า สังขาร ยังไง :b10:


พี่เราพูดคุยเรื่องนิยามหรือคำพูดกันมามากอวดอ้างปัญญาหาคำพูดดูสวยหรูข้านี้เป็นผู้รู้ชัดเข้าใจธรรมมะมันไม่ผิดหรอกมันก็เข้าใจถูกอยู่แต่มันไม่ได้เข้าถึงธรรมโดยความเป็นจริง กายสังขารต่างพูดกันมากมันคนละเรื่องเลยจริงๆ กายสังขารรวมทั้งหมดที่เป็นอะไรอาการอะไรอายตนะอะไรดับไป่หมดเหลืออย่างเดียวคือจิต คนมาไม่ถึงตรงนี้อยากที่จะเข้าใจ ถึงจะพอพิจารณาได้ก็เพียงความไกลเคียงแต่รสชาติต่างกันฟ้ากับเหว

ท่านดูบทอธิฐานความเพียรเถอะมันขนาดนั้นเลยล่ะ



นั่นแหละอวิชชา ในเมื่อไม่รู้ต้นสายเปลายเหตุ หรือ ความหมายของเขา แล้วเราไปทำโดยคิดว่า นี่แหละนั่น เข้ารกเข้าพงไม่รู้ตัว

สำคัญมากๆ ความหมายของเขาเนี่ย ยกตัวอย่าง คำว่า "สังขาร" เขาหมายถึงยังงี้ แต่เราไม่รู้ความหมายภาษาของเขา เราก็คิดตีความเอาตามความเข้าใจของเรา ผลมันจึงเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละขอรับ :b32:

เจ้าของ:  amazing [ 07 ต.ค. 2013, 08:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความจริง เป็นอย่างไร

กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
อเมชิ่งกับกรัชกาย ชำเรากระทู้พี่โฮซะเละตุ้มเปะ
ไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าจะคุยอะไรนอกเรื่องไปบ้าง
แต่กรุณาใช้หน้ากระทู้ให้มีคุณค่าหน่อย
นี่มันคุยที่ล่ะประโยคต่อหนึ่งความเห็น
ถามหน่อยเถอะคิดว่า เล่นไลน์กันอยู่หรือไง
เผลอแป็บเดียว กระทู้ขึ้นหน้า๓แล้ว
ทำแบบนี้ความเห็นคนอื่นเขาก็ไม่ปะติดปะต่อกันน่ะซิ
พี่โฮมันก็เป็นความจริงที่ลึกซึ้งนะกายสังขารดับนี่



นักอ่านๆๆแล้วก็ยึดติดถือมั่น คำว่า "ดับ" เป็นต้น ว่าดี เมื่อคิดดีถูกจิตถูกใจ ก็จึงไปทำนั่นทำนี่ เพื่อจะดับมัน... บลาๆๆ

amazing คุณนิยามคำว่า สังขาร ยังไง :b10:


พี่เราพูดคุยเรื่องนิยามหรือคำพูดกันมามากอวดอ้างปัญญาหาคำพูดดูสวยหรูข้านี้เป็นผู้รู้ชัดเข้าใจธรรมมะมันไม่ผิดหรอกมันก็เข้าใจถูกอยู่แต่มันไม่ได้เข้าถึงธรรมโดยความเป็นจริง กายสังขารต่างพูดกันมากมันคนละเรื่องเลยจริงๆ กายสังขารรวมทั้งหมดที่เป็นอะไรอาการอะไรอายตนะอะไรดับไป่หมดเหลืออย่างเดียวคือจิต คนมาไม่ถึงตรงนี้อยากที่จะเข้าใจ ถึงจะพอพิจารณาได้ก็เพียงความไกลเคียงแต่รสชาติต่างกันฟ้ากับเหว

ท่านดูบทอธิฐานความเพียรเถอะมันขนาดนั้นเลยล่ะ



นั่นแหละอวิชชา ในเมื่อไม่รู้ต้นสายเปลายเหตุ หรือ ความหมายของเขา แล้วเราไปทำโดยคิดว่า นี่แหละนั่น เข้ารกเข้าพงไม่รู้ตัว

สำคัญมากๆ ความหมายของเขาเนี่ย ยกตัวอย่าง คำว่า "สังขาร" เขาหมายถึงยังงี้ แต่เราไม่รู้ความหมายภาษาของเขา เราก็คิดตีความเอาตามความเข้าใจของเรา ผลมันจึงเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละขอรับ :b32:
ท่านกรัชกายเคยดับกายสังขารได้หรือยังครับ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 07 ต.ค. 2013, 08:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความจริง เป็นอย่างไร

amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
อเมชิ่งกับกรัชกาย ชำเรากระทู้พี่โฮซะเละตุ้มเปะ
ไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าจะคุยอะไรนอกเรื่องไปบ้าง
แต่กรุณาใช้หน้ากระทู้ให้มีคุณค่าหน่อย
นี่มันคุยที่ล่ะประโยคต่อหนึ่งความเห็น
ถามหน่อยเถอะคิดว่า เล่นไลน์กันอยู่หรือไง
เผลอแป็บเดียว กระทู้ขึ้นหน้า๓แล้ว
ทำแบบนี้ความเห็นคนอื่นเขาก็ไม่ปะติดปะต่อกันน่ะซิ
พี่โฮมันก็เป็นความจริงที่ลึกซึ้งนะกายสังขารดับนี่



นักอ่านๆๆแล้วก็ยึดติดถือมั่น คำว่า "ดับ" เป็นต้น ว่าดี เมื่อคิดดีถูกจิตถูกใจ ก็จึงไปทำนั่นทำนี่ เพื่อจะดับมัน... บลาๆๆ

amazing คุณนิยามคำว่า สังขาร ยังไง :b10:


พี่เราพูดคุยเรื่องนิยามหรือคำพูดกันมามากอวดอ้างปัญญาหาคำพูดดูสวยหรูข้านี้เป็นผู้รู้ชัดเข้าใจธรรมมะมันไม่ผิดหรอกมันก็เข้าใจถูกอยู่แต่มันไม่ได้เข้าถึงธรรมโดยความเป็นจริง กายสังขารต่างพูดกันมากมันคนละเรื่องเลยจริงๆ กายสังขารรวมทั้งหมดที่เป็นอะไรอาการอะไรอายตนะอะไรดับไป่หมดเหลืออย่างเดียวคือจิต คนมาไม่ถึงตรงนี้อยากที่จะเข้าใจ ถึงจะพอพิจารณาได้ก็เพียงความไกลเคียงแต่รสชาติต่างกันฟ้ากับเหว

ท่านดูบทอธิฐานความเพียรเถอะมันขนาดนั้นเลยล่ะ



นั่นแหละอวิชชา ในเมื่อไม่รู้ต้นสายเปลายเหตุ หรือ ความหมายของเขา แล้วเราไปทำโดยคิดว่า นี่แหละนั่น เข้ารกเข้าพงไม่รู้ตัว

สำคัญมากๆ ความหมายของเขาเนี่ย ยกตัวอย่าง คำว่า "สังขาร" เขาหมายถึงยังงี้ แต่เราไม่รู้ความหมายภาษาของเขา เราก็คิดตีความเอาตามความเข้าใจของเรา ผลมันจึงเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละขอรับ :b32:


ท่านกรัชกายเคยดับกายสังขารได้หรือยังครับ


กรัชกายจะไม่ดับอะไร จุดอะไร โดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ

จึงได้ถามว่า amazing คิดว่า สังขารที่พูดถึงเนี่ย หมายถึงอะไร หนึ่งล่ะน่ะ คำว่า กาย ด้วย amazing เข้าใจว่าอะไร เอาชัดๆครับ บอกความหมายชัดๆสิครับ :b1: กาย+สังขาร

เจ้าของ:  amazing [ 07 ต.ค. 2013, 09:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความจริง เป็นอย่างไร

กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
อเมชิ่งกับกรัชกาย ชำเรากระทู้พี่โฮซะเละตุ้มเปะ
ไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าจะคุยอะไรนอกเรื่องไปบ้าง
แต่กรุณาใช้หน้ากระทู้ให้มีคุณค่าหน่อย
นี่มันคุยที่ล่ะประโยคต่อหนึ่งความเห็น
ถามหน่อยเถอะคิดว่า เล่นไลน์กันอยู่หรือไง
เผลอแป็บเดียว กระทู้ขึ้นหน้า๓แล้ว
ทำแบบนี้ความเห็นคนอื่นเขาก็ไม่ปะติดปะต่อกันน่ะซิ
พี่โฮมันก็เป็นความจริงที่ลึกซึ้งนะกายสังขารดับนี่



นักอ่านๆๆแล้วก็ยึดติดถือมั่น คำว่า "ดับ" เป็นต้น ว่าดี เมื่อคิดดีถูกจิตถูกใจ ก็จึงไปทำนั่นทำนี่ เพื่อจะดับมัน... บลาๆๆ

amazing คุณนิยามคำว่า สังขาร ยังไง :b10:


พี่เราพูดคุยเรื่องนิยามหรือคำพูดกันมามากอวดอ้างปัญญาหาคำพูดดูสวยหรูข้านี้เป็นผู้รู้ชัดเข้าใจธรรมมะมันไม่ผิดหรอกมันก็เข้าใจถูกอยู่แต่มันไม่ได้เข้าถึงธรรมโดยความเป็นจริง กายสังขารต่างพูดกันมากมันคนละเรื่องเลยจริงๆ กายสังขารรวมทั้งหมดที่เป็นอะไรอาการอะไรอายตนะอะไรดับไป่หมดเหลืออย่างเดียวคือจิต คนมาไม่ถึงตรงนี้อยากที่จะเข้าใจ ถึงจะพอพิจารณาได้ก็เพียงความไกลเคียงแต่รสชาติต่างกันฟ้ากับเหว

ท่านดูบทอธิฐานความเพียรเถอะมันขนาดนั้นเลยล่ะ



นั่นแหละอวิชชา ในเมื่อไม่รู้ต้นสายเปลายเหตุ หรือ ความหมายของเขา แล้วเราไปทำโดยคิดว่า นี่แหละนั่น เข้ารกเข้าพงไม่รู้ตัว

สำคัญมากๆ ความหมายของเขาเนี่ย ยกตัวอย่าง คำว่า "สังขาร" เขาหมายถึงยังงี้ แต่เราไม่รู้ความหมายภาษาของเขา เราก็คิดตีความเอาตามความเข้าใจของเรา ผลมันจึงเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละขอรับ :b32:


ท่านกรัชกายเคยดับกายสังขารได้หรือยังครับ


กรัชกายจะไม่ดับอะไร จุดอะไร โดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ

จึงได้ถามว่า amazing คิดว่า สังขารที่พูดถึงเนี่ย หมายถึงอะไร หนึ่งล่ะน่ะ คำว่า กาย ด้วย amazing เข้าใจว่าอะไร เอาชัดๆครับ บอกความหมายชัดๆสิครับ :b1: กาย+สังขาร

ถ้ากรัชกายจะมาหาคำสวยหรูวกวนอยู่อย่างนี้ต่อให้ท่าเจอคำที่สวยหรูถูกใจกรัชกายก็ยังไกลคำว่าดับกายสังขาร

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 07 ต.ค. 2013, 09:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความจริง เป็นอย่างไร

amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
อเมชิ่งกับกรัชกาย ชำเรากระทู้พี่โฮซะเละตุ้มเปะ
ไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าจะคุยอะไรนอกเรื่องไปบ้าง
แต่กรุณาใช้หน้ากระทู้ให้มีคุณค่าหน่อย
นี่มันคุยที่ล่ะประโยคต่อหนึ่งความเห็น
ถามหน่อยเถอะคิดว่า เล่นไลน์กันอยู่หรือไง
เผลอแป็บเดียว กระทู้ขึ้นหน้า๓แล้ว
ทำแบบนี้ความเห็นคนอื่นเขาก็ไม่ปะติดปะต่อกันน่ะซิ
พี่โฮมันก็เป็นความจริงที่ลึกซึ้งนะกายสังขารดับนี่



นักอ่านๆๆแล้วก็ยึดติดถือมั่น คำว่า "ดับ" เป็นต้น ว่าดี เมื่อคิดดีถูกจิตถูกใจ ก็จึงไปทำนั่นทำนี่ เพื่อจะดับมัน... บลาๆๆ

amazing คุณนิยามคำว่า สังขาร ยังไง :b10:


พี่เราพูดคุยเรื่องนิยามหรือคำพูดกันมามากอวดอ้างปัญญาหาคำพูดดูสวยหรูข้านี้เป็นผู้รู้ชัดเข้าใจธรรมมะมันไม่ผิดหรอกมันก็เข้าใจถูกอยู่แต่มันไม่ได้เข้าถึงธรรมโดยความเป็นจริง กายสังขารต่างพูดกันมากมันคนละเรื่องเลยจริงๆ กายสังขารรวมทั้งหมดที่เป็นอะไรอาการอะไรอายตนะอะไรดับไป่หมดเหลืออย่างเดียวคือจิต คนมาไม่ถึงตรงนี้อยากที่จะเข้าใจ ถึงจะพอพิจารณาได้ก็เพียงความไกลเคียงแต่รสชาติต่างกันฟ้ากับเหว

ท่านดูบทอธิฐานความเพียรเถอะมันขนาดนั้นเลยล่ะ



นั่นแหละอวิชชา ในเมื่อไม่รู้ต้นสายเปลายเหตุ หรือ ความหมายของเขา แล้วเราไปทำโดยคิดว่า นี่แหละนั่น เข้ารกเข้าพงไม่รู้ตัว

สำคัญมากๆ ความหมายของเขาเนี่ย ยกตัวอย่าง คำว่า "สังขาร" เขาหมายถึงยังงี้ แต่เราไม่รู้ความหมายภาษาของเขา เราก็คิดตีความเอาตามความเข้าใจของเรา ผลมันจึงเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละขอรับ :b32:


ท่านกรัชกายเคยดับกายสังขารได้หรือยังครับ


กรัชกายจะไม่ดับอะไร จุดอะไร โดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ

จึงได้ถามว่า amazing คิดว่า สังขารที่พูดถึงเนี่ย หมายถึงอะไร หนึ่งล่ะน่ะ คำว่า กาย ด้วย amazing เข้าใจว่าอะไร เอาชัดๆครับ บอกความหมายชัดๆสิครับ :b1: กาย+สังขาร



ถ้ากรัชกายจะมาหาคำสวยหรูวกวนอยู่อย่างนี้ต่อให้ท่าเจอคำที่สวยหรูถูกใจกรัชกายก็ยังไกลคำว่าดับกายสังขาร



ชัดเจนแจ่มแจ๋วเลย amazing ไม่เข้าใจสิ่งที่ตนพูดตนทำเลยสักนิดเดียว ทำไปด้วยอำนาจ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน :b1:

เจ้าของ:  amazing [ 07 ต.ค. 2013, 09:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความจริง เป็นอย่างไร

กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
โฮฮับ เขียน:
อเมชิ่งกับกรัชกาย ชำเรากระทู้พี่โฮซะเละตุ้มเปะ
ไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าจะคุยอะไรนอกเรื่องไปบ้าง
แต่กรุณาใช้หน้ากระทู้ให้มีคุณค่าหน่อย
นี่มันคุยที่ล่ะประโยคต่อหนึ่งความเห็น
ถามหน่อยเถอะคิดว่า เล่นไลน์กันอยู่หรือไง
เผลอแป็บเดียว กระทู้ขึ้นหน้า๓แล้ว
ทำแบบนี้ความเห็นคนอื่นเขาก็ไม่ปะติดปะต่อกันน่ะซิ
พี่โฮมันก็เป็นความจริงที่ลึกซึ้งนะกายสังขารดับนี่



นักอ่านๆๆแล้วก็ยึดติดถือมั่น คำว่า "ดับ" เป็นต้น ว่าดี เมื่อคิดดีถูกจิตถูกใจ ก็จึงไปทำนั่นทำนี่ เพื่อจะดับมัน... บลาๆๆ

amazing คุณนิยามคำว่า สังขาร ยังไง :b10:


พี่เราพูดคุยเรื่องนิยามหรือคำพูดกันมามากอวดอ้างปัญญาหาคำพูดดูสวยหรูข้านี้เป็นผู้รู้ชัดเข้าใจธรรมมะมันไม่ผิดหรอกมันก็เข้าใจถูกอยู่แต่มันไม่ได้เข้าถึงธรรมโดยความเป็นจริง กายสังขารต่างพูดกันมากมันคนละเรื่องเลยจริงๆ กายสังขารรวมทั้งหมดที่เป็นอะไรอาการอะไรอายตนะอะไรดับไป่หมดเหลืออย่างเดียวคือจิต คนมาไม่ถึงตรงนี้อยากที่จะเข้าใจ ถึงจะพอพิจารณาได้ก็เพียงความไกลเคียงแต่รสชาติต่างกันฟ้ากับเหว

ท่านดูบทอธิฐานความเพียรเถอะมันขนาดนั้นเลยล่ะ



นั่นแหละอวิชชา ในเมื่อไม่รู้ต้นสายเปลายเหตุ หรือ ความหมายของเขา แล้วเราไปทำโดยคิดว่า นี่แหละนั่น เข้ารกเข้าพงไม่รู้ตัว

สำคัญมากๆ ความหมายของเขาเนี่ย ยกตัวอย่าง คำว่า "สังขาร" เขาหมายถึงยังงี้ แต่เราไม่รู้ความหมายภาษาของเขา เราก็คิดตีความเอาตามความเข้าใจของเรา ผลมันจึงเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละขอรับ :b32:


ท่านกรัชกายเคยดับกายสังขารได้หรือยังครับ


กรัชกายจะไม่ดับอะไร จุดอะไร โดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ

จึงได้ถามว่า amazing คิดว่า สังขารที่พูดถึงเนี่ย หมายถึงอะไร หนึ่งล่ะน่ะ คำว่า กาย ด้วย amazing เข้าใจว่าอะไร เอาชัดๆครับ บอกความหมายชัดๆสิครับ :b1: กาย+สังขาร



ถ้ากรัชกายจะมาหาคำสวยหรูวกวนอยู่อย่างนี้ต่อให้ท่าเจอคำที่สวยหรูถูกใจกรัชกายก็ยังไกลคำว่าดับกายสังขาร



ชัดเจนแจ่มแจ๋วเลย amazing ไม่เข้าใจสิ่งที่ตนพูดตนทำเลยสักนิดเดียว ทำไปด้วยอำนาจ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน :b1:

เอาเถอะกรัชกายพระสูตรก็ชัดอยู่แล้วว่าการดับกายสังขารนั้นต้องระดับฌานสี่ ลงมือซักผ้าเถอะไม่ต้องถามว่าผงซักฟอกทำจากอะไรหรอก

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 07 ต.ค. 2013, 09:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความจริง เป็นอย่างไร

พอเข้าใจแล้ว ว่าทำไมท่านเน้นสอนธรรมระดับพื้นๆแก่คฤหัสถ์นุ่งห่มขาว ทั้งที่เกิดร่วมสมัย ดูบทความต่อไปนี้ แล้วจะเข้าใจ...ยุคปัจจุบัน บลาๆ :b1:




ครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลาย ตามปกติจะไม่ได้สอนข้อธรรมลึกๆ แก่คฤหัสถ์ทั่วไป เหมือนอย่างที่สอนแก่พระสงฆ์ที่มุ่งมาศึกษาโดยตรง แต่ในหมู่มหาชนนอกภิกขุสังฆะนั้น ก็มีบางคนบางส่วนที่สนใจและก้าวไปมากในการศึกษาอย่่างเ็ป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มที่จะแสวงหา

ดังที่บางท่าน อย่างจิตรคฤหบดีผู้เป็นอนาคามี ก็มีภูมิธรรมสูง ได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะด้านอุบาสกธรรมกถึก สามารถอธิบายช่วยแก้ความติดขัดในธรรมแก่ภิกษุทั้งหลายแม้แต่ที่เป็นเถระได้ (องฺ.เอก.20/151....) หรืออย่างอุบาสิกาขุชชุตรา พระพุทธเจ้าก็ทรงยกย่องเป็นเอตทัคคะด้านพหูสูต (องฺ.เอก.20/152)

แต่เมื่อพูดกว้างๆ ทั่วๆไป ในสังคมคฤหัสถ์โดยรวม ธรรมที่สอนตามปกติก็อย่างทิศ ๖ อันแสดงธรรมหรือหน้าที่ที่ที่พึงปฏิบัติต่อกัน ระหว่าง มารดาบิดา - บุตรธิดา อาจารย์ - ศิษย์ สามี - ภรรยา มิตร - มิตร นายงาน - คนงาน สมณพราหมณ์ - กุลบุตร พระสงฆ์ -ชาวบ้าน ในสิงคาลสูตรนี้ ตลอดทั้งหมด ไม่กล่าวถึงหลักธรรม สำคัญอย่าง อริยสัจ ปฏิจจสมุปบาท ฌาน นิพพาน ใดๆ

หลักฐานยืนยันที่ชัดเจนมาก ไม่ต้องหาที่ไหนไกล ขนาดอนาถบิณฑิกเศรษฐีที่ใกล้ชิดพระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์ ได้อุปถัมภ์พระศาสนา กล่าวไ้ด้ว่ามากที่สุด และเป็นโสดาบัน กว่าจะได้ฟังธรรมหลักใหญ่ ก็ตอนเจ็บหนักนอนอยู่บนเตียงจวนจะสิ้นชีพ


เรื่องมีว่า คราวนั้น พระสารีบุตร พร้อมด้วยพระอานนท์ที่ติดตาม ได้ไปเยี่ยมอนาถบิณฑิกเศรษฐี และได้ให้โอวาทแก่ท่านเศรษฐี โดยมีสาระสำคัญว่าไม่ควรเอาอุปาทานไปยึดติดถือมั่นต่อสิ่งทั้งหลาย ดังคำสรุปท้ายโอวาทว่า

ดูกรคฤหบดี เพราะฉะนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า อารมณ์ใดก็ตาม ที่เราได้เห็น ได้ยิน ได้ทราบ ได้แจ้งแก่ใจ ได้แสวงหา ได้คุ้นใจ เราจักไม่ยึดติดถือมั่นอารมณ์นั้น และวิญญาณที่อาศัยอารมณ์นั้น จักไม่มีแก่เรา ดูกรคฤหบดี ท่านพึงศึกษาอย่างนี้เถิด


อนาถบิณฑิกเศรษฐี ฟังโอวาทจบแล้ว ถึงกับร้องไห้ และได้กล่าวว่า

...กระผมได้เข้ามาใกล้ชิดองค์พระศาสดา และพระภิกษุทั้งหลาย ผู้เป็นที่เจริญใจมาเป็นเวลายาวนาน แต่กระนั้นก็ไม่เคยได้สดับธรรมีกถาอย่างนี้เลย

พระอานนท์ ตอบชี้แจงว่า

ดูกรคฤบดี ธรรมีกถาอย่างนี้ ไม่แสดงแก่คนนุ่งขาวชาวคฤหัสถ์ จะแสดงแต่แก่บรรพชิต

อนาถบิณฑิกเศรษฐี รู้อย่างนั้นแล้ว ได้กล่าวขอร้องว่า

ข้าแต่พระสารีบุตรผู้เจริญ ถ้าอย่างนั้น ขอธรรมีกถาอย่างนี้ จงแสดงแก่คนนุ่งขาวชาวคฤหัสถ์บ้างเถิด เพราะว่า กุลบุตรจำพวกมีกิเลสธุลีในดวงตาน้อยที่มีอยู่ แต่เพราะมิได้สดับธรรม ก็จะเสื่อมไป คนที่จะรู้เข้าใจธรรม จักมี

(ม.อุ.14/720-740)

เจ้าของ:  amazing [ 07 ต.ค. 2013, 09:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความจริง เป็นอย่างไร

กรัชกาย เขียน:
พอเข้าใจแล้ว ว่าทำไมท่านเน้นสอนธรรมระดับพื้นๆแก่คฤหัสถ์นุ่งห่มขาว ทั้งที่เกิดร่วมสมัย ดูบทความต่อไปนี้ แล้วจะเข้าใจ...ยุคปัจจุบัน บลาๆ :b1:




ครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลาย ตามปกติจะไม่ได้สอนข้อธรรมลึกๆ แก่คฤหัสถ์ทั่วไป เหมือนอย่างที่สอนแก่พระสงฆ์ที่มุ่งมาศึกษาโดยตรง แต่ในหมู่มหาชนนอกภิกขุสังฆะนั้น ก็มีบางคนบางส่วนที่สนใจและก้าวไปมากในการศึกษาอย่่างเ็ป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มที่จะแสวงหา

ดังที่บางท่าน อย่างจิตรคฤหบดีผู้เป็นอนาคามี ก็มีภูมิธรรมสูง ได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะด้านอุบาสกธรรมกถึก สามารถอธิบายช่วยแก้ความติดขัดในธรรมแก่ภิกษุทั้งหลายแม้แต่ที่เป็นเถระได้ (องฺ.เอก.20/151....) หรืออย่างอุบาสิกาขุชชุตรา พระพุทธเจ้าก็ทรงยกย่องเป็นเอตทัคคะด้านพหูสูต (องฺ.เอก.20/152)

แต่เมื่อพูดกว้างๆ ทั่วๆไป ในสังคมคฤหัสถ์โดยรวม ธรรมที่สอนตามปกติก็อย่างทิศ ๖ อันแสดงธรรมหรือหน้าที่ที่ที่พึงปฏิบัติต่อกัน ระหว่าง มารดาบิดา - บุตรธิดา อาจารย์ - ศิษย์ สามี - ภรรยา มิตร - มิตร นายงาน - คนงาน สมณพราหมณ์ - กุลบุตร พระสงฆ์ -ชาวบ้าน ในสิงคาลสูตรนี้ ตลอดทั้งหมด ไม่กล่าวถึงหลักธรรม สำคัญอย่าง อริยสัจ ปฏิจจสมุปบาท ฌาน นิพพาน ใดๆ

หลักฐานยืนยันที่ชัดเจนมาก ไม่ต้องหาที่ไหนไกล ขนาดอนาถบิณฑิกเศรษฐีที่ใกล้ชิดพระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์ ได้อุปถัมภ์พระศาสนา กล่าวไ้ด้ว่ามากที่สุด และเป็นโสดาบัน กว่าจะได้ฟังธรรมหลักใหญ่ ก็ตอนเจ็บหนักนอนอยู่บนเตียงจวนจะสิ้นชีพ


เรื่องมีว่า คราวนั้น พระสารีบุตร พร้อมด้วยพระอานนท์ที่ติดตาม ได้ไปเยี่ยมอนาถบิณฑิกเศรษฐี และได้ให้โอวาทแก่ท่านเศรษฐี โดยมีสาระสำคัญว่าไม่ควรเอาอุปาทานไปยึดติดถือมั่นต่อสิ่งทั้งหลาย ดังคำสรุปท้ายโอวาทว่า

ดูกรคฤหบดี เพราะฉะนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า อารมณ์ใดก็ตาม ที่เราได้เห็น ได้ยิน ได้ทราบ ได้แจ้งแก่ใจ ได้แสวงหา ได้คุ้นใจ เราจักไม่ยึดติดถือมั่นอารมณ์นั้น และวิญญาณที่อาศัยอารมณ์นั้น จักไม่มีแก่เรา ดูกรคฤหบดี ท่านพึงศึกษาอย่างนี้เถิด


อนาถบิณฑิกเศรษฐี ฟังโอวาทจบแล้ว ถึงกับร้องไห้ และได้กล่าวว่า

...กระผมได้เข้ามาใกล้ชิดองค์พระศาสดา และพระภิกษุทั้งหลาย ผู้เป็นที่เจริญใจมาเป็นเวลายาวนาน แต่กระนั้นก็ไม่เคยได้สดับธรรมีกถาอย่างนี้เลย

พระอานนท์ ตอบชี้แจงว่า

ดูกรคฤบดี ธรรมีกถาอย่างนี้ ไม่แสดงแก่คนนุ่งขาวชาวคฤหัสถ์ จะแสดงแต่แก่บรรพชิต

อนาถบิณฑิกเศรษฐี รู้อย่างนั้นแล้ว ได้กล่าวขอร้องว่า

ข้าแต่พระสารีบุตรผู้เจริญ ถ้าอย่างนั้น ขอธรรมีกถาอย่างนี้ จงแสดงแก่คนนุ่งขาวชาวคฤหัสถ์บ้างเถิด เพราะว่า กุลบุตรจำพวกมีกิเลสธุลีในดวงตาน้อยที่มีอยู่ แต่เพราะมิได้สดับธรรม ก็จะเสื่อมไป คนที่จะรู้เข้าใจธรรม จักมี

(ม.อุ.14/720-740)
เอาเถอะท่านจะเป็นพระใบลานเปล่าก็เอาอยู่ช่วยพระศาสดาอีกสัก7พระงค์ก็ตาามใจ ผมแคธรรมสักสองสามบทก็เพียงพอแล้ว

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 07 ต.ค. 2013, 09:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความจริง เป็นอย่างไร

amazing เขียน:


เอาเถอะกรัชกายพระสูตรก็ชัดอยู่แล้วว่าการดับกายสังขารนั้นต้องระดับฌานสี่ ลงมือซักผ้าเถอะไม่ต้องถามว่าผงซักฟอกทำจากอะไรหรอก



ไมู่อ่านฉลากข้างกล่องข้างขวดให้เข้าใจ จึงได้หยิบน้ำกรดไปซักผ้า พอเอามือขยี้ๆ น้ำกรดกัดมือจนมือเน่าเฟะ เอามือขยี้ตา น้ำกรดกัดตาจนบอด คิกๆๆ นี่ๆผลของการอ่านหนังสือไม่ออก

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 07 ต.ค. 2013, 09:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ความจริง เป็นอย่างไร

amazing เขียน:
.

เอาเถอะท่าน จะเป็นพระใบลานเปล่าก็เอา อยู่ช่วยพระศาสดาอีกสัก7พระงค์ก็ตาามใจ ผมแคธรรมสักสองสามบทก็เพียงพอแล้ว


amazing จะไปไหนครับน่ะ :b10:

แล้วที่บทสองบท อะไรบ้าง น่าจะบอกเขาด้วย อาจมีคนตามไป อย่างน้อยก็พี่โฮของโผมหนึง่คนล่ะ :b1:

หน้า 4 จากทั้งหมด 8 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/