-ขอบคุณค่ะคุณลุง

เป็นคำถามที่ดีมากครับ ขอตอบดังนี้
สมุฏฐานทั้ง ๔ มี กรรม จิต อุตุ อาหาร

๑. กรรม หมายถึงการกระทำที่เกี่ยวกับ กาย วาจา ใจ เป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง ที่ได้ทำมาแล้ว
ในภพนี้หรือภพก่อนๆ ได้แก่ กรรม ๒๕ คือ เจตนาที่อยู่ใน
อกุศลจิต ๑๒ มหากุศลจิต ๘ รูปาวจรกุศลจิต ๕
เมื่อรวมแล้วได้ ๒๕ นี้ ทำให้กัมมชรูปเกิดขึ้นในสันดานของสัตว์ทั้งหลาย
ทุกๆขณะของจิต นับตั้งแต่ปฏิสนธิเป็นต้นมาจนถึงสัตว์นั้นตายลง

๒. จิต ได้แก่ จิต ๗๕ (เว้นทวิปัญจวิญญาณจิต ๑๐ อรูปวิบาก ๔ ปฏิสนธิจิตของสัตว์ทั้งหลาย
และจุติจิตของพระอรหันต์) เจตสิก ๕๒ ที่ในปัจจุบันภพ ทำให้จิตตชรูปเกิดขึ้นในสันดานของสัตว์ทั้งหลาย
ทุกๆ อุปาทักขณะของจิต นับตั้งแต่ปฐมภวังค์ ที่ต่อจากปฏิสนธิจิตเป็นต้นมา

๓. อุตุ ได้แก่ ความเย็น ความร้อน ที่อยู่ภายในสัตว์และภายนอกสัตว์ ทำให้อุตุชรูปเกิดขึ้น
สำหรับภายในสัตว์ให้เกิดขึ้นทุกๆ ขณะของจิต นับตั้งแต่ฐีติขณะ ของปฏิสนธิจิตเป็นต้นมา
ส่วนความเย็นความร้อนที่อยู่ภายนอกตัวสัตว์นั้น เวลาใดปรากฏขึ้นเรียบร้อยแล้ว
เวลานั้นทำให้อุตุชรูปเกิดขึ้นได้เรื่อยๆ ไปไม่ขาดสาย

๔. อาหาร ได้แก่ โอชาที่อยู่ในอาหารต่างๆ ทำให้อาหารชรูปเกิดขึ้นในสันดานของสัตว์ทั้งหลายทุกๆ ขณะของจิต นับตั้งแต่โอชาของอาหารนั้นแผ่เข้าไปในร่างกายสัตว์นั้นๆ เรียบร้อยแล้ว แต่จะเริ่มเกิดขึ้นเวลาใดไม่แน่นอน คือในราวสัปดาห์ที่ ๒-๓ เป็นต้นไป

สวัสดีครับ คุณลุงหมาน


ขอบคุณมากครับ ผมไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับสมุฏฐาน ขอเวลาอ่านก่อนนะครับ


บทธรรมของ คุณลุงหมาน ต้องใช้เวลาในการอ่าน และ การทำความเข้าใจ

มากพอสมควรทีเดียว

สวัสดีครับ คุณลุงหมาน


ผมได้อ่าน และ ทำความเข้าใจแล้ว เป็นคำตอบที่ชัดเจน และ ครบถ้วนมาก
ผมขออนุโมทนาครับ


ขออนุญาตสนทนาต่อนะครับ



คุณลุงหมาน กล่าวว่า

สมุฏฐานทั้ง ๔ มี กรรม จิต อุตุ อาหาร

กรรม หมายถึงการกระทำที่เกี่ยวกับ กาย วาจา ใจ เป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง ที่ได้ทำ
มาแล้ว ในภพนี้หรือภพก่อนๆ ได้แก่ กรรม ๒๕ คือ เจตนาที่อยู่ใน อกุศลจิต ๑๒
มหากุศลจิต ๘ รูปาวจรกุศลจิต ๕ เมื่อรวมแล้วได้ ๒๕ นี้ ทำให้กัมมชรูปเกิดขึ้น
ในสันดานของสัตว์ทั้งหลาย ทุกๆขณะของจิต นับตั้งแต่ปฏิสนธิเป็นต้นมาจนถึงสัตว์
นั้นตายลง......



ผมขอสนทนาทีละประเด็นนะครับ

กรรม หมายถึงการกระทำที่เกี่ยวกับ กาย วาจา ใจ เป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง
ที่ได้ทำมาแล้ว ในภพนี้หรือภพก่อน


ผมเข้าใจว่า น่าจะมีความหมายรวมถึง ธรรมสามประการนี้ด้วย คือ

กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต อันเป็น กุศลธรรม ประเภทหนึ่ง

กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต อันเป็น อกุศลธรรม ประเภทหนึ่ง


ผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ครับ

เข้าใจถูกแล้วครับ

ขอแถมอีกนิด การกระทำทาง กาย วจี มโน เป็นเหตุให้เกิดได้ทั้งกุศล และอกุศล
และทำให้ได้รับผลของกรรมนั้นที่เป็น ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร และอเนญชาภิสังขาร