ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

การที่จะบาปคือการมีเจตนาไม่ดีต่อสิ่งนั้น แล้วถ้าคนบ้าล่ะครับ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=46168
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  PaiKung26 [ 21 ส.ค. 2013, 20:18 ]
หัวข้อกระทู้:  การที่จะบาปคือการมีเจตนาไม่ดีต่อสิ่งนั้น แล้วถ้าคนบ้าล่ะครับ

คือที่ผมศึกษามาคือจะบาปได้มันต้องมีเจตนา มีสติ มีการกระทำ และสำเร็จด้วย

คือทีนี้มีปัญหานึงน่าสงสัยครับ ตัวอย่าง
นาย ก. เป็นคนบ้าเดินไปเดินมาแล้วเห็นพระพุทธรูป แต่ด้วยความบ้าก็เดินข้ามพระพุทธรูปนั้นเพื่อไปหยิบพวงมาลัยด้านหลังด้วยการที่ไม่คิดอะไรไม่มีเจตนาปรามาส.......

ประมาณนี้ครับ อยากทราบว่า นาย ก. บาปไหมครับ ตกนรกไหม s004

ขอบคุณทุกท่านครับ

เจ้าของ:  หญิงไทย [ 21 ส.ค. 2013, 20:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การที่จะบาปคือการมีเจตนาไม่ดีต่อสิ่งนั้น แล้วถ้าคนบ้าล่ะ

PaiKung26 เขียน:
คือที่ผมศึกษามาคือจะบาปได้มันต้องมีเจตนา มีสติ มีการกระทำ และสำเร็จด้วย

คือทีนี้มีปัญหานึงน่าสงสัยครับ ตัวอย่าง
นาย ก. เป็นคนบ้าเดินไปเดินมาแล้วเห็นพระพุทธรูป แต่ด้วยความบ้าก็เดินข้ามพระพุทธรูปนั้นเพื่อไปหยิบพวงมาลัยด้านหลังด้วยการที่ไม่คิดอะไรไม่มีเจตนาปรามาท.......

ประมาณนี้ครับ อยากทราบว่า นาย ก. บาปไหมครับ ตกนรกไหม s004

ขอบคุณทุกท่านครับ


น้องไผ่คิดว่า คนนอนละเมอแล้วหยิบมีดไปฟันคอคนอื่นให้ถึงแก่ความตาย
เป็นบาปมั้ยคะ คนละเมอก็เหมือกับคนบ้านั่นแหละค่ะ คืออยู่ในภวังค์ เวลา
ทำอะไรเขาก็ไม่มีเจตนาเช่นกัน จิตภวังค์มันพาไป ไม่ว่าคนบ้าหรือคนนอน
ละเมอข้ามพระพุทธรูปหรือฆ่าคน ผลออกมาย่อมเหมือนกัน ส่วนจะบาปมาก
น้อย ก็ต้องดูที่เจตนาดูที่วาระ

พี่หญิงจะยกตัวอย่างนะคะ

สมมติว่า คนกินข้าว 1 จาน กับคนกินข้าว 2 จาน ใครจะอิ่มกว่ากัน ดูไม่ยาก
ใช่มั้ยคะ พี่หญิงคิดว่าทุกคนคงตอบว่า คนที่กินข้าว 2 จานจะต้องอิ่มกว่าใช่
มั้ยล่ะคะ แต่ถ้าเผอิญว่า ข้าวใน 1 จานนั้นมีปริมาณเท่ากัน 2 จานของอีกคน
ที่ทานไป เขาก็จะต้องอิ่มเท่ากันจริงมั้ยคะ แล้วถ้าแยกย่อยให้ละเอียดเข้าไป
อีก เราก็จะมาพิจารณาว่า ท้องแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเป็นคนทานเยอะ
ต้องทานมากๆถึงจะอิ่ม แต่บางคนกระเพาะเล็กทานนิดหน่อยก็อิ่มแล้ว เพราะ
ฉนั้นจะเอาปริมาณข้าวมาพิจารณาอย่างเดียวไม่ได้ นี่แหล่ะค่ะคือการรับผล
กรรมต่างกรรมต่างวาระ ใครทำกรรมไว้มากก็รับกรรมมาก ใครทำกรรมน้อยก็
รับกรรมน้อย ส่วนคนที่ทำกรรมน้อยหากเป็นกรรมหนักก็รับกรรมมาก เปรียบ
เหมือนคนที่กระเพาะเล็ก หรือ คนที่ทำกรรมมากแต่หากเป็นกรรมกระจุกกระจิก
ก็อาจรับกรรมน้อยหรือมากแล้วแต่วาระอีก พอเข้าใจมั้ยคะเรื่องวาระของกรรม
การรับผลกรรม

ส่วนที่น้องไผ่ถามเรื่องคนบ้าก่อกรรมมันก็ไม่ต่างกับคนนอนละเมอก่อกรรม
คำตอบก็เหมอือนที่พี่หญิงยกตัวอย่างไป เหมือนคนกินข้าวที่ลิ้นไม่รู้รสชาด
เมื่อไม่รู้รสชาดที่จริงก็ไม่อยากกินอยากกิน แต่ที่ต้องกินก็เพราะหิว มันเป็น
ไปตามจิต จิตมันบังคับให้ต้องกิน เพราะจิตเรามันฟ้องว่าหิว เมื่อเรากินข้าว
เราอิ่ม เรากินสำเร็จแล้ว จิตเรากระทำกิจของมันสมบูรณ์แล้ว

น้องไผ่พอเข้าใจหรือยังคะว่าคนบ้าทำบาปหรือไม่

เจ้าของ:  PaiKung26 [ 21 ส.ค. 2013, 20:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การที่จะบาปคือการมีเจตนาไม่ดีต่อสิ่งนั้น แล้วถ้าคนบ้าล่ะ

หญิงไทย เขียน:
PaiKung26 เขียน:
คือที่ผมศึกษามาคือจะบาปได้มันต้องมีเจตนา มีสติ มีการกระทำ และสำเร็จด้วย

คือทีนี้มีปัญหานึงน่าสงสัยครับ ตัวอย่าง
นาย ก. เป็นคนบ้าเดินไปเดินมาแล้วเห็นพระพุทธรูป แต่ด้วยความบ้าก็เดินข้ามพระพุทธรูปนั้นเพื่อไปหยิบพวงมาลัยด้านหลังด้วยการที่ไม่คิดอะไรไม่มีเจตนาปรามาท.......

ประมาณนี้ครับ อยากทราบว่า นาย ก. บาปไหมครับ ตกนรกไหม s004

ขอบคุณทุกท่านครับ


น้องไผ่คิดว่า คนนอนละเมอแล้วหยิบมีดไปฟันคอคนอื่นให้ถึงแก่ความตาย
เป็นบาปมั้ยคะ คนละเมอก็เหมือกับคนบ้านั่นแหละค่ะ คืออยู่ในภวังค์ เวลา
ทำอะไรเขาก็ไม่มีเจตนาเช่นกัน จิตภวังค์มันพาไป ไม่ว่าคนบ้าหรือคนนอน
ละเมอข้ามพระพุทธรูปหรือฆ่าคน ผลออกมาย่อมเหมือนกัน ส่วนจะบาปมาก
น้อย ก็ต้องดูที่เจตนาดูที่วาระ

พี่หญิงจะยกตัวอย่างนะคะ

สมมติว่า คนกินข้าว 1 จาน กับคนกินข้าว 2 จาน ใครจะอิ่มกว่ากัน ดูไม่ยาก
ใช่มั้ยคะ พี่หญิงคิดว่าทุกคนคงตอบว่า คนที่กินข้าว 2 จานจะต้องอิ่มกว่าใช่
มั้ยล่ะคะ แต่ถ้าเผอิญว่า ข้าวใน 1 จานนั้นมีปริมาณเท่ากัน 2 จานของอีกคน
ที่ทานไป เขาก็จะต้องอิ่มเท่ากันจริงมั้ยคะ แล้วถ้าแยกย่อยให้ละเอียดเข้าไป
อีก เราก็จะมาพิจารณาว่า ท้องแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเป็นคนทานเยอะ
ต้องทานมากๆถึงจะอิ่ม แต่บางคนกระเพาะเล็กทานนิดหน่อยก็อิ่มแล้ว เพราะ
ฉนั้นจะเอาปริมาณข้าวมาพิจารณาอย่างเดียวไม่ได้ นี่แหล่ะค่ะคือการรับผล
กรรมต่างกรรมต่างวาระ ใครทำกรรมไว้มากก็รับกรรมมาก ใครทำกรรมน้อยก็
รับกรรมน้อย ส่วนคนที่ทำกรรมน้อยหากเป็นกรรมหนักก็รับกรรมมาก เปรียบ
เหมือนคนที่กระเพาะเล็ก หรือ คนที่ทำกรรมมากแต่หากเป็นกรรมกระจุกกระจิก
ก็อาจรับกรรมน้อยหรือมากแล้วแต่วาระอีก พอเข้าใจมั้ยคะเรื่องวาระของกรรม
การรับผลกรรม

ส่วนที่น้องไผ่ถามเรื่องคนบ้าก่อกรรมมันก็ไม่ต่างกับคนนอนละเมอก่อกรรม
คำตอบก็เหมอือนที่พี่หญิงยกตัวอย่างไป เหมือนคนกินข้าวที่ลิ้นไม่รู้รสชาด
เมื่อไม่รู้รสชาดที่จริงก็ไม่อยากกินอยากกิน แต่ที่ต้องกินก็เพราะหิว มันเป็น
ไปตามจิต จิตมันบังคับให้ต้องกิน เพราะจิตเรามันฟ้องว่าหิว เมื่อเรากินข้าว
เราอิ่ม เรากินสำเร็จแล้ว จิตเรากระทำกิจของมันสมบูรณ์แล้ว

น้องไผ่พอเข้าใจหรือยังคะว่าคนบ้าทำบาปหรือไม่


ตามความคิดของผมนะครับ คนบ้าไม่ได้มีเจตนาที่จะปรามาสพระและมีกิเลสโกรธเกลียดพระพุทธรูปนั้นเลย ถ้าการที่เขาข้ามพระพุทธรูปโดยเจตนา (เจตนาเดินข้ามนะ) แต่ก็ไม่เจตนาทำเพื่อปรามาส จึงไม่บาปนะครับตามความคิดผมนะครับ

แต่ที่พี่หญิงพูดคือกรณีเขาไปทำความเดือดร้อนให้คนตายนั้นมันก็ต้องมีผลตามมานั่นคือเขาต้องถูกศาลวินิจฉัยถ้าบ้าจริงต้องถูกส่งไปบำบัด และตามหลักกฎหมายเขาได้รับการยกเว้นโทษครับ เมื่อเขาหายก็ออกมาสู่สังคมได้ แต่คนติดคุกเมื่อสำนึกผิดก็ยังออกไม่ได้เพราะยังไม่ถึงเวลา tongue

เจ้าของ:  student [ 22 ส.ค. 2013, 00:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การที่จะบาปคือการมีเจตนาไม่ดีต่อสิ่งนั้น แล้วถ้าคนบ้าล่ะ

PaiKung26 เขียน:
คือที่ผมศึกษามาคือจะบาปได้มันต้องมีเจตนา มีสติ มีการกระทำ และสำเร็จด้วย

คือทีนี้มีปัญหานึงน่าสงสัยครับ ตัวอย่าง
นาย ก. เป็นคนบ้าเดินไปเดินมาแล้วเห็นพระพุทธรูป แต่ด้วยความบ้าก็เดินข้ามพระพุทธรูปนั้นเพื่อไปหยิบพวงมาลัยด้านหลังด้วยการที่ไม่คิดอะไรไม่มีเจตนาปรามาส.......

ประมาณนี้ครับ อยากทราบว่า นาย ก. บาปไหมครับ ตกนรกไหม s004

ขอบคุณทุกท่านครับ


คิดว่าไม่บาปในส่วนที่คิดครับ คือไม่ได้คิดปรามาส และไม่ได้มีจิตอกุศล ไม่เป็นเหตุ ตนเองไม่เดือดเนื้อใจ คนอื่นไม่เดือดเนื้อร้อนใจ

แต่กำลังรับผลของกรรมอยู่ครับ คือ บุคคลนี้ได้กลายเป็นคนบ้า ทั้งๆที่อาจเคยเป็นคนปกติอยู่ เลยกลายเป็นผล คือผลนี่แหละครับที่เป็นบาป

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/