ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

"ธรรม อยู่ที่ กายกับใจ"
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=45618
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  วิริยะ [ 15 มิ.ย. 2013, 06:45 ]
หัวข้อกระทู้:  "ธรรม อยู่ที่ กายกับใจ"

"ธรรม" อยู่ที่ "กายกับใจ" ..

ให้พิจารณา "กายกับใจ" หรือ "รูปกับนาม" ของตนนี้แหละ ให้แยบคาย
ให้เห็นเป็น "ไตรลักษณ์" คือ "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" ไม่เที่ยง เป็นทุกข์
เป็นของไม่มีแก่นสาร ไม่มีสาระ พอที่จะยึดถือเอาได้
จนสามารถถอนอุปทาน คลายความยึดมั่น ถือมั่นได้ ..

พิจารณา "ข้างนอก ภายนอก" นั้น ไม่ใช่ "ธรรม" ดอก
มันกลายเป็น "โลก" ไปเสีย ..

:b1:


เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 15 มิ.ย. 2013, 15:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ธรรม อยู่ที่ กายกับใจ"

วิริยะ เขียน:
"ธรรม" อยู่ที่ "กายกับใจ" ..

ให้พิจารณา "กายกับใจ" หรือ "รูปกับนาม" ของตนนี้แหละ ให้แยบคาย
ให้เห็นเป็น "ไตรลักษณ์" คือ "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" ไม่เที่ยง เป็นทุกข์
เป็นของไม่มีแก่นสาร ไม่มีสาระ พอที่จะยึดถือเอาได้
จนสามารถถอนอุปทาน คลายความยึดมั่น ถือมั่นได้ ..

พิจารณา "ข้างนอก ภายนอก" นั้น ไม่ใช่ "ธรรม" ดอก
มันกลายเป็น "โลก" ไปเสีย ..
:b1:


พิจารณา "ข้างนอก ภายนอก" นั้น ไม่ใช่ "ธรรม" ดอก
มันกลายเป็น "โลก" ไปเสีย ..
:b1:

ลองคิดใหม่ตรงที่เน้นสีนะครับ ธรรมนั้นมีทั้ง ภายนอก และภายใน นะครับ
เช่น รูปารมณ์ สัททารมณ์ คัณทารมณ์ รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์ เป็นต้น เหล่านี้ เป็นธรรมภายนอก
และก็ไม่ใช่ธรรมแบบโลกๆ มี องค์ธรรม ปรมัตถ์ ที่พระองค์ทรงบัญญัติรับรอง

สกิดกันนิดหน่อยคงไม่ว่ากัน

เจ้าของ:  วิริยะ [ 15 มิ.ย. 2013, 16:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ธรรม อยู่ที่ กายกับใจ"

ลุงหมาน เขียน:
สกิดกันนิดหน่อยคงไม่ว่ากัน

ไม่มีปัญหาครับลุงหมาน .. :b13:
ลุงหมาน เขียน:
พิจารณา "ข้างนอก ภายนอก" นั้น ไม่ใช่ "ธรรม" ดอก
มันกลายเป็น "โลก" ไปเสีย ..


ลองคิดใหม่ตรงที่เน้นสีนะครับ ธรรมนั้นมีทั้ง ภายนอก และภายใน นะครับ

เรื่อง "ข้างนอก ภายนอก" หมายถึงเรื่อง "โลกสงสาร" เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ
นินทาสรรเสริญ หรือเรื่องของคนอื่น เป็นต้น ฯลฯ นะครับ :b13:

ลุงหมาน เขียน:
รูปารมณ์ สัททารมณ์ คัณทารมณ์ รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์ เป็นต้น เหล่านี้
เป็นธรรมภายนอกและก็ไม่ใช่ธรรมแบบโลกๆ มี องค์ธรรม ปรมัตถ์ ที่พระองค์ทรงบัญญัติรับรอง

ลุงหมานคิดว่า "ธรรม" เหล่านี้เกิดได้อย่างไรละครับ

:b1:

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 15 มิ.ย. 2013, 19:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ธรรม อยู่ที่ กายกับใจ"

วิริยะ เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
สกิดกันนิดหน่อยคงไม่ว่ากัน

ไม่มีปัญหาครับลุงหมาน .. :b13:
ลุงหมาน เขียน:
พิจารณา "ข้างนอก ภายนอก" นั้น ไม่ใช่ "ธรรม" ดอก
มันกลายเป็น "โลก" ไปเสีย ..


ลองคิดใหม่ตรงที่เน้นสีนะครับ ธรรมนั้นมีทั้ง ภายนอก และภายใน นะครับ

เรื่อง "ข้างนอก ภายนอก" หมายถึงเรื่อง "โลกสงสาร" เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ
นินทาสรรเสริญ หรือเรื่องของคนอื่น เป็นต้น ฯลฯ นะครับ :b13:

ลุงหมาน เขียน:
รูปารมณ์ สัททารมณ์ คัณทารมณ์ รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์ เป็นต้น เหล่านี้
เป็นธรรมภายนอกและก็ไม่ใช่ธรรมแบบโลกๆ มี องค์ธรรม ปรมัตถ์ ที่พระองค์ทรงบัญญัติรับรอง

ลุงหมานคิดว่า "ธรรม" เหล่านี้เกิดได้อย่างไรละครับ

:b1:

รักๆ ใคร่ นั้น เป็นตัวตัณหา เป็นธรรมภายใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นธรรมภายนอก
"เสียง" สรรเสริญหรือนินนทานั้น เป็นธรรมภายนอก
ที่มากระทบหูและไปถูกรับรู้ที่ใจ "หู กับ ใจ" เป็นธรรมภายใน

ส่วนที่ว่าธรรมเหล่านี้เกิดได้อย่างไรนั้น
เช่นว่า ตา กระทบกับ รูป หู กระทบกับ เสียง เหล่านี้ เป็นต้น
เมื่อธรรมภายนอกกับธรรมภายในกระทบกัน
จิตจะขึ้นมารับรู้ ที่เรียกว่าผัสสะ เมื่อนั้น เวทนา ตัณหา อุปาทานก็จะเกิดขึ้นตามมา
นี่แหละธรรมเหล่านี้จึงเกิดขึ้นตรงนี้ ทวารที่เหลือก็ไปในแนวกัน

สรุปว่า ธรรมเหล่านี้เกิดได้ที่ทวารทั้ง ๖ ครับ

เจ้าของ:  วิริยะ [ 15 มิ.ย. 2013, 20:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ธรรม อยู่ที่ กายกับใจ"

ลุงหมาน เขียน:
สรุปว่า ธรรมเหล่านี้เกิดได้ที่ทวารทั้ง ๖ ครับ

สาธุครับลุงหมาน .. :b8:

:b1:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 15 มิ.ย. 2013, 20:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ธรรม อยู่ที่ กายกับใจ"

วิริยะ เขียน:
"ธรรม" อยู่ที่ "กายกับใจ" ..

ให้พิจารณา "กายกับใจ" หรือ "รูปกับนาม" ของตนนี้แหละ ให้แยบคาย
ให้เห็นเป็น "ไตรลักษณ์" คือ "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" ไม่เที่ยง เป็นทุกข์
เป็นของไม่มีแก่นสาร ไม่มีสาระ พอที่จะยึดถือเอาได้
จนสามารถถอนอุปทาน คลายความยึดมั่น ถือมั่นได้ ..

พิจารณา "ข้างนอก ภายนอก" นั้น ไม่ใช่ "ธรรม" ดอก
มันกลายเป็น "โลก" ไปเสีย ..

:b1:



ดูนอก...แล้วต้องกลับมาจบที่..กายใจตน..ให้ได้

ไปงานศพเห็นคนตาย....ก็ให้เห็นจนรู้สึกว่า..ตนก็ตายได้
เห็นหมาเน่าข้างถนน....ก็ให้เห็นจนรู้สึกว่า..ตนก็เน่าอย่างนี้ได้
เห็นคนทำตัวน่าเกลียด...ก็ให้นึกเห็นว่า...ไม่ชาติไหนก็ชาติหนึ่ง...เราก็คงเคยเป็นอย่างนี้เช่นกัน
ฯลฯ...

:b13:

เจ้าของ:  student [ 15 มิ.ย. 2013, 21:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ธรรม อยู่ที่ กายกับใจ"

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  วิริยะ [ 15 มิ.ย. 2013, 21:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ธรรม อยู่ที่ กายกับใจ"

กบนอกกะลา เขียน:
ดูนอก...แล้วต้องกลับมาจบที่..กายใจตน..ให้ได้

สาธุครับท่านโอ๊บ .. :b8:

ท่านเรียกว่า "โอปนยิโก" น้อมเข้าหาตน ..

"น้อมเข้ามาไว้ในใจ หรือน้อมใจเข้าไปให้ถึงด้วยการปฏิบัติ
ให้เกิดมีขึ้นในใจ หรือให้ใจบรรลุถึงอย่างนั้น .. "


:b1:

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 16 มิ.ย. 2013, 04:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ธรรม อยู่ที่ กายกับใจ"

วิริยะ เขียน:
"ธรรม" อยู่ที่ "กายกับใจ" ..

ให้พิจารณา "กายกับใจ" หรือ "รูปกับนาม" ของตนนี้แหละ ให้แยบคาย
ให้เห็นเป็น "ไตรลักษณ์" คือ "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" ไม่เที่ยง เป็นทุกข์
เป็นของไม่มีแก่นสาร ไม่มีสาระ พอที่จะยึดถือเอาได้
จนสามารถถอนอุปทาน คลายความยึดมั่น ถือมั่นได้ ..

พิจารณา "ข้างนอก ภายนอก" นั้น ไม่ใช่ "ธรรม" ดอก
มันกลายเป็น "โลก" ไปเสีย ..

:b1:

เห็นด้วยครับ การพิจารณาต้องพิจารณา กายใจหรือรูปนามตนเอง

การพิจารณา ข้างนอก ภายนอก เป็นโลกก็ถูกครับ แต่ในความเป็นโลกต้องหมายถึงธรรมชาติ

ในความเป็นจริงการพิจารณาธรรม ทุกอย่างต้องเกิดขึ้นที่กายใจหรือรูปนาม
ดังนั้นสิ่งที่"ข้างนอกหรือภายนอกจึงไม่ใช่ธรรม เป็นเพียงโลกหรือธรรมชาติ

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 16 มิ.ย. 2013, 05:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ธรรม อยู่ที่ กายกับใจ"

อ้างคำพูด:
พิจารณา "ข้างนอก ภายนอก" นั้น ไม่ใช่ "ธรรม" ดอก
มันกลายเป็น "โลก" ไปเสีย ..
:b1:

ลองคิดใหม่ตรงที่เน้นสีนะครับ ธรรมนั้นมีทั้ง ภายนอก และภายใน นะครับ
เช่น รูปารมณ์ สัททารมณ์ คัณทารมณ์ รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์ เป็นต้น เหล่านี้ เป็นธรรมภายนอก
และก็ไม่ใช่ธรรมแบบโลกๆ มี องค์ธรรม ปรมัตถ์ ที่พระองค์ทรงบัญญัติรับรอง

สกิดกันนิดหน่อยคงไม่ว่ากัน


ที่เจ้าของความเห็นกล่าวมา สงสัยจะเกิดความสับสนนะครับ
" รูปารมณ์ สัททารมณ์ คัณทารมณ์ รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์" ในเครื่องหมายคำพูดตามที่กล่าวมา
ทั้งหมดล้วนเป็น.....ธรรมภายใน มันเกิดขึ้้นหลังจากการมีผัสสะ

หลังจากการกระทบหรือเกิดผัสสะ สิ่งที่เป็นภายนอกหรือโลกตามที่จขกทบอกมันก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น
แต่ธรรมที่เกิดในกายใจซึ่งเป็นธรรมภายในนั้นก็คือ..." รูปารมณ์ สัททารมณ์ คัณทารมณ์ รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์"

แนะนำครับการพิจารณาธรรมภายนอกและภายในเราจะต้องมีสมาธิ
และต้องอาศัยสติสัมปัญญชันญะเป็นอย่างมาก อยากให้เพื่อนๆหมั่นเจริญสติให้มากๆครับ

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 16 มิ.ย. 2013, 05:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ธรรม อยู่ที่ กายกับใจ"

อ้างคำพูด:
รักๆ ใคร่ นั้น เป็นตัวตัณหา เป็นธรรมภายใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นธรรมภายนอก

ความรัก ใคร่เป็นบัญญัติใช้เรียกแทน กิเลสสังโยชน์
ตัณหาเป็นกิเลสอันมีเหตุมาจากสังโยชน์ เรียกว่า อาสวะ

ดังนั้น รักๆ ใคร่ เป็น....ธรรมชาตินอกกายใจ เพราะว่า...จิตเดิมแท้ประภัสสร ที่เศร้าหมอง
เพราะกิเลสที่จรมา

รูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ ....เป็นเพียงสมมุติบัญญัติ ที่ใช่แทนอายตนะภายนอก
เราจะหมายให้เป็น ธรรมภายนอกก็ได้

*ปล. เคยเตือนเจ้าของความเห็น ที่เคยเอารูปปรมัตถ์๒๘มาโพส
บอกว่า ให้ความหมายในรูปที่โพสผิด เช่นไปเรียกรูปปรมัตถ์ว่า รูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ
แบบนี้มันผิดความหมายทำให้สับสน แท้จริงแล้วจะต้องเรียกว่า รูปายตนะ และอื่นๆฯลฯ


อ้างคำพูด:
"เสียง" สรรเสริญหรือนินนทานั้น เป็นธรรมภายนอก
ที่มากระทบหูและไปถูกรับรู้ที่ใจ "หู กับ ใจ" เป็นธรรมภายใน

สรรเสริญหรือนินทา ไม่ใช่ธรรมภายนอก ธรรมภายนอกเป็นแค่เสียง
สิ่งที่เรียกว่า สรรเสริญนินทา เป็นการที่เสียงเกิดการกระทบที่ปสาทหู เกิดเป็นขันธ์ห้า
ส่งต่อมาที่ใจ จนเกิดการปรุงแต่งขึ้นเป็นสรรเสริญนินทา...
แท้จริงแล้วสรรเสริญนินทา เป็นเพียงเสียงที่มากระทบไม่ได้มีความหมายอะไร
เพียงแต่ใจไปปรุงแต่งมันจนเกิดเป็นสรรเสริญนินทา .....สรรเสริญนินนทาคือตัวทุกข์

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 16 มิ.ย. 2013, 06:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ธรรม อยู่ที่ กายกับใจ"

อ้างคำพูด:
ส่วนที่ว่าธรรมเหล่านี้เกิดได้อย่างไรนั้น
เช่นว่า ตา กระทบกับ รูป หู กระทบกับ เสียง เหล่านี้ เป็นต้น
เมื่อธรรมภายนอกกับธรรมภายในกระทบกัน
จิตจะขึ้นมารับรู้ ที่เรียกว่าผัสสะ เมื่อนั้น เวทนา ตัณหา อุปาทานก็จะเกิดขึ้นตามมา
นี่แหละธรรมเหล่านี้จึงเกิดขึ้นตรงนี้ ทวารที่เหลือก็ไปในแนวกัน

สรุปว่า ธรรมเหล่านี้เกิดได้ที่ทวารทั้ง ๖ ครับ

ที่เจ้าของความเห็นสรุป........"ธรรมเหล่านี้เกิดได้ที่ทวารทั้งหก"
นั้นก็คือ ธรรมเหล่านี้เกิดได้จากการพิจารณา และการพิจารณาต้องพิจารณาที่กายใจตนเอง

ธรรมเหล่านี้ที่เจ้าของความเห็นพูด จะเป็นธรรมเหล่านี้จะต้องเกิดการกระทบเสียก่อน
เมื่อยังไม่เกิดการกระทบ จึงไม่เรียกมันว่าธรรมเหล่านี้ตามความหมายที่เจ้าของความเห็นบอก

ธรรมที่ยังไม่เกิดการกระทบ จึงเป็นเพียงโลกหรือธรรมชาติตามความหมายของจขกท

เจ้าของ:  วิริยะ [ 16 มิ.ย. 2013, 07:41 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ธรรม อยู่ที่ กายกับใจ"

ขอบคุณพี่โฮฯ .. ที่ร่วมแสดงความเห็น :b8:
วิริยะ เขียน:
พิจารณา "ข้างนอก ภายนอก" นั้น ไม่ใช่ "ธรรม" ดอก
มันกลายเป็น "โลก" ไปเสีย ..
"ธรรม" ธรรมดาหรือธรรมชาติ แบ่งได้สองอย่าง ..

"โลกียธรรม" เรื่องที่ทำให้ติดข้องอยู่กับโลก เรียกสั้น ๆ ว่า "โลก"
"โลกุตรธรรม" เรื่องที่ทำให้พ้นจากโลก เรียกสั้น ๆ ว่า "ธรรม"

เป็นคำนิยามเฉพาะตัวครับ ..

*อธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความเข้าใจในข้อความข้างบนนะครับ

:b1:

เจ้าของ:  SOAMUSA [ 16 มิ.ย. 2013, 09:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ธรรม อยู่ที่ กายกับใจ"

วิริยะ เขียน:
ขอบคุณพี่โฮฯ .. ที่ร่วมแสดงความเห็น :b8:
วิริยะ เขียน:
พิจารณา "ข้างนอก ภายนอก" นั้น ไม่ใช่ "ธรรม" ดอก
มันกลายเป็น "โลก" ไปเสีย ..
"ธรรม" ธรรมดาหรือธรรมชาติ แบ่งได้สองอย่าง ..

"โลกียธรรม" เรื่องที่ทำให้ติดข้องอยู่กับโลก เรียกสั้น ๆ ว่า "โลก"
"โลกุตรธรรม" เรื่องที่ทำให้พ้นจากโลก เรียกสั้น ๆ ว่า "ธรรม"

เป็นคำนิยามเฉพาะตัวครับ ..

*อธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความเข้าใจในข้อความข้างบนนะครับ

:b1:


ถ้าเป็นคำนิยามเฉพาะตัว ค้นหาสัจจธรรมเองเหรอคะ?

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 16 มิ.ย. 2013, 11:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: "ธรรม อยู่ที่ กายกับใจ"

SOAMUSA เขียน:
วิริยะ เขียน:
วิริยะ เขียน:
พิจารณา "ข้างนอก ภายนอก" นั้น ไม่ใช่ "ธรรม" ดอก
มันกลายเป็น "โลก" ไปเสีย ..
"ธรรม" ธรรมดาหรือธรรมชาติ แบ่งได้สองอย่าง ..

"โลกียธรรม" เรื่องที่ทำให้ติดข้องอยู่กับโลก เรียกสั้น ๆ ว่า "โลก"
"โลกุตรธรรม" เรื่องที่ทำให้พ้นจากโลก เรียกสั้น ๆ ว่า "ธรรม"

เป็นคำนิยามเฉพาะตัวครับ ..

*อธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความเข้าใจในข้อความข้างบนนะครับ

:b1:


ถ้าเป็นคำนิยามเฉพาะตัว ค้นหาสัจจธรรมเองเหรอคะ?

ผมขอออกตัวแทนคุณวิริยะหน่อยนะครับ เพราะเห็นว่าคุณวิริยะแกไม่ชอบต่อล้อต่อเถียงกับใคร
แต่ด้วยเห็นว่าความเห็นคุณวิริยะแกใช้ได้ กลัวแกจะหยุดเสียครึ่งๆกลางๆ มันจะเสียประโยชน์ครับ

ที่คุณวิริยะแกบอกว่า "เป็นคำนิยามเฉพาะตัว" ........
คำพูดแบบนี้เป็นคำพูดของคนมีมรรยาทครับ คือแกออกตัวไว้ก่อน ไม่อ้างคนอื่น

สรุปก็คือแกรับผิดชอบในความเห็นของแกครับ
แบบนี้ครับถึงจะเรียกว่า วจีสุจริต รู้จักรับผิดชอบต่อคำพูดของตนเอง
ไม่ทำให้เกิดการกระทบเสื่อมเสียแก่ผู้อื่น ด้วยการไปอ้างหรือดึงลงมาในการสนทนา

หน้า 1 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/