วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 19:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 83 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2013, 07:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หัวหอม เขียน:
เคยเห็นเขาคุยกันในเว็บว่าพระอรหันต์ครองเพศฆราวาสไม่ได้แล้วเขาก็อ้างมิลินทปัญหา ผมก็สงสัยว่าจริงหรือไม่จริง เพราะว่าการบรรลุอริยบุคคลแต่ละขั้นก็คือการได้ปัญญาเพิ่มขึ้น จนได้ปัญญาถึงที่สุดเรียกว่าพระอรหันต์ ก็เป็นแต่ปัญญา เมื่อเป็นแต่ปัญญาแล้ว ก็สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่ไม่เหมือนคนทั่วๆไป ความไม่เหมือนคนทั่วๆไปนี้อยู่ภายในจิตใจของท่าน ดูไม่รู้ ถ้าไม่มีเจโตปริยญาณ เพราะบางทีท่านก็แกล้งทำให้เหมือนคนทั่วๆไป

ท่านพุทธทาสเคยกล่าวถึงเรื่องมิลินทปัญหาในประเด็นที่ว่าฆราวาสที่สำเร็จพระอรหันต์ถ้าไม่บวชแล้วจะต้องตายนี้ไว้ใน "จดหมายจากสวนโมกข์" หน้า 109 ว่าเป็นเพียงการอนุมานเท่านั้น คำว่าอนุมานนี้ผมก็แปลไม่ออกว่าแปลว่าอะไร เปิดพจนานุกรมแล้วเขาแปลว่า "คาดคะเน" ท่านพุทธทาสท่านเห็นว่าเป็นเพียงการคาดคะเน

"ภูมิธรรมแต่ละขั้น ปัญญาท่านย่อมพอตัว" ผู้ที่ดำรงภูมิธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง
ย่อมมีทางหลีกเลี่ยงโทษที่ผู้อื่นจะได้รับ จากการปรามาสท่านได้ ..

อาจจะบวชเป็นพรามณ์ นุ่งขาวห่มขาว บวชเป็นพระภิกษุ บวชเป็นชี ฯลฯ
ยกตัวอย่าง เช่น แม่ชีแก้ว เสียงล้ำ ท่าน ก. สวนหลวง เป็นต้น

"พระอริยะ" ไม่จำกัดเพศ ฆารวาสก็สามารถบรรลุได้ ..


:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2013, 08:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การบวชหรือสึก ถือว่าเป็นเรื่อง "ธรรมดา"
ผู้รู้ไม่จริง แล้ววิพากวิจารณ์ ก็มีแต่ขาดทุน ..


:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2013, 08:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


หัวหอม เขียน:
เคยเห็นเขาคุยกันในเว็บว่าพระอรหันต์ครองเพศฆราวาสไม่ได้แล้วเขาก็อ้างมิลินทปัญหา ผมก็สงสัยว่าจริงหรือไม่จริง เพราะว่าการบรรลุอริยบุคคลแต่ละขั้นก็คือการได้ปัญญาเพิ่มขึ้น จนได้ปัญญาถึงที่สุดเรียกว่าพระอรหันต์ ก็เป็นแต่ปัญญา เมื่อเป็นแต่ปัญญาแล้ว ก็สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่ไม่เหมือนคนทั่วๆไป ความไม่เหมือนคนทั่วๆไปนี้อยู่ภายในจิตใจของท่าน ดูไม่รู้ ถ้าไม่มีเจโตปริยญาณ เพราะบางทีท่านก็แกล้งทำให้เหมือนคนทั่วๆไป

ท่านพุทธทาสเคยกล่าวถึงเรื่องมิลินทปัญหาในประเด็นที่ว่าฆราวาสที่สำเร็จพระอรหันต์ถ้าไม่บวชแล้วจะต้องตายนี้ไว้ใน "จดหมายจากสวนโมกข์" หน้า 109 ว่าเป็นเพียงการอนุมานเท่านั้น คำว่าอนุมานนี้ผมก็แปลไม่ออกว่าแปลว่าอะไร เปิดพจนานุกรมแล้วเขาแปลว่า "คาดคะเน" ท่านพุทธทาสท่านเห็นว่าเป็นเพียงการคาดคะเน

บริสุทธิ์ หลุดล้น พ้นปัญญา
นอกในหนา หมดคน หมดเราเขา
สมาธิ ก็กำจัด นิวรณ์เศร้า
ศีลฆ่าเอา คนหยาบ ในพริบตา

ความสำเร็จ เสร็จกิจ อันสูงสุด
ศีลวิมุตติ คนหลุด สุดป่าช้า
ตายทันที เคลื่อนจาก อบายา
สูงขึ้นมา เป็นมนุษย์ พิสุทธิจริง

เหมือนเหาะเหิน ยืนเดิน ในอากาศ
สูงผงาด ผงาดองค์ ตรงศีลยิ่ง
จุติเคลื่อน เลื่อนสูง ตายอย่างอิง
มิตายพิง เหมือนลิงค้าง ย่างเผาไฟ

ศีลกำจัด ฆ่าสัตว์ ในอบาย
สิ้นละคลาย หงายโลก โศกอาศัย
กิจที่หนึ่ง ถึงศีลห้า ด้วยหัวใจ
เต็มเปรียมไซร้ หัวใจ อริยา

วิชชาสาม อภิญญา สมาธิ
คนเขลาติ อนุมาน ครหา
ไม่เห็นแจ้ง รู้จริง อิงปัญญา
บัญญัติพา หลงสมมติ สุดอนุมาน(ยกกำลังยิ่งกว่า)


จั๊กกิ้มเทวดา ๙ หาง
ดอยสัพพัญญู
๑๓ มิ.ย. ๕๖

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2013, 16:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
การบวชหรือสึก ถือว่าเป็นเรื่อง "ธรรมดา"
ผู้รู้ไม่จริง แล้ววิพากวิจารณ์ ก็มีแต่ขาดทุน ..


:b1:




:b8:

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2013, 22:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่าทาง...จะมีคนทุกข์ใจมาก...กับสิ่งที่เกิดขึ้นนะนี้..

ทำไมจึงอยากรู้ว่า..สึก..นี้แสดงว่าคุณธรรมถดถอยหรือเปล่า?...

ใจลึก ๆ..อยากได้ยินว่า...ไม่ถดถอยหรอก...หรือเปล่า?

ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นละ?...อะไรเป็นเหตุที่แท้จริงของความสงสัยใคร่รู้?...

เราวางความเคารพศรัทธาผิดตำแหน่งหรือเปล่า?...

ทำไม....ทำไม....ทำไม....ถามใจตัวเองเรื่อย ๆ....จะเห็นการดำเนินของใจที่ผิดได้เอง

เราน่าจะใช้เรื่องนี้..ตรวจสอบตัวเราเองนะว่า...ทุกข์มั้ย?..ทุกข์เพราะอะไร?...แล้วจำเป็นต้องทุกข์มั้ย?...ทำไมถึงไม่จำเป็น?

ถ้าวางใจถูกที่....จะไม่ทุกข์...ถ้าทุกข์..แสดงว่าต้องมีอะไรสักอย่าง...ผิด


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 13 มิ.ย. 2013, 22:55, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2013, 22:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ไม่มีอะไรในผ้าเหลือง
นอกจาก ความรัก ความเมตตา และปัญญา
ที่ฝากไว้ให้แผ่นดินไทย


โดย : มนสิกุล โอวาทเภสัชช์


เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2556 วันวิสาขบูชา ในโครงการอบรมอานาปานสติ ที่วัดสุนันทวนาราม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เจ้าอาวาส ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า "สงสัยใกล้จะเกษียณแล้วมั้ง" และท่านก็สอนว่าคนเราถ้าจะทำความดีหรือปฏิบัติธรรมไม่ควรยึดพระสงฆ์เป็นหลัก

นี่คือหัวใจของการปฏิบัติธรรมเพื่อให้หลุดพ้นจากความยึดมั่นถือมั่นในทุกสิ่ง แม้แต่ตัวท่าน แม้แต่สังขาร สุดท้ายเราก็ต้องทิ้งมันไปอยู่ดี สัจธรรมบทนี้ท่านกำลังแสดงธรรมให้เราเห็นด้วยการปฏิบัติของท่านมาตลอด 38 พรรษาที่อยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ ในแถลงการณ์เรื่องการลาสิกขาของท่าน เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2556 อย่างกะทันหัน

ด้วยเหตุผลสองประการ คือเรื่องสุขภาพที่เป็นเบาหวานอยู่ และต้องไปรักษาตัว กับอีกเหตุผลหนึ่งคือต้องการกลับไปเผยแผ่งานพระพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดในรูปแบบของฆราวาส

ชัดเจน แจ่มแจ้ง ไม่มีอะไรอยู่เบื้องหลังแถลงการณ์ นอกจากความเมตตาอย่างไม่มีประมาณของพระสุปฏิปันโนรูปหนึ่ง ที่สามารถทิ้งแม้กระทั่งรูปแบบพระ ที่เราอาจไปเผลอยึดเข้าด้วยความไม่เข้าใจในแก่น หากแต่ผู้ถึงแล้วซึ่งแก่นย่อมไม่อาลัยไยดีในสมมติโลก และรูปแบบที่อาจเป็นอุปสรรคในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ด้วยประเทศญี่ปุ่น หากกลับไปในรูปแบบพระ รัฐบาลและชาวญี่ปุ่นเองยังไม่เปิดกว้างและยอมรับในเรื่องนี้เท่ากับประเทศไทยที่มีรากพระพุทธศาสนาอย่างแข็งแรง เนื่องจากในประเทศญี่ปุ่นพระพุทธศาสนาก็เหลือแต่เพียงพิธีกรรมเท่านั้น

แต่เหตุผลการสึกของท่านก็ยังเป็นคำถามสำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ใกล้ชิดท่านอยู่ดี สำหรับลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดท่าน เมื่อได้ทราบข่าวก็ไม่มีใครตกใจ เนื่องจากบางคนทราบเรื่องนี้จากท่านมาสองสามปีแล้วว่า ท่านได้เปรยๆ เรื่องสุขภาพ และเรื่องที่อยากจะกลับไปช่วยเหลือชาวญี่ปุ่น

แต่ถ้ากลับไปในรูปแบบพระย่อมไม่สามารถที่จะช่วยเหลือได้อย่างเต็มที่ การตัดสินใจลาสิกขาจึงไม่ได้เกิดขึ้นในทันทีทันใด หากแต่ท่านได้ใคร่ครวญมานานพอสมควร และในเดือนกันยายน 2556 ที่จะมาถึง ท่านจะเปิดคอร์สอบรมกรรมฐานในประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก

ที่สำคัญในแถลงการณ์ ซึ่ง พระอาจารย์หนูพรม สุชาโต รองเจ้าอาวาสและรักษาการแทนเจ้าอาวาส อธิบายไว้สั้นๆ ว่า ในส่วนงานของมูลนิธิที่ท่านได้ริเริ่ม คณะทำงานจะยังคงดำเนินงานไปตามปกติ เนื่องจากพระอาจารย์ได้วางรากฐานไว้แข็งแรงแล้ว "ขอให้พวกเราทุกคน รักเมตตาต่อกัน และดำเนินงานประหนึ่งครอบครัวเดียวกัน ดังความประสงค์ของพระอาจารย์ไว้ให้จงดี"


ที่มา... fb. เนชั่นสุดสัปดาห์ NationWeekend
https://www.facebook.com/nationweekend

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2013, 23:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ความสงสัย...นั้นใช่

จะไม่ลองหาต้นเหตุของความสงสัยนี้บ้างรึ?

ถ้าวางใจถูกที่..จะไม่ทุกข์....ที่ทุกข์เพราะวางใจผิด
ถ้าศรัทธาถูกที่..จะไม่ทุกข์....ที่ทุกข์เพราะศรัทธาผิดที่

ยิ่งเมื่ออ่านแถลงการณ์ที่เพิ่งลงมาให้ดู....ยิ่งชัดเจนเลยว่า..ที่ทุกข์เพราะเราศรัทธาในตัวท่านผิดที่

หวังว่า....นี้จะเป็นบทเรียนแก่ตนเองนะ...

พึงมีสติปัญญารักษาใจ..นะเพื่อน ๆ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2013, 23:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สาวิกาน้อย เขียน:
ไม่มีอะไรในผ้าเหลือง
นอกจาก ความรัก ความเมตตา และปัญญา
ที่ฝากไว้ให้แผ่นดินไทย


โดย : มนสิกุล โอวาทเภสัชช์


เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2556 วันวิสาขบูชา ในโครงการอบรมอานาปานสติ ที่วัดสุนันทวนาราม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เจ้าอาวาส ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า "สงสัยใกล้จะเกษียณแล้วมั้ง" และท่านก็สอนว่า คนเราถ้าจะทำความดีหรือปฏิบัติธรรมไม่ควรยึดพระสงฆ์เป็นหลัก


Sorry...ไม่ใช่แถลงการณ์....แต่เป็นคำที่ท่านสอน

อาจจะรอคำตอบเพื่อให้คลายความสงสัย

แล้วไม่คิดจะแก้ทุกข์หรอกรึ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2013, 00:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


จุดประสงค์และแนวทางของกระทู้นี้
จะนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความเคลื่อนไหว หลักธรรม ฯลฯ
ที่เกี่ยวกับกรณีของท่านอาจารย์มิตซูโอะ
ไปเจอข่าว บทความ ความเห็น ข้อสงสัย ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ไหน
ไม่ว่าในเว็บ, นสพ., fb., อีเมล์ ฯลฯ ก็จะพยายามนำเอามาลงไว้ค่ะ

เพราะประสงค์จะให้ปัญญา ข้อมูล ความรู้ ข้อคิด หลักธรรม
ที่รอบด้านกับชาวพุทธทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ค่ะ



กบนอกกะลา เขียน:
การถามครูบาอาจารย์..นั้นดีครับ...และคำถามนั้นควรจะเป็นเรื่องออกจากทุกข์...


คำถามเรื่องออกจากทุกข์ เรื่องดับทุกข์นั้น
เป็นคำถามที่ประเสริฐที่สุดที่ชาวพุทธพึงกระทำและพึงตระหนัก

ในเมื่อพระพุทธองค์ทรงเปรียบมนุษย์เหมือนดังบัว ๔ เหล่า
ก็แสดงว่าระดับจิต ระดับการปฏิบัติ ระดับปัญญา ฯลฯ ของแต่ละคนย่อมต่างกัน
ดังนั้น คำถามจึงมีหลายระดับต่างกันไปด้วยตามภูมิธรรม
ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะทุกอย่างล้วนมีวิวัฒนาการค่ะ

หากไม่มีเบื้องต้น แล้วจะมีท่ามกลาง และที่สุด รึค่ะ

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2013, 00:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อย่างแรก....อะไรบอกว่าเราอยู่เหล่าไหน?...กิเลสบอก..หรือ..ธรรมะบอก
อย่างที่สอง...อะไรบอกว่าเหล่าไหนควรทำอะไร...เหล่าไหนไม่ควรทำอะไร?...กิเลสบอก...หรือ...ธรรมบอก

ส่วนตัวคิดว่า..ไม่ว่าเหล่าไหน....ต่างก็ต้องดำเนินตามพระสัทธรรมไม่มีเว้น..คือ..ทุกข์พึงกำหนดรู้....เหมือนกันทุกเหล่า
หาไม่แล้ว....จะเรียกว่าเรานับถือพระพุทธเจ้าได้อย่างไร

นับ....คือ..นับคุณของพระพุทธ...พระธรรม..และพระสงฆ์..ว่ามีอย่างไรบ้าง
ถือ...คือ..ถือเอาคำสั่งสอนมาปฏิบัติ

รวมเรียกว่า..นับถือ

เรื่องนี้...ทุกข์อยู่ที่ตรงไหน?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2013, 21:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

บทกลอนจาก...ด.ญ.ณตะวัน ธนะชานันท์ (น้องพิม)
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนสยามสามไตร
ซ.สุขุมวิท ๘๙/๑ แขวงบางจาก เขตพระขโนง กรุงเทพมหานคร
ขอนำมาแบ่งปันด้วยความระลึกถึงพระคุณของพระอาจารย์เป็นอย่างสูง
และเพื่อแสดงให้เห็นว่างานเผยแผ่ธรรมในประเทศไทย
ที่ท่านมุ่งมั่นวางรากฐานไว้ได้งอกงามแล้วอย่างเข้มแข็งในใจของพวกเรา

น้องพิมเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์มาตั้งแต่ระดับอนุบาล
ได้ปฏิบัติธรรมและฟังธรรมจากพระอาจารย์มานับครั้งไม่ถ้วน
พร้อมกับเพื่อนๆ คุณพ่อคุณแม่ และคุณครู


ที่มา... facebook พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2013, 09:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

หน้าปกหนังสือมติชน สุดสัปดาห์


ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อต่างๆ ว่า พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ลาสิกขานั้น วัดสุนันทวรารามขอยืนยันว่า เป็นความจริง

ขณะนี้ ท่านเดินทางไปต่างประเทศแล้ว โดยมีจุดหมายปลายทางที่ประเทศญี่ปุ่น บ้านเกิดของท่าน โดยจะยังคงทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในฐานะของฆราวาสต่อ

ทั้งนี้ ในส่วนของมูลนิธิ และโครงการต่างๆ ที่ท่านได้ริเริ่มไว้ คณะทำงานจะยังคงดำเนินงานไปตามปกติ เนื่องจาก พระอาจารย์ ได้วางรากฐานไว้แข็งแรงแล้ว ขอให้พวกเราทุกคนรักเมตตาต่อกัน และดำเนินงานประหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน ดังความประสงค์ของพระอาจารย์ไว้ให้จงดี

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน

พระอาจารย์หนูพรม สุชาโต
รองเจ้าอาวาสและรักษาการแทนเจ้าอาวาส


เป็นแถลงการณ์อย่างเป็นทางการฉบับแรกที่ยืนยันว่า พระมิตซูโอะ คเวสโก อายุ 63 ปี เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พระนักปฏิบัติชื่อดัง ลูกศิษย์พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี) ได้ลาสิกขาจริง ที่วัดชนะสงคราม กทม. เมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา

สร้างความตกใจ ประหลาดใจให้กับศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชน เพราะคาดไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์นี้

ดั่งที่ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) บอกว่า ตกใจมาก เพราะพระอาจารย์มิตซูโอะอุปสมบทมานานหลายสิบปีแล้ว ทำคุณประโยชน์ด้านพระพุทธศาสนามากมาย โดยเฉพาะการเผยแผ่การปฏิบัติธรรมที่ชัดเจน เข้าใจง่าย

"ไม่อยากเชื่อ ช็อกไปเลย แต่การสึกอยู่ที่ผู้บวชพอใจว่าจะสึกที่ไหนกับใคร ซึ่งเรื่องคนจะคลอดลูก พระจะสึก ไปห้ามกันไม่ได้ เชื่อว่าท่านน่าจะคิดดีที่สุดแล้ว ส่วนเหตุผลการสึกนั้น น่าจะเป็นเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อาจทราบได้ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย หรือมีปัญหาขัดแย้งเรื่องใดๆ ทำดีมาโดยตลอด" นายนพรัตน์ ระบุ

ขณะที่ แม่ชีพิณพรรณ เนียมมุณี ซึ่งปฏิบัติธรรมที่วัดสุนันทวนาราม มานานกว่า 8 ปี บอกว่าพระอาจารย์มีปัญหาสุขภาพมานานกว่า 2 ปีแล้ว โดยป่วยเป็นโรคเบาหวาน สุขภาพร่างกายจึงไม่ค่อยแข็งแรง แล้วท่านก็เหนื่อยมาก เพราะรับกิจนิมนต์เกือบทุกวัน ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากพระอาจารย์มิตซูโอะเคยพูดกับญาติโยมว่า ท่านเป็นคนญี่ปุ่น อยากตอบแทนแผ่นดินเกิด หากมีโอกาสก็อยากจะกลับไปช่วยเหลือคนญี่ปุ่นบ้าง เพราะคนญี่ปุ่นขณะนี้ยังมีคนที่ทุกข์และลำบากมากเช่นกัน

พร้อมกับบอกว่า เวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา อาจารย์ลัดดา สุวรรณกุล อายุ 71 ปี อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากร จิตอาสาที่เข้ามาช่วยเหลือมูลนิธิภายในวัด ได้รับโทรศัพท์จากพระอาจารย์มิตซูโอะ จากญี่ปุ่นแจ้งให้ทราบว่า กลับถึงญี่ปุ่นบ้านเกิดแล้ว และจะเปิดคอร์สฝึกอบรมกรรมฐานให้แก่ชาวญี่ปุ่นและคนไทยขึ้นภายในวันที่ 21-23 กันยายนนี้ ที่เมืองคุมาโมโตะ โอกินาวา และนาโกยา ซึ่งตอนนั้นจะเปิดโอกาสให้คนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเข้าพบ เพื่อคลายความสงสัย

ถือว่าชัดเจนขึ้นมาอีกเล็กน้อย แต่ก็คงต้องรอจนถึงเดือนกันยายน

พระมิตซูโอะ คเวสโก อุปสมบทเมื่อ 14 มิถุนายน พ.ศ.2518
โดยมี หลวงพ่อชา สุภัทโท เป็นพระอุปัชฌาย์
ถือเป็นพระภิกษุสงฆ์รุ่นแรกที่หลวงพ่อชาอุปสมบทให้
จึงเรียกว่าเป็นสัทธิวิหาริกรุ่นแรก

ได้รับฉายาว่า "คเวสโก" มีความหมายถึง "ผู้แสวงหาซึ่งฝั่ง"
ฝั่งที่น่าจะมีความหมายถึง ฝั่งธรรม-ฝั่งแห่งนิพพาน
จะไปถึง "ฝั่ง" นั้นได้ แน่นอนคงต้อง "เคร่ง" ในวัตรปฏิบัติอย่างยิ่ง
พระมิตซูโอะ ได้มุ่งมั่นเดินตามแนวทางนี้มาตลอด


พระมิตซูโอะ เล่าไว้ในหนังสือ "เราเกิดมาทำไม" ว่า

"เมื่อบวชเป็นพระภิกษุ การปฏิบัติธรรมของอาจารย์ ได้วางแผนตั้งข้อวัตรต่างๆ ขึ้นมาเพื่อฝึกตัวเอง"

"ข้อวัตรอย่างหนึ่งที่ฝึกปฏิบัติมาตั้งแต่ต้น คือการถือเนสัชชิก ปฏิบัติในอิริยาบถ นั่ง ยืน เดิน ไม่นอน หากง่วงนอนก็จะไม่เอนกายลงนอน จะเพียงแต่พิงเสานั่งหลับเท่าจำเป็นแก่ร่างกายเท่านั้น"

"ในช่วงพรรษาก็พยายามตั้งใจถือเนสัชชิกตลอดพรรษา ปรารภความเพียร ไม่เห็นแก่นอน เพื่อสร้างวิริยะ แต่ก็มักจะแพ้ ที่ทำได้ครบสมบูรณ์ตลอดพรรษาก็เป็นพรรษาที่ 8 เมื่ออยู่ประเทศอินเดีย"

"ในพรรษาที่ 4 ตั้งใจอดข้าวหนึ่งเดือน ฉันแต่น้ำเปล่าๆ ตามปกติคนเราที่จะอดข้าวขนาดนี้ก็เรียกว่าคนยากจน เราทำตัวเป็นคนจนที่สุดคนหนึ่ง มนุษย์ในโลก 6,500 ล้านคน มีไม่กี่คนที่สมัครใจทำอย่างนี้ แต่เราก็ทำ เพื่อฝึกกาย ฝึกจิต สร้างกำลังใจ ทดสอบความอดทนอดกลั้น เมื่อครบหนึ่งเดือนทำได้ตามที่ตั้งใจ ก็ภูมิใจ มีกำลังใจดี"

"ในพรรษาที่ 6-7 ก็เก็บอารมณ์เข้าห้องกรรมฐาน ปรารภความเพียร ข้อวัตรต่างๆ ที่ปฏิบัติก็เช่น พิจารณาทุกขเวทนา นั่งสมาธิเพชร ไม่ขยับตัว ไม่เปลี่ยนอิริยาบถตลอดคืน เอาทุกขเวทนาเป็นอารมณ์กรรมฐาน ส่วนมากก็ทำไม่สำเร็จ นานๆ ทีหนึ่งจึงจะทำได้"

"นอกจากนั้น ก็ตั้งใจปรารภความเพียรด้วยการรักษาความรู้สึกตัวติดต่อกัน 7 วัน 7 คืน ไม่นอน ไม่หลับ นับเป็นวัตรปฏิบัติที่ทรมาน ทำได้ยาก ต้องยอมแพ้ ล้มเหลวไปหลายสิบครั้งกว่าจะทำได้ก็ต้องอาศัยกำลังสติและสมาธิที่เข้มแข็งจริงๆ เมื่อทำได้สมบูรณ์ ก็รู้สึกพอใจ มีกำลังใจ"

"นอกจากนั้น ก็ออกธุดงค์ไปในป่า เมื่อวางแผนไปธุดงค์ในที่ซึ่งมีสัตว์ป่าดุร้ายจริงๆ แล้วเราก็กลัวตาย แต่เพื่อจะต่อสู้เอาชนะความกลัว เอาชนะใจตัวเอง ถ้าเราสามารถเอาชนะความกลัวได้ ก็จะรักษาชีวิตตัวเองได้"

"ตั้งแต่สมัยพุทธกาลพระอริยเจ้าอยู่ในป่าก็ไม่มีอันตราย เพราะท่านมีเมตตาจิต มีวิปัสสนาปัญญาเข้าถึงอนัตตาคือไม่มีตัว ไม่มีตน สัตว์ป่าก็ไม่ทำร้ายท่าน"


พิจารณาตามนี้ จะเห็นว่าพระมิตซูโอะเคี่ยวกรำ "ธรรม" มาอย่างหนัก ย่อมต้องหนักแน่นและมุ่งมั่นต่อการหลุดพ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

ในหนังสือ "นิพพาน ที่นี่ เดี๋ยวนี้" พระมิตซูโอะย้ำว่า สำหรับอาจารย์ นิพพานคือสภาวะที่ไม่มีทุกข์ ถ้าพูดให้ง่ายเข้ามาหน่อย นิพพานก็คือการที่เราสามารถแก้ปัญหาชีวิตได้ที่นี่ และเดี๋ยวนี้เลย

เช่น โกรธ กลัว น้อยใจ เสียใจ ทันทีที่เราแก้ปัญหา แก้ความรู้สึกเหล่านี้ได้ ก็เรียกว่าเข็มทิศของเราตรงต่อนิพพานอยู่แล้ว นิพพานอยู่ในรอบตัวเรานี่แหละ

แต่ถ้าถามว่าเรามีหวังในนิพพานได้หรือไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเวลาเราน้อยใจ เสียใจ ทุกข์ใจ ไม่สบายใจต่างๆ นานา เราสามารถแก้ปัญหาได้เร็วแค่ไหน

เวลาเสื่อมลาภ เสื่อมยศ มีคนนินทา หรือว่าชีวิต เป็นทุกข์ เรายังยิ้มได้อยู่ไหม

ยามที่แก่ ความเจ็บ ความตายมาเยือน เรารับมือกับมันได้ไหม

เมื่อต้องอยู่กับคนที่ไม่ชอบใจ หรือว่าต้องพลัดพรากจากคนที่เรารัก เราเข้าใจสัจธรรมของชีวิตหรือไม่

ความทุกข์เหล่านี้มีมาเรื่อยๆ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ในโลก

คำถามก็คือว่า เมื่อมีความทุกข์เกิดขึ้น เราสามารถโอปนยิโก
(น้อมพระธรรมเข้ามาไว้ในใจ ให้เกิดขึ้นในใจ หรือให้ใจบรรลุ) ได้ไหม

น้อมมาดูจิตของตัวเอง ไม่คิดโกรธ ไม่คิดน้อยใจ ไม่คิดยินดียินร้าย
ถ้าเราสามารถโอปนยิโกได้ เราก็แก้ปัญหาชีวิตได้
ถ้าใครทำได้ก็เข้าใกล้นิพพาน


แล้วอะไรหรือที่ทำให้พระมิตซูโอะไม่สามารถ "โอปนยิโก" ได้
แล้วเลือกลาสิกขาโดยปัจจุบันทันด่วน
มาจากที่ไม่สามารถ "แก้ปัญหาชีวิตได้ที่นี่ และเดี๋ยวนี้"
จน "เข็มทิศของเราไม่ตรงต่อนิพพาน" หรือไม่
ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนในขณะนี้

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ถือเป็นเหตุผลส่วนตัวของท่านที่ต้องให้ความเคารพ
และคงต้องเฝ้าติดตามว่า "ผู้แสวงหาซึ่งฝั่ง" จะบ่ายหน้าไปสู่ฟากฝั่งไหน
อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ของวัดสุนันทวราราม ที่ยืนยันว่า
ท่านมิตซูโอะจะยังคงทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในฐานะของฆราวาสต่อไปนั้น
เราก็คงต้องอนุโมทนาร่วมกับท่านด้วย



ที่มา... หนังสือพิมพ์มติชน ออนไลน์
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 08:15:51 น.

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2013, 11:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:32
โพสต์: 245


 ข้อมูลส่วนตัว


ระหว่างอ่านบทกลอนของน้อง สมองมันก็ไปสัมผัสสัมพันธ์กับภาพในอดีตที่หลวงพ่อก็ได้เมตตากรุณาต่อผมเหมือนกัน อันนี้ก็เลยพลอยซาบซึ้งไปกับบทกลอนของน้องด้วย จึงว่าต้องเห็น ถึงจะเชื่อ

หลวงพ่อท่านไม่ได้ธรรมดา ท่านมีอะไรพิเศษอยู่ เชื่อว่าลูกศิษย์ที่ได้ใกล้ชิดท่านต้องได้เห็นเหมือนกัน

และผมก็เชื่อแน่ว่า การที่ท่านทำเช่นนี้จะต้องมีอะไรดีดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน แต่ทุกอย่างก็ต้องใช้เวลา
^ ^

.....................................................
"องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2013, 12:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 19:33
โพสต์: 117


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านจะจากไปด้วยเหตุผลใดก็ตาม
ลูกศิษย์ทั้งหลาย-พุทธบริษัททั้งหลาย

พึงคิดว่าท่านให้ธรรมะในครั้งสุดท้ายก่อนจากแผ่นดินสยามไป
ขอทุกท่าน...พึงอยู่โดยความไม่ประมาท...

ความดี...ความงดงาม....ความสงบเย็นที่ท่าน...
ฝากไว้บนผืนแผ่นดินสยามตลอด 37 ปี
...ไม่เพียงพอที่จะยุติความ สงสัยใคร่รู้ดอกหรือ...

บารมีธรรมที่ท่านสั่งสมมา 37 ปีบนแผ่นดินสยาม
มูลเหตุของการตัดสินใจของท่านครั้งนี้คงไตร่ตรองในสิ่งที่ดีที่สุด
สำหรับแผ่นดินสยามแล้ว..!!!

ความสงสัยนั้นควรปล่อยให้คนที่เขาไม่เข้าใจในธรรม 1
คนที่เขามีหน้าที่ขุดคุุ้ย นำเสนอสังคม 1

หาใช่หน้าที่ของอุบาสิกา....ที่บอกว่าเข้าถึงธรรม
อุบาสิกา...อุบาสก...หากศรัทธาในธรรม...ในตัวท่าน
ควรยุติความสงสัยด้วยความนิ่งเฉย...นั่นแหละท่านจึงจะภูมิใจ.

โดยส่วนตัวไม่เคยปฏิบัติธรรม...หรือรู้จักท่านเป็นการส่วนตัว
แต่เชื่อโดยไม่ลังเลสงสัย ว่าท่านคือสุปฏิปัณโณ ...ไม่ใช่สมุมติสงฆ์

ต้องขออภัยหากการแสดงความคิดเห็นแบบตรงไปตรงมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2013, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


น่าหดหู่ และรู้อยู่อย่างหนึ่งว่า
ท่านได้ทิ้งชื่อเสียงลาภยศสรรเสริญ
ไปอย่างไม่แยแสเลย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 83 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 197 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร