ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ธรรมทั้งหลายมิใช่อัตตา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=45552 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 5 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 03 มิ.ย. 2013, 13:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | ธรรมทั้งหลายมิใช่อัตตา |
นตฺถิ อตฺตา เอตสฺส ขนฺธปญฺจกสฺสสาติ วา อนตฺตา แปลความว่า ในรูปนามขันธ์ ๕ นั้น ไม่มีอัตตา = ฉะนั้นจึงเรียกว่า "อนัตตา" ก็ หมายความว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แห่งรูปนาม ขันธ์ ๕ นั้น ไม่มีอัตตา ฉะนั้นรูปนาม ขันธ์ ๕ ทั้งหมดเป็น อนัตตา นอกจาก รูปนาม ขันธ์ ๕ แล้ว นิพพาน บัญญัติ ก็ไม่มีอัตตาเหมือนกัน ดังนั้น สังขารธรรม และ อสังขารธรรมทั้งปวงจึงเป็น อนัตตา อนิจฺจา สพฺเพสงฺขตา ทุกฺขาตา จ ลกฺขิตา นิพฺพานํ เจว ปญฺญตฺติ อนตฺตา อิติ นิจฺฉิตา สังขารธรรมทั้งปวง เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่อัตตา
นิพพานก็ดี บัญญัติก็ดี ตัดสินว่าเป็น อนัตตา ดังนี้ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 03 มิ.ย. 2013, 19:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมทั้งหลายมิใช่อัตตา |
ความหมายคำว่า "ธรรม" สรุปตรงกันหรือยังว่า มันคืออะไร ![]() |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 04 มิ.ย. 2013, 05:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมทั้งหลายมิใช่อัตตา |
กรัชกาย เขียน: ความหมายคำว่า "ธรรม" สรุปตรงกันหรือยังว่า มันคืออะไร ![]() ไม่รู้....อธิบายไปเลย |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 04 มิ.ย. 2013, 05:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมทั้งหลายมิใช่อัตตา |
หรืออีกนัยหนึ่ง คำว่า อนตฺตา อสารกฏฺเฐน แปลว่า เพราะไม่มีแก่นสาร หรือไม่อยู่ภายใต้อำนาจของใคร ฉะนั้นจึงชื่อว่า อนัตตา หมายความว่า ธรรมดารูปธรรมย่อมไม่เป็นสาระ ทุกๆ ขณะย่อมไปสู่ความดับ เมื่อปราศจากชีวิต อุสมาเตโชและวิญญานทั้ง ๓ นี้แล้ว จะหารูปที่ใช้การสักอันหนึ่งก็ไม่ได้ เมื่อจวนจะตายก็ดี จะเอารูปที่เป็นสาระแล้วใช้การสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ไม่ได้ ว่าโดยอาการก็มีเกิดดับเสมอ ฉะนั้นพระบรมศาสดาเปรียบเทียบอุปมาไว้ว่า เผณปิณฺ ฑูปมํ รูปํ แปลว่ารูปเหมือนต่อมน้ำ ส่วนนามกเหมือนกันจะกระทบหรือจับไม่ได้ เอาเวทนาสัญญาเหล่านี้ไปใช้การกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ไม่ได้ เกิดความดับสูญไป ห้ามไม่ให้เกิดหรือดับก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น โดยสภาวะจึงเรียกว่า อนัตตา |
เจ้าของ: | วิริยะ [ 04 มิ.ย. 2013, 06:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมทั้งหลายมิใช่อัตตา |
ลุงหมาน เขียน: นิพพานก็ดี บัญญัติก็ดี ตัดสินว่าเป็น อนัตตา ดังนี้ สมาชิกบางท่านกล่าวว่า ตำราบางเล่ม มีการตัดต่อเพิ่มเติมนะครับ ![]() |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 04 มิ.ย. 2013, 07:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมทั้งหลายมิใช่อัตตา |
วิริยะ เขียน: ลุงหมาน เขียน: นิพพานก็ดี บัญญัติก็ดี ตัดสินว่าเป็น อนัตตา ดังนี้ สมาชิกบางท่านกล่าวว่า ตำราบางเล่ม มีการตัดต่อเพิ่มเติมนะครับ ![]() แล้วท่านมีความคิดเห็นว่ายังไงล่ะ |
เจ้าของ: | วิริยะ [ 04 มิ.ย. 2013, 07:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมทั้งหลายมิใช่อัตตา |
ลุงหมาน เขียน: หรืออีกนัยหนึ่ง คำว่า อนตฺตา อสารกฏฺเฐน แปลว่า เพราะไม่มีแก่นสาร หรือไม่อยู่ภายใต้อำนาจของใคร ฉะนั้นจึงชื่อว่า อนัตตา หมายความว่า ธรรมดารูปธรรมย่อมไม่เป็นสาระ ทุกๆ ขณะย่อมไปสู่ความดับ เมื่อปราศจากชีวิต อุสมาเตโชและวิญญานทั้ง ๓ นี้แล้ว จะหารูปที่ใช้การสักอันหนึ่งก็ไม่ได้ เมื่อจวนจะตายก็ดี จะเอารูปที่เป็นสาระแล้วใช้การสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ไม่ได้ ว่าโดยอาการก็มีเกิดดับเสมอ ฉะนั้นพระบรมศาสดาเปรียบเทียบอุปมาไว้ว่า เผณปิณฺ ฑูปมํ รูปํ แปลว่ารูปเหมือนต่อมน้ำ ส่วนนามกเหมือนกันจะกระทบหรือจับไม่ได้ เอาเวทนาสัญญาเหล่านี้ไปใช้การกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ไม่ได้ เกิดความดับสูญไป ห้ามไม่ให้เกิดหรือดับก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น โดยสภาวะจึงเรียกว่า อนัตตา ลุงหมาน เขียน: แล้วท่านมีความคิดเห็นว่ายังไงล่ะ "นิพพาน" ก็จะเป็นอย่างที่ลุงหมาน อธิบายข้างบนแหละครับ คือ ไม่มีแก่นสาร ไม่มีสาระ เกิดดับเสมอ .. ![]() |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 04 มิ.ย. 2013, 07:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมทั้งหลายมิใช่อัตตา |
วิริยะ เขียน: ลุงหมาน เขียน: หรืออีกนัยหนึ่ง คำว่า อนตฺตา อสารกฏฺเฐน แปลว่า เพราะไม่มีแก่นสาร หรือไม่อยู่ภายใต้อำนาจของใคร ฉะนั้นจึงชื่อว่า อนัตตา หมายความว่า ธรรมดารูปธรรมย่อมไม่เป็นสาระ ทุกๆ ขณะย่อมไปสู่ความดับ เมื่อปราศจากชีวิต อุสมาเตโชและวิญญานทั้ง ๓ นี้แล้ว จะหารูปที่ใช้การสักอันหนึ่งก็ไม่ได้ เมื่อจวนจะตายก็ดี จะเอารูปที่เป็นสาระแล้วใช้การสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ไม่ได้ ว่าโดยอาการก็มีเกิดดับเสมอ ฉะนั้นพระบรมศาสดาเปรียบเทียบอุปมาไว้ว่า เผณปิณฺ ฑูปมํ รูปํ แปลว่ารูปเหมือนต่อมน้ำ ส่วนนามกเหมือนกันจะกระทบหรือจับไม่ได้ เอาเวทนาสัญญาเหล่านี้ไปใช้การกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ไม่ได้ เกิดความดับสูญไป ห้ามไม่ให้เกิดหรือดับก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น โดยสภาวะจึงเรียกว่า อนัตตา ลุงหมาน เขียน: แล้วท่านมีความคิดเห็นว่ายังไงล่ะ "นิพพาน" ก็จะเป็นอย่างที่ลุงหมาน อธิบายข้างบนแหละครับ คือ ไม่มีแก่นสาร ไม่มีสาระ เกิดดับเสมอ .. ![]() นิพพาน เป็นอสังขตธรรมไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง นิพพานจึงเที่ยงนะครับ(ไม่เกิดไม่ดับ) |
เจ้าของ: | วิริยะ [ 04 มิ.ย. 2013, 07:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมทั้งหลายมิใช่อัตตา |
หลวงตาฯ ท่านเปรียบ "อัตตา อนัตตาและนิพพาน" ไว้น่าฟังนะครับ แล้วแต่ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ขอให้พิจารณาแล้วกัน .. "อัตตา อนัตตา" เป็นทางก้าวเดินเพื่อ "พระนิพพาน" "อัตตา อนัตตา เปรียบเหมือนบันได นำเราเข้าสู่บ้าน เมื่อถึงบ้านแล้ว จะเอาบันไดมาเป็นบ้านได้อย่างไร บ้านก็คือบ้าน บันไดก็คือบันได" ![]() ![]() |
เจ้าของ: | govit2552 [ 04 มิ.ย. 2013, 07:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมทั้งหลายมิใช่อัตตา |
คำว่า ไม่มีแก่นสาร นี่ ใครมาแปล นอกอรรถกถา หรือเปล่า แต่งเติม เกินไปกว่า อรรถกถา หรือเปล่า |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 04 มิ.ย. 2013, 13:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมทั้งหลายมิใช่อัตตา |
govit2552 เขียน: คำว่า ไม่มีแก่นสาร นี่ ใครมาแปล นอกอรรถกถา หรือเปล่า แต่งเติม เกินไปกว่า อรรถกถา หรือเปล่า คำว่าไม่มีแก่นสาระนั้นได้แก่ ขันธ์ ๕ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา แต่ที่มีแก่นสารนั้นได้แก่ พระนิพพาน เที่ยง เป็นสุข เป็นอนัตตา ไม่รู้นะว่าใครแปล แต่คำว่าไม่มีแก่นสารต้องแยกออกเป็นประเภทไป อย่าเอาไปปะปนกัน |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 04 มิ.ย. 2013, 13:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมทั้งหลายมิใช่อัตตา |
วิริยะ เขียน: หลวงตาฯ ท่านเปรียบ "อัตตา อนัตตาและนิพพาน" ไว้น่าฟังนะครับ แล้วแต่ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ขอให้พิจารณาแล้วกัน .. "อัตตา อนัตตา" เป็นทางก้าวเดินเพื่อ "พระนิพพาน" "อัตตา อนัตตา เปรียบเหมือนบันได นำเราเข้าสู่บ้าน เมื่อถึงบ้านแล้ว จะเอาบันไดมาเป็นบ้านได้อย่างไร บ้านก็คือบ้าน บันไดก็คือบันได" ![]() ![]() จะขออุปมาบ้าง พระองค์ตรัสว่า ธรรมทั้งหลายเป็น อนัตตา ที่นี้คำว่า อนัตตา นั้น ถูกปกปิกไว้ด้วยผ้าคลุมไว้ เราจึงมองไม่เห็น อนัตตา จึงเข้าใจว่า มันเป็น อัตตา ตราบใดที่ผู้มีปัญญา คือได้เปิดผ้านั้นดู แล้วจะเข้าใจว่าสิ่งที่ถูกผ้าคลุมไว้เป็น อนัตตา ดังนี้ ผ้าที่คลุมไว้นั้นได้แก่ สันตติ และ ฆนะ จึงเห็นสันตติเกิดขึ้นสืบต่อกันอยู่อย่างนั้นไม่ขาดสายเหมือนว่าไม่เกิดไม่ดับ ส่วน ฆนะ นั้น เราก็เห็นว่าเป็นกลุ่มเป็นก้อนไม่เกิดไม่ดับ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 04 มิ.ย. 2013, 15:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมทั้งหลายมิใช่อัตตา |
อัตตาที่ลุงหมานว่า กับ อัตตา หรือ ตัวตน นี้ เหมือนกันหรือต่างกันครับ ![]() -อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน -อตฺตทีปา อตฺตสรณา จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นทีพึ่ง -อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน -สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตัว -อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช หากรู้ตัวว่าเป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไป เกลือกกลั้วกับความชั่ว ฯลฯ |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 04 มิ.ย. 2013, 15:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมทั้งหลายมิใช่อัตตา |
กรัชกาย เขียน: อัตตาที่ลุงหมานว่า กับ อัตตา หรือ ตัวตน นี้ เหมือนกันหรือต่างกันครับ ![]() -อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน -อตฺตทีปา อตฺตสรณา จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นทีพึ่ง -อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน -สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตัว -อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช หากรู้ตัวว่าเป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไป เกลือกกลั้วกับความชั่ว ฯลฯ ไม่รู้...ถ้ารู้ก็อธิบายเลย จะได้รู้มั่ง |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 05 มิ.ย. 2013, 03:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ธรรมทั้งหลายมิใช่อัตตา |
ลุงหมาน เขียน: จะขออุปมาบ้าง พระองค์ตรัสว่า ธรรมทั้งหลายเป็น อนัตตา ที่นี้คำว่า อนัตตา นั้น ถูกปกปิกไว้ด้วยผ้าคลุมไว้ เราจึงมองไม่เห็น อนัตตา จึงเข้าใจว่า มันเป็น อัตตา ตราบใดที่ผู้มีปัญญา คือได้เปิดผ้านั้นดู แล้วจะเข้าใจว่าสิ่งที่ถูกผ้าคลุมไว้เป็น อนัตตา ดังนี้ ผ้าที่คลุมไว้นั้นได้แก่ สันตติ และ ฆนะ จึงเห็นสันตติเกิดขึ้นสืบต่อกันอยู่อย่างนั้นไม่ขาดสายเหมือนว่าไม่เกิดไม่ดับ ส่วน ฆนะ นั้น เราก็เห็นว่าเป็นกลุ่มเป็นก้อนไม่เกิดไม่ดับ ลุงหมานเอา ธรรมเรื่อง อนัตตามาพูดโดยขาดความเข้าใจ ยิ่งพูดยิ่งทำให้ตัวเองสับสน ลุงจำแต่บัญญัติไม่มีความรู้เรื่องสภาวะธรรม เลยทำให้ลุงคิดว่า..... อนัตตาที่เป็นหนึ่งในไตรลักษณ์(สังขตะธรรม) จะเป็นอันเดียวกั อนัตตาในอสังขตธรรม ลุงหมานครับ อนัตตาของสังขตธรรมกับอนัตตาของอสังขตธรรมมันเป็นคนล่ะตัวกันน่ะครับ สังขตสูตร ว่าด้วยลักษณะแห่งสังขตธรรม ๓ ประการ [๔๘๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังขตลักษณะของสังขตธรรม ๓ นี้ ๓ คืออะไร คือ ความเกิดขึ้น ( ในเบื้องต้น ) ย่อมปรากฏ ความเสื่อมสิ้นไป (ในที่สุด) ย่อมปรากฏ เมื่อยังตั้งอยู่ ความแปรไปย่อมปรากฏ ภิกษุทั้งหลาย สังขตลักษณะของสังขตธรรม ๓ ประการนี้แล. และ อสังขตสูตร ว่าด้วยลักษณะแห่งอสังขตธรรม ๓ ประการ [๔๘๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสังขตลักษณะของอสังขตธรรม ๓ นี้ ๓ คืออะไร คือ ความเกิดขึ้น ไม่ปรากฏ ความเสื่อมสิ้น ก็ไม่ปรากฏ เมื่อ ตั้งอยู่ความแปรไปก็ไม่ปรากฏ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสังขตลักษณะของ อสังขตธรรม ๓ ประการนี้แล. ลุงลองพิจารณาพระสูตรสองบทนี้ดู ลักษณะ๓ประการของสังขตธรรม เป็น อนัตตา กับลักษณะ๓ประการของอสังขตธรรม เป็นอนัตตา ลักษณะ๓ประการของ สังขตและอสังขตมันแตกต่างกัน ความเป็นอนัตตาของธรรมทั้งสอง มันจะเหมือนกันได้อย่างไรครับ ลุงหมานครับ สิ่งใดที่ยังไม่เข้าใจ ยังไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้ครับ นี่โดนตากรัชกายเล่นไปหนึ่งดอกแล้ว ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 5 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |