วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 13:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2013, 10:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2011, 13:22
โพสต์: 79


 ข้อมูลส่วนตัว


พระท่านให้ตั้งสติไว้ตรงนี้หรือเปล่า ถ้าเราหายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตาย เป็นมรณังนุสติอย่างหนึ่งหรือเปล่า ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2013, 15:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


เป็นคำสมาสนะครับ ระหว่างผัสสะทั้ง ๖ กับคำว่าอาหาร ลบ อ ตัวหน้าออก
ลบสระ อะ ตัวหลังออก สมาสคำเป็น ผัสสาหาร

ความหมายในประโยคที่พูดถึง เป็นคำเปรียบเทียบให้เห็นถึง ความไม่เที่ยง
ความไม่แน่นอน เสียมากกว่าที่จะชี้ใ้ห้เห็นเป็นจุดกำหนดลมหายใจ เอาไว้
เพื่อระลึกถึง ความตายเมื่อคนเราขาดลมหายใจ หรือวันๆ หลงลืมสติเอาเป็น
มรณานุสติก็ได้อยู่ครับ เรียกสติคนฟังเสียมากกว่า

แต่ไม่ใช่การกำหนด ลมหายใจใน อานาปานสติครับ

ลมหายใจเข้าออก มีจุดกระทบสัมผัสกับร่างกาย ภาษาบาลีเรียกว่า ผัสสะ
ซึ่งหากสนใจ ก็ทำความเข้าใจศึกษาในเรื่องอานาปานสติ เช่นการกำหนดสติ
มีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า อาศัยสติระลึกรู้ หายใจเข้า หายใจออก ฯลฯ

ดังนั้นคำว่า ผัสสาหาร จึงไม่ใช่ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกครับ


@@@@@@@@

ผัสสาหาร เป็นหนึ่งใน อาหาร ๔ ที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสแสดงไว้

[๒๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน
อนาถปิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย อาหาร ๔ เหล่านี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรงอยู่ของหมู่สัตว์ผู้เกิดมาแล้ว
หรือเพื่ออนุเคราะห์หมู่สัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด อาหาร ๔ เป็นไฉน คือ [๑] กวฬิงกา-
*ราหารหยาบ หรือละเอียด [๒] ผัสสาหาร [๓] มโนสัญเจตนาหาร [๔]
วิญญาณาหาร อาหาร ๔ เหล่านี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรงอยู่ของหมู่สัตว์ผู้เกิด
มาแล้ว หรือเพื่ออนุเคราะห์หมู่สัตว์ผู้แสวงหาที่เกิด ฯ

[๒๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อาหาร ๔ เหล่านี้ มีอะไรเป็นเหตุ มีอะไร
เป็นที่ตั้งขึ้น มีอะไรเป็นกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด อาหาร ๔ เหล่านี้ มีตัณหาเป็น
เหตุ มีตัณหาเป็นที่ตั้งขึ้น มีตัณหาเป็นกำเนิด มีตัณหาเป็นแดนเกิด ก็ตัณหานี้
มีอะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นที่ตั้งขึ้น มีอะไรเป็นกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด
ตัณหามีเวทนาเป็นเหตุ มีเวทนาเป็นที่ตั้งขึ้น มีเวทนาเป็นกำเนิด มีเวทนาเป็น
แดนเกิด ก็เวทนานี้ มีอะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นที่ตั้งขึ้น มีอะไรเป็นกำเนิด
มีอะไรเป็นแดนเกิด เวทนามีผัสสะเป็นเหตุ มีผัสสะเป็นที่ตั้งขึ้น มีผัสสะเป็น
กำเนิด มีผัสสะเป็นแดนเกิด ก็ผัสสะนี้มีอะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นที่ตั้งขึ้น มี
อะไรเป็นกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด ผัสสะมีสฬายตนะเป็นเหตุ มีสฬายตนะ
เป็นที่ตั้งขึ้น มีสฬายตนะเป็นกำเนิด มีสฬายตนะเป็นแดนเกิด
ก็สฬายตนะนี้
มีอะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นที่ตั้งขึ้น มีอะไรเป็นกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด
สฬายตนะมีนามรูปเป็นเหตุ มีนามรูปเป็นที่ตั้งขึ้น มีนามรูปเป็นกำเนิด มีนามรูป
เป็นแดนเกิด ก็นามรูปนี้มีอะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นที่ตั้งขึ้น มีอะไรเป็นกำเนิด
มีอะไรเป็นแดนเกิด นามรูปมีวิญญาณเป็นเหตุ มีวิญญาณเป็นที่ตั้งขึ้น มีวิญญาณ
เป็นกำเนิด มีวิญญาณเป็นแดนเกิด ก็วิญญาณนี้ มีอะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นที่
ตั้งขึ้น มีอะไรเป็นกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด วิญญาณมีสังขารเป็นเหตุ มี
สังขารเป็นที่ตั้งขึ้น มีสังขารเป็นกำเนิด มีสังขารเป็นแดนเกิด ก็สังขารเหล่านี้มี
อะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นที่ตั้งขึ้น มีอะไรเป็นกำเนิด มีอะไรเป็นแดนเกิด
สังขารทั้งหลายมีอวิชชาเป็นเหตุ มีอวิชชาเป็นที่ตั้งขึ้น มีอวิชชาเป็นกำเนิด มี
อวิชชาเป็นแดนเกิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ ... ดังพรรณนามาฉะนี้ ความเกิดขึ้นแห่งกอง
ทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ฯ

[๓๐] ก็เพราะอวิชชานั้นแหละดับด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือ สังขาร
จึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ ... ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมี
ด้วยประการอย่างนี้ ฯ

@@@@@@@@@@@

จากพระสูตรเป็นปฏิโลมนัย

ผัสสาหาร อนุโลม ไล่สายลงไปก็เป็น เวทนา ๓
ผัสสาหาร ปฏิโลม ไล่สายขึ้นไปก็เป็น สฬายตนะ(อายตนะ ๖)

___________สฬายตนะ<====(ผัสสะ)====>เวทนา____

ประโยคคำพูดนั้น เอาไว้ใช้อาัศัยเรียกสติ เป็นมรณานุสติ


เจริญพร.

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2013, 16:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ผัสสาหาร อาหารคือผัสสะ ได้แก่ของ ๓ สิ่ง
คือการกระทบกันระหว่างอายตนะภายในกับอายตนะภายนอก และวิญญาณ เมื่อมีผัสสะคือการกระทบกันแล้ว จะทำให้เกิดเวทนา คือการเสวยอารมณ์และสัญญาความจำ ตลอดจนถึงเจตสิกธรรม คือธรรมอันปรุงแต่งจิตใจอย่างอื่นก็จะเกิดขึ้นติดตามมา เมื่อบุคคลกำหนดรู้ผัสสาหารได้แล้ว จะทำให้สามารถกำหนดรู้เวทนา 3 คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา และอทุกขมสุขเวทนา รวมทั้งสัญญา คือความจำได้ด้วย
ดูได้ดังนี้
จักขุปสาท+รูปารมณ์ + จักขุวิญญาณ = ผัสสะ > เวทนา
โสตปสาท+สัทธารมณ์ + โสตะวิญญาณ = ผัสสะ > เวทนา
ฆานะปสาท+คันทาารมณ์ + ฆานะวิญญาณ = ผัสสะ > เวทนา
ชิวหาปสาท+รสารมณ์ + ชิวหาวิญญาณ = ผัสสะ > เวทนา
กายปสาท+โผฏฐัพพารมณ์ + กายะวิญญาณ = ผัสสะ > เวทนา
หทยรูป + ธรรมารมณ์ + มโนวิญญาณ = ผัสสะ > เวทนา
เหล่านี้เป็นต้น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2013, 11:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2011, 13:22
โพสต์: 79


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ สาธุ สาธุ แจ่มชัดขอบคุณครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 117 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร