ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ศีล สติ สมาธิ ปัญญา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=45342 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 11 |
เจ้าของ: | อมันตรา [ 08 พ.ค. 2013, 17:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | ศีล สติ สมาธิ ปัญญา |
ทำไมต้องขึ้นด้วย ศีล สติ สมาธิ ปัญญา เพราะเหตุใดครับ |
เจ้าของ: | student [ 09 พ.ค. 2013, 00:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ศีล สติ สมาธิ ปัญญา |
เป็นหนทางการปฏิบัติตั้งแต่ระดับพื้นฐานของพุทธบริษัท4 จนกระทั่งระดับปัญญาอันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของพุทธศาสนา ทั้งนี่ทั้งนั้น ข้อปฏิบัติเหล่านี้ก็คือ พรหมจรรย์ หรือ ความประพฤติที่ต้องอาศัยซึ่งกันและกันให้สมบูรณ์ตลอดชีวิต |
เจ้าของ: | โกเมศวร์ [ 10 พ.ค. 2013, 09:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ศีล สติ สมาธิ ปัญญา |
ทำให้ทำกิจที่ควรทำได้ง่าย ลองศึกษาเรื่องนี้ต่อไหมครับ http://pobbuddha.com/tripitaka/upload/f ... index.html |
เจ้าของ: | อมันตรา [ 10 พ.ค. 2013, 09:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ศีล สติ สมาธิ ปัญญา |
สาธุ สาธุ สาธุ ขอบพระคุณครับ ทางเดินคือ อริยสัจสี่ สู่พระนิพพานด้วยอริยมรรคหรือเปล่าครับ |
เจ้าของ: | โกเมศวร์ [ 10 พ.ค. 2013, 12:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ศีล สติ สมาธิ ปัญญา |
เดี๋ยวก็รู้ ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 10 พ.ค. 2013, 21:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ศีล สติ สมาธิ ปัญญา |
อมันตรา เขียน: ทำไมต้องขึ้นด้วย ศีล สติ สมาธิ ปัญญา เพราะเหตุใดครับ ![]() สังเกตดูให้ดีนะครับคุณ อมันตรา ตอนที่จะสอนคนชั่ว..คนโง่เขลา มืดบอด...คนบาปหยาบช้าสาโหด ให้เป็นคนดีต้องสอนเรียงลำดับอย่างที่คุณว่ามานี้...ถูกต้องแล้ว ![]() ![]() แต่ตอนที่จะสอนคนดี คือกัลยาณชนผู้ประกอบด้วยศีลด้วยธรรมทั้งหลายให้เดินทางเข้าสู่พระนิพพาน...พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากลับทรงสอนให้เอาปัญญานำหน้าแล้วตามหนุนมาด้วยศีลและสมาธิ เป็น.....ปัญญา.....ศีล......สมาธิ ลองดูมรรค 8.....พระองค์ทรงเอาปัญญามรรคขึ้นก่อนคือ 1.สัมมาทิฏฐิ.....ความเห็นถูกต้อง.....ภาคปฏิบัติคือปัญญาที่ไป...ดู.....เห็น.....รู้ 2.สัมมาสังกัปปะ.....ความคิดถูกต้อง.....ภาคปฏิบัติคือปัญญาที่ไป.....สังเกต.....พิจารณา แล้วตามด้วยศีลมรรคคือ 3.สัมมาวาจา การพูดจาชอบ...คือการพูดที่นอกเหนือจากการพูดเท็จ....พูดคำหยาบ...พูดส่อเสียด....พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล 4.สัมมากัมมันตะ....การทำการงานชอบ...จำง่ายๆคือ....การงานที่ไม่ผิดศีล 5 ข้อ 5.สัมมาอาชีวะ....การประกอบอาชีพชอบ....จำง่ายๆคือ...อาชีพที่ไม่ผิดศีล 5 และไม่สนับสนุนให้ผิดศีล 5 หนุนท้ายด้วยสมาธิมรรค...คือ 6.สัมมาวายามะ....ความเพียรชอบ...แบ่งย่อยเป็น 4 ข้อคือ 6.1.บาปอกุศลเก่าๆที่เราเคยทำ.....เพียรละ.....บาปกรรมเก่าในอดีตผุดขึ้นเป็นนิวรณ์ในใจ ให้ละทันทียอมรับความจริงเสีย...แล้วใจจะไม่เศร้าหมองทำภาวนาได้ 6.2.บาปอกุศลใหม่ๆที่ยังไม่เกิด....เพียรระวัง........ไม่ให้เกิด......จำง่ายๆคือไม่ล่วงศีล 5 ข้อ 6.3.กุศลเก่าๆที่เราเคยทำ......เพียรรักษา.....และทำให้เจริญงอกงามยิ่งๆขึ้นไป 6.4.กุศลใหม่ๆทียังไม่เกิด... .เพียรทำให้เกิด .........กุศลใหม่ๆในทางสายกลางนี้พระพุทธองค์ทรงหมายถึง.......มรรค 4 มรรค ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในจิตในใจมาก่อนเลย..........พึงทำให้เกิด 7.สัมมาสติ............ความระลึกรู้ชอบ.......ในภาคปฏิบัติคือ........รู้ทันปัจจุบันอารมณ์......ระลึกได้....ไม่ลืม.... 8.สัมมาสมาธิ...............ความตั้งใจมั่นชอบ.........ในบัญญัติท่านกล่าวถึงการที่จิตสงบตั้งมั่นตามฌาณตั้งแต่ 1 -2- 3- 4 ................ในภาคปฏิบัติความตั้งใจมั่นชอบคือความตั้งใจมั่นอยู่กับการเจริญวิปัสสนาภาวนาเพื่อค้นหาให้พบ......เหตุทุกข์....แล้วเอาเหตุทุกข์ออกให้ได้...........เรื่องนิโรธหรือนิพพานนั้นเป็นเรื่องของ....ผล....เขาจะเกิดตามมาเองถ้าเหตุถูกต้องและเพียงพอ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() . |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 11 พ.ค. 2013, 00:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ศีล สติ สมาธิ ปัญญา |
สัมมาทิฐิ...เป็นปัญญา..คือความรู้...รู้ทุกข์...รู้เหตุให้เกิดทุกข์...รู้ความดับทุกข์...มันเป็นผล... ผลเกิดจากเหตุ.... เหตุ..คือได้ฟังธรรมของของกัลญาณมิตร..เข้าใจธรรมของกัลยาณมิตร...จนเป็นกัลยาณชน ถ้าฟังครั้งเดียวแล้วตาสว่าง....การฟังนั้นต้องประกอบด้วยศีล...คือความปกติของใจ...สมาธิ..คือ..ความตั้งมั่น ดังนั้น...สัมมาทิฐิจะเกิดได้....ศีล....สมาธิ...ต้องเกิดก่อน |
เจ้าของ: | asoka [ 11 พ.ค. 2013, 09:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ศีล สติ สมาธิ ปัญญา |
กบนอกกะลา เขียน: สัมมาทิฐิ...เป็นปัญญา..คือความรู้...รู้ทุกข์...รู้เหตุให้เกิดทุกข์...รู้ความดับทุกข์...มันเป็นผล... ผลเกิดจากเหตุ.... เหตุ..คือได้ฟังธรรมของของกัลญาณมิตร..เข้าใจธรรมของกัลยาณมิตร...จนเป็นกัลยาณชน ถ้าฟังครั้งเดียวแล้วตาสว่าง....การฟังนั้นต้องประกอบด้วยศีล...คือความปกติของใจ...สมาธิ..คือ..ความตั้งมั่น ดังนั้น...สัมมาทิฐิจะเกิดได้....ศีล....สมาธิ...ต้องเกิดก่อน ![]() สัมมาทิฏฐิที่เกิดจากการได้ฟังธรรมใคร่ครวญตามธรรมที่กัลยาณมิตรบอกกล่าวนั้น....เป็นสัมมาทิฏฐิโดยทฤษฎี....ยังไม่สามารถทำลายมิจฉาทิฏฐิ...ความเห็นผิดได้โดยเด็ดขาด....ต้องลงมือปฏิบัติ พิสูจน์ธรรมจริงๆ ตอนพิสูจน์ธรรมจริงๆนี่แหละที่จะต้องเอาปัญญามานำหน้า....สติ...สมาธิเป็นกองหนุน...จึงจะสามารถทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิโดยภาคปฏิบัติ หรือสัมมาทิฏฐิที่แท้จริง...ทำลายมิจฉาทิฏฐิได้จริงๆ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 11 พ.ค. 2013, 13:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ศีล สติ สมาธิ ปัญญา |
ฟังแล้วตาสว่างในที่นั้เดียว....มันมีขึ้นได้...ไม่ใช่จำได้แบบทฤษฎี... มันไม่ได้มีแค่อย่างเดียวหรอก....ใครเขาได้มันก็เรื่องของเขา.. และ..ที่ผมว่ามา...ก็เป็นการยกตัวอย่างว่า...ถ้า... อิอิ..จุดประสงค์ก็คือต้องการพูดเรื่องศีล...สมาธิ... แม้..สัมมาทิฐิอันแรกจะยังมาอาจฆ่ากิเลสทั้งหมดในคราวเดียวได้...อาจจะเป็นเพียงความเห็นที่ถูกต้องเท่านั้น... |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 11 พ.ค. 2013, 13:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ศีล สติ สมาธิ ปัญญา |
การฟัง....การพิจารณาตามธรรมที่กำลังฟังอยู่....นี้แหละการปฏิบัติ..หรือว่า...การปฏิบัติของอโศกะต้องไปในที่ที่พิเศษ..นั้งเงียบ ๆ...อิอิ.. การฟังธรรม....การฟัง.เป็นปริยัติ การพิจารณาตาม...เป็นปฏิบัติ ใจที่สงบจากการระงับธรรมอันนั้นได้...เป็นปฏิเวท จะเห็นว่าการฟังธรรมอย่างเดียว....เราได้ทำครบทั้ง 3 อย่างคือ....ได้ทึ้ง...ปริยัติ....ปฏิบัติ...และ..ปฏิเวท.... ถ้าทำเป็น...อะนะ..อิอิ |
เจ้าของ: | จัทร์เพ็ญ [ 11 พ.ค. 2013, 19:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ศีล สติ สมาธิ ปัญญา |
อมันตรา เขียน: ทำไมต้องขึ้นด้วย ศีล สติ สมาธิ ปัญญา เพราะเหตุใดครับ ไม่เคยได้ยิน ได้ยินแต่ ศีล สมาธิ ปัญญา เพิ่มเองหรือเปล่าค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | อมันตรา [ 13 พ.ค. 2013, 10:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ศีล สติ สมาธิ ปัญญา |
หรือว่าเป็น ถือศีลอย่างมีสติ ทำสมาธิอย่างมีสติ เดินปัญญาอย่างมีสติ ก็เลยนำสติมาควบคุม กาย วาจา ใจ ผิดถูกประการใดขออภัยนะครับ |
เจ้าของ: | คนธรรมดาๆ [ 13 พ.ค. 2013, 10:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ศีล สติ สมาธิ ปัญญา |
เป็นศีล สมาธิ ปัญญา แบบนี้ เพราะเรียงลำดับตามเหตุไปหาผล สำหรับคนที่ยังไม่ถึงผล ปรารถนาจะได้ผล ควรใส่ใจทำเหตุของผลนั้นให้มาก จะสังเกตได้ว่าข้อธรรมส่วนมากมักนำเหตุขึ้นก่อนผลเสมอ ปัญญาบางอย่าง เกิดไม่ได้ถ้าใจไม่เป็นกลาง ใจเป็นกลางได้ยาก ถ้ากายและวาจายังไม่เป็นกลาง ศีล ใช้ควบคุมกายและวาจาให้เป็นกลาง ผลของศีลคือไลฟสไตล์แบบนี้จะมีเรื่องร้อนใจรบกวนน้อย การใช้ชีวิตเป็นที่สบายของใจ ใจจะสงบได้ง่ายขึ้น เป็นเหตุให้เกิดสมาธิง่ายขึ้น นอกจากนี้ คนมีศีลคือใจมีพื้นฐานรักความดี เกรงกลัวความชั่ว จิตใจแบบนี้เข้ากันได้กับธรรมะ คนแบบนี้จะรับธรรมะเข้าสู่ใจได้ง่าย สติกับสมาธิ ถ้าเจริญอย่างถูกต้องก็จะเป็นเรื่องเดียวกัน ผลคือทำให้ใจเป็นกลาง เมื่อใจเป็นกลาง ก็จะรับรู้เรื่องต่างๆที่ผ่านเข้ามาอย่างปราศจากอคติ ทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆในแง่มุมใหม่ วันดีคืนดีก็จะเกิดความตระหนักในความจริงของสิ่งที่เห็น และพร้อมกันนั้นก็จะรู้ในความผิดปกติของใจอันเป็นนิสัยความเคยชินเดิมที่ทำให้มองสิ่งเดียวกันนั้นผิดไปมาตลอด นี่ก็คือปัญญาที่พวกเราอยากได้ ปัญญาที่ทำให้หายทุกข์ |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 13 พ.ค. 2013, 13:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ศีล สติ สมาธิ ปัญญา |
คนธรรมดาๆ เขียน: เป็นศีล สมาธิ ปัญญา แบบนี้ เพราะเรียงลำดับตามเหตุไปหาผล สำหรับคนที่ยังไม่ถึงผล ปรารถนาจะได้ผล ควรใส่ใจทำเหตุของผลนั้นให้มาก จะสังเกตได้ว่าข้อธรรมส่วนมากมักนำเหตุขึ้นก่อนผลเสมอ ปัญญาบางอย่าง เกิดไม่ได้ถ้าใจไม่เป็นกลาง ใจเป็นกลางได้ยาก ถ้ากายและวาจายังไม่เป็นกลาง ศีล ใช้ควบคุมกายและวาจาให้เป็นกลาง ผลของศีลคือไลฟสไตล์แบบนี้จะมีเรื่องร้อนใจรบกวนน้อย การใช้ชีวิตเป็นที่สบายของใจ ใจจะสงบได้ง่ายขึ้น เป็นเหตุให้เกิดสมาธิง่ายขึ้น นอกจากนี้ คนมีศีลคือใจมีพื้นฐานรักความดี เกรงกลัวความชั่ว จิตใจแบบนี้เข้ากันได้กับธรรมะ คนแบบนี้จะรับธรรมะเข้าสู่ใจได้ง่าย สติกับสมาธิ ถ้าเจริญอย่างถูกต้องก็จะเป็นเรื่องเดียวกัน ผลคือทำให้ใจเป็นกลาง เมื่อใจเป็นกลาง ก็จะรับรู้เรื่องต่างๆที่ผ่านเข้ามาอย่างปราศจากอคติ ทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆในแง่มุมใหม่ วันดีคืนดีก็จะเกิดความตระหนักในความจริงของสิ่งที่เห็น และพร้อมกันนั้นก็จะรู้ในความผิดปกติของใจอันเป็นนิสัยความเคยชินเดิมที่ทำให้มองสิ่งเดียวกันนั้นผิดไปมาตลอด นี่ก็คือปัญญาที่พวกเราอยากได้ ปัญญาที่ทำให้หายทุกข์ ![]() เห็นด้วย ๆ ศีล สมาธิ ปัญญา ส่วน ปัญญา ศีล สมาธิ นั้นเป็นความเข้าใจคนละอย่างกัน ปัญญาอันเป็นในส่วนผล กะปัญญาในความเป็นเหตุ ประกอบด้วยองค์เจตสิกต่างกัน เพราะปัญญาอันเป็นผลนั้น ..เป็นโสภณแล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มเจตสิกที่ล่วงอกุศล..และกุศลมาแล้ว ซึ่งจะไปเดินศีลและสมาธิเพื่อละอกุศลทำไม และจะไปเดินสมาธิเพื่อละกุศล...เพื่อทรงอารมณ์อุเบกขาทำไม ปัญญาเจตสิก ..ถึงตามนั้น..ก็เห็นตามนั้น ไม่กลับหน้ากลับหลัง... |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 13 พ.ค. 2013, 14:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ศีล สติ สมาธิ ปัญญา |
แม้จะกล่าวเอาปัญญามานำ แต่ทบทวนดูจิต เจตสิกที่ประกอบเป็นอะไร เจตสิกโซนอกุศลยังเข้าครองอยู่ใช่มั๊ย จึงต้องตามด้วยศีลเพื่อน้อมนำกุศลจิต/เจตสิกเข้ามา ความรู้ความเข้าใจในสัมมาทิฐิ เป็นสังขารอันเนื่องด้วยสัญญาน้อมนำในกุศลธรรม เพื่อนำมาปฏิบัติ...เพื่อยังจิตสู่กุศลจิต เป็นการปฏิบัติในระดับศีล ความเชื่อในสัมมาทิฐิ .และน้อมนำมาปฏิบัติ กะ ปฏิบัติจนได้สัมมาทิฐิ..องค์เจตสิกต่างกัน... |
หน้า 1 จากทั้งหมด 11 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |