วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 03:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 142 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2013, 04:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่อง"ติดไม่ติด" มันเป็นเรื่องใจเขา ใจเรา อย่างเอาใจเราไม่ตัดสินเขา
หรือไปเอาแบบอย่างจากเขาแล้วมาตัดสินตัวเรา

เรื่อง"ติดหรือไม่ติด" มันเป็นเรื่องของสัมมาศีล อันประกอบด้วย
สัมมาอาชีวะและสัมมากัมมันตะ

การสูบบุหรี่หรือไม่สูบมันเป็นเรื่องของ สัมมากัมมันตะ โดยมีสัมมาอาชีวะเป็นส่วนประกอบ

การพิจารณาเรื่องนี้ง่ายมาก ถ้าเราแยกเรื่องกายกับจิตใจออกจากกัน

เคยได้ยินมั้ยว่าใจไม่อยาก แต่จำเป็นต้องทำ อย่างเช่นการกินอาหารเช้า
บางคนไม่ชอบกินข้าวเช้า แต่ทำไมต้องกิน ก็เพราะมันเป็นประโยช์ต่อร่างกาย
และถ้าเราต้องกินอาหารเช้าทุกวัน ด้วยเหตุผลอย่างนี้ จะเรียกว่าติดหรือเปล่า
ก็ใจมันไม่อยากแต่ทำไมต้องกินแบบนี้เขาเรียกสัมมาอาชีวะและสัมมากัมมันตะ

แล้วอย่างไรเรียกว่าติด นั้นก็คือ กินข้าวแกงทุกเช้า แต่วันนั้นมีแต่ก๊วยเตี๋ยว
เลยไม่อยากกินก๋วยเตี๋ยว แบบนี้เขาเรียกว่า ไม่มีสัมมาอาชีวะ และสัมมากัมมันตะ
ความไม่อยากกินก๊วยเตี๋ยว เกิดจาก"ติดข้าวแกง"

เรื่องบุหรี่ก็เช่นกัน เราต้องดูถ้ามันเกี่ยวข้องกับอิทธิบาท เช่นหมอผ่าตัด
หรือนักประพันธ์ เขาสูบเวลาที่เขาทำงานเพื่อคลายความกังวล มีสมาธิ
แต่ถ้าหมอหรือนักประพันธ์มีวิธีทำสมาธิ ที่ดีกว่าสูบบุหรี(มีโทษน้อยกว่า)
แต่ไม่เอายังเลือกที่จะสูบบุหรี่ แบบนี้เขาเรียก เสพติด :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2013, 05:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เรื่อง"ติดไม่ติด" มันเป็นเรื่องใจเขา ใจเรา อย่างเอาใจเราไม่ตัดสินเขา
หรือไปเอาแบบอย่างจากเขาแล้วมาตัดสินตัวเรา

เรื่อง"ติดหรือไม่ติด" มันเป็นเรื่องของสัมมาศีล อันประกอบด้วย
สัมมาอาชีวะและสัมมากัมมันตะ

การสูบบุหรี่หรือไม่สูบมันเป็นเรื่องของ สัมมากัมมันตะ โดยมีสัมมาอาชีวะเป็นส่วนประกอบ

การพิจารณาเรื่องนี้ง่ายมาก ถ้าเราแยกเรื่องกายกับจิตใจออกจากกัน

เคยได้ยินมั้ยว่าใจไม่อยาก แต่จำเป็นต้องทำ อย่างเช่นการกินอาหารเช้า
บางคนไม่ชอบกินข้าวเช้า แต่ทำไมต้องกิน ก็เพราะมันเป็นประโยช์ต่อร่างกาย
และถ้าเราต้องกินอาหารเช้าทุกวัน ด้วยเหตุผลอย่างนี้ จะเรียกว่าติดหรือเปล่า
ก็ใจมันไม่อยากแต่ทำไมต้องกินแบบนี้เขาเรียกสัมมาอาชีวะและสัมมากัมมันตะ

แล้วอย่างไรเรียกว่าติด นั้นก็คือ กินข้าวแกงทุกเช้า แต่วันนั้นมีแต่ก๊วยเตี๋ยว
เลยไม่อยากกินก๋วยเตี๋ยว แบบนี้เขาเรียกว่า ไม่มีสัมมาอาชีวะ และสัมมากัมมันตะ
ความไม่อยากกินก๊วยเตี๋ยว เกิดจาก"ติดข้าวแกง"

เรื่องบุหรี่ก็เช่นกัน เราต้องดูถ้ามันเกี่ยวข้องกับอิทธิบาท เช่นหมอผ่าตัด
หรือนักประพันธ์ เขาสูบเวลาที่เขาทำงานเพื่อคลายความกังวล มีสมาธิ
แต่ถ้าหมอหรือนักประพันธ์มีวิธีทำสมาธิ ที่ดีกว่าสูบบุหรี(มีโทษน้อยกว่า)
แต่ไม่เอายังเลือกที่จะสูบบุหรี่ แบบนี้เขาเรียก เสพติด :b13:



มีคนติดยาบ้าคนหนึ่ง (นี่พูดจริงๆ) เขาบอก ว่าเสพยาบ้าแล้วนั่งสมาธิเพลินเชียเขาว่างั้น

โฮฮับนี่ ไม่บ้าก็เมา หรือไม่ก็มีความคิดวิปริตผิดมนุษย์ คือเอาศัพท์ทางธรรมมาละเลงให้เข้ากับความคิดที่วิปริตของตัว อนาถครับ ชาวพุทธประเภทนี้มีเยอะครับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2013, 06:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมว่า คิดสูบบุหรี่ ยังไงก็ไม่น่าจะถึงอรหันต์ได้ครับ

แต่ถ้าตั้งแต่ ระดับ อรหันต์ลงมา ผมเชื่อว่า สามารถถึงได้ครับ อย่างโสดาบัน อนาคามี ประมาณนี้นะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2013, 07:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2010, 10:10
โพสต์: 104

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ต้อยตีวิด เขียน:
ทำไม s006 หลวงตาฯ ท่านยังเคี้ยวหมาก หลวงปู่แหวนยังสูบบุหรี่ ? ขอบคุณคะ
(หมายถึงสมัยที่ท่านยังดำรงขันธ์อยู่อ่ะคะ) :b8:


ถามเพราะอยากรู้..อยากเข้าใจเพิ่มขึ้น..ก็ไม่เป็นไร..
แต่ถ้าถาม...เพราะเห็นว่าเรื่องนี้มันจุดประเด็นได้ง่าย...ให้คนสงสัยในคุณธรรมของอริยะสงฆ์..แล้วละก้อ...กรรมหนักนะคุณ
แค่ถามให้เป็นประเด็นเล่น ๆ ไม่ได้คิดอะไร...แต่ดันมีคนสงสัยในคุณธรรมของอริยะสงฆ์จริง ๆ เข้า...ก็กรรมเหมือนกันอีก

จะเห็นว่า..การถามแบบนี้มีแต่เสมอตัวกับเสีย...

ขออภัยด้วยนะค่ะ คำถามกำกวมไปหน่อย :b8: แต่ก็ได้คำตอบที่ต้องการแล้วละค่ะ :b20:
ขอบคุณคะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2013, 09:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ถ้าแพ้กิเลส...ยังงัยก็ไม่ถึงอรหันต์..อยู่แล้วครับ...แต่ต้องเป็นการแพ้..ณ. ปัจจุบันขณะ..นั้น...นั้น..นะครับ
ไม่ใช่แพ้เมื่อวาน...แล้ววันนี้จะเป็นอรหันไม่ได้
ไม่ใช่แพ้เมื่อชั่วโมงที่แล้ว...แล้วชั่วโมงนี้จะเป็นอรหันต์ไม่ได้
ไม่ใช่แพ้เมื่อนาทีที่แล้ว...แล้วนาทีนี้จะเป็นอรหันไม่ได้

มีกรรมอยู่ประเภทเดียว..ที่ทำแล้ว...ชาติที่ทำนั้นไม่สามารถเป็นอรหันต์ได้เลย...คือ..อนัตตริยกรรม..ครับ

อย่าว่าแค่ติดบุหรี....กินเหล้าเมาอยู่แท้ ๆ...อย่างมหาอำมาตย์อะไรนะจำชื่อไม่ได้...เศร้าเพราะนางรำตาย...ฟังเทศน์พระพุทธเจ้า...สำเร็จอรหันต์ในยามนั้นได้เลย..(ความเสียใจทำให้สร่างเมา)

นี้ศีลข้อ5 นะ....ขนาดศีลข้อ1..เคยฆ่าคนมาตั้งเกือบพัน...ยังสำเร็จอรหันต์ได้เลย
เพราะที่ทำ...มันเป็นอดีตไปหมดแล้ว....แต่ ณ. ปัจจุบันขณะนั้น...ท่านไม่ผิดศีล...ศีลก็บริสุทธิ์...จังหวะทีบริสุทธิ์นั้นท่านทำกิจของท่าฯนสำเร็จได้...นั้นมันวาสนาของท่าน...นะ..ห้ามลอกเลียนแบบ

พวกเรามันครบตั้งไม่รู้กี่ที....ก็ยังปุถุชนอยู่เลย..อิอิ...ต้องเพียรไปเรื่อย ๆ แหละ...จะไปเลียนแบบวาสนาใครไม่ได้หรอก

ขอค้านความเห็นท่านกบที่ไปหยิบเอาเรื่ององคุลีมาลมาเป็นตัวอย่างของคนที่กระทำผิดศีลข้อปานาปาติบาต(พิมผิดขออภัยล่วงหน้าพอดีไม่ค่อยยึดติดสมมติบัญญัติ)แล้วบอกว่ายังสำเร็จอรหันต์ได้ องค์คุลีมารฆ่าคนเพราะความไม่รู้อวิชชา(เพราะมีอาจารย์สอนไปในทางที่ผิดคิดว่าฆ่าคนจะบรรลฺธรรมได้)แต่อย่างเราๆ ท่านๆสมัยนี้ฆ่าคนก็ติดคุกแถมไม่สามารถดำรงค์ตนให้อยู่ในศีลห้าได้ ยังงัยก็ร่วงไปสู่อบายภูมิ :b13:


ไม่เห็นประเด็นที่คุณน้องค้านเลย...เห้นแต่ว่า...ส่วนทีส่งเสริมมากกว่า...

รึผมอ่านไม่ได้ศัพท์เองก็ไม่รู้...อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2013, 10:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
nongkong เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ถ้าแพ้กิเลส...ยังงัยก็ไม่ถึงอรหันต์..อยู่แล้วครับ...แต่ต้องเป็นการแพ้..ณ. ปัจจุบันขณะ..นั้น...นั้น..นะครับ
ไม่ใช่แพ้เมื่อวาน...แล้ววันนี้จะเป็นอรหันไม่ได้
ไม่ใช่แพ้เมื่อชั่วโมงที่แล้ว...แล้วชั่วโมงนี้จะเป็นอรหันต์ไม่ได้
ไม่ใช่แพ้เมื่อนาทีที่แล้ว...แล้วนาทีนี้จะเป็นอรหันไม่ได้

มีกรรมอยู่ประเภทเดียว..ที่ทำแล้ว...ชาติที่ทำนั้นไม่สามารถเป็นอรหันต์ได้เลย...คือ..อนัตตริยกรรม..ครับ

อย่าว่าแค่ติดบุหรี....กินเหล้าเมาอยู่แท้ ๆ...อย่างมหาอำมาตย์อะไรนะจำชื่อไม่ได้...เศร้าเพราะนางรำตาย...ฟังเทศน์พระพุทธเจ้า...สำเร็จอรหันต์ในยามนั้นได้เลย..(ความเสียใจทำให้สร่างเมา)

นี้ศีลข้อ5 นะ....ขนาดศีลข้อ1..เคยฆ่าคนมาตั้งเกือบพัน...ยังสำเร็จอรหันต์ได้เลย
เพราะที่ทำ...มันเป็นอดีตไปหมดแล้ว....แต่ ณ. ปัจจุบันขณะนั้น...ท่านไม่ผิดศีล...ศีลก็บริสุทธิ์...จังหวะทีบริสุทธิ์นั้นท่านทำกิจของท่าฯนสำเร็จได้...นั้นมันวาสนาของท่าน...นะ..ห้ามลอกเลียนแบบ

พวกเรามันครบตั้งไม่รู้กี่ที....ก็ยังปุถุชนอยู่เลย..อิอิ...ต้องเพียรไปเรื่อย ๆ แหละ...จะไปเลียนแบบวาสนาใครไม่ได้หรอก

ขอค้านความเห็นท่านกบที่ไปหยิบเอาเรื่ององคุลีมาลมาเป็นตัวอย่างของคนที่กระทำผิดศีลข้อปานาปาติบาต(พิมผิดขออภัยล่วงหน้าพอดีไม่ค่อยยึดติดสมมติบัญญัติ)แล้วบอกว่ายังสำเร็จอรหันต์ได้ องค์คุลีมารฆ่าคนเพราะความไม่รู้อวิชชา(เพราะมีอาจารย์สอนไปในทางที่ผิดคิดว่าฆ่าคนจะบรรลฺธรรมได้)แต่อย่างเราๆ ท่านๆสมัยนี้ฆ่าคนก็ติดคุกแถมไม่สามารถดำรงค์ตนให้อยู่ในศีลห้าได้ ยังงัยก็ร่วงไปสู่อบายภูมิ :b13:


ไม่เห็นประเด็นที่คุณน้องค้านเลย...เห้นแต่ว่า...ส่วนทีส่งเสริมมากกว่า...

รึผมอ่านไม่ได้ศัพท์เองก็ไม่รู้...อิอิ

ศิษย์ตถาคตเราก็ต้องชักจูงกันเพื่อให้เกิดสัมมาปฏิบัติ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2013, 12:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เรื่อง"ติดไม่ติด" มันเป็นเรื่องใจเขา ใจเรา อย่างเอาใจเราไม่ตัดสินเขา
หรือไปเอาแบบอย่างจากเขาแล้วมาตัดสินตัวเรา

เรื่อง"ติดหรือไม่ติด" มันเป็นเรื่องของสัมมาศีล อันประกอบด้วย
สัมมาอาชีวะและสัมมากัมมันตะ

การสูบบุหรี่หรือไม่สูบมันเป็นเรื่องของ สัมมากัมมันตะ โดยมีสัมมาอาชีวะเป็นส่วนประกอบ

การพิจารณาเรื่องนี้ง่ายมาก ถ้าเราแยกเรื่องกายกับจิตใจออกจากกัน

เคยได้ยินมั้ยว่าใจไม่อยาก แต่จำเป็นต้องทำ อย่างเช่นการกินอาหารเช้า
บางคนไม่ชอบกินข้าวเช้า แต่ทำไมต้องกิน ก็เพราะมันเป็นประโยช์ต่อร่างกาย
และถ้าเราต้องกินอาหารเช้าทุกวัน ด้วยเหตุผลอย่างนี้ จะเรียกว่าติดหรือเปล่า
ก็ใจมันไม่อยากแต่ทำไมต้องกินแบบนี้เขาเรียกสัมมาอาชีวะและสัมมากัมมันตะ

แล้วอย่างไรเรียกว่าติด นั้นก็คือ กินข้าวแกงทุกเช้า แต่วันนั้นมีแต่ก๊วยเตี๋ยว
เลยไม่อยากกินก๋วยเตี๋ยว แบบนี้เขาเรียกว่า ไม่มีสัมมาอาชีวะ และสัมมากัมมันตะ
ความไม่อยากกินก๊วยเตี๋ยว เกิดจาก"ติดข้าวแกง"

เรื่องบุหรี่ก็เช่นกัน เราต้องดูถ้ามันเกี่ยวข้องกับอิทธิบาท เช่นหมอผ่าตัด
หรือนักประพันธ์ เขาสูบเวลาที่เขาทำงานเพื่อคลายความกังวล มีสมาธิ
แต่ถ้าหมอหรือนักประพันธ์มีวิธีทำสมาธิ ที่ดีกว่าสูบบุหรี(มีโทษน้อยกว่า)
แต่ไม่เอายังเลือกที่จะสูบบุหรี่ แบบนี้เขาเรียก เสพติด :b13:

แสดงความเห็นแบบนี้เด่วได้เมาหมัดน้องคิงคองหรอก พี่โฮฮับ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2013, 13:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


choochu เขียน:
ผมว่า คิดสูบบุหรี่ ยังไงก็ไม่น่าจะถึงอรหันต์ได้ครับ

แต่ถ้าตั้งแต่ ระดับ อรหันต์ลงมา ผมเชื่อว่า สามารถถึงได้ครับ อย่างโสดาบัน อนาคามี ประมาณนี้นะครับ

เข้าใจผิดแล้ว ดูดบุหรี่เป็นพระอนาคาไม่ได้หรอก เหตุผลก็เพราะพระอนาคามีศีลพรหมจรรย์ ท่านเห็นโทษเห็นภัยของกายสังขารเห็นความไม่เที่ยง แล้วเรื่องอะไรท่านจะแกว่งเท้าหาเสี้ยน นำสิ่งที่เป็นโทษไร้ประโยชน์มาเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2013, 14:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


แล้วถ้าติดหมากล่ะ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2013, 14:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
choochu เขียน:
ผมว่า คิดสูบบุหรี่ ยังไงก็ไม่น่าจะถึงอรหันต์ได้ครับ

แต่ถ้าตั้งแต่ ระดับ อรหันต์ลงมา ผมเชื่อว่า สามารถถึงได้ครับ อย่างโสดาบัน อนาคามี ประมาณนี้นะครับ

เข้าใจผิดแล้ว ดูดบุหรี่เป็นพระอนาคาไม่ได้หรอก เหตุผลก็เพราะพระอนาคามีศีลพรหมจรรย์ ท่านเห็นโทษเห็นภัยของกายสังขารเห็นความไม่เที่ยง แล้วเรื่องอะไรท่านจะแกว่งเท้าหาเสี้ยน นำสิ่งที่เป็นโทษไร้ประโยชน์มาเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น :b13:

ของหวานของเค็มเป็นโทษหรือเปล่า ก่อนฉันอาหารต้องเติมเครื่องปรุงรส
แบบเขาเรียก เสพติดหรือเปล่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2013, 14:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
nongkong เขียน:
choochu เขียน:
ผมว่า คิดสูบบุหรี่ ยังไงก็ไม่น่าจะถึงอรหันต์ได้ครับ

แต่ถ้าตั้งแต่ ระดับ อรหันต์ลงมา ผมเชื่อว่า สามารถถึงได้ครับ อย่างโสดาบัน อนาคามี ประมาณนี้นะครับ

เข้าใจผิดแล้ว ดูดบุหรี่เป็นพระอนาคาไม่ได้หรอก เหตุผลก็เพราะพระอนาคามีศีลพรหมจรรย์ ท่านเห็นโทษเห็นภัยของกายสังขารเห็นความไม่เที่ยง แล้วเรื่องอะไรท่านจะแกว่งเท้าหาเสี้ยน นำสิ่งที่เป็นโทษไร้ประโยชน์มาเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น :b13:

ของหวานของเค็มเป็นโทษหรือเปล่า ก่อนฉันอาหารต้องเติมเครื่องปรุงรส
แบบเขาเรียก เสพติดหรือเปล่า

บอกแล้วว่าให้มีสติพิจารณาใคร่ครวญธรรม หรือที่เรียกว่าโยนิโสมนสิการ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2013, 15:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
nongkong เขียน:
choochu เขียน:
ผมว่า คิดสูบบุหรี่ ยังไงก็ไม่น่าจะถึงอรหันต์ได้ครับ

แต่ถ้าตั้งแต่ ระดับ อรหันต์ลงมา ผมเชื่อว่า สามารถถึงได้ครับ อย่างโสดาบัน อนาคามี ประมาณนี้นะครับ

เข้าใจผิดแล้ว ดูดบุหรี่เป็นพระอนาคาไม่ได้หรอก เหตุผลก็เพราะพระอนาคามีศีลพรหมจรรย์ ท่านเห็นโทษเห็นภัยของกายสังขารเห็นความไม่เที่ยง แล้วเรื่องอะไรท่านจะแกว่งเท้าหาเสี้ยน นำสิ่งที่เป็นโทษไร้ประโยชน์มาเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น :b13:

ของหวานของเค็มเป็นโทษหรือเปล่า ก่อนฉันอาหารต้องเติมเครื่องปรุงรส
แบบเขาเรียก เสพติดหรือเปล่า


ถ้าติดในรสชาติ ก็ยังเป็นเครื่องกั้น ไม่ให้ถึง อรหันต์ แน่แท้ครับ ท่านโฮฮับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2013, 04:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
โฮฮับ เขียน:
nongkong เขียน:
choochu เขียน:
ผมว่า คิดสูบบุหรี่ ยังไงก็ไม่น่าจะถึงอรหันต์ได้ครับ

แต่ถ้าตั้งแต่ ระดับ อรหันต์ลงมา ผมเชื่อว่า สามารถถึงได้ครับ อย่างโสดาบัน อนาคามี ประมาณนี้นะครับ

เข้าใจผิดแล้ว ดูดบุหรี่เป็นพระอนาคาไม่ได้หรอก เหตุผลก็เพราะพระอนาคามีศีลพรหมจรรย์ ท่านเห็นโทษเห็นภัยของกายสังขารเห็นความไม่เที่ยง แล้วเรื่องอะไรท่านจะแกว่งเท้าหาเสี้ยน นำสิ่งที่เป็นโทษไร้ประโยชน์มาเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น :b13:

ของหวานของเค็มเป็นโทษหรือเปล่า ก่อนฉันอาหารต้องเติมเครื่องปรุงรส
แบบเขาเรียก เสพติดหรือเปล่า

บอกแล้วว่าให้มีสติพิจารณาใคร่ครวญธรรม หรือที่เรียกว่าโยนิโสมนสิการ :b13:

มีสติพิจารณาใคร่ครวญธรรม เขาไม่เรียก โยนิโสมนสิการ
แต่เขาเรียก ธัมมวิจยะ

ส่วนโยนิโสนมสิการ หมายถีง การน้อมเอาปัญญา(สัมมาทิฐิ)มาเป็นหลักในการพิจารณาธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2013, 14:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


cool cool cool สวัสดีชาวโลก
กำลังโหลดโปรแกรมตัวใหญ่ เลยมีเวลาเข้ามาป่วน :b32: :b32: :b32:

สังโยชน์ 10 ประการ ฉบับไฮเทค
สักกายทิฏฐิ (อัตตา, ตัวกูของกู), วิจิกิจฉา (ความงมงาย), สีลัพพตปรามาส (ยึดติดในรูปแบบ-ข้อห้าม-พิธี), กามราคะ, ปฏิฆะ (เห็นสิ่งใดแล้ว เกิดกระทบต่อใจ)

รูปราคะ (ยึดมั่นในรูป), อรูปราคะ (ยึดมั่นในความไม่มีรูป), มานะ (เห็นว่าเราเป็นนั่นเป็นนี่), อุทธัจจะ (จินตนาการฟุ้งซ่าน) และอวิชชา (แม่ง... โดนต้ม :b32: ก็... รู้จักพิจารณาในความเป็นจริงและไม่จริง)

รู้ดังนี้แล้ว ก็พิจารณาเอาเอง...

แถมว่า... เมาเหล้า เป็นศีล เพราะมันทำลายระบบประสาท หรือว่าอีกแบบ ทำให้อัตตาเราเปลี่ยนในทางที่แย่ลง. เป็นศีลข้อเดียวที่เบียดเบียนตนเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2013, 14:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
cool cool cool สวัสดีชาวโลก
กำลังโหลดโปรแกรมตัวใหญ่ เลยมีเวลาเข้ามาป่วน :b32: :b32: :b32:

สังโยชน์ 10 ประการ ฉบับไฮเทค
สักกายทิฏฐิ (อัตตา, ตัวกูของกู), วิจิกิจฉา (ความงมงาย), สีลัพพตปรามาส (ยึดติดในรูปแบบ-ข้อห้าม-พิธี), กามราคะ, ปฏิฆะ (เห็นสิ่งใดแล้ว เกิดกระทบต่อใจ)

รูปราคะ (ยึดมั่นในรูป), อรูปราคะ (ยึดมั่นในความไม่มีรูป), มานะ (เห็นว่าเราเป็นนั่นเป็นนี่), อุทธัจจะ (จินตนาการฟุ้งซ่าน) และอวิชชา (แม่ง... โดนต้ม :b32: ก็... รู้จักพิจารณาในความเป็นจริงและไม่จริง)

รู้ดังนี้แล้ว ก็พิจารณาเอาเอง...

แถมว่า... เมาเหล้า เป็นศีล เพราะมันทำลายระบบประสาท หรือว่าอีกแบบ ทำให้อัตตาเราเปลี่ยนในทางที่แย่ลง. เป็นศีลข้อเดียวที่เบียดเบียนตนเอง



แบ่งปัน กัน ด้วยสิ ชาวโลก


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 142 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 136 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร