วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 00:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2013, 18:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2011, 17:26
โพสต์: 353


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2013, 19:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


โดยปกติคนพูดมาก เป็นการใช้พลังจากข้างในมากไปด้วย รวมทั้งเป็นการส่งจิตออกนอกตัวมากตามไปด้วยคะ แม้แต่จะเป็นการพูดธรรมะมากก็ตาม หากมีสัมมาสติเป็นตัวรั้งไว้ การส่งจิตออกนอกตัวก็จะน้อยลงไปตามลำดับคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2013, 20:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1:

ธรรม บาง ธรรม ก็พูดจากข้างนอก บ้าง
ธรรม บาง ธรรม ก็พูดจากข้างใน บ้าง

การพูด ธรรม จากข้างใน เป็นงัย...หนอ

:b30: :b30: :b30:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2013, 20:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


deecup เขียน:
คนพูดธรรมะมาก เกี่ยวกับจิตส่งออกมาก ไหมครับ

"จิตส่งออก" หมายถึง การพูดการคิดแต่เรื่องชาวบ้าน คิดแต่เรื่องโลกธรรม
eragon_joe เขียน:
:b1:

ธรรม บาง ธรรม ก็พูดจากข้างนอก บ้าง
ธรรม บาง ธรรม ก็พูดจากข้างใน บ้าง

การพูด ธรรม จากข้างใน เป็นงัย...หนอ

:b30: :b30: :b30:

พูดธรรมข้างนอก คือ พูดจากตำรา จากหนังสือ ฯลฯ เรียกว่าพูดจาก "สัญญา"
พูดธรรมข้างใน คือ พูดจาก "ปัญญา" ตัวเองล้วน ๆ

พูดธรรมมาก จาก "สัญญา" ก็มี
พูดธรรมาก จาก "ปัญญา" ก็มี

พระพุทธเจ้า พระอรหันตสาวกท่านพูดมากก็จริง แต่มาจาก "ปัญญา" ล้วน ๆ
พวกเราเนี๊ยนะ ส่วนมากพูดจาก "สัญญา" ทั้งนั้นแหละ รวมทั้งข้าน้อย ..อิอิ


:b13: :b13:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2013, 22:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




Prayim_resize.jpg
Prayim_resize.jpg [ 86.69 KiB | เปิดดู 4929 ครั้ง ]
:b8:
อ้างคำพูด:
คนพูดธรรมะมาก เกี่ยวกับจิตส่งออกมาก ไหมครับ

:b27:
เป็นคำถามที่ดี จะทำให้เกิดการชี้ธรรมที่ถูกต้องของพระบรมศาสดาครับ
:b20:
ถ้าเป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงสอนแล้ว ต้องส่งจิตเข้าข้างใน เอาเหตุการณ์และสภาวธรรมที่เกิดขึ้น ใน รูป - นาม...กาย - ใจ นี้มาพูด จึงจะพูดได้มากและไม่มีเหน็ดเหนื่อยครับ
:b12:
เคยได้ยิน ที่เขาพูดว่า......."จิตส่งออก เป็นสมุทัย จิตส่งเข้าใน เป็นมรรค" มาบ้างไหมครับ
ถ้าพูดเรื่องธรรมะหรือธรรมชาตินอกตัวนั้นมักจะไม่ลงกับคำสอนของพระพุทธเจ้านะครับ

แต่ถ้าพูดเรื่องธรรมะในตัว ใจ แล้ว จะเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับพุทธธรรมนะครับ
onion onion onion
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2013, 13:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


พูดด้วยกุศลจิต หรือพูดด้วยอกุศลจิต
ผู้พูดควรจะรู้จิตของตนว่าพูดด้วยกุศลจิต หรืออกุศลจิต

การพูดธรรมะหรือการนำธรรมะมาแสดงผู้พูดควรต้องกล่าวให้ดี ให้ตรงตามธรรมะ ไม่ใช่กล่าวอธรรมะ เป็นเรื่องจริง มีประโยชน์ ถูกกาล อ่อนหวาน พูดด้วยเมตตา พูดด้วยปัญญา ดังนี้เป็นวาจาที่ไม่มีโทษ เป็นวาจาสุภาษิต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2013, 14:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ปกติแล้ว ทุกคำถามผมจะนำมาพิจารณา แต่คำถามนี้เป็นคำถามแรกที่ผมพิจารณาหาคำตอบไม่ได้ตาม
จุดมุ่งหมาย มีความเห็นว่าเป็นการถือปฏิบัติตามกระแสแห่งโลก คือ มนุษย์ต้องสื่อสารด้วยภาษา การ
พูดธรรมะก็เป็นการสื่อสาร แต่จิตส่งออกเนี่ยแหละที่ผมไม่เข้าใจ ถ้าสมมุติพระอรหันต์พูดธรรมะมากด้วย
จิตเมตตา อย่างนี้ถือเป็นจิตส่งออกหรือไม่ แล้วคนปกติที่พอรู้ธรรมบ้างแล้วพูดธรรมะด้วยความคิดแลก
เปลี่ยน อย่างนี้ถือเป็นจิตส่งออกหรือไม่

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2013, 14:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


มันอยู่ที่ว่าการพูดมีสติหรือเปล่าครับ ถ้าขาดสติก็ย่อมส่งจิตออกนอกแน่นอนครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2013, 00:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


ไปอ่านเจอมาครับ มีคนนึงเขาว่าไว้อย่างนี้

"คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง"

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2013, 09:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
ปกติแล้ว ทุกคำถามผมจะนำมาพิจารณา แต่คำถามนี้เป็นคำถามแรกที่ผมพิจารณาหาคำตอบไม่ได้ตามจุดมุ่งหมาย มีความเห็นว่าเป็นการถือปฏิบัติตามกระแสแห่งโลก คือ มนุษย์ต้องสื่อสารด้วยภาษา การพูดธรรมะก็เป็นการสื่อสาร แต่จิตส่งออกเนี่ยแหละที่ผมไม่เข้าใจ ถ้าสมมุติพระอรหันต์พูดธรรมะมากด้วยจิตเมตตา อย่างนี้ถือเป็นจิตส่งออกหรือไม่ แล้วคนปกติที่พอรู้ธรรมบ้างแล้วพูดธรรมะด้วยความคิดแลกเปลี่ยน อย่างนี้ถือเป็นจิตส่งออกหรือไม่


เราเคยได้ยินหลวงพ่อหลวงตาท่านบรรรยายธรรมเกี่ยวกับ "จิตส่งออกนอก เป็นสมุห์ทัย"
สรุปความได้ว่า จิตไม่ได้พิจารณาใน "สติปัฏฐานสี่" คือ กาย เวทนา จิต ธรรม พิจารณาธรรมไปตามเหตุปัจจัย ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตนเมื่อไม่ได้พิจารณาอยู่ในสติปัฏฐานสี่ ใจก็จะไหลไปตามผัสสะที่เข้ากระทบ เป็นไปเพื่อ โลภะ โทสะ โมหะ จึงเป็นสมุห์ทัย คือเหตุให้เกิดทุกข์นั่นเอง...

..ดังนั้นจิตส่งออกนอกจะใช้กับพระอรหันต์ไม่ได้ เพราะท่านมีสติและสัมปชัญญะสมบูรณ์แล้ว...
..คนที่มีความรู้ทางธรรมและแสดงธรรมที่เกื้อกูลและเมตตาต่อกัลยาณมิตร ถ้าท่านมีการพิจารณาธรรมเนื่องๆ ในสติปัฏฐานสี่ ก็ไม่ถือว่าเป็นเหตุให้เกิดทุกข์... :b41:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2013, 10:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




patsajatasit.gif
patsajatasit.gif [ 36.72 KiB | เปิดดู 4739 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
เราเคยได้ยินหลวงพ่อหลวงตาท่านบรรรยายธรรมเกี่ยวกับ "จิตส่งออกนอก เป็นสมุห์ทัย"
สรุปความได้ว่า จิตไม่ได้พิจารณาใน "สติปัฏฐานสี่" คือ กาย เวทนา จิต ธรรม พิจารณาธรรมไปตามเหตุปัจจัย ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตนเมื่อไม่ได้พิจารณาอยู่ในสติปัฏฐานสี่ ใจก็จะไหลไปตามผัสสะที่เข้ากระทบ เป็นไปเพื่อ โลภะ โทสะ โมหะ จึงเป็นสมุห์ทัย คือเหตุให้เกิดทุกข์นั่นเอง...

..ดังนั้นจิตส่งออกนอกจะใช้กับพระอรหันต์ไม่ได้ เพราะท่านมีสติและสัมปชัญญะสมบูรณ์แล้ว...
..คนที่มีความรู้ทางธรรมและแสดงธรรมที่เกื้อกูลและเมตตาต่อกัลยาณมิตร ถ้าท่านมีการพิจารณาธรรมเนื่องๆ ในสติปัฏฐานสี่ ก็ไม่ถือว่าเป็นเหตุให้เกิดทุกข์...



จิตจะเกิดได้ ต้องอาศัยวัตถุ ๖ และอารมณ์ ๖
จิตที่เกิด ทางตา มีอารมณ คือ รูปารมณ์ หรือ สีต่างๆ
จิตที่เกิด ทางหู มีอารมณ์ คือ สัททารมณ์ คือ เสียงๆ
จิตที่เกิด ทางจมูก มีอารมณ์ คือ คันทารมณ์ คือ กลิ่นต่างๆ
จิตที่เกิด ทางลิ้น มีอารมณ์ คือ รสารมณ์ คือ รสต่างๆ
จิตที่เกิด ทางกาย มีอารมณ์ คือ โผฏฐัพพะ คือ สัมผัสต่างๆ
จิตที่เกิด ทางใจ มีอารมณ คือ ธัมมารมณ์ คือ ความรู้สึก นึก คิด เรื่องราวต่างๆ

จิตเมื่อรู้อารมณ์ ก็ต้องอาศัยจิตที่ส่องนอก คือ ต้องไปรู้ รูปารมณ์ สัททาณมณ์ คันทารมณ์
รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์ ธัมมารมณ์ เหล่านี้ และ อารมณ์ทั้ง ๖ เหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่อยู่ภายนอก
ฉะนั้นการจะพิจารณาสติปัฏฐาน ๔ ก็ต้องใช้ อารมณ์ภายนอกทั้ง ๖ เหล่านี้ มาพิจารณาธรรม

ถ้าจิตส่องในนั้นก็เป็นจิตที่เรียกว่าภวังคจิต คือไม่ไปรับรู้ตามทวารทั้ง ๖ ที่มีอารมณ์ภายนอกมาปรากฎ
ถ้าจะกล่าวว่าจิตส่องนอกเป็นสมุทัยนั้นคงไม่ใช่แน่นอน คำว่าสมุทัยนั้นก็ได้แก่ตัวตัณหานั่นเอง
ส่วนพระอรหันต์นั้นท่านก็ท่านก็ยังส่องนอก คือมีการเห็นการได้ยิน เป็นต้นเหล่านี้ด้วยเหมือนกัน แต่ทว่าท่านไม่มีความยินดีพอใจชอบใจ กับอารมณ์เหล่านั้น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2013, 11:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ

บุคคลพึงประคอง ภาชนะอันเปี่ยมด้วยน้ำมันฉันใด
บัณฑิตผู้ปรารถนาจะไปสู่ทิศที่ยังไม่เคยไป ก็พึงรักษาจิตของตนไว้ด้วยสติ ฉันนั้น
ผู้ปรารถนาทิศที่ยังไม่เคยไปพึงรักษาจิตของตนไว้
เหมือนคนประคองไปซึ่งโถน้ำมัน อันเต็มเปี่ยมเสมอขอบมิได้มีส่วนพร่องเลย

เพราะเหตุว่า การฝึกจิตที่ข่มได้ยาก เบา พลันตกไปในอารมณ์ที่ปรารถนานี้
ยังประโยชน์ให้สำเร็จ
จิตที่ฝึกแล้ว เป็นเหตุนำความสุขมาให้
ผู้มีปัญญา พึงรักษาจิตที่เห็นได้ยากแท้ละเอียดลออ
พลันตกไปในอารมณ์ที่น่าปรารถนา จิตที่คุ้มครองไว้ได้แล้วนำความสุขมาให้

ชนเหล่าใด จักสำรวมจิตนี้ ซึ่งไปได้ไกล เที่ยวไปโดดเดี่ยว
ไม่มีรูปร่าง อาศัยร่างกายไว้ได้
ชนเหล่านั้น จักพ้นจากบ่วงแห่งมารได้

ผู้มีจิตไม่มั่นคง ไม่ทราบพระสัทธรรม
มีความเลื่อมใสรวนเร ย่อมมีปัญญาบริบูรณ์ไม่ได้
มีจิตอันราคะไม่รั่วรดแล้ว มีใจอัันโทสะตามกำจัดไม่ได้ (ละบุญและบาปเสียได้แล้ว)
เป็นผู้ตื่นอยู่ ย่อมไม่มีภัย

ผู้มีปัญญา ย่อมกระทำจิตอันดิ้นรน กวัดแกว่ง รักษาได้ยาก ห้ามได้ยาก
ให้ตรงเหมือนช่างศร ดัดลูกศรฉันนั้น.

:b47: :b47: :b47: :b47: :b47: :b47: :b47: :b47: :b47: :b47: :b47:
:b8: :b8: :b8:
จากหนังสือ ธัมมเจติยะ พระบรมศาสดา


นำมาฝากกันอ่านค่ะ
http://www.84000.org/tipitaka/atita100/ ... 0.php?s=96

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2013, 11:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องจิตส่งออกนอก....นี้มันละเอียด...อาจดูไม่ทันหรือไม่เห็น....แต่ให้สังเกตุผล...จะง่ายกว่า

จิตส่งออก....เป็นสมุทัย
ผลของจิตส่งออก....เป็นทุกข์

ถ้า...ทุกข์....เป็นจิตส่งออกทั้งหมด

ถ้าพูดธรรมะ...แล้วอยู่ดีดี..มีคนขัดคอบ้าง...ตำหนิบ้าง...กลับเกิดอาการเคือง
...เป็นทุกข์แล้ว....แสดงว่า..ที่พูดธรรมะเมื่อตะกี้...เป็นจิตส่งออก

จิตส่งออก...ไปหา...ลาภ..ยศ..สรรเสริญ...พอไม่ได้อย่างที่อยาก..จึงทุกข์
นี้แบบดูทุกข์อย่างง่าย..ๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2013, 11:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
อ้างคำพูด:
เราเคยได้ยินหลวงพ่อหลวงตาท่านบรรรยายธรรมเกี่ยวกับ "จิตส่งออกนอก เป็นสมุห์ทัย"
สรุปความได้ว่า จิตไม่ได้พิจารณาใน "สติปัฏฐานสี่" คือ กาย เวทนา จิต ธรรม พิจารณาธรรมไปตามเหตุปัจจัย ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตนเมื่อไม่ได้พิจารณาอยู่ในสติปัฏฐานสี่ ใจก็จะไหลไปตามผัสสะที่เข้ากระทบ เป็นไปเพื่อ โลภะ โทสะ โมหะ จึงเป็นสมุห์ทัย คือเหตุให้เกิดทุกข์นั่นเอง...

..ดังนั้นจิตส่งออกนอกจะใช้กับพระอรหันต์ไม่ได้ เพราะท่านมีสติและสัมปชัญญะสมบูรณ์แล้ว...
..คนที่มีความรู้ทางธรรมและแสดงธรรมที่เกื้อกูลและเมตตาต่อกัลยาณมิตร ถ้าท่านมีการพิจารณาธรรมเนื่องๆ ในสติปัฏฐานสี่ ก็ไม่ถือว่าเป็นเหตุให้เกิดทุกข์...



จิตจะเกิดได้ ต้องอาศัยวัตถุ ๖ และอารมณ์ ๖
จิตที่เกิด ทางตา มีอารมณ คือ รูปารมณ์ หรือ สีต่างๆ
จิตที่เกิด ทางหู มีอารมณ์ คือ สัททารมณ์ คือ เสียงๆ
จิตที่เกิด ทางจมูก มีอารมณ์ คือ คันทารมณ์ คือ กลิ่นต่างๆ
จิตที่เกิด ทางลิ้น มีอารมณ์ คือ รสารมณ์ คือ รสต่างๆ
จิตที่เกิด ทางกาย มีอารมณ์ คือ โผฏฐัพพะ คือ สัมผัสต่างๆ
จิตที่เกิด ทางใจ มีอารมณ คือ ธัมมารมณ์ คือ ความรู้สึก นึก คิด เรื่องราวต่างๆ

จิตเมื่อรู้อารมณ์ ก็ต้องอาศัยจิตที่ส่องนอก คือ ต้องไปรู้ รูปารมณ์ สัททาณมณ์ คันทารมณ์
รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์ ธัมมารมณ์ เหล่านี้ และ อารมณ์ทั้ง ๖ เหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่อยู่ภายนอก


ฉะนั้นการจะพิจารณาสติปัฏฐาน ๔ ก็ต้องใช้ อารมณ์ภายนอกทั้ง ๖ เหล่านี้ มาพิจารณาธรรม

ถ้าจิตส่องในนั้นก็เป็นจิตที่เรียกว่าภวังคจิต คือไม่ไปรับรู้ตามทวารทั้ง ๖ ที่มีอารมณ์ภายนอกมาปรากฎ
ถ้าจะกล่าวว่าจิตส่องนอกเป็นสมุทัยนั้นคงไม่ใช่แน่นอน คำว่าสมุทัยนั้นก็ได้แก่ตัวตัณหานั่นเอง
ส่วนพระอรหันต์นั้นท่านก็ท่านก็ยังส่องนอก คือมีการเห็นการได้ยิน เป็นต้นเหล่านี้ด้วยเหมือนกัน แต่ทว่าท่านไม่มีความยินดีพอใจชอบใจ กับอารมณ์เหล่านั้น

:b8: ค่ะคุณลุง

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2013, 11:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA เขียน:
:b8: นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ

บุคคลพึงประคอง ภาชนะอันเปี่ยมด้วยน้ำมันฉันใด
บัณฑิตผู้ปรารถนาจะไปสู่ทิศที่ยังไม่เคยไป ก็พึงรักษาจิตของตนไว้ด้วยสติ ฉันนั้น
ผู้ปรารถนาทิศที่ยังไม่เคยไปพึงรักษาจิตของตนไว้
เหมือนคนประคองไปซึ่งโถน้ำมัน อันเต็มเปี่ยมเสมอขอบมิได้มีส่วนพร่องเลย

เพราะเหตุว่า การฝึกจิตที่ข่มได้ยาก เบา พลันตกไปในอารมณ์ที่ปรารถนานี้
ยังประโยชน์ให้สำเร็จ
จิตที่ฝึกแล้ว เป็นเหตุนำความสุขมาให้
ผู้มีปัญญา พึงรักษาจิตที่เห็นได้ยากแท้ละเอียดลออ
พลันตกไปในอารมณ์ที่น่าปรารถนา จิตที่คุ้มครองไว้ได้แล้วนำความสุขมาให้

ชนเหล่าใด จักสำรวมจิตนี้ ซึ่งไปได้ไกล เที่ยวไปโดดเดี่ยว
ไม่มีรูปร่าง อาศัยร่างกายไว้ได้
ชนเหล่านั้น จักพ้นจากบ่วงแห่งมารได้

ผู้มีจิตไม่มั่นคง ไม่ทราบพระสัทธรรม
มีความเลื่อมใสรวนเร ย่อมมีปัญญาบริบูรณ์ไม่ได้
มีจิตอันราคะไม่รั่วรดแล้ว มีใจอัันโทสะตามกำจัดไม่ได้ (ละบุญและบาปเสียได้แล้ว)
เป็นผู้ตื่นอยู่ ย่อมไม่มีภัย

ผู้มีปัญญา ย่อมกระทำจิตอันดิ้นรน กวัดแกว่ง รักษาได้ยาก ห้ามได้ยาก
ให้ตรงเหมือนช่างศร ดัดลูกศรฉันนั้น.

:b47: :b47: :b47: :b47: :b47: :b47: :b47: :b47: :b47: :b47: :b47:
:b8: :b8: :b8:
จากหนังสือ ธัมมเจติยะ พระบรมศาสดา


นำมาฝากกันอ่านค่ะ
http://www.84000.org/tipitaka/atita100/ ... 0.php?s=96


อนุโมทนาสาธุค่ะ :b8: อ่านแล้วเกิดปิติเลย

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 157 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร