ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ธรรมะต้องทดลอง
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=44851
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  อมันตรา [ 05 มี.ค. 2013, 11:05 ]
หัวข้อกระทู้:  ธรรมะต้องทดลอง

ผมเองเคยเชื่อวิทยาศาตร์จนเถียงวิชาพุทธศาสตร์อย่างจัง จนวันหนึ่งได้ร่วมทำประวัติหลวงปู่มั่น ได้ศึกษาปฏิปทาของท่านเกิดความเลี่อมใส เลยต้องทดลองทำตามคือทำสมาธิ โดยเอาปัญญามาคิดให้มากถึงความเป็นจริงของกรรม คือการกิน ถ้าเรากินเราต้องฆ่าเขาแล้วพ่อแม่เราละฆ่าเขามากี่ตัวแล้วก่อนที่จะมีเรา แล้วปู่ยาตายายเราละ เลยสลดใจกับการกินของตัวเอง รู้ว่ามีกรรมจากการกินมีตั้งแต่เกิดแล้ว ถ้ามีเหตุต้องมีผลเลยเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้จากเหตุและผลเหมือนวิทยาศาตร์ แต่วิทยาศาตร์เอาเหตุผลของกิเลสเป็นหลัก ส่วนพระพุทธเจ้าเอาเหตุผลของการละ เลิก หยุด กิเลสเพื่อนิพพานเป็นหลัก ตอนนี้ผมเถียงวิทยาศาสตร์แทนและเชื่อพระพุทธเจ้ามิมีข้อสงสัยใดๆ ลองทำตามดูนะครับ ความรู้เกิดความไม่รู้หรือสงสัยจะหายไปครับ

เจ้าของ:  sirinpho [ 05 มี.ค. 2013, 11:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมะต้องทดลอง

อมันตรา เขียน:
เลยเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้จากเหตุและผลเหมือนวิทยาศาตร์ แต่วิทยาศาตร์เอาเหตุผลของกิเลสเป็นหลัก ส่วนพระพุทธเจ้าเอาเหตุผลของการละ เลิก หยุด กิเลสเพื่อนิพพานเป็นหลัก


:b8:

เจ้าของ:  student [ 05 มี.ค. 2013, 14:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมะต้องทดลอง

การเอาศรัทธามาตั้งก็ถือว่าเริ่มต้นได้ดีครับ ยิ่งทดลองยิ่งได้รับคำตอบไม่มากก็น้อย แต่วิทยาศาสตร์ก็มีส่วนให้เราได้คิดเหมือนกัน เช่น เสียงเดินทางได้หากมีอากาศธาตุ แล้วเสียงเดินทางได้มีขีดจำกัด เช่น หากบุคคลคนหนึ่งร้องตะโกนออกมาจากจุดA ผู้ที่มีโสตธาตุไม่บกพร่อง ภายในรัศมี 10เมตร ย่อมได้ยินเสียงตะโกนนั้น แต่หากมีบุคคลอื่นที่ยืนอยู่ห่างออกไป 50 กิโลเมตรออกไป ไม่ว่าจะหูดีแค่ไหนก็ไม่สามารถได้ยินเสียงได้ เมื่ออยู่ในสูญญากาศ เสียงไม่สามารถเดินทางได้ แม้จะอยู่ใกล้แค่ 1 นิ้วจากต้นเสียงก็ไม่สามารถได้ยินได้ ความรู้นี้ก็มีส่วนสำคัญกับการกำหนดรู้ลงสู่ความทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ก็จะกำหนดได้อย่างชัดเจน

การเถียงวิทยาศาสตร์คือการเถียงความจริง เช่น เหล็กทื้งไว้ก็ไม่สามารถคงสภาพเดิม ทั้งๆที่ไม่มีชีวิตจิตใจ ก็กลายสภาพเป็นสนิม ไม่มีใครสามารถบังคับไม่ให้เหล็กเกิดสนิมได้ อย่างดีก็แค่ชะลอตัวด้วยการใช้ส่วนผสมอื่นเข้าไป แต่ในที่สุดตัวเหล็กก็ทำลายตัวมันเองลง

วิทยาศาสตร์กับพุทธศาสนาไปด้วยกันได้ เมื่อมีความเห็นถูก จึงเกิดปัญญารู้ชัด แต่หากจะแยกวิทยาศาสตร์ออกจากพุทธศาสนา ก็จะเหลือเพียงแค่ความเชื่อความศรัทธาครับผม

เจ้าของ:  อมันตรา [ 05 มี.ค. 2013, 15:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมะต้องทดลอง

ขอบคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจให้ ผมเป็นพุทธทาสไม่ปรารถนาใหญ่ มีอีกเรื่องที่ฝึกยากมากคือความไม่โกรธ ฝึกตามแบบท่านหลวงปู่ชา จะพยายามครับ

เจ้าของ:  govit2552 [ 05 มี.ค. 2013, 17:21 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมะต้องทดลอง

อ้างคำพูด:
ปัญหาที่ ๑๘ ถามถึงเรื่องสิ่งที่ทำได้ยากของพระพุทธเจ้า

“ ข้าแต่พระนาคเสน สิ่งที่ทำได้ยากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงกระทำนั้น ได้แก่อะไร ? ”
“ ขอถวายพระพร พระพุทธเจ้าได้ทรงกระทำสิ่งที่ทำได้ยาก ได้แก่การทรงแสดงซึ่งธรรมอันไม่มีรูปร่าง อันมีอยู่ในจิต เจตสิดอันเป็นไปในอารมณ์อันเดียวเหล่านี้ได้ว่า อันนี้เป็นผัสสะ อันนี้เป็นเวทนา อันนี้เป็นสัญญา อันนี้เป็นเจตนา อันนี้เป็นจิต
“ ขอนิมนต์อุปมาด้วย ”
“ ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนกับบุรุษคนหนึ่งลงเรือไปที่มหาสมุทร วักน้ำขึ้นมาวางไว้ที่ลิ้น ก็รู้ว่านี้เป็นน้ำคงคา นี้เป็นน้ำยมนา นี้เป็นน้ำสรภู นี้เป็นน้ำอจิรวดี นี้เป็นน้ำมหิ ดังนี้ได้ เป็นของง่ายหรือยากล่ะ ?”
“ เป็นของยาก พระผู้เป็นเจ้า ”
“ ขอถวายพระพร การที่พระพุทธเจ้าทรงบอกสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง ที่มีในจิตใจ ที่เป็นอารมณ์อันเดียวกันว่า นี้เป็นผัสสะ นี้เป็นเวทนา นี้เป็นสัญญา นี้เป็นเจตนา นี้เป็นจิต ดังนี้ยิ่งยากกว่านั้น ”
“ ถูกดีแล้ว พระผู้เป็นเจ้า ”

เจ้าของ:  พุทธคุณ [ 05 มี.ค. 2013, 18:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมะต้องทดลอง

ธะรมมะและวิทยาศาสตร์ล้วนอาศัยหลักเดียวกัน แม้อาจจะไม่มีผู้ใดเคยกล่าวว่าวิทยาศาสตร์
มีที่มาโดยอาศัยหลักเดียวกันกับธรรมมะ แต่จริงๆก็คือใช้หลักเดียวกันคือ สงสัย ตั้งข้อสังเกต
ทดลอง สรุป พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงใช้หลักนี้จนบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้
คุณ จขกท ค่อยๆทำความเข้าใจไปเรื่อยๆนะครับ

เจ้าของ:  student [ 06 มี.ค. 2013, 03:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมะต้องทดลอง

govit2552 เขียน:
อ้างคำพูด:
ปัญหาที่ ๑๘ ถามถึงเรื่องสิ่งที่ทำได้ยากของพระพุทธเจ้า

“ ข้าแต่พระนาคเสน สิ่งที่ทำได้ยากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงกระทำนั้น ได้แก่อะไร ? ”
“ ขอถวายพระพร พระพุทธเจ้าได้ทรงกระทำสิ่งที่ทำได้ยาก ได้แก่การทรงแสดงซึ่งธรรมอันไม่มีรูปร่าง อันมีอยู่ในจิต เจตสิดอันเป็นไปในอารมณ์อันเดียวเหล่านี้ได้ว่า อันนี้เป็นผัสสะ อันนี้เป็นเวทนา อันนี้เป็นสัญญา อันนี้เป็นเจตนา อันนี้เป็นจิต
“ ขอนิมนต์อุปมาด้วย ”
“ ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนกับบุรุษคนหนึ่งลงเรือไปที่มหาสมุทร วักน้ำขึ้นมาวางไว้ที่ลิ้น ก็รู้ว่านี้เป็นน้ำคงคา นี้เป็นน้ำยมนา นี้เป็นน้ำสรภู นี้เป็นน้ำอจิรวดี นี้เป็นน้ำมหิ ดังนี้ได้ เป็นของง่ายหรือยากล่ะ ?”
“ เป็นของยาก พระผู้เป็นเจ้า ”
“ ขอถวายพระพร การที่พระพุทธเจ้าทรงบอกสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง ที่มีในจิตใจ ที่เป็นอารมณ์อันเดียวกันว่า นี้เป็นผัสสะ นี้เป็นเวทนา นี้เป็นสัญญา นี้เป็นเจตนา นี้เป็นจิต ดังนี้ยิ่งยากกว่านั้น ”
“ ถูกดีแล้ว พระผู้เป็นเจ้า ”


อนุโมทนาครับ

เจ้าของ:  อมันตรา [ 06 มี.ค. 2013, 15:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมะต้องทดลอง

ขอบพระคุณทุกกำลังใจ ข้าพเจ้าทาสพุทธเจ้า ผู้มีความรู้น้อยจะพยายาม สู้ สู้ ตามรอยบาทพระชินสี ผู้ถากถางทางเดินเพื่อมนุษย์ผู้โง่เขลาอย่างข้าพเจ้า

เจ้าของ:  asoka [ 07 มี.ค. 2013, 14:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมะต้องทดลอง

:b8:
อ้างคำพูด:
ตอนนี้ผมเถียงวิทยาศาสตร์แทนและเชื่อพระพุทธเจ้ามิมีข้อสงสัยใดๆ ลองทำตามดูนะครับ ความรู้เกิดความไม่รู้หรือสงสัยจะหายไปครับ

:b12:
ผมว่าเรามาเปลี่ยนคำว่า....."ธรรมะต้องทดลอง"....มาเป็นคำว่า...."ธรรมะต้องพิสูจน์" ......กันดีไหมครับ
:b10:
เพราะธรรมะไม่ใช่ของลองเล่น.....ในบทสวดสวากขาโตนั้นท่านท้าให้พิสูจน์......
onion
ง่ายที่สุดในการบรรลุธรรมคือจงพิสูจน์ดูให้ได้ซิว่า......."สัพเพธัมมา อนัตตา"...ธรรมทั้งหมดทั้งปวงเป็นอนัตตา......ซึ่งถ้าจะพิสูจน์ต้องแปลว่า...."บังคับไม่ได้"
:b11:
ลงนั่ง...หรือ ยืน
....เดิน....นอน...พิสูจน์ดูว่า หมดทั้งตัวและใจเรานี้มีอะไรที่บังคับบัญชาให้เป็นไปดั่งใจหวังหรืออยากได้หรือไม่?

:b43:
ถ้าพิสูจน์แล้วเห็นจริงว่าไม่มีอะไรบังคับบัญชาได้เลย......นั่นแหละท่านเกิดดวงตาเห็นธรรม.....และจะ
"เข้าถึงธรรม" ...ในเวลาถัดจากนั้นไป

onion

เจ้าของ:  khanclub [ 07 มี.ค. 2013, 17:57 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ธรรมะต้องทดลอง

student เขียน:
การเอาศรัทธามาตั้งก็ถือว่าเริ่มต้นได้ดีครับ ยิ่งทดลองยิ่งได้รับคำตอบไม่มากก็น้อย แต่วิทยาศาสตร์ก็มีส่วนให้เราได้คิดเหมือนกัน เช่น เสียงเดินทางได้หากมีอากาศธาตุ แล้วเสียงเดินทางได้มีขีดจำกัด เช่น หากบุคคลคนหนึ่งร้องตะโกนออกมาจากจุดA ผู้ที่มีโสตธาตุไม่บกพร่อง ภายในรัศมี 10เมตร ย่อมได้ยินเสียงตะโกนนั้น แต่หากมีบุคคลอื่นที่ยืนอยู่ห่างออกไป 50 กิโลเมตรออกไป ไม่ว่าจะหูดีแค่ไหนก็ไม่สามารถได้ยินเสียงได้ เมื่ออยู่ในสูญญากาศ เสียงไม่สามารถเดินทางได้ แม้จะอยู่ใกล้แค่ 1 นิ้วจากต้นเสียงก็ไม่สามารถได้ยินได้ ความรู้นี้ก็มีส่วนสำคัญกับการกำหนดรู้ลงสู่ความทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ก็จะกำหนดได้อย่างชัดเจน

การเถียงวิทยาศาสตร์คือการเถียงความจริง เช่น เหล็กทื้งไว้ก็ไม่สามารถคงสภาพเดิม ทั้งๆที่ไม่มีชีวิตจิตใจ ก็กลายสภาพเป็นสนิม ไม่มีใครสามารถบังคับไม่ให้เหล็กเกิดสนิมได้ อย่างดีก็แค่ชะลอตัวด้วยการใช้ส่วนผสมอื่นเข้าไป แต่ในที่สุดตัวเหล็กก็ทำลายตัวมันเองลง

วิทยาศาสตร์กับพุทธศาสนาไปด้วยกันได้ เมื่อมีความเห็นถูก จึงเกิดปัญญารู้ชัด แต่หากจะแยกวิทยาศาสตร์ออกจากพุทธศาสนา ก็จะเหลือเพียงแค่ความเชื่อความศรัทธาครับผม


ชัดเจนครับ ......

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/