ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ในดีมีเสีย ในเสียมีดี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=44699
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  walaiporn [ 20 ก.พ. 2013, 14:05 ]
หัวข้อกระทู้:  ในดีมีเสีย ในเสียมีดี

ส่วนดีของสมถะ ( ความสงบ ) หรือที่เรียกว่าจิตนิ่ง เพราะจะรับรู้แค่ความสงบเพียงอารมณ์เดียว มีส่วนดีจากสภาวะตรงนี้คือ สงบจากกิเลสชั่วขณะ

ส่วนเสียคือ ไม่สามารถรู้ชัดในกาย เวทนา จิต ธรรม หรือเรียกสั้นๆว่า กายและจิต ได้แก่ รูป,นาม

บางครั้งต้องทำให้จิตโง่ จิตที่โง่จะสงบไม่รู้จักการเคลื่อนไหว รู้อยู่แค่ในความสงบ บางสภาวะต้องปล่อยให้จิตนั้นโง่บ้าง จิตที่ฉลาดเกินไป เห็นตามความเป็นจริงชัดมากไป เป็นเหตุให้จิตเกิดความเครียด เหตุเพราะสภาวะเบื่อที่เกิดขึ้น

การทำจิตให้ฉลาด

จิตนิ่ง สามารถทำให้เป็นจิตฉลาดได้โดยการปรับอินทรีย์ ระหว่าง สมาธิกับ สติ สร้างสติให้เกิด แล้วตัวสัมปชัญญะจะเกิดตาม จึงเป็นเหตุให้เกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อมขณะจิตเป็นสมาธิ


วิธีการ

ให้เดินก่อนที่จะนั่ง ดูสมาธิที่เกิดขึ้นเป็นหลัก จิตเป็นสมาธิแล้วสามารถรู้ชัดในกายและจิตได้หรือไม่

หากไม่สามารถรู้ชัดในกายและจิตได้ ให้เพิ่มเดินขึ้นไปเรื่อย นั่งเท่าเดิม หรือ เพิ่มเดินมากขึ้น ลดนั่ง ไปจนกว่าจะสามารถรู้ชัดในกายและจิตได้

กาย ได้แก่ ลมหายใจ เข้า, ออก หรือ ท้องพอง, ยุบ หรือชีพจรเต้น การเต้นตามกล้ามเนื้อต่างๆของกาย หรือ เสียงสูบฉีดโลหิต ฯลฯ

เวทนา ได้แก่ ความปวดเมื่อย ร้อน เย็นฯลฯ

จิต ได้แก่ ความรู้สึก ( อารมณ์ ) ต่างๆที่เกิดขึ้นในจิต เช่น ชอบ, ชัง ฯลฯ

ธรรม ได้แก่ ความคิดต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ได้ทำให้เกิดความรำคาญแต่อย่างใด ส่วนจะเป็นความคิดเรื่องอะไรนั้น แล้วแต่สภาวะของจิตขณะนั้นๆว่าจิตจะนึกคิดพิจรณาเรื่องใดขึ้นมา

สิ่งต่างๆเหล่านี้จะสามารถรู้ชัดได้หมด รู้ทีละขณะ จะรู้เอง

ทำจิตให้ฉลาดยิ่งๆขึ้นไป

จิตที่สามารถรู้ชัดในกาย เวทนา จิต ธรรม สามารถพัฒนาขึ้นไปอีกระดับคือ รู้ชัดกายในกาย รู้ชัดเวทนาในเวทนา รู้ชัดจิตในจิต รู้ชัดธรรมในธรรม ได้แก่ สภาวะความว่างที่ปรากฏซ้อนขึ้นในสภาวะเหล่านี้

รู้ชัดในความว่างของความว่างในสภาวะต่างๆที่เกิดขึ้น ว่างจากตัวตนหรือจากรูปเป็นอรูปชั่วคราว แล้วแต่กำลังของสมาธิและสติจะว่ารู้ชัดได้แค่ไหน รู้ชัดได้นานแค่ไหน พร้อมๆกับรู้ชัดในสภาวะอื่นๆที่เกิดขึ้นในกายและจิตด้วย


ถ้าทำได้แบบนี้ สภาวะนี้ จะเกิดขึ้นเองตามเหตุปัจจัย สุญญตา/สุญญคาร

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... 024&Z=1135


พึงเป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล หมั่นประกอบธรรมเครื่องระงับจิตของตน ไม่ทำฌานให้เหินห่าง
ประกอบด้วยวิปัสสนา พอกพูนสุญญาคาร.


พึงเป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล หมายถึง หยุดสร้างเหตุนอกตัว ตามความรู้สึกยินดี/ยินร้าย ที่เกิดขึ้นจาก ผัสสะ เป็นเหตุปัจจัยอยู่ ได้แก่ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม

หมั่นประกอบธรรมเครื่องระงับจิตของตน ไม่ทำฌานให้เหินห่าง หมายถึง สมาธิ

ประกอบด้วยวิปัสสนา(ปัญญา) หมายถึง สัมมาสมาธิ

พอกพูนสุญญาคาร/สุญญตา หมายถึง สัมมาทิฏฐิ

เจ้าของ:  จางบาง [ 14 มี.ค. 2013, 23:26 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ในดีมีเสีย ในเสียมีดี

ข้อดีของสมถะคือ สามารถใช้เป็นเครื่องอยู่ผาสุกในปัจจุบันได้ และเป็นรากฐานของ
การเจริญวิปัสสนาได้ และอื่นๆอีกมากมายที่ดีจนนับไม่ไหว
ข้อเสีย มีอยู่ข้อเดียวคือ ไม่เที่ยง


การไม่รู้ชัดเรื่องสภาวะธรรมตามเป็นจริง จะไปโทษว่าเป็นข้อเสียของสมถะได้อย่างไร
ว่าสมถะทำให้ไม่รู้ชัด ที่ถูกควรต้องโทษตัวเองที่ไม่หันทิศทางการปฏิบัติไปสู่วิปัสสนาต่างหาก
จึงไม่สามารถรู้แจ้งชัดในอริยสัจจ์ตามเป็นจริงได้

ต้องโทษตัวเองที่ขาดปัญญา และขาดความเข้าใจในวิธีการ ไม่ใช่ไปโทษสมถะ

onion

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 15 มี.ค. 2013, 12:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ในดีมีเสีย ในเสียมีดี

ในเสีย...มีดี

ความทุกข์...ไม่มีใครอยากพบ...แต่หากไม่ทุกข์...ไหนเลยจะอยากออกจากทุกข์....ในเสียจึงมีดี..ก็ด้วยอย่างนี้

ในดี...มีเสีย

ความไม่ทุกข์...ความพ้นจากทุกข์..เป็นสิ่งดี....แต่จะพ้นทุกข์ได้...ต้องเสียซะก่อน...เสียสละอย่างหยาบก็วัตถุธาตทึ้งหลายของโลก...อย่างกลางต้องเสียสละโลกธรรม8....อย่างละเอียดต้องเสียอวิชชา....ในดีจึงต้องมีเสีย...ก็ด้วยอย่างนี้

เจ้าของ:  eragon_joe [ 15 มี.ค. 2013, 16:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ในดีมีเสีย ในเสียมีดี

เห็น...แล้ว...
ความนิ่ง...ความนอบน้อม...ที่ยังไม่ปรากฎ


:b1:

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 13 เม.ย. 2013, 16:38 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ในดีมีเสีย ในเสียมีดี

ดีทุกความเห็น :b8:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 13 เม.ย. 2013, 20:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ในดีมีเสีย ในเสียมีดี

ในดี....มีเสีย

อิอิ..

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/