วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 15:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 53 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2013, 06:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


>>ต่อ>>
บุคคลที่มีความเห็นดังกล่าวมานี้
ก็เพราะว่ายังมีความหลงปิดบังไม่เห็นในอริยสัจจ์ ๔ คือ
แม้พวกอรูปพรหมทั้งหลาย จะไม่มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
เพราะไม่มีสิ่งแวดล้อมที่จะทำให้เกิดความเดือดร้อนต่างๆ ได้ก็ตาม
แต่ก็ยังหนีไม่พ้นจากความตายอันเป็นมรณะทุกข์อย่างหนึ่ง อีกประการหนึ่ง
เมื่ออำนาจแห่งอรูปฌานสิ้นสุดลงแล้ว ก็ต้องลงมาเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดา
ได้ประสบความทุกข์ความลำบากต่างๆ ที่มีอยู่ในมนุษย์และเทวดานั้นอีก
เมื่อตายจากมนุษย์และเทวดาแล้ว ก็อาจไปเกิดในอบายภูมิได้ประสบกับความทุกข์อีก
การที่ไม่เห็นโทษของอรูปฌาน ในการยินดีพอใจอยากได้อรูปฌาน อยากเป็นพรหมนั้น
ก็เนื่องด้วยตัณหาเป็นต้นเหตุให้เกิดความทุกข์ แต่ผู้นั้นก็ไม่เห็โทษของการยินดี พอใจ
ในอรูปฌาน อรูปภพ เช่นนี้แหละจึงเรียกว่า "ทุกฺขสมุทเย อญาณํ"

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แก้ไขล่าสุดโดย ลุงหมาน เมื่อ 21 ก.พ. 2013, 09:46, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2013, 09:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
>>ต่อ>>
บุคคลที่มีความเห็นดังกล่าวมานี้
ก็เพราะว่ายังมีความหลงปิดบังไม่เห็นในอริยสัจจ์ ๔ คือ
แม้พวกอรูปพรหมทั้งหลาย จะไม่มีความทุกข์กายทุกข์ใจ
เพราะไม่มีสิ่งแวดล้อมที่จะทำให้เกิดความเดือดร้อนต่างๆ ได้ก็ตาม
แต่ก็ยังหนีไม่พ้นจากความตายอันเป็นมรณะทุกข์อย่างหนึ่ง อีกประการหนึ่ง
เมื่ออำนาจแห่งอรูปฌานสิ้นสุดลงแล้ว ก็ต้องลงมาเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดา
ได้ประสบความทุกข์ความลำบากต่างๆ ที่มีอยู่ในมนุษย์และเทวดานั้นอีก
เมื่อตายจากมนุษย์และเทวดาแล้ว ก็อาจไปเกิดในอบายภูมิได้ประสบกับความทุกข์อีก
การที่ไม่เห็นโทษของอรูปฌาน ในการยินดีพอใจอยากได้อรูปฌาน อยากเป็นพรหมนั้น
ก็เนื่องด้วยตัณหาเป็นต้นเหตุให้เกิดความทุกข์ แต่ผู้นั้นก็ไม่เห็นโทษของการยินดี พอใจ
ในอรูปฌาน อรูปภพ เช่นนี้แหละจึงเรียกว่า "ทุกฺขสมุทเย อญาณํ"


แป้นพิมพ์ท่านมีปัญหานะครับ ตกหล่นเยอะมาก

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แก้ไขล่าสุดโดย student เมื่อ 21 ก.พ. 2013, 10:28, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2013, 09:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:

แป้นพิมพ์ท่านมีปัญหานะครับ ตกหล่นเยอะมาก


ขอบคุณครับ
แป้นพิมพ์ผมมีปัญหาจริงๆ และอีกอย่างผมขาดการตรวจสอบอีก
ช่วยกรุณาแก้ไขอ้างอิงด้วยครับ จะขอบพระคุณอย่างสูง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2013, 06:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ที่เกิดเป็นอรูปพรหมเท่านั้นตัดความทุกข์ได้โดยวิขัมภนะ คือ
ตัดทุกข์ได้เพียงชั่วคราว หาได้ตัดเป็นสมุทเฉทไม่
ฉะนั้น ความสุขที่พวกอรูปพรหมได้รับอยู่นั้นจึงไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง
เป็นความสุขที่เกี่ยวด้วยสังขารทุกข์และวิปริณามทุกข์

การตัดทุกข์ได้โดยสมุทเฉท และมีความสุขอย่างแท้จริง
ก็มีแต่พระนิพพานอย่างเดียวเท่านั้น แต่ผู้นั้นก็หารู้ถึงไม่ คิดว่าความสุขในอรูปฌาน
และอรูปพรหมนั้นเป็นความสุขอย่างเลิศแล้ว
แท้จริงข้อปฏิบัติอันเป็นหนทางที่สามารถตัดกิเลสเป็นสมุทเฉท
และนำให้เข้าถึงความดับทุกข์นั้นมีอยู่ คือ องค์มรรค ๘ ที่เกี่ยวกับการเจริญวิปัสสนา
แต่ผู้นั้นรู้ไม่ถึง เข้าใจว่าการเจริญสมถะกรรมฐานนี้แหละ สามารถนำให้พ้นจากทุกข์ได้

คำอธิบายดังกล่าวนี้ เป็นการกล่าวถึงอวิชชาเป็นเหตุ อาเนญชาภิสังขารเป็นผล

อนึ่ง ผู้ที่เห็นโทษแต่รูป ไม่เห็นโทษของนามแล้วก็ปฏิบัติอรูปฌานนั้นเป็นไปส่วนมาก
ในระหว่างที่ว่างจากพระพุทธศาสนา สำหรับภายในพุทธศาสนานั้นมีเป็นส่วนน้อย
ส่วนผู้ที่ได้ฌานแล้วปฏิบัติต่อไปจนถึงอรูปฌานภายในพระพุทธศาสนานั้น
ไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปเพราะความเห็นโทษของรูป ปฏิบัติเพื่อต้องการทำอภิญญา

และถ้าเป็นพระอนาคามีหรือพระอรหันต์แล้ว ก็เพื่อจะเข้านิโรธสมาบัติเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ดี นอกจากผู้ที่ปรารถนาสัมมาสัมโพธิญาณ ปัจเจกโพธิญาณ
อัครสาวกโพธิญาณ มหาสาวกโพธิญาณ
นอกนั้นควรปฏิบัติวิปัสสนาเพื่อกระทำให้มรรคเจริญขึ้น
แล้วสมารถทำลายโมหะได้แล้วก็เป็นอันว่าสังขารทั้ง ๓ ที่เป็นผลของอวิชชา
ก็ต้องถูกทำลายไปด้วย เพราะการงานที่ทำลายบุญเสียได้นั้น เป็นการงานที่กระทำได้ยาก
มีได้เฉพาะในเวลาที่พระพุทธศาสนายังปรากฏอยู่เท่านั้น
ส่วนการงานที่จะสร้างบุญให้เกิดขึ้นนั้นไม่ยาก และทำได้ไม่ว่าเวลาไหน
ผู้ที่ยังไม่ได้ทำลายอวิชชาให้หมดสิ้นไป แต่การกระทำของผู้นั้นไม่เป็นบุญเป็นบาป
พ้นจากสังขารได้นั้นย่อมไม่มีเลย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2013, 06:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากทราบน่ะครับว่า
อวิชชาเกิดได้เพราะอาศัยอะไร ?
เรียนท่านผู้ทรงคุณวุฒิ อธิบายให้ด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2013, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมา เขียน:
อยากทราบน่ะครับว่า
อวิชชาเกิดได้เพราะอาศัยอะไร ?
เรียนท่านผู้ทรงคุณวุฒิ อธิบายให้ด้วยครับ

อาศัยเชื้อ คือ ความไม่รู้ ไม่รู้ว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นเป็นทุกข์ ไม่เที่ยง และความเป็นอนัตตาของธรรม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2013, 07:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


สังสารสาครนี้นั้น เพราะเหตุที่เงื่อนเบื้องต้นของ ความเกิดขึ้นแห่งสัตว์เหล่านี้ย่อมไม่ปรากฏ คือ ไม่มีกำหนดว่า สัตว์ทั้งหลายเกิดขึ้นมาแล้ว ในที่สุดเพียงร้อยปีเท่านั้น เพียงพันปีเท่านั้น เพียงแสนปีเท่านั้น เพียงร้อยกัปเท่านั้น เพียงพันกัปเท่านั้น เพียงแสนกัปเท่านั้น ในกาลก่อนแต่นี้มิได้มีเลย ดังนี้. หรือว่า สัตว์ทั้งหลายเกิดขึ้นแล้ว ในกาลแห่งพระราชาพระนามโน้น ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าพระนามโน้น ในกาลก่อนแต่นั้นไม่มีเลย ดังนี้ แต่ว่า มีโดยนัยนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เงื่อนเบื้องต้นแห่งอวิชชาไม่ปรากฏ ในกาลก่อนแต่นี้อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี ดังนี้ (องฺ ทสก. ๒๔. ๖๑/๑๒๐) การกำหนดเงื่อนมีในเบื้องต้นและที่สุดที่บุคคลรู้ไม่ได้นี้ ชื่อว่า สังสารสาคร.

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2018, 13:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมา เขียน:
อยากทราบน่ะครับว่า
อวิชชาเกิดได้เพราะอาศัยอะไร ?
เรียนท่านผู้ทรงคุณวุฒิ อธิบายให้ด้วยครับ

อวิชชาเกิดได้เพราะ อวิชชาเป็นอาสวะ อวิชชาเป็นอนุสัย
ในภพหนึ่งๆ เมื่อถึงมรณะ สัตว์นั้นตายลง เมื่อตัดกิเลสตัณหายังไม่สิ้น
สัตวนั้นก็ย่อมมีอาสวะ มีอนุสัยตามนอนเนื่องมาสู่ภพใหม่อีก
และยังได้ปัจจัยสนับสนุนให้เจริญขึ้นได้ตลอดสายเกิดของปฏิจจสมุปบาท
อวิชชา มีนิวรณ์เป็นอาหาร
อวิชชา มีทุจริต ๓ เป็นอาหาร
อวิชชา ไม่มีการสำรวมอินทรีย์เป็นอาหาร
อวิชชา ไม่มีสติสัมปชัญญะเป็นอาหาร
อวิชชา อโยนิโสมนสิการเป็นอาหาร
อวิชชา ไม่ศรัทธาเป็นอาหาร
อวิชชา ไม่ได้ฟังธรรมเป็นอาหาร
อวิชชา ไม่ได้คบกับสัตตบุรุษ
เมื่อเราตัดอาหารของอวิชชาลงเสียได้ อวิชชาก็ย่อมอ่อนกำลังลง
วิชชาก็ย่อมเจริญขึ้นพร้อมจะประหาณอวิชชาให้เป็นสมุทเฉท

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 53 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 116 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร