ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
คนตาบอดย่อมไม่กลัวผี http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=44287 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 11 ม.ค. 2013, 06:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | คนตาบอดย่อมไม่กลัวผี |
คนตาบอดไม่กลัวผี การแสดงและการศึกษาพระอภิธรรม ย่อมมีหลักฐานปรากฏอยู่ในพุทธประวัติและพุทธานุพุทธประวัติ คือพระสารีบุตรและสานุศิษย์ 500 รูปพระนาคเสน เป็นต้น จนถึงการยกสังคายนาครั้งที่ 6 ทั้งได้จารึกลงในใบลานบ้างเป็นหนังสือบ้างที่มีอยู่ทั่วไป ถึงกระนั้นบางท่านก็ยังกล่าวว่าพระอภิธรรมนี้มิใช่พุทธภาษิต บางท่านก็กล่าวว่ามิใช่ข้อธรรมที่พวกมนุษย์จะพึงศึกษา ผู้ที่กล่าวดังนี้ก็เพราะว่าเป็นผู้ที่ไม่รู้จักประมาณตนของตน ว่าตนได้ศึกษาในข้อธรรมนั้นๆทั่วถึงดีแล้วหรือยัง และเคยเห็นหนังสือพระไตรปิฎก อรรถกถาฎีกาโดยชัดเจนบ้างหรือเปล่า เมื่อได้เห็นเคยได้อ่านเข้าใจข้อธรรมนั้นหรือไม่ ควรจะพิจารณาใคร่ครวญตรวจดูตนให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ฉะนั้นบุคคลที่กล่าวดังนี้จึงเป็นบุคคลดังที่กล่าวว่าตาบอดไม่กลัวผี บางท่านได้รับการศึกษาวิชาธรรมจากสำนักอาจารย์มาแต่พอประมาณไม่เกิน 25 ส่วนในจำนวนร้อย บางท่านก็ไม่ได้รับการศึกษามาจากอาจารย์แต่ประการใดเลย เพียงแต่ได้อ่านตำราเท่านั้นก็ยังกล้าเขียนกล้าที่จะสอน เมื่อได้รับคำชมเชยสนับสนุนจากพุทธศาสนิกชนที่มีความรู้ในข้อธรรมเพียงเล็กน้อย แล้วก็เข้าใจว่าตนเป็นปราชญ์ จะอย่างไรก็ดีตามถ้อยคำที่กล่าวนั้นก็ยังเป็นที่น่าเคารพน่าเชื่อถืออยู่ได้เพราะการกล่าวก็ดี การเขียนก็ดีเหล่านี้ถึงแม้จะมีเนื้อความไม่ถูกทั้งการลำดับข้อความก็ยังสับสนอยู่ก็จริง แต่ก็ต้องจัดเข้าในการที่ไม่หวังดีนั้นเอง ต่อมาการกล่าวการเขียนของผู้ที่ถือตนว่าเป็นนักปราชญ์นั้น ก็จะค่อยๆคลาดเคลื่อน ห่างออกจากพุทธภาษิตและอรรถกาฎีกา คือพระพุทธภาษิตและอรรถกถาฎีกามีความหมายไปอย่างหนึ่ง แม้ข้อความนั้นนำเอามาบรรยายขยายไปนั้นก็ยังเป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่การงานของท่านเหล่านี้ก็คงยังดำเนินไปด้วยดี พร้อมทั้งผู้ฟังและผู้รับฟังก็ยังสนับสนุนอยู่ ทั้งนี้ก็เพราะว่าประชาชนบางเหล่าก็มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาดี แต่ไม่รู้ว่าผิดถูกแค่ไหน ทั้งมีความพยายามที่จะฟังให้ถูกอีกด้วย บางเหล่าก็ไม่มีความเลื่อมใสที่แท้จริงทั้งไม่รู้ผิดถูกประการใดอีกด้วย เพียงแต่มีความประสงค์เพื่อจะฟังเล่นเพื่อสนุกเท่านั้น ฉะนั้นผู้ที่ถือตนว่าเป็นนักปราชญ์พร้อมกับสานุศิษย์ที่ยอมตนเป็นผู้รับฟังเหล่านี้ จึงเป็นบุคคลที่ตาบอดไม่กลัวผี http://www.panyayan.com/forum.php?mod=v ... a=page%3D7 |
เจ้าของ: | SOAMUSA [ 11 ม.ค. 2013, 07:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนตาบอดย่อมไม่กลัวผี |
![]() สาธุค่ะลุง การปฏิบัติในขั้นต้นๆ นั้น ต้องอาศัยการรู้ปริยัติให้เข้าใจก่อน หากไม่ศึกษาให้ดีให้ชัดเจน ในเวปต่างๆ ก็มีผู้สอนการปฏิบัติเยอะมาก หากไม่เข้าใจปริยัติบ้าง ก็เลือกฟังจากผู้สอนผิดๆ ก็พากันเข้ารกเข้าพง |
เจ้าของ: | govit2552 [ 11 ม.ค. 2013, 07:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนตาบอดย่อมไม่กลัวผี |
ในลานธรรมนี้ก็มีไม่ใช่เหรอ คนตาบอดไม่กลัวผี |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 11 ม.ค. 2013, 07:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนตาบอดย่อมไม่กลัวผี |
govit2552 เขียน: ในลานธรรมนี้ก็มีไม่ใช่เหรอ คนตาบอดไม่กลัวผี แม้แต่เราเองก็เถอะยังเป็นผู้ที่ตาบอดอยู่ จึงได้คบหาสมาคมกับผีอยู่ ถ้าตาดีเมื่อไหร่เราก็ต้องกลัวผี |
เจ้าของ: | govit2552 [ 11 ม.ค. 2013, 07:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนตาบอดย่อมไม่กลัวผี |
อ้างคำพูด: เป็นการยากยิ่ง ที่ผู้ใดที่จะศึกษาโดยตรงจากคัมภีร์พระอภิธรรม ๗ คำภีร์ให้เกิดความเข้าใจโดยมิต้องอาศัย
พระอภิธัมมัตถสังคหะ ซึ่งรจนาโดย พระอนุรุทธาจารย์ให้เป็นพื้นฐานรองรับเสียก่อน เริ่มต้นตั้งแต่ปริเฉทที่ ๑ ถึงปริเฉทที่ ๙ ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงได้รับความนับถือในฐานะเป็นพระคันถรจนาจารย์ผู้แต่งคัมภีร์พระอภิธัมมัตถสังคหะ อันท่านผู้ศึกษาที่มีความเข้าใจได้เหตผลจะเว้นกราบไหว้ระลึกถึงพระคุณของท่านด้วยความซาบซึ้งเสียมิได้ การที่ท่านได้รจนาอภิธัมมัตถสังคหะ จากคัมภีร์พระอภิธรรมปิฎกทั้ง ๗ คัมภีร์ออกมาเป็นอีกคัมภีร์หนึ่ง ก็เพื่อให้ผู้ศึกษาบังเกิดความสับสน โดยเรียงลำดับจากง่ายๆ ขึ้นไปนี้เองได้เป็นเหตุให้บางท่านที่มิได้เคยศึกษา พระอภิธรรมมาก่อน ทั้งอ่านอภิธัมมัตถสังคหะด้วยตนเองก็ยังไม่อาจเข้าใจ จึงได้กล่าวหาว่า พระอภิธัมมัตถสังคหะไม่ใช่พุทธพจน์ เพราะเป็นการแต่งขึ้นโดยพระอนุรุทธาจารย์ในภายหลัง เมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี้เอง ความจริง ผู้บรรยายอภิธรรมส่วนมาก และผู้ศึกษาพระอภิธรรมที่มีความเข้าใจพอสมควร ย่อมประจักษ์แก่ตนเองว่า พระอภิธรรมทั้ง ๗ คัมภีร์ กับพระอภิธัมมัตถสังคหะที่ท่านพระอนุรุทธาจารย์รจนาขึ้นนั้น มิได้มีเนื้อความแตกต่างกันเลย แม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นองค์ธรรม หรือตัวเลขมากมาย ที่บังคับควบคุมเอาไว้มิให้กระจัดกระจายนั้น ก็มิได้มีความขัดแย้งกันเลย ทั้งท่านจะแต่งคัมภีร์นี้ท่านก็ยังสรรเสริญพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียก่อพร้อมด้วยแสดงความเคารพตั้งแต่เริ่มต้นปริเฉทที่ ๑ อย่างไรก็ดีท่านผู้ศึกษาก็ย่อมเป็นผู้มีความคิดพิจารณา เป็นผู้มีเหตุผลของตนเอง เมื่อท่านได้ศึกษาไปไม่ต้องจบปริเฉทที่ ๑ ท่านก็จะทราบด้วยตนเองว่าพระอภิธรรม ๗ คำภีร์นั้น ไม่มีผู้ใดในโลกจะแต่งขึ้นมาเองได้ เว้นไว้แต่จะต้องอาศัยพระสัพพัญญุตญาน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น เพราะไม่เคยศึกษาจึงไม่มีความเข้าใจในพระอภิธรรมเลย พระอภิธรรมจะเกิดขึ้นในโลกได้นั้น จะต้องอาศัยพระสัพพัญญุตญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ดังมีสาธกบาลี ที่แสดงไว้ในพระไตรปีฎกปริวารบาลีว่า พุทฺธจนฺเท อนุปฺปนฺเน พุทฺธาทิจฺเจ อนุคฺคเต เตสํ สภาวธมฺมานํ นามมตฺตํ น นายติ แปลว่า พระจันทร์ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่อุบัติขึ้น พระอาทิตย์ คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่ปรากฎขึ้น ใครๆ ก็ไม่สามารถที่จะรู้แม้เพียงแต่ชื่อของสภาวธรรมเหล่านี้ได้เลย การที่จะบอกให้คนเข้าไปอ่านในพระสูตรว่าอยู่ตรงไหนนั้นเป็นการยากแน่นอน เราควรให้ศึกษาที่พระอนุรุทธได้ขยายความมาแล้วให้เข้าใจได้เสียก่อนๆที่จะไปหาอ่านในพระไตรปิฎก ลองไปดูในพระอภิธรรมมัตถะสังคหะ ท่านอธิบายไว้ได้ดีเข้าใจได้ง่าย เรื่อง จิต เจตสิก รูป นิพพาน หรือเรียกว่าปรมัตถธรรม |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 11 ม.ค. 2013, 09:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนตาบอดย่อมไม่กลัวผี |
สาธุกับกระทู้ข้างบน ใช่เลย...การที่เราจะเข้าไปศึกษาพระไตรปิฎกโดยตรงนั้น ก็น่าจะเป็นการที่ยากยิ่งขึ้นไปอีก เราจึงต้องอาศัย พระอนุรุทธาจารย์ อรรถกถาจารย์ จนถึงเกจิอาจารย์ ช่วยขยายความมาอีกทอดหนึ่ง เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น แท้จริงแล้วท่านทั้งหลายเหล่านั้นท่านก็เอามาจากพระไตรปิฎกนั่นเอง บางคนเลยเหมาเอาว่าอาจารย์รุ่นหลังมาแต่งเอาเองโดยมิใช่พุทธพจน์ ถ้าคิดดังนั้นท่านก็ให้ไปอ่านพระไตรปิฎกเอาเองได้เลย เพราะท่านเหล่านี้ย่อมมีปัญญาไวเหมือนอย่างท่านสุภัททะปริพาชก หรือลูกชายนายช่างทอง ต้องฟังธรรมจากพระโอษฐ์โดยตรง |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 11 ม.ค. 2013, 09:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนตาบอดย่อมไม่กลัวผี |
สาธุ....กับทุกการกระทำเพื่อการออกจากทุกข์...นะครับ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 11 ม.ค. 2013, 09:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนตาบอดย่อมไม่กลัวผี |
ผู้ใดเห็นธรรม...ผู้นั้นเห็นตถาคต ผู้ใดเห็นตถาคต....ผู้นั้นเห็นธรรม |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 11 ม.ค. 2013, 14:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนตาบอดย่อมไม่กลัวผี |
เหตุที่ทรงแสดงธรรม ปัญหา เพราะเหตุไรพระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงธรรมและทรงอนุญาตให้พระสาวกแสดงธรรมโปรดคนอื่น ? พุทธดำรัสตอบ "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ได้เห็นพระตถาคตหรือไม่เห็นก็ตาม ได้ฟังธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว หรือไม่ได้ฟังก็ตาม ย่อมไม่หยั่งลงสู่ความถูกต้องและความแน่นอนมั่งคงในกุศลธรรมทั้งหลาย "บุคคลบางคนในโลกนี้ได้เห็นพระตถาคตหรือไม่เห็นก็ตาม ได้ฟังธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว หรือไม่ได้ฟังก็ตาม ย่อมหยั่งลงสู่ความความแน่นอนและความถูกต้องในกุศลธรรมทั้งหลายเอง "บุคคลบางคนในโลกนี้ได้ เห็นพระตถาคต...ได้ฟังธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว จึงหยั่งลงสู่ความแน่นอนและความถูกต้องมั่งคงในกุศลธรรมทั้งหลายเมื่อไม่ได้เห็น...ไม่ได้ฟัง...ย่อมไม่หยั่งลงสู่ความแน่นอนและถูกต้อง... "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนั้น เพราะเห็นแก่บุคคลผู้ได้เห็นพระตถาคต...ได้ฟังธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว จึงหยั่งลงสู่ความแน่นอน...ถูกต้องในกุศลธรรม เมื่อไม่ได้เห็น...ไม่ได้ฟัง...ย่อมไม่หยั่งลง ...เราจึงอนุญาตการแสดงธรรมไว้และก็เพราะอาศัยบุคคลนี้ จึงควรแสดงธรรมแม้แก่บุคคลอื่น ๆ ด้วย..." http://www.dharma-gateway.com/buddha/bu ... -07-12.htm |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 11 ม.ค. 2013, 14:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนตาบอดย่อมไม่กลัวผี |
พระธรรมวินัยแท้และของปลอม ปัญหา พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามีมากมายเหลือหลาย อาจจะมีคำสอนของศาสนาอื่นหรือคนอื่นแทรกแซงอยู่บ้างเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอันไหนไม่ใช่ ? พุทธดำรัสตอบ "ดูก่อนอุบาลี เธอพึงรู้ธรรมเหล่าใดแลว่า ธรรมเหล่านี้ไม่เป็นไป เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพานโดยส่วนเดียว เธอพึงทราบธรรมเหล่านั้นไว้โดยส่วนหนึ่งว่า นี้ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา ส่วนธรรมเหล่าใด... เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้เพื่อนิพพานโดยส่วนเดียว... นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา" http://www.dharma-gateway.com/buddha/bu ... -07-12.htm |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 11 ม.ค. 2013, 15:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนตาบอดย่อมไม่กลัวผี |
ลุงหมาน เขียน: สาธุกับกระทู้ข้างบน ใช่เลย...การที่เราจะเข้าไปศึกษาพระไตรปิฎกโดยตรงนั้น ก็น่าจะเป็นการที่ยากยิ่งขึ้นไปอีก เราจึงต้องอาศัย พระอนุรุทธาจารย์ อรรถกถาจารย์ จนถึงเกจิอาจารย์ ช่วยขยายความมาอีกทอดหนึ่ง เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น แท้จริงแล้วท่านทั้งหลายเหล่านั้นท่านก็เอามาจากพระไตรปิฎกนั่นเอง บางคนเลยเหมาเอาว่าอาจารย์รุ่นหลังมาแต่งเอาเองโดยมิใช่พุทธพจน์ ถ้าคิดดังนั้นท่านก็ให้ไปอ่านพระไตรปิฎกเอาเองได้เลย เพราะท่านเหล่านี้ย่อมมีปัญญาไวเหมือนอย่างท่านสุภัททะปริพาชก หรือลูกชายนายช่างทอง ต้องฟังธรรมจากพระโอษฐ์โดยตรง วันๆดีแต่เอาบทความโวหาร มากระทบกระเทียบชาวบ้าน ช่างไร้แก่นสารยิ่งนัก พูดจาไม่อยู่กระร่องกระลอย วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้ก็ลืมแล้ว เอาเรื่องที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ตน พูดแสดงความเห็น.......... ลุงเคยเอาคลิปพระอาจารย์คึกฤทธิ์มาโพส ท่านอาจารย์ว่าไว้ว่าอย่างไร พระอาจารย์ท่านบอกว่า ไม่ให้เชื่อถือบรรดาอรรถกถาจารย์ ให้เชื่อแต่พระพุทธพจน์ และต้องเป็นบาลีสยามรัฐเท่านั้น แล้วไงวันนี้มาพูดตรงข้ามกับที่อาจารย์คึกฤทธิ์พูดล่ะ ลุงนี่ไม่ไหวเลย แสดงความเห็นแต่ละอย่างไม่มีสติสตัง สัมปชัญญะไกลห่าง พูดจาเหมือนไม้หลักปักขี้เลน ![]() |
เจ้าของ: | ให้ทาง [ 11 ม.ค. 2013, 19:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนตาบอดย่อมไม่กลัวผี |
กบนอกกะลา เขียน: "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนั้น เพราะเห็นแก่บุคคลผู้ได้เห็นพระตถาคต...ได้ฟังธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว จึงหยั่งลงสู่ความแน่นอน...ถูกต้องในกุศลธรรม เมื่อไม่ได้เห็น...ไม่ได้ฟัง...ย่อมไม่หยั่งลง ...เราจึงอนุญาตการแสดงธรรมไว้และก็เพราะอาศัยบุคคลนี้ จึงควรแสดงธรรมแม้แก่บุคคลอื่น ๆ ด้วย..." ส่วนธรรมเหล่าใด... เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้เพื่อนิพพานโดยส่วนเดียว... นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา" http://www.dharma-gateway.com/buddha/bu ... -07-12.htm ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 12 ม.ค. 2013, 05:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนตาบอดย่อมไม่กลัวผี |
เรื่องการแสดงพระอภิธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น สำหรับในมนุษย์โลก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ไม่เคยทรงแสดงต่อสาวกทั่วไปเลย แต่ทรงแสดง ต่อพระอัครสาวกองค์เดียวเท่านั้น ฉะนั้น พระอภิธรรมปีฎกที่มีปรากฎอยู่ในมนุษย์โลกนี้เป็นการแสดงของพระอัครสาวก ที่มีนามว่าพระสารีบุตร กล่าวได้ว่าพระอภิธรรมปิฎกนี้เป็นพุทธพจน์ พระสารีบุตรภาษิต แต่อย่าเข้าใจผิดว่าพระสารีบุตรแสดงพระอภิธรรมตามความคิดเห็นของท่านเอง การที่ไม่มีคำว่า ภิกฺขเว ในพระอภิธรรมปิฎก ก็เพราะปิฎกนี้มิใช่อาณาเทศนาและโวหารเทศนา แต่เป็นปรมัตถเทศนาล้วนๆ และที่พระพุทธองค์ไม่ทรงแสดงพระอภิธรรมโดยตรง ตลอดต่อพระสาวกทั่วไปนั้น ก็เพราะไม่มีอนุสนธิ และไม่ใช่พุทธนิยาม ส่วนเนื้อความพระอภิธรรมหลายประการ ก็ได้แสดงไว้ในพระสูตรเป็นอันมาก เช่นใน ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร อนัตตลักขณสูตร มหาสติปัฏฐานสูตรเป็นต้น ซึ่งปรากฎอยู่ใน ทีฑนิกาย มัชฌิมนิกาย และสังยุตนิกาย มีข้อคัดค้านกันว่า ในพระไตรปิฎก มีพุทธประวัติเป็นต้น มิได้ปรากฎว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระอภิธรรมแก่พระอานนท์ โดยปกติแล้ว ธรรมะและวินัยที่แสดงที่อื่นๆนั้น พระองค์แสดงซ้ำแก่พระอานนท์อีกครั้งหนึ่ง นั้นเสมอไป ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามสัญญาที่ได้ทรงให้ไว้แก่พระอานนท์นั่นเอง ดังนั้นจึงมักสันนิษฐานกันว่า พระอภิธรรมปิฎกมิใช่พุทธพจน์ ข้อนี้แก้ว่า พระพุทธองค์ไม่ทรงแสดงพระอภิธรรมให้พระอานนท์ซ้ำอีก เพราะพระอานนท์ได้ศึกษาพระอภิธรรมมาจากพระสารีบุตร โดยตรงแล้ว เรื่องนี้ปรากฎอยู่ในเถรอปาทานพระบาลี อนึ่ง พระอานนท์ได้เริ่มทำหน้าที่พุทธอุปัฏฐากเป็นประจำตั้งแต่พรรษาที่ ๒๑ เป็นต้นไป แต่พระพุทธองค์ทรงเทศนาพระอภิธรรมในพรรษาที่ ๗ จะเห็นได้ว่าพระอานนท์ได้ศึกษาพระอภิธรรม ก่อนที่จะได้มาเป็นพุทธอุปัฎฐาก ฉะนั้นธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงแสดงแก่พระอานนท์นั้น จึงไม่มีพระอภิธรรมอยู่ด้วย ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้การแสดงพระอภิธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแก่พระ อานนท์จึงไม่ปรากฎในพระไตรปิฎกเลย อนึ่งการมีเสรีภาพในทางโลกและทางธรรมนี้ มีคุณอนันต์ แต่ก็มีโทษมหันต์ สำหรับผู้มีวิทยฐานะดี ทั้งมีตัณหามานะทิฏฐิและอิสสามัจฉริยะน้อย เสรีภาพของผู้นั้นก็มีประโยชน์มากแก่ตนเองและผู้อื่นยิ่งนัก ส่วนผู้มีตัณหาอยู่มากเป็นต้น แม้ว่าจะมีวิทยาฐานะดีก็ตาม เสรีภาพของผู้นั้นก็มีแต่ให้เกิดความเสียหายแก่ตนเองและผู้อื่น เหตุนี้จึงไม่ควรเปิดโอกาสให้บุคคลประเภทนี้ มีเสรีภาพมากเกินไป |
เจ้าของ: | ยังไม่พ้น [ 14 ก.พ. 2013, 12:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนตาบอดย่อมไม่กลัวผี |
แม่นแล้ว คนตาบอดไม่กลัวผี และคนตาบอดเถียงคนตาดี คนตาดี บอกเห็น เทพ พรหม มาร สัมภเวสี และเมืองนิพพาน คนตาบอดเถียงวันยังค่ำ จนกว่าจะตาดีเหมือนกัน |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 14 ก.พ. 2013, 16:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนตาบอดย่อมไม่กลัวผี |
กฎกติกา มารยาท ในการแสดงความคิดเห็น (๘) โปรดงดเว้น การใช้ข้อความอวดอ้าง หรือบิดเบือนคัดค้าน คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยกเว้นในกรณีเกิดข้อสงสัย. ![]() ![]() สาวกภาษิต ก็คือสาวกภาษิต สาวกภาษิต แม้จะแกะเอาเพียงคำสอน ตัดเอาเรื่องราวออก แล้วเรียบเรียงใหม่ เป็นพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ก็ตาม ซึ่งในชั้นแรก ก็ยังมีพุทธวจนะ ปนๆกับอัตโนมติอยู่บ้างก็ตาม หรือ ยิ่งไปกว่านั้น ก็นำเอา พระอภิธรรม 7 คัมภีร์นั้นมาย่อลง เพื่อความเข้าใจส่วนตนของผู้รจนาก็ดี ย่อมไม่บริบูรณ์. เป็นความจริงแท้ที่ ไม่อาจปฏิเสธได้. เพียงแต่ ศิษย์ทั้งหลายให้ความเคารพ ต่อแนวรจนาเหล่านั้น จนกลายเป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้ เท่านั้นเอง. พระอภิธรรม เหมาะแก่ผู้มีปัญญาน้อยในการศึกษา จึงต้องการกรอบของถ้อยคำ ไม่มีอะไรหรอก จะศึกษา คัมภีร์อภิธัมมัตถะสังคหะให้แจ่มแจ้ง ก็ต้องอาศัยความเข้าใจในพระสูตร และพระอภิธรรม 7 คัมภีร์. |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |