วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 20:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2013, 06:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


คนตาบอดไม่กลัวผี
การแสดงและการศึกษาพระอภิธรรม ย่อมมีหลักฐานปรากฏอยู่ในพุทธประวัติและพุทธานุพุทธประวัติ คือพระสารีบุตรและสานุศิษย์ 500 รูปพระนาคเสน เป็นต้น จนถึงการยกสังคายนาครั้งที่ 6 ทั้งได้จารึกลงในใบลานบ้างเป็นหนังสือบ้างที่มีอยู่ทั่วไป ถึงกระนั้นบางท่านก็ยังกล่าวว่าพระอภิธรรมนี้มิใช่พุทธภาษิต บางท่านก็กล่าวว่ามิใช่ข้อธรรมที่พวกมนุษย์จะพึงศึกษา ผู้ที่กล่าวดังนี้ก็เพราะว่าเป็นผู้ที่ไม่รู้จักประมาณตนของตน ว่าตนได้ศึกษาในข้อธรรมนั้นๆทั่วถึงดีแล้วหรือยัง และเคยเห็นหนังสือพระไตรปิฎก อรรถกถาฎีกาโดยชัดเจนบ้างหรือเปล่า เมื่อได้เห็นเคยได้อ่านเข้าใจข้อธรรมนั้นหรือไม่ ควรจะพิจารณาใคร่ครวญตรวจดูตนให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ฉะนั้นบุคคลที่กล่าวดังนี้จึงเป็นบุคคลดังที่กล่าวว่าตาบอดไม่กลัวผี

บางท่านได้รับการศึกษาวิชาธรรมจากสำนักอาจารย์มาแต่พอประมาณไม่เกิน 25 ส่วนในจำนวนร้อย บางท่านก็ไม่ได้รับการศึกษามาจากอาจารย์แต่ประการใดเลย เพียงแต่ได้อ่านตำราเท่านั้นก็ยังกล้าเขียนกล้าที่จะสอน เมื่อได้รับคำชมเชยสนับสนุนจากพุทธศาสนิกชนที่มีความรู้ในข้อธรรมเพียงเล็กน้อย แล้วก็เข้าใจว่าตนเป็นปราชญ์ จะอย่างไรก็ดีตามถ้อยคำที่กล่าวนั้นก็ยังเป็นที่น่าเคารพน่าเชื่อถืออยู่ได้เพราะการกล่าวก็ดี การเขียนก็ดีเหล่านี้ถึงแม้จะมีเนื้อความไม่ถูกทั้งการลำดับข้อความก็ยังสับสนอยู่ก็จริง แต่ก็ต้องจัดเข้าในการที่ไม่หวังดีนั้นเอง

ต่อมาการกล่าวการเขียนของผู้ที่ถือตนว่าเป็นนักปราชญ์นั้น ก็จะค่อยๆคลาดเคลื่อน ห่างออกจากพุทธภาษิตและอรรถกาฎีกา คือพระพุทธภาษิตและอรรถกถาฎีกามีความหมายไปอย่างหนึ่ง แม้ข้อความนั้นนำเอามาบรรยายขยายไปนั้นก็ยังเป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่การงานของท่านเหล่านี้ก็คงยังดำเนินไปด้วยดี พร้อมทั้งผู้ฟังและผู้รับฟังก็ยังสนับสนุนอยู่ ทั้งนี้ก็เพราะว่าประชาชนบางเหล่าก็มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาดี แต่ไม่รู้ว่าผิดถูกแค่ไหน ทั้งมีความพยายามที่จะฟังให้ถูกอีกด้วย บางเหล่าก็ไม่มีความเลื่อมใสที่แท้จริงทั้งไม่รู้ผิดถูกประการใดอีกด้วย เพียงแต่มีความประสงค์เพื่อจะฟังเล่นเพื่อสนุกเท่านั้น ฉะนั้นผู้ที่ถือตนว่าเป็นนักปราชญ์พร้อมกับสานุศิษย์ที่ยอมตนเป็นผู้รับฟังเหล่านี้ จึงเป็นบุคคลที่ตาบอดไม่กลัวผี

http://www.panyayan.com/forum.php?mod=v ... a=page%3D7

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2013, 07:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
สาธุค่ะลุง การปฏิบัติในขั้นต้นๆ นั้น ต้องอาศัยการรู้ปริยัติให้เข้าใจก่อน
หากไม่ศึกษาให้ดีให้ชัดเจน ในเวปต่างๆ ก็มีผู้สอนการปฏิบัติเยอะมาก
หากไม่เข้าใจปริยัติบ้าง ก็เลือกฟังจากผู้สอนผิดๆ ก็พากันเข้ารกเข้าพง

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2013, 07:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ในลานธรรมนี้ก็มีไม่ใช่เหรอ คนตาบอดไม่กลัวผี

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2013, 07:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
ในลานธรรมนี้ก็มีไม่ใช่เหรอ คนตาบอดไม่กลัวผี


แม้แต่เราเองก็เถอะยังเป็นผู้ที่ตาบอดอยู่
จึงได้คบหาสมาคมกับผีอยู่ ถ้าตาดีเมื่อไหร่เราก็ต้องกลัวผี

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2013, 07:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
เป็นการยากยิ่ง ที่ผู้ใดที่จะศึกษาโดยตรงจากคัมภีร์พระอภิธรรม ๗ คำภีร์ให้เกิดความเข้าใจโดยมิต้องอาศัย
พระอภิธัมมัตถสังคหะ ซึ่งรจนาโดย พระอนุรุทธาจารย์ให้เป็นพื้นฐานรองรับเสียก่อน เริ่มต้นตั้งแต่ปริเฉทที่ ๑
ถึงปริเฉทที่ ๙ ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงได้รับความนับถือในฐานะเป็นพระคันถรจนาจารย์ผู้แต่งคัมภีร์พระอภิธัมมัตถสังคหะ
อันท่านผู้ศึกษาที่มีความเข้าใจได้เหตผลจะเว้นกราบไหว้ระลึกถึงพระคุณของท่านด้วยความซาบซึ้งเสียมิได้

การที่ท่านได้รจนาอภิธัมมัตถสังคหะ จากคัมภีร์พระอภิธรรมปิฎกทั้ง ๗ คัมภีร์ออกมาเป็นอีกคัมภีร์หนึ่ง
ก็เพื่อให้ผู้ศึกษาบังเกิดความสับสน โดยเรียงลำดับจากง่ายๆ ขึ้นไปนี้เองได้เป็นเหตุให้บางท่านที่มิได้เคยศึกษา
พระอภิธรรมมาก่อน ทั้งอ่านอภิธัมมัตถสังคหะด้วยตนเองก็ยังไม่อาจเข้าใจ จึงได้กล่าวหาว่า

พระอภิธัมมัตถสังคหะไม่ใช่พุทธพจน์ เพราะเป็นการแต่งขึ้นโดยพระอนุรุทธาจารย์ในภายหลัง เมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี้เอง
ความจริง ผู้บรรยายอภิธรรมส่วนมาก และผู้ศึกษาพระอภิธรรมที่มีความเข้าใจพอสมควร ย่อมประจักษ์แก่ตนเองว่า
พระอภิธรรมทั้ง ๗ คัมภีร์ กับพระอภิธัมมัตถสังคหะที่ท่านพระอนุรุทธาจารย์รจนาขึ้นนั้น มิได้มีเนื้อความแตกต่างกันเลย

แม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นองค์ธรรม หรือตัวเลขมากมาย ที่บังคับควบคุมเอาไว้มิให้กระจัดกระจายนั้น ก็มิได้มีความขัดแย้งกันเลย
ทั้งท่านจะแต่งคัมภีร์นี้ท่านก็ยังสรรเสริญพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียก่อพร้อมด้วยแสดงความเคารพตั้งแต่เริ่มต้นปริเฉทที่ ๑

อย่างไรก็ดีท่านผู้ศึกษาก็ย่อมเป็นผู้มีความคิดพิจารณา เป็นผู้มีเหตุผลของตนเอง เมื่อท่านได้ศึกษาไปไม่ต้องจบปริเฉทที่ ๑
ท่านก็จะทราบด้วยตนเองว่าพระอภิธรรม ๗ คำภีร์นั้น ไม่มีผู้ใดในโลกจะแต่งขึ้นมาเองได้ เว้นไว้แต่จะต้องอาศัยพระสัพพัญญุตญาน
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น เพราะไม่เคยศึกษาจึงไม่มีความเข้าใจในพระอภิธรรมเลย

พระอภิธรรมจะเกิดขึ้นในโลกได้นั้น จะต้องอาศัยพระสัพพัญญุตญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น
ดังมีสาธกบาลี ที่แสดงไว้ในพระไตรปีฎกปริวารบาลีว่า
พุทฺธจนฺเท อนุปฺปนฺเน พุทฺธาทิจฺเจ อนุคฺคเต
เตสํ สภาวธมฺมานํ นามมตฺตํ น นายติ
แปลว่า พระจันทร์ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่อุบัติขึ้น พระอาทิตย์ คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่ปรากฎขึ้น
ใครๆ ก็ไม่สามารถที่จะรู้แม้เพียงแต่ชื่อของสภาวธรรมเหล่านี้ได้เลย

การที่จะบอกให้คนเข้าไปอ่านในพระสูตรว่าอยู่ตรงไหนนั้นเป็นการยากแน่นอน เราควรให้ศึกษาที่พระอนุรุทธได้ขยายความมาแล้วให้เข้าใจได้เสียก่อนๆที่จะไปหาอ่านในพระไตรปิฎก ลองไปดูในพระอภิธรรมมัตถะสังคหะ ท่านอธิบายไว้ได้ดีเข้าใจได้ง่าย เรื่อง จิต เจตสิก รูป นิพพาน หรือเรียกว่าปรมัตถธรรม

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2013, 09:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุกับกระทู้ข้างบน

ใช่เลย...การที่เราจะเข้าไปศึกษาพระไตรปิฎกโดยตรงนั้น
ก็น่าจะเป็นการที่ยากยิ่งขึ้นไปอีก เราจึงต้องอาศัย พระอนุรุทธาจารย์ อรรถกถาจารย์
จนถึงเกจิอาจารย์ ช่วยขยายความมาอีกทอดหนึ่ง เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
แท้จริงแล้วท่านทั้งหลายเหล่านั้นท่านก็เอามาจากพระไตรปิฎกนั่นเอง
บางคนเลยเหมาเอาว่าอาจารย์รุ่นหลังมาแต่งเอาเองโดยมิใช่พุทธพจน์
ถ้าคิดดังนั้นท่านก็ให้ไปอ่านพระไตรปิฎกเอาเองได้เลย
เพราะท่านเหล่านี้ย่อมมีปัญญาไวเหมือนอย่างท่านสุภัททะปริพาชก หรือลูกชายนายช่างทอง
ต้องฟังธรรมจากพระโอษฐ์โดยตรง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2013, 09:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ....กับทุกการกระทำเพื่อการออกจากทุกข์...นะครับ

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2013, 09:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ใดเห็นธรรม...ผู้นั้นเห็นตถาคต
ผู้ใดเห็นตถาคต....ผู้นั้นเห็นธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2013, 14:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เหตุที่ทรงแสดงธรรม


ปัญหา เพราะเหตุไรพระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงธรรมและทรงอนุญาตให้พระสาวกแสดงธรรมโปรดคนอื่น ?

พุทธดำรัสตอบ "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ได้เห็นพระตถาคตหรือไม่เห็นก็ตาม ได้ฟังธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว หรือไม่ได้ฟังก็ตาม ย่อมไม่หยั่งลงสู่ความถูกต้องและความแน่นอนมั่งคงในกุศลธรรมทั้งหลาย

"บุคคลบางคนในโลกนี้ได้เห็นพระตถาคตหรือไม่เห็นก็ตาม ได้ฟังธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว หรือไม่ได้ฟังก็ตาม ย่อมหยั่งลงสู่ความความแน่นอนและความถูกต้องในกุศลธรรมทั้งหลายเอง

"บุคคลบางคนในโลกนี้ได้ เห็นพระตถาคต...ได้ฟังธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว จึงหยั่งลงสู่ความแน่นอนและความถูกต้องมั่งคงในกุศลธรรมทั้งหลายเมื่อไม่ได้เห็น...ไม่ได้ฟัง...ย่อมไม่หยั่งลงสู่ความแน่นอนและถูกต้อง...

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนั้น เพราะเห็นแก่บุคคลผู้ได้เห็นพระตถาคต...ได้ฟังธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว จึงหยั่งลงสู่ความแน่นอน...ถูกต้องในกุศลธรรม เมื่อไม่ได้เห็น...ไม่ได้ฟัง...ย่อมไม่หยั่งลง

...เราจึงอนุญาตการแสดงธรรมไว้และก็เพราะอาศัยบุคคลนี้ จึงควรแสดงธรรมแม้แก่บุคคลอื่น ๆ ด้วย..."

http://www.dharma-gateway.com/buddha/bu ... -07-12.htm


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2013, 14:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พระธรรมวินัยแท้และของปลอม


ปัญหา พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามีมากมายเหลือหลาย อาจจะมีคำสอนของศาสนาอื่นหรือคนอื่นแทรกแซงอยู่บ้างเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอันไหนไม่ใช่ ?

พุทธดำรัสตอบ "ดูก่อนอุบาลี เธอพึงรู้ธรรมเหล่าใดแลว่า ธรรมเหล่านี้ไม่เป็นไป เพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพานโดยส่วนเดียว เธอพึงทราบธรรมเหล่านั้นไว้โดยส่วนหนึ่งว่า นี้ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา ส่วนธรรมเหล่าใด... เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้เพื่อนิพพานโดยส่วนเดียว... นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา"

http://www.dharma-gateway.com/buddha/bu ... -07-12.htm


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2013, 15:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
สาธุกับกระทู้ข้างบน

ใช่เลย...การที่เราจะเข้าไปศึกษาพระไตรปิฎกโดยตรงนั้น
ก็น่าจะเป็นการที่ยากยิ่งขึ้นไปอีก เราจึงต้องอาศัย พระอนุรุทธาจารย์ อรรถกถาจารย์
จนถึงเกจิอาจารย์ ช่วยขยายความมาอีกทอดหนึ่ง เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
แท้จริงแล้วท่านทั้งหลายเหล่านั้นท่านก็เอามาจากพระไตรปิฎกนั่นเอง
บางคนเลยเหมาเอาว่าอาจารย์รุ่นหลังมาแต่งเอาเองโดยมิใช่พุทธพจน์
ถ้าคิดดังนั้นท่านก็ให้ไปอ่านพระไตรปิฎกเอาเองได้เลย
เพราะท่านเหล่านี้ย่อมมีปัญญาไวเหมือนอย่างท่านสุภัททะปริพาชก หรือลูกชายนายช่างทอง
ต้องฟังธรรมจากพระโอษฐ์โดยตรง

วันๆดีแต่เอาบทความโวหาร มากระทบกระเทียบชาวบ้าน ช่างไร้แก่นสารยิ่งนัก
พูดจาไม่อยู่กระร่องกระลอย วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้ก็ลืมแล้ว เอาเรื่องที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ตน
พูดแสดงความเห็น..........

ลุงเคยเอาคลิปพระอาจารย์คึกฤทธิ์มาโพส ท่านอาจารย์ว่าไว้ว่าอย่างไร
พระอาจารย์ท่านบอกว่า ไม่ให้เชื่อถือบรรดาอรรถกถาจารย์ ให้เชื่อแต่พระพุทธพจน์
และต้องเป็นบาลีสยามรัฐเท่านั้น แล้วไงวันนี้มาพูดตรงข้ามกับที่อาจารย์คึกฤทธิ์พูดล่ะ
ลุงนี่ไม่ไหวเลย แสดงความเห็นแต่ละอย่างไม่มีสติสตัง สัมปชัญญะไกลห่าง
พูดจาเหมือนไม้หลักปักขี้เลน :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2013, 19:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 11:11
โพสต์: 94


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาบุคคล ๓ จำพวกนั้น เพราะเห็นแก่บุคคลผู้ได้เห็นพระตถาคต...ได้ฟังธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว จึงหยั่งลงสู่ความแน่นอน...ถูกต้องในกุศลธรรม เมื่อไม่ได้เห็น...ไม่ได้ฟัง...ย่อมไม่หยั่งลง

...เราจึงอนุญาตการแสดงธรรมไว้และก็เพราะอาศัยบุคคลนี้ จึงควรแสดงธรรมแม้แก่บุคคลอื่น ๆ ด้วย..."

ส่วนธรรมเหล่าใด... เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้เพื่อนิพพานโดยส่วนเดียว... นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา"

http://www.dharma-gateway.com/buddha/bu ... -07-12.htm


:b20: :b8: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2013, 05:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องการแสดงพระอภิธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
สำหรับในมนุษย์โลก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ไม่เคยทรงแสดงต่อสาวกทั่วไปเลย
แต่ทรงแสดง ต่อพระอัครสาวกองค์เดียวเท่านั้น

ฉะนั้น พระอภิธรรมปีฎกที่มีปรากฎอยู่ในมนุษย์โลกนี้เป็นการแสดงของพระอัครสาวก
ที่มีนามว่าพระสารีบุตร กล่าวได้ว่าพระอภิธรรมปิฎกนี้เป็นพุทธพจน์
พระสารีบุตรภาษิต แต่อย่าเข้าใจผิดว่าพระสารีบุตรแสดงพระอภิธรรมตามความคิดเห็นของท่านเอง

การที่ไม่มีคำว่า ภิกฺขเว ในพระอภิธรรมปิฎก ก็เพราะปิฎกนี้มิใช่อาณาเทศนาและโวหารเทศนา
แต่เป็นปรมัตถเทศนาล้วนๆ และที่พระพุทธองค์ไม่ทรงแสดงพระอภิธรรมโดยตรง
ตลอดต่อพระสาวกทั่วไปนั้น ก็เพราะไม่มีอนุสนธิ และไม่ใช่พุทธนิยาม

ส่วนเนื้อความพระอภิธรรมหลายประการ ก็ได้แสดงไว้ในพระสูตรเป็นอันมาก
เช่นใน ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร อนัตตลักขณสูตร มหาสติปัฏฐานสูตรเป็นต้น ซึ่งปรากฎอยู่ใน
ทีฑนิกาย มัชฌิมนิกาย และสังยุตนิกาย

มีข้อคัดค้านกันว่า ในพระไตรปิฎก มีพุทธประวัติเป็นต้น
มิได้ปรากฎว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระอภิธรรมแก่พระอานนท์
โดยปกติแล้ว ธรรมะและวินัยที่แสดงที่อื่นๆนั้น พระองค์แสดงซ้ำแก่พระอานนท์อีกครั้งหนึ่ง
นั้นเสมอไป ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามสัญญาที่ได้ทรงให้ไว้แก่พระอานนท์นั่นเอง

ดังนั้นจึงมักสันนิษฐานกันว่า พระอภิธรรมปิฎกมิใช่พุทธพจน์ ข้อนี้แก้ว่า
พระพุทธองค์ไม่ทรงแสดงพระอภิธรรมให้พระอานนท์ซ้ำอีก
เพราะพระอานนท์ได้ศึกษาพระอภิธรรมมาจากพระสารีบุตร โดยตรงแล้ว
เรื่องนี้ปรากฎอยู่ในเถรอปาทานพระบาลี

อนึ่ง พระอานนท์ได้เริ่มทำหน้าที่พุทธอุปัฏฐากเป็นประจำตั้งแต่พรรษาที่ ๒๑ เป็นต้นไป
แต่พระพุทธองค์ทรงเทศนาพระอภิธรรมในพรรษาที่ ๗ จะเห็นได้ว่าพระอานนท์ได้ศึกษาพระอภิธรรม
ก่อนที่จะได้มาเป็นพุทธอุปัฎฐาก ฉะนั้นธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงแสดงแก่พระอานนท์นั้น
จึงไม่มีพระอภิธรรมอยู่ด้วย ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้การแสดงพระอภิธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแก่พระ
อานนท์จึงไม่ปรากฎในพระไตรปิฎกเลย

อนึ่งการมีเสรีภาพในทางโลกและทางธรรมนี้ มีคุณอนันต์ แต่ก็มีโทษมหันต์
สำหรับผู้มีวิทยฐานะดี ทั้งมีตัณหามานะทิฏฐิและอิสสามัจฉริยะน้อย
เสรีภาพของผู้นั้นก็มีประโยชน์มากแก่ตนเองและผู้อื่นยิ่งนัก ส่วนผู้มีตัณหาอยู่มากเป็นต้น
แม้ว่าจะมีวิทยาฐานะดีก็ตาม เสรีภาพของผู้นั้นก็มีแต่ให้เกิดความเสียหายแก่ตนเองและผู้อื่น

เหตุนี้จึงไม่ควรเปิดโอกาสให้บุคคลประเภทนี้ มีเสรีภาพมากเกินไป

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2013, 12:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 09:13
โพสต์: 73


 ข้อมูลส่วนตัว


แม่นแล้ว คนตาบอดไม่กลัวผี และคนตาบอดเถียงคนตาดี คนตาดี บอกเห็น เทพ พรหม มาร สัมภเวสี และเมืองนิพพาน คนตาบอดเถียงวันยังค่ำ จนกว่าจะตาดีเหมือนกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2013, 16:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กฎกติกา มารยาท ในการแสดงความคิดเห็น

(๘) โปรดงดเว้น การใช้ข้อความอวดอ้าง หรือบิดเบือนคัดค้าน
คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยกเว้นในกรณีเกิดข้อสงสัย.

Kiss Onion_no

สาวกภาษิต ก็คือสาวกภาษิต
สาวกภาษิต แม้จะแกะเอาเพียงคำสอน ตัดเอาเรื่องราวออก
แล้วเรียบเรียงใหม่ เป็นพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ก็ตาม
ซึ่งในชั้นแรก ก็ยังมีพุทธวจนะ ปนๆกับอัตโนมติอยู่บ้างก็ตาม
หรือ ยิ่งไปกว่านั้น ก็นำเอา พระอภิธรรม 7 คัมภีร์นั้นมาย่อลง เพื่อความเข้าใจส่วนตนของผู้รจนาก็ดี
ย่อมไม่บริบูรณ์.
เป็นความจริงแท้ที่ ไม่อาจปฏิเสธได้.

เพียงแต่ ศิษย์ทั้งหลายให้ความเคารพ ต่อแนวรจนาเหล่านั้น จนกลายเป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้ เท่านั้นเอง.

พระอภิธรรม เหมาะแก่ผู้มีปัญญาน้อยในการศึกษา
จึงต้องการกรอบของถ้อยคำ ไม่มีอะไรหรอก

จะศึกษา คัมภีร์อภิธัมมัตถะสังคหะให้แจ่มแจ้ง ก็ต้องอาศัยความเข้าใจในพระสูตร และพระอภิธรรม 7 คัมภีร์.

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 211 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร