ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

การกรวดน้ำ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอน จริงหรือไม่ครับ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=44174
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  เปลี่ยนชื่อใหม่ [ 29 ธ.ค. 2012, 05:23 ]
หัวข้อกระทู้:  การกรวดน้ำ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอน จริงหรือไม่ครับ

พระพุทธเจ้า ไม่เคยสอนให้กรวดน้ำ หรือครับ s006

เจ้าของ:  govit2552 [ 29 ธ.ค. 2012, 09:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การกรวดน้ำ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอน จริงหรือไม่ครับ

การกรวดน้ำ ดูท่าจะมีมาก่อนมีพระพุทธศาสนา

เจ้าของ:  din [ 29 ธ.ค. 2012, 17:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การกรวดน้ำ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอน จริงหรือไม่ครับ

ผมพอจะเดาได้แล้วว่าคุณถามแบบนี้ทำไม

การกรวดน้ำเป็นการน้อมให้จิตเกิดสมาธิอย่างหนึ่ง เวลาจะอุทิศส่วนกุศลจะได้มีกำลัง

จะมีมาก่อนหรือตามหลังก็ตามแต่ พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้มาเพื่อล้มล้าง แต่ทรงทำสิ่งที่มืดให้สว่าง ทำสิ่งเลือนลางให้ชัดแจ้ง

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 02 ม.ค. 2013, 07:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การกรวดน้ำ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอน จริงหรือไม่ครับ

เกิดภัย ๓ อย่างในเมืองไพศาลี พระพุทธองค์จึงเสด็จไป
น้ำมนต์ แห่งพระปริตรมีอำนาจมาก
พระศาสดาประทับยืนที่ประตู พระนครในเวลาเย็น ตรัสเรียกพระอานนทเถระมาแล้ว
ตรัสว่า "อานนท์ เธอจงเรียนรัตนสูตรนี้แล้ว เที่ยวไปกับเจ้าลิจฉวีกุมารทั้งหลาย
ทำพระปริตรในระหว่างกำแพง ๓ ชั้นในเมืองไพศาลี." พระเถระเรียนรัตนสูตรที่พระศาสดาประทานแล้ว
เอาบาตรสำเร็จด้วยศิลาของพระศาสดาตักน้ำ ยืนอยู่ที่ประตูพระนครแล้ว.

ระลึกถึงพระพุทธคุณของพระตถาคตเหล่านี้ทั้งหมด จำเดิมแต่ตั้งความเพียรไว้ว่า
"พระบารมี ๓๐ ถ้วน คือบารมี ๑๐ อุปบารมี ๑๐ ปรมัตถบารมี ๑๐ มหาบริจาค ๕ จริยา ๓ คือ
โลกัตถจริยา ๑ ญาตัตถจริยา ๑ พุทธัตถจริยา ๑ การก้าวลงสู่พระครรภ์ในภพที่สุด
การประสูติ การเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ การทรงประพฤติความเพียร การชำนะมาร
การแทงตลอดพระสัพพัญญุตญาณเหนือบัลลังก์ไม้โพธิ์ การยังพระธรรมจักรให้เป็นไป
และพระโลกุตรธรรม ๙" แล้วเข้าไปยังพระนคร เที่ยวทำพระปริตรในระหว่างกำแพงทั้ง ๓
ตลอด ๓ ยามแห่งราตรี.เมื่อคำสักว่า "ยงฺกิญฺจิ" เป็นต้น อันพระเถระนั้นกล่าวแล้วเท่านั้น
น้ำที่สาดขึ้นไปเบื้องบน ตกลงบนกระหม่อมของอมนุษย์ทั้งหลาย.

จำเดิมแต่การกล่าวคาถาว่า "ยานีธ ภูตานิ" เป็นต้น หยาดน้ำเป็นราวกะว่าเทริดเงินพุ่งขึ้นในอากาศ
แล้วตกลง ณ เบื้องบนแห่งมนุษย์ทั้งหลายผู้ป่วย. มนุษย์ทั้งหลายหายโรคในทันใดนั่นเอง
แล้วลุกขึ้นแวดล้อมพระเถระ.ก็จำเดิมแต่บทว่า "ยงฺกิญฺจิ" เป็นต้น อันพระเถระกล่าวแล้ว
อมนุษย์ทั้งหลายถูกเมล็ดน้ำกระทบแล้วๆ ยังไม่หนีไปก่อน ที่อาศัยกองหยากเยื่อและส่วนแห่งฝาเรือน
เป็นต้น ก็หนีไปแล้วโดยประตูนั้นๆ. ประตูทั้งหลายไม่มีช่องว่างแล้ว. อมนุษย์เหล่านั้นเมื่อไม่ได้โอกาส ก็ทำลายกำแพงหนีไป. มหาชนประพรมท้องพระโรงในท่ามกลางพระนครด้วยของหอมทั้งปวง
ผูกผ้าเพดานอันวิจิตรด้วยดาวทองเป็นต้นในเบื้องบน ตกแต่งพุทธอาสน์ นำเสด็จพระศาสดามาแล้ว.
พระศาสดาประทับนั่งบนอาสนะอันตกแต่งแล้ว. ทั้งภิกษุสงฆ์ ทั้งหมู่เจ้าลิจฉวีนั่งแวดล้อมพระศาสดาแล้ว. แม้ท้าวสักกเทวราชอันหมู่เทวดาแวดล้อมแล้ว ได้ประทับยืนในโอกาสสมควร.

ฝ่ายพระเถระเที่ยวไปสู่พระนครทั้งสิ้นโดยลำดับแล้ว มากับมหาชนผู้หายโรค ถวายบังคมพระศาสดา
นั่งแล้ว พระศาสดาทรงตรวจดูบริษัทแล้ว ได้ทรงภาษิตรัตนสูตรนั้น นั่นเอง.ในกาลจบเทศนา
การตรัสรู้ธรรมได้มีแก่สัตว์แปดหมื่นสี่พันแล้ว. พระศาสดาทรงแสดงรัตนสูตรนั้นเหมือนกันตลอด ๗ วัน
คือแม้ในวันรุ่งขึ้น ก็ทรงแสดงอย่างนั้น ทรงทราบความที่ภัยทั้งปวงสงบแล้ว
ตรัสเตือนหมู่เจ้าลิจฉวีแล้ว เสด็จออกจากเมืองไพศาลี. เจ้าลิจฉวีทั้งหลายทรงทำสักการะทวีคูณ
นำเสด็จพระศาสดาไปสู่ฝั่งแม่น้ำคงคาโดย ๓ วันอีก.

http://www.dhammathai.org/buddha/g74.php

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/