ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
เล่าสู่กันฟัง :หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท คว่ำวัฏจักร วัฏจิต http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=43083 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | เสียงธรรม [ 25 ส.ค. 2012, 18:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | เล่าสู่กันฟัง :หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท คว่ำวัฏจักร วัฏจิต |
![]() หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท “คว่ำวัฏจักร วัฏจิต ที่เชิงเขาบายศรี” ต้นปี ๒๔๙๒...ขณะที่เราเข้าป่าดงไปภาวนานั้น เกิดป่วยเป็นไข้มาลาเรียอยู่ในป่าโดยลำพัง เข้าไปในดงมาลาเรีย ในเชิงเขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ บ้านยางระหง อันเป็นป่าทึบ โรคไข้มาลาเรียนี้ได้คร่าชีวิตชาวบ้านแถบนี้มามาก ขึ้นชื่อว่าผู้ใดสามารถถากถางป่าแถบนี้เป็นเจ้าของอยู่รอดได้ นับว่าเป็นคนเก่งกาจมากๆ และยังมีสัตว์ป่า เช่น ช้าง เสือ หมี งู หมูป่า กวาง เก้ง อยู่มาก ชาวบ้านโดยทั่วไปเป็นพรานล่าสัตว์ หาของป่ามาเลี้ยงชีพ ในขณะป่วยนั้นรู้สึกว่า จิตมันเป็นธรรมชาติที่อัศจรรย์ตลอดเวลา แต่ว่ามันพูดยาก มันต้องประกอบกับร่างกายต้องสมบูรณ์ ลมหายใจทุกชนิดต้องให้บริบูรณ์ เมื่อเราทำได้อย่างนั้นต้องค่อยๆ ผ่อนลมหายใจพิจารณา พิจารณาอยู่อย่างนั้นจนเต็มที่จนจิตลงได้ แล้วก็ต้องตามดูลมหายใจไปด้วย ผ่อนลงไป...ผ่อนลงไป... ทีแรกมันอยู่ตรงนี้ พออยู่ตรงนี้หมด... หมด... หมด... หมดขึ้นมาเรื่อย หมดขึ้นมาเรื่อย อยู่ตรงนี้ อยู่ตรงนี้ ยังมีอีกนิดๆ เราก็พิจารณาอยู่ ยังไม่หมดนี่ พิจารณาค้นอยู่อย่างนั้นตลอด แต่การพูดให้ฟังมากกว่านี้ไม่ดีจะเป็นการอวด แต่มันเป็นความจริงที่เราประสบ แล้วทีหลังออกมาจากป่า ไข้ก็กำเริบมาเรื่อยๆ อดข้าวภาวนาสู้อยู่ ๒-๓ วัน บอกให้ท่านเฟื่องฟัง แหม!...ไม่เหมือนคราวอยู่ วัดยางระหง อยู่บ้านดินแดง (ที่คุกเกษตรนักโทษ) มันยังมีลมหายใจ ลมหายใจมันแรง กายยังเต้นแรง เพราะสังขารของจิตดับแรง กายมันตึ๊บๆ ๆ ๆ ได้รับรู้ มันไม่สนิท มันต้องประกอบกัน ไม่มีหลับหรอกจิตที่เป็นสมาธิ ใครที่บอกว่าจิตที่เป็นสมาธิหลับไปเหมือนหัวตอ อย่าไปเชื่อเขา มันไม่จริง เราเอาหัวยืนยัน ถึงแม้ตัดหัวเราออก เราก็ไม่เชื่อ เพราะได้พิสูจน์ด้วยการปฏิบัติมาแล้ว พอพิจารณาตรงนี้มันดับหมดแล้ว เราก็หยุดความคิด คือเรียกว่า “หยุดความค้น” ลองวางปั๊บ แหม!...มันขาดเชียว การขาดครั้งนี้ ไม่เหมือนการขาดลงอย่างที่ผ่านๆ มา พอจิตวางปั๊บ... จิตมีอิสรภาพอย่างสูงสุด ปล่อยวางสังขารโลก คว่ำวัฏจักร วัฏจิต แหวกอวิชชาและโมหะอันเป็นประดุจตาข่าย ด้วยการฮุกหมัดเด็ดคือวิปัสสนาญาณ เข้าปลายคาง อวิชชาถึงตายไม่มีวันฟื้น พระพุทธเจ้าพระองค์อยู่ที่ใดทราบได้อย่างประจักษ์ใจ คำว่า “เป็นหนึ่ง” นั้น ไม่มีความหมายใดจะอธิบายต่อได้อีก ภพชาติที่หมุนวนมาตั้งกัปตั้งกัลป์นั้น เป็นความโง่ที่ไม่อาจให้อภัยได้ ชาติสังขารอยู่ที่ใด ใจไม่เกี่ยวเกาะ สิ่งที่จิตเคยเกี่ยวเกาะ ถูกลบด้วยธรรมชาติที่เป็นหนึ่งนั้น จะว่าบริสุทธิ์ก็พอจะคาดเดาได้ แต่ธรรมชาติอันนี้หยั่งลึกเกินอธิบาย เป็นอจินไตยสำหรับปุถุชน ไม่ควรถามคิดให้ปวดหัว ความงกเงิ่นเนิ่นช้า ถูกเราทำลาย และถากถางเข้าไปใกล้โดยตลอด ถูกทะลุทะลวงด้วย ปัญญาญาณโหมโรมแรงด้วยศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา เป็นกำลังหนุน ด้วยการบ่มอินทรีย์มาเป็นอย่างดี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่มีช่องทางให้อวิชชาเดิน ถูกปิดด้วยมหาสติ มหาปัญญา วิปัสสนาญาณตีตะล่อมเข้าภายใน หักล้างอวิชชา อันเป็นตัวการ จิตปล่อยจิต เป็นธรรมอันเดียว เป็นธาตุที่บริสุทธิ์เป็นมหัศจรรย์ ยิ่งกว่าความมหัศจรรย์ทางสมาธิปัญญาใดที่เคยผ่านมา เพลงที่แม่หญิงเหนือเคยร้องว่า “ทุกข์อยู่ในขันธ์ห้า รองลงมาขันธ์สี่ ทุกข์อยู่ในโลกนี้ ลงอยู่ข้อยผู้เดียวนั้น” กลายมาเป็นสิ่งที่มีความหมายเสียแล้ว คำว่า “ทุกข์อยู่ในขันธ์ห้ากลายเป็นสุขอยู่ในขันธ์ห้า” ถึงแม้ขันธ์นี้จะเป็นของหนัก แต่ก็หนักตามหลักธรรมชาติ ไม่เหมือนกิเลสหนักที่ระคนปนด้วยขันธ์ คำว่า “ทุกข์อยู่ในโลกนี้ ลงข้อยผู้เดียวนั้น กลับกลายมาเป็นสุข อยู่ในโลกนี้ ลงข้อยอยู่ผู้เดียว” ถึงกับอุทานภายในใจว่า อโห วต อจฺฉริยํ ...โอ!...อัศจรรย์หนอๆ เห็นแล้วที่นี่ ธรรมที่เราเสาะแสวงหา เป็นอุทานธรรมที่เกิดขึ้นในขณะนั้นอย่างถึงใจ ลุกขึ้นกราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ที่ถึงใจอยู่แล้วด้วยความถึงใจอีก พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ตลอดจนข้อปฏิบัติอรรถธรรม เป็นความถึงใจอย่างที่สุด บุญคุณข้าวน้ำ ที่บิดามารดา ตลอดจนสาธุชนทั้งหลายชุบเลี้ยงมา เป็นความหมายแห่งมหาคุณโดยแท้จริง ธรรมปิติผุดขึ้นอิ่มเอิบสุดจะประมาณได้ ระลึกถึงบุญคุณคำสอนของท่านพระอาจารย์มั่น ที่เป็นผู้เลี้ยงดูเรามาเป็นเวลานานด้วยอรรถ ด้วยธรรม ถ้าไม่มีท่านพระอาจารย์มั่นเพียงองค์เดียว การปฏิบัติของเราคงไม่มีในวันนี้ ท่านเป็นผู้รู้จริงทุกสิ่งอย่าง บุญคุณของท่านนี้เทิดทูนตลอดอนันตกาล คำว่า “พุทธสาวก” ประจักษ์จิตอย่างแท้จริง คำว่า “ขาดสูญ” เหมือนดั่งถูกตัดคอขาด ไม่มีวันนำมาติดต่อชีวิตได้แล้ว ทราบชัดด้วยการหยั่งทราบว่าขาดอย่างแท้จริง ไม่มีสองกับอันใด เรือแห่งชีวิตที่เคยล่องลอยอยู่กลางแม่น้ำ ไม่มีภพ ให้ลอยอีกต่อไป รากเหง้าของมารถูกตัดทำลายแล้ว เรือแห่งชีวิตที่เราเคยขี่มานาน ด้วยอำนาจแห่งกิเลส กรรม วิบาก อันเป็นประดุจลูกคลื่นนั้น เมื่อถึงชายฝั่งแล้ว เราก็ทิ้งเรือไม่แบกเรือขึ้นฝั่งไปด้วย เรือคืออะไร ก็คือศีล คือธรรมทั้งหลาย ที่ปฏิบัติมา เป็นประดุจลำเรือ อาศัยปัญญาเป็นเครื่องนำทาง อาศัยพระพุทธเจ้าเป็นเครื่องส่องทิศ อาศัยครูบาอาจารย์เพื่อเดินสู่จุดหมาย มีพระธรรมวินัยเป็นแผนที่ มีพระสงฆ์เป็นลูกเรือ เมื่อถึงฝั่งอย่างที่เราต้องการแล้ว ย่อมทิ้งเรือต่างๆ ไว้เบื้องหลัง เป็นเอกจิต เอกธรรมชั่วนิรันดร จึงมานึกย้อนหลังเมื่อคราวที่เราสอนตน ด้วยการเอาหญิงลิเกมานึกเป็นครูสอน เมื่อครั้งบวชเข้ามาใหม่ว่า “หญิงลิเกเหล่านี้ เขาร้องรำทำเพลงทั้งคืนทั้งวันไม่เห็นเหน็ดเหนื่อยนั้น บทธรรมที่เปรียบนั้น มาประจักษ์ใจในคืนวันนี้ ธรรมดาหญิงลิเกผู้เพิ่งจะเริ่มเรียนฟ้อนรำขับร้อง เมื่อขึ้นสู่เวทีย่อมประหวั่นพรั่นพรึง เมื่อได้ยินเสียงดนตรีย่อมตกใจ มีกิริยางกเงิ่นขับร้องฟ้อนรำด้วยความยากลำบาก แม้จะพยายามตั้งใจ ก็ยังมีลีลาอันผิดพลาดพลั้งพลาดอยู่เสมอๆ แต่สำหรับหญิงนักลิเกผู้เชี่ยวชาญ ในศิลปะการร่ายรำขับร้องดีแล้ว เมื่อก้าวขึ้นสู่เวที และได้ยินเสียงดนตรี ย่อมจะมีจิตใจฮึกเหิม ร่าเริงเบิกบาน ประกอบลีลาการร่ายรำได้อย่างคล่องแคล่ว เข้ากับจังหวะดนตรี โดยไม่ต้องตั้งใจ ไม่งกเงิ่น ประหนึ่งว่าแข้งขาตีนมือออกไปเองตามปกติวิสัยของมัน นี่อย่างใด พระผู้ประพฤติตามพระศาสดาด้วยความเทิดทูนเพื่อก้าวลงสู่พระนิพพานก็อย่างนั้น” แต่ก่อนเมื่อเรายังหนาแน่นไปด้วยกิเลส ย่อมปฏิบัติตามพระธรรมวินัยด้วยความยากลำบาก ต้องมีสติสัมปชัญญะคอยควบคุม ต้องมีปัญญาคอยชี้ขาด แม้กระนั้นก็ยังผิดพลาด ย่อมงกเงิ่นในธรรมะสมาคม แต่สำหรับผู้ฝึกจิตใจจนถึงที่สุดแล้ว ผ่านแล้ว บรรลุถึงจุดหมายแล้ว การปฏิบัติตามพระธรรมวินัยกลายเป็นปกตินิสัย เป็นเครื่องอยู่อันสบายๆ ปฏิบัติอย่างสบายโดยไม่ต้องตั้งใจ เพราะการปฏิบัติเรื่อง ศีลาจารวัตร ไม่ใช่เรื่องหนัก แต่เป็นธรรมเครื่องอยู่อันแสนสบาย ความอดทน ความเพียรตลอดจนคุณธรรมข้ออื่นจึงเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ นี้คือผลแห่งการพากเพียรปฏิบัติ ด้วยการเอาชีวิตเข้าแลก หนังสือ ประวัติพระครูสุทธิธรรมรังษี หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 26 ส.ค. 2012, 07:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เล่าสู่กันฟัง:หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท คว่ำวัฏจักร วัฏจิต |
![]() ![]() ![]() ทราบซึ้งถึงใจ...จริง ๆ ขออนุโมทนาสาธุ....ที่นำสิ่งดีดีมาให้อ่าน...ครับ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Hanako [ 26 ส.ค. 2012, 13:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เล่าสู่กันฟัง :หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท คว่ำวัฏจักร วัฏจิต |
สาธุ... |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 26 ส.ค. 2012, 13:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เล่าสู่กันฟัง :หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท คว่ำวัฏจักร วัฏจิต |
![]() ![]() |
เจ้าของ: | ต้นปอ [ 27 ส.ค. 2012, 02:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เล่าสู่กันฟัง :หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท คว่ำวัฏจักร วัฏจิต |
![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |