การผิดศีลข้อที่ ๔ คือ พูดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มองดูจะเห็นว่าเป็นการกล่าวด้วยวาจาเท่านั้น แท้ที่จริงแล้วการโกหกทางกายก็ทำได้เช่นกัน เช่น
๑. การโบกมือ ส่ายหน้า เมื่อถูกถามว่าเห็นไหม ก็โบกมือหรือส่ายหน้าว่าไม่เห็น ทั้งที่เห็น
๒. ท่าทางที่ไล่สัตว์เพื่อให้หนีไปโดยการทำท่าขว้างปาแต่ไม่ได้ขว้างจริง
๓. ขุดบ่อล่อปลาให้เข้าไปอาศัยอยู่เพื่อจะจับกินภายหลัง
๔. ขุดหลุมพลางและหาสิ่งปกปิดไว้เพื่อไม่เห็นเพื่อให้สัตว์ตกลงไป
๕. หาเหยื่อเอามาให้ปลากิน แต่ข้างในเหยื่อซ่อนเบ็ดไว้
๖. ทำกับ ดัก บ่วง แร้ว เมื่อสัตว์หลงเข้ามากินเหยื่อจะติดกับทันที
๗. ชายแต่งตัวเป็นหญิง หญิงแต่งตัวเป็นชาย เช่น กระเทย ทอม นักแสดงตลก
๘. สิ่งที่ไม่สวยไม่งามก็เอาสีมาแต้มทาให้ดูว่าสวยงาม เช่น ย้อมผมสีขาวเพื่อเป็นสีดำๆเป็นสีแดง
๙. คนหัวล้านหาวิคมาใส่
๑๐.ขายของปลอม
๑๑. เขียนเป็นลายอักษรว่าปฏิเสธความเป็นจริง
๑๒. พิมพ์สอนทั้งๆที่ไม่รู้จริง โดยการคาดคะเนเอา ฯลฯ
ยกตัวอย่างมาให้ดูเท่านี้นึกไม่ออก ใครนึกได้ว่ามีอะไรอีกต่อเติมได้ครับ

อันนี้เห็นด้วย...ครับ

แต่อันนี้..
...

ไม่เข้าใจ...

แบบว่าเอกอนเล่นแบดตอนเย็นทุกวัน
คือ มันก็มีที่เราต้องตีลูกไปแบบหลอกหน้าไม้ น่ะ
ทำท่าจะตีไปหลัง แต่ก็ตัดยอดหน้าเน็ต
ทำท่าจะหยอด แต่ก็ดันตีไปหลัง
ทำหน้าไม้จะตีไปซ้าย แต่ก็พลิกสะบัดไปขวา
หลอกหน้าไม้ให้คนหลงทาง





เอกอนได้กระทำการมุสาทางกาย ...



ห้วย เอกอนแท้ ๆ ... กิจวัตรประจำวัน แม่คุณกระทำแต่ละอย่าง ....

ใครนะช่างตั้งกระทู้ ... ให้เอกอนโดนไปหลายดอก

ฮะ...ฮ่า....


ลุงหมานจะช่วยเอกอนยังงัยหน่าเนี้ย....

โห้ ๆ ๆ ... ใช่ซะที่ไหน ไม่ใช่มุสาทางกายอะไรที่ไหนหรอก
เขาเรียก Tactic(s) ยุทธวิธี กลยุทธที่ชาญฉลาด ผสมเจ้าเลห์ ต่างหาก ..55555+

เรื่องการแข่งขัน....ไม่น่าจะผิด...เพราะ...กติกาไม่ได้ห้าม
:

แต่ก็รอลุงหมาน..จะว่ายังงัย...

ลุงหมาน ลองทำแกงไก่ ไม่ใส่ตะไคร้ ไม่ใส่เครื่อง ดูสิครับ

คาวจนกินไม่ได้เลย

อีกอย่าง ตื่นเช้ามาไม่ต้องแปรงฟัน ดูครับ กลิ่นที่ไม่ได้โกหก จะได้โชยออกมาครับ ของแท้

ผม ไม่ตัดดีไหมครับ ลุงหมาน เพราะความจริงแท้คือ มันต้องยาวลากพื้นเลยล่ะมั๊ง

แต่อันนี้..
...

ไม่เข้าใจ... [/quote]

ก็มีคำตอบอยู่ในตัวแล้วนี่ครับ
การกระสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นทางกาย มิต้องเกี่ยวข้องกับวาจา
ซึ่งก็เป็นการหลอกลวง ปกปิดความจริง
เมื่อมีการหลอกลวงก็ผิดศีลข้อที่ ๔ จริงไหม ?

ฮ่า ๆๆๆ มีจุก
คงเหมือนกับนักมายากลนั่นแหละ

ก็ดูที่ตัวเจตนาแล้วกัน เพราะเจ้าตัวเจตนานี่น่ะมันเป็นตัวกรรมจ้า

ฮ่า ๆ ๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ว่ากันไป ๆ ๆ

ศีล ๕ ข้อ มีกติกาไว้ในข้อ ๔ ครับ

จริง ๆ สิ่งที่เอกอนทำ
เอกอนก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรม น่ะ



มันเป็นเรื่องเคมีในร่างกาย หง่ะ
สารประกอบปรุงแต่งกายมันทำให้อารมณ์เราสดใส
สารแห่งความสุขมันหล่อเลี้ยง

เมื่อองค์ประกอบทางกายมีกำลัง ใจมันก็มีกำลัง
องค์ประกอบทั้งสองมันส่งกัน

เหมือนนกที่แข็งแรง



การเล่นกีฬาอย่างหนัก
มันทำให้เรามีช่วงที่เราหลุดออกมาจากตัวหนังสือ
หลุดออกมาจากวังวนทางความคิดต่าง ๆ
หลุดออกมาจากเรื่องราวที่ทำงานที่ออกจะวุ่นวายมาทั้งวัน
เพราะเราเหนื่อยเกินไปที่จะคิดฟุ้งไปในเรื่องใด ๆ
จะหยิบบทธรรม/บทปริยัติใด ๆ ขึ้นมาพิจารณาก็ไม่ไหวจะทำ
เพราะเราเหลือเรียวแรงแค่เพียงตามรู้ลมหายใจ...

5555555

อิอิ

เพียงแต่ต้องคอยสำรวมระวังจิต
ไม่ให้ไหลเข้าไปหลงในฝีมือของตัวเอง

เอาน่าความจริง ก็ต้องปล่อยให้เป็นความจริงกันบ้างน่า

จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาไปให้เปล่าประโยชน์ เที่ยวคอยตัดแปลงแก้ไขอะไรกันให้มาก

สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความจริง จิงม๊ะ