ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ทุกข์คือมิตรแท้ผู้เอื้ออารี ชี้ความจริง
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=42970
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ขณะจิต [ 15 ส.ค. 2012, 12:25 ]
หัวข้อกระทู้:  ทุกข์คือมิตรแท้ผู้เอื้ออารี ชี้ความจริง

ทุกวันนี้ฉันรู้สึกขอบคุณความทุกข์ ที่มีหน้าตาหน้าเกลียด ที่ฉันเคยรังเกียจวิ่งหนี

แต่วั้นนี้ฉันได้รู้แล้วว่าทุกข์คือมิตรแท้ผู้เอื้ออารี ผู้ชี้ความจริง คอยเตือนทุกครั้งที่ทำผิดต่อกฎธรรมมะ กฏธรรมชาติ แห่งกาย-จิต

ทุกข์สอนให้ฉันรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนไม่เที่ยงยึดถือเอาไม่ได้ เมื่อฉันทำผิด คิดผิด ความทุกข์จะเข้ามาเตือนด้วยความรวดเร็วทุกขณะทุกเวลาไม่มีเบื่อหน่าย

ผิดกับความสุข ที่คอยปกปิดและปลอบประโลมให้เนิ่นช้าและหลงไหล

ทุกวันนี้ฉันจึงเอาความทุกข์เป็นหลักเป็นเครื่องขนาบไป เป็นเครื่องตรวจทานใจ จนทุกข์หมดไป จนพบความสงบเย็นที่แท้จริง

ฉันจึงกล่าวว่าความทุกข์คือมิตรแท้ผู้เอื้ออารี ผู้ชี้ความจริง จริงๆ :b8:

เจ้าของ:  student [ 15 ส.ค. 2012, 12:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทุกข์คือมิตรแท้ผู้เอื้ออารี ชี้ความจริง

ทุกข์บ่อยๆ เป็นทุกข์

เจ้าของ:  nongkong [ 15 ส.ค. 2012, 13:31 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทุกข์คือมิตรแท้ผู้เอื้ออารี ชี้ความจริง

คุนน้องเคยฝันว่า ตัวเองพยายามวิ่งหนีบางสิ่งบางอย่างทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าวิ่งหนีอะไร แต่ในฝันวิ่งแบบสุดกำลังของเรา
พอวิ่งมาถึงทางตันมีกำแพงกั้น คุนน้องก็ต้องปีนกำแพงออกไปอีกฝั่งหนึ่งให้ได้ พอไปถึงฝั่งหนึ่งก็ยังวิ่งต่อเพราะจิตคิดว่ายังต้องวิ่งหนีไปให้รอดให้พ้นจากตรงนั้น จนหลงเข้ามาในถ้ำมีลักษระคล้ายอุโมงค์มืดมาก(คล้ายๆท่อระบายน้ำ)มีกำแพงกั้นสองฝั่ง มีทางคดเคี้ยวมากไม่รู้จะไปเส้นทางไหน มันมีทางให้เลือกเยอะเหลือเกินในใจก็รู้สึกกลัว คุนน้องก็วิ่งออกจากทางนั้นไปทางโน่นบ้าง ออกไปทางนี่บ้าง วิ่งเข้าวิ่งออกเหมือนอยู่ในหุบเขาวงกด(เอ่อ..ท่าเป็นเรื่องจริงคงนั่งหอบแห่กๆ :b5: )จนระดับน้ำมันก็เพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆๆจนเกือบจะถึงคออ่ะ จนในที่สุดคุนน้องก็เห็นทางแล้ววิ่งออกมาจากอุโมงค์นั้น คุนน้องเห็นชายชุดขาวยืมยิ้มให้ตัวเอง คุนน้องเจอรถจอดไว้ แล้วคุนน้องก็ขับรถแล้วหันกลับมายิ้มให้ชายคนนั้นแล้วขับรถไปแบบสบายใจเลย พอตื่นจากฝัน ทำไมมันเหนื่อยไม่ค่อยมีเรี่ยวมีแรงก็ไม่รู้ ยังกะไปวิ่งแข่งโอลิมปิคแน่ะ ก็แปลกเหมือนกัน :b1:
เคยคิดว่า นิมิตนี้ เทวดาคงมาดลใจให้เรา หาหนทางหลุดพ้นจากวัฏฏะสงสารให้ได้ :b8:

เจ้าของ:  ขณะจิต [ 15 ส.ค. 2012, 16:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทุกข์คือมิตรแท้ผู้เอื้ออารี ชี้ความจริง

ถ้าเรารู้จักทุกข์จริงๆแล้ว เห็นเหตุแห่งทุกข์แล้ว เมื่อเราละเหตุนั้นไม่ทำเหตุนั้นอยู่เราจะเห็นทุกข์นั้น(ความเศร้าโศก ร่ำไรรำพันฯลฯ)ที่เกาะกุมผู้อื่น ทิ่มแทงทารุณผู้อื่นที่ยังหลงอยู่ แม้อยู่ข้างๆเราแต่ไม่อาจกระทบใจเราได้เลย :b16:

เจ้าของ:  asoka [ 15 ส.ค. 2012, 17:35 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทุกข์คือมิตรแท้ผู้เอื้ออารี ชี้ความจริง

tongue
อ้างคำพูด:
ขณะจิต ฉันจึงกล่าวว่าความทุกข์คือมิตรแท้ผู้เอื้ออารี ผู้ชี้ความจริง จริงๆ


:b12:
ความทุกข์ ปัญหา อุปสรรค สิ่งขัดข้องขัดใจ ทั้งหลาย ไม่ใชเป็นเพียงมิตรแท้ผู้เอื้ออารี ผู้ชี้ความจริง อย่างที่คุณขณะจิตว่าเท่านั้น

"ทุกข์ ปัญหา อุปสรรค สิ่งขัดข้องขัดใจ ทั้งหลาย คือมัคคุเทศน์ที่จะมาจูงมือเราเข้าสู่พระนิพพานเลยทีเดียว"

ใครปฏิบัติธรรม ไม่เจอทุกข์ อันเป็นอริยสัจ ข้อที่ 1 พึงรู้ไว้เลยว่าท่านเดินผิดทางหรือออกนอกเส้นทางไปแล้ว
:b27:

เจ้าของ:  nongkong [ 15 ส.ค. 2012, 17:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทุกข์คือมิตรแท้ผู้เอื้ออารี ชี้ความจริง

ไอ้ความทุกข์มันเป็นยังงัยคุนน้องเข้าใจเลย ในนิมิตที่ตัวเองกำลังวิ่งหนีอยู่นั่นแหละ หนียังงัยก็เหมือนหนีไม่พ้น ไอ้ที่ตอนหลงเข้าไปในอุโมงค์มืดๆคุนน้องยังจำความรู้สึกนั้นได้เลย ความกลัวมันเป็นยังงัยแล้วต้องสู้กับความกลัวนั้น แล้วก็หาทางหลุดออกมา ตอนที่ระดับน้ำในอุโมงค์มันเพิ่มขึ้นๆ ใจเสียเลยตอนนั้น แบบท่วมจนจะถึงคอ (คิดเลยนะกุตายแน่ฝันมันเหมือนจริงมาก :b14: ) จิตใจยิ่งกระวนกระวาย แต่พอตอนหาทางออกเจอนี่ ความรู้สึกที่กระวนกระวายมันหายไป เหมือนคนเห็นแสงสว่างแล้วรู้สึก โล่งอกความรู้สึกโล่งๆเลยล่ะ นิพพานมันก็คงจะเป็นสภาวะที่จิตเราโล่งๆปราศจากทุกข์มีแต่ความสบายใจ :b39:

เจ้าของ:  asoka [ 16 ส.ค. 2012, 07:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทุกข์คือมิตรแท้ผู้เอื้ออารี ชี้ความจริง

nongkong เขียน:
ไอ้ความทุกข์มันเป็นยังงัยคุนน้องเข้าใจเลย ในนิมิตที่ตัวเองกำลังวิ่งหนีอยู่นั่นแหละ หนียังงัยก็เหมือนหนีไม่พ้น ไอ้ที่ตอนหลงเข้าไปในอุโมงค์มืดๆคุนน้องยังจำความรู้สึกนั้นได้เลย ความกลัวมันเป็นยังงัยแล้วต้องสู้กับความกลัวนั้น แล้วก็หาทางหลุดออกมา ตอนที่ระดับน้ำในอุโมงค์มันเพิ่มขึ้นๆ ใจเสียเลยตอนนั้น แบบท่วมจนจะถึงคอ (คิดเลยนะกุตายแน่ฝันมันเหมือนจริงมาก :b14: ) จิตใจยิ่งกระวนกระวาย แต่พอตอนหาทางออกเจอนี่ ความรู้สึกที่กระวนกระวายมันหายไป เหมือนคนเห็นแสงสว่างแล้วรู้สึก โล่งอกความรู้สึกโล่งๆเลยล่ะ นิพพานมันก็คงจะเป็นสภาวะที่จิตเราโล่งๆปราศจากทุกข์มีแต่ความสบายใจ :b39:

:b13:
ยังมี "ความสบายใจ" อยู่ยังไม่ถึงนิพพานดีนะครับ เหลืออีกนิดหนึ่ง เพราะในนิพพานนั้น ไม่มีนิมิตรเครื่องหมายใดๆ ต้องรู้ด้วยใจ พูดออกปากไม่ได้ คล้ายกับคนใบ้นอนฝันเชียวล่ะครับ
:b39:
เดินหน้าต่อครับ
:b4:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/