ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ปฏิบัติธรรมในการทำงาน http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=42888 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | ขณะจิต [ 07 ส.ค. 2012, 19:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | ปฏิบัติธรรมในการทำงาน |
การทำงาน คือการปฏิบัติธรรม ไม่ต้องไปทำที่ไหน ที่กายที่จิตนี้ ทุกผัสสะขณะในการทำงาน การทำหน้าที่ส่วนตัวในชีวิตประจำวันก็คือการทำงาน เพื่อชีวิต กิเลส โลภะ โทสะ โมหะ เราก็ต้องเจอในการทำงาน ศีล สมาธิ ปัญญา เราก็ต้องใช้ในการทำงาน บางคนอาจคิดว่า การปฏิบัติธรรมต้องทำในวัด ต้องถือศีลนุ่งขาวห่มขาว หรือบวช จึงใช้ชีวิตทางโลกอย่างลุ่มหลงสนุกสนาน มัวเมาเต็มที่นั่นเป็นความประมาทอย่างยิ่ง เป็นความเสียหายอย่างยิ่ง สำหรับการบวชนั่นก็เป็นการทำงานเหมือนกัน เพียงแต่ย้ายสถานที่ทำงานเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน แต่ก็ต้องทำหน้าที่ส่วนตัวและส่วนรวมเช่นเดียวกัน ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ไม่พ้นการทำงานไปได้เพราะธรรมชาติ กำหนดมา ออกแบบมาให้คนต้องทำงานเพื่อความอยู่รอด เมื่อต้องทำงานเพื่อความอยู่รอดทางกายคือไม่ตายแล้ว ก็ควรทำงานเพื่อความอยู่รอดทางจิตด้วยคือความไม่ทุกข์ โดยการใส่ศีล สมาธิ ปัญญาลงไปกับงาน จะเห็นว่าการทำงานที่ถูกต้องสมบูรณ์คือการปฏิบัติธรรม ท่านทั้งหลายอย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปเลยสามารถปฏิบัติธรรมได้ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ในการทำงานในชีวิตประจำวัน ดังคาถาที่พระอรหันต์กล่าวว่า ชีวิตดั่งหมู่ปลาในแม่น้ำสายน้อยที่มีกระแสขาดไปแล้วนั้นย่อมดิ้นรนรอความตายอยู่ ขอขณะอย่าเลยท่านทั้งหลายไปเสีย เพราะผู้ที่ขณะล่วงเลยไปแล้วนั้น ย่อมพากันเศร้าโศกและยัดเยียดกันอยู่ในนรก ![]() |
เจ้าของ: | ขณะจิต [ 09 ส.ค. 2012, 00:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมในการทำงาน |
การนำธรรมมะไปใช้ในการทำงานนั้น เปรียบดังการกระโจนเข้าสู่สนามรบเลยทีเดียว เราจะรู้ว่าอาวุธอะไรใช้ได้ ไม่ได้ วิธีรบแบบใดถึงเอาชนะข้าศึกคือกิเลสได้ แม้พ่ายแพ้ปางตายแต่ก็ยังไม่ตายไม่ใช่หรือ เราย่อมเรียนรู้ เสริมสร้างพลังแห่งธรรม สติปัญญา อาวุธ เพื่อเอาชนะข้าศึกคือกิเลสในการรบครั้งใหม่ และเอาชนะกิเลสตัวใหญ่ขึ้น เราย่อมผาสุขมากขึ้น ประสบการณ์จริงเท่านั้นจะสอนเราได้ กิเลสบางอย่างแค่ขยับมือมันก็หลุดไปแล้ว เพียงแต่เราไม่เคยออกแรงจริงๆสักครั้ง ![]() |
เจ้าของ: | โกเมศวร์ [ 09 ส.ค. 2012, 09:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมในการทำงาน |
ทหารเกณฑ์ เจนศึก ช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญ ถ้าเผลอก็ตายในสนามรบ ทำใจให้ดี ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 09 ส.ค. 2012, 10:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมในการทำงาน |
สาธุ.... ![]() เพียงแค่..มือกำลังขยับ...ปากกำลังเผยิอ....ก็รู้แล้วเกิดจากกิเลสตัวไหน... แล้ว..สัมปชัญญะ...ดีแค่ไหน....ปัญญา...ดีแค่ไหน... ก็ดูที่..ผล... ตนนั้นแหละ..เป็นคนรู้...เป็นคนแก้... สัญญาเราก็ต่างรู้อยู่แล้ว..ว่าอะไรต้องแก้ด้วยอะไร.. หากสงบไปแล้ว...วันหลัง..กิเลสตัวนี้ยังเกิดได้อีก....พึงระลึกว่า..คราวที่แล้ว...สงบเพราะสมถะ ให้จำอารมณ์...ตอนขาดจากความลังเลสงสัยในพระรัตนไตร...ขาดก็รู้ว่าขาด..ยังงั้นแหละ.. อันอื่นก็เหมือนกัน... ไอ้ที่ว่า...ขาดหรือยังนะ? เอ๋น่าจะขาดแล้วนะ...โดยเทียบจากนั้นบ้างนี้บ้าง... นั้นแหละ...ชัวร์....มีเต็ม ๆ.. |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 09 ส.ค. 2012, 11:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมในการทำงาน |
ขณะจิต เขียน: การนำธรรมมะไปใช้ในการทำงานนั้น เปรียบดังการกระโจนเข้าสู่สนามรบเลยทีเดียว เราจะรู้ว่าอาวุธอะไรใช้ได้ ไม่ได้ วิธีรบแบบใดถึงเอาชนะข้าศึกคือกิเลสได้ แม้พ่ายแพ้ปางตายแต่ก็ยังไม่ตายไม่ใช่หรือ เราย่อมเรียนรู้ เสริมสร้างพลังแห่งธรรม สติปัญญา อาวุธ เพื่อเอาชนะข้าศึกคือกิเลสในการรบครั้งใหม่ และเอาชนะกิเลสตัวใหญ่ขึ้น เราย่อมผาสุขมากขึ้น ประสบการณ์จริงเท่านั้นจะสอนเราได้ กิเลสบางอย่างแค่ขยับมือมันก็หลุดไปแล้ว เพียงแต่เราไม่เคยออกแรงจริงๆสักครั้ง ![]() ที่แสดงมานี่แหล่ะครับเรียกกิเลส มันเกิดจาก วิจิกิจฉา ไม่เข้าใจธรรม พอพูดถึงธรรมก็เอา บัญญัติอะไรต่อมิอะไรมาปรุงแต่งซะจนเละเทะ แต่ไม่เป็นไรถ้ามันช่วยย้อมใจตัวเอง ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2012, 11:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมในการทำงาน |
โฮฮับ เขียน: ขณะจิต เขียน: การนำธรรมมะไปใช้ในการทำงานนั้น เปรียบดังการกระโจนเข้าสู่สนามรบเลยทีเดียว เราจะรู้ว่าอาวุธอะไรใช้ได้ ไม่ได้ วิธีรบแบบใดถึงเอาชนะข้าศึกคือกิเลสได้ แม้พ่ายแพ้ปางตายแต่ก็ยังไม่ตายไม่ใช่หรือ เราย่อมเรียนรู้ เสริมสร้างพลังแห่งธรรม สติปัญญา อาวุธ เพื่อเอาชนะข้าศึกคือกิเลสในการรบครั้งใหม่ และเอาชนะกิเลสตัวใหญ่ขึ้น เราย่อมผาสุขมากขึ้น ประสบการณ์จริงเท่านั้นจะสอนเราได้ กิเลสบางอย่างแค่ขยับมือมันก็หลุดไปแล้ว เพียงแต่เราไม่เคยออกแรงจริงๆสักครั้ง ![]() ที่แสดงมานี่แหล่ะครับเรียกกิเลส มันเกิดจาก วิจิกิจฉา ไม่เข้าใจธรรม พอพูดถึงธรรมก็เอา บัญญัติอะไรต่อมิอะไรมาปรุงแต่งซะจนเละเทะ แต่ไม่เป็นไรถ้ามันช่วยย้อมใจตัวเอง อย่างที่นายโฮฮิพูดนั่นน่า เขาเรียกว่าตีฝีกปาก เล่นสำนวน ภาษาชาวบ้านว่ากะล่อน หรืออีกสำนวนหนึ่งว่า มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก ให้ชัดอีกหน่อยก็ว่า กลิ้งเป็นมะนาวร่วงหล่นจากยอดเขา หึๆๆ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2012, 17:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมในการทำงาน |
ในขณะที่ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม พูด คิด ทำกิจต่างๆในการดำเนินชีวิตประจำวัน มีสติระลึกรู้สึกตัวอยู่กับงานนั้นๆสิ่งนั้นๆ ได้งานด้วย ได้ฝึกจิตด้วย การฝึกสมาธิด้วยอิทธิบาท ๔ ในด้านชีวิตประจำวัน ใช้ได้กับงาน หรือการประกอบกิจต่างๆ เช่น การเล่าเรียน และกิจกรรมทั้งหลาย ซึ่งมีความก้าวหน้าหรือความสำเร็จของงานหรือกิจนั้นๆ เป็นเป้าหมายให้แก่อิทธิบาท ทำให้เกิดแรงความเพียรประกอบการ ที่เรียกว่าปธานสังขารขึ้นมา พุ่งแล่นไปสู่เป้าหมายนั้น ไม่ว่าจะเป็นการป้องกัน แก้ไข สร้างขึ้นใหม่ หรืออนุรักษ์ ก็ตาม จึงหนุนให้จิตตั้งมั่นแน่วแน่ เป็นสมาธิอยู่ได้ |
เจ้าของ: | ขณะจิต [ 09 ส.ค. 2012, 22:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมในการทำงาน |
โฮฮับ เขียน: ขณะจิต เขียน: :b30: ที่แสดงมานี่แหล่ะครับเรียกกิเลส มันเกิดจาก วิจิกิจฉา ไม่เข้าใจธรรม พอพูดถึงธรรมก็เอา บัญญัติอะไรต่อมิอะไรมาปรุงแต่งซะจนเละเทะ แต่ไม่เป็นไรถ้ามันช่วยย้อมใจตัวเอง ![]() ผมพูดภาษาบ้านๆครับ พูดจากความรู้สึกโดยเปรียบเทียบแบบโลกๆ จะอ้างบาลีชั้นสูงนั้นไม่กล้าจริงๆเพราะพูดไม่ถูก ถ้ายกอ้างบาลีผิดไปจะเสียหายหลายแสนล้าน บาปกรรมๆ ![]() |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 10 ส.ค. 2012, 05:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมในการทำงาน |
กรัชกาย เขียน: ในขณะที่ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม พูด คิด ทำกิจต่างๆในการดำเนินชีวิตประจำวัน มีสติระลึกรู้สึกตัวอยู่กับงานนั้นๆสิ่งนั้นๆ ได้งานด้วย ได้ฝึกจิตด้วย การฝึกสมาธิด้วยอิทธิบาท ๔ ในด้านชีวิตประจำวัน ใช้ได้กับงาน หรือการประกอบกิจต่างๆ เช่น การเล่าเรียน และกิจกรรมทั้งหลาย ซึ่งมีความก้าวหน้าหรือความสำเร็จของงานหรือกิจนั้นๆ เป็นเป้าหมายให้แก่อิทธิบาท ทำให้เกิดแรงความเพียรประกอบการ ที่เรียกว่าปธานสังขารขึ้นมา พุ่งแล่นไปสู่เป้าหมายนั้น ไม่ว่าจะเป็นการป้องกัน แก้ไข สร้างขึ้นใหม่ หรืออนุรักษ์ ก็ตาม จึงหนุนให้จิตตั้งมั่นแน่วแน่ เป็นสมาธิอยู่ได้ มั่วแล้วตาเฒ่า ถ้าพูดว่า"การฝึกสมาธิ" การฝึกสมาธิก็คืออิทธิบาทสี่ในตัวของมัน ในที่นี้ สมาธิเป็นประธาน เป็นอิทธิบาท ส่วน"การฝึก" เป็นส่วนประกอบของอิทธิบาท เช่นฉันทะ วิริยะ จิตตะและวิมังสา ถ้าเอาสมาธิไปใช้กับการทำงาน การทำงานก็เป็นประธานเป็นอิทธิบาท ส่วนสมาธิก็เป็นเพียงส่วนประกอบ คือเป็นอินทรีย์เป็นพละ และอินทรีย์หรือพละเกี่ยวข้องอย่างไร ก็คือเอาไปเป็นตัวช่วยให้เกิด ฉันทะ วิริยะ จิตตะและวิมังสา สรุปถ้าเราจะใช้สมาธิในการทำงาน ตามหลักของอิทธิบาทสี่ จะเรียกการใช้สมาธิในการทำงานว่า เป็นการฝึกสมาธิไม่ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่ามาก่อนหน้าว่า การฝึกสมาธิก็เป็นอิทธิบาท สมาธิที่เอามาใช้กับการงานต้องประกอบด้วย สมาธิอินทรีย์และสมาธิพละ ดังนั้นการจะทำให้เกิดสมาธิอินทรีย์และพละอินทรีย์พร้อมกันได้ จะต้องได้รับการฝึกมาแล้ว ไม่ใช่มาทำงานไปฝึกไป แบบนี้เขาไม่เรียกการทำงานว่าเป็นอิทธิบาทสี่ เข้าใจมั้ย ![]() ปล. ตาเฒ่ากรัชกายจะถามอะไรกลับมา จะด่าจะกระแนะกระแหน่ผมไม่ว่า แต่ขอร้องเถอะครับ กรุณาอย่าเกรียน มันไม่เกิดประโชน์ต่อคนอื่น จะลูกเล่นลีลาก็ขอให้มีธรรมสอดแทรกเข้าไปด้วย มันจะเป็นกุศลทั้งกับลุงและผมครับ ![]() |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 10 ส.ค. 2012, 05:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมในการทำงาน |
ขณะจิต เขียน: โฮฮับ เขียน: ขณะจิต เขียน: :b30: ที่แสดงมานี่แหล่ะครับเรียกกิเลส มันเกิดจาก วิจิกิจฉา ไม่เข้าใจธรรม พอพูดถึงธรรมก็เอา บัญญัติอะไรต่อมิอะไรมาปรุงแต่งซะจนเละเทะ แต่ไม่เป็นไรถ้ามันช่วยย้อมใจตัวเอง ![]() ผมพูดภาษาบ้านๆครับ พูดจากความรู้สึกโดยเปรียบเทียบแบบโลกๆ จะอ้างบาลีชั้นสูงนั้นไม่กล้าจริงๆเพราะพูดไม่ถูก ถ้ายกอ้างบาลีผิดไปจะเสียหายหลายแสนล้าน บาปกรรมๆ ![]() คุณไม่ได้พูดภาษาบ้านๆหรอกครับ ลักษณะการพูดของคุณ เหมือนเด็กติดเกมคอมพิวเตอร์ ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 10 ส.ค. 2012, 05:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมในการทำงาน |
โฮฮับ เขียน: กรัชกาย เขียน: ในขณะที่ ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม พูด คิด ทำกิจต่างๆในการดำเนินชีวิตประจำวัน มีสติระลึกรู้สึกตัวอยู่กับงานนั้นๆสิ่งนั้นๆ ได้งานด้วย ได้ฝึกจิตด้วย การฝึกสมาธิด้วยอิทธิบาท ๔ ในด้านชีวิตประจำวัน ใช้ได้กับงาน หรือการประกอบกิจต่างๆ เช่น การเล่าเรียน และกิจกรรมทั้งหลาย ซึ่งมีความก้าวหน้าหรือความสำเร็จของงานหรือกิจนั้นๆ เป็นเป้าหมายให้แก่อิทธิบาท ทำให้เกิดแรงความเพียรประกอบการ ที่เรียกว่าปธานสังขารขึ้นมา พุ่งแล่นไปสู่เป้าหมายนั้น ไม่ว่าจะเป็นการป้องกัน แก้ไข สร้างขึ้นใหม่ หรืออนุรักษ์ ก็ตาม จึงหนุนให้จิตตั้งมั่นแน่วแน่ เป็นสมาธิอยู่ได้ มั่วแล้วตาเฒ่า ถ้าพูดว่า"การฝึกสมาธิ" การฝึกสมาธิก็คืออิทธิบาทสี่ในตัวของมัน ในที่นี้ สมาธิเป็นประธาน เป็นอิทธิบาท ส่วน"การฝึก" เป็นส่วนประกอบของอิทธิบาท เช่นฉันทะ วิริยะ จิตตะและวิมังสา ถ้าเอาสมาธิไปใช้กับการทำงาน การทำงานก็เป็นประธานเป็นอิทธิบาท ส่วนสมาธิก็เป็นเพียงส่วนประกอบ คือเป็นอินทรีย์เป็นพละ และอินทรีย์หรือพละเกี่ยวข้องอย่างไร ก็คือเอาไปเป็นตัวช่วยให้เกิด ฉันทะ วิริยะ จิตตะและวิมังสา สรุปถ้าเราจะใช้สมาธิในการทำงาน ตามหลักของอิทธิบาทสี่ จะเรียกการใช้สมาธิในการทำงานว่า เป็นการฝึกสมาธิไม่ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่ามาก่อนหน้าว่า การฝึกสมาธิก็เป็นอิทธิบาท สมาธิที่เอามาใช้กับการงานต้องประกอบด้วย สมาธิอินทรีย์และสมาธิพละ ดังนั้นการจะทำให้เกิดสมาธิอินทรีย์และพละอินทรีย์พร้อมกันได้ จะต้องได้รับการฝึกมาแล้ว ไม่ใช่มาทำงานไปฝึกไป แบบนี้เขาไม่เรียกการทำงานว่าเป็นอิทธิบาทสี่ เข้าใจมั้ย ![]() ปล. ตาเฒ่ากรัชกายจะถามอะไรกลับมา จะด่าจะกระแนะกระแหน่ผมไม่ว่า แต่ขอร้องเถอะครับ กรุณาอย่าเกรียน มันไม่เกิดประโชน์ต่อคนอื่น จะลูกเล่นลีลาก็ขอให้มีธรรมสอดแทรกเข้าไปด้วย มันจะเป็นกุศลทั้งกับลุงและผมครับ ![]() รู้ได้ไงว่ามั่ว เอาหลักฐานมา อย่าพูดมั่วๆคลุมๆ ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 10 ส.ค. 2012, 05:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมในการทำงาน |
ถามนายโฮฮิ อิทธิบาท แปลว่าอะไร มีเท่าไหร่ อะไรบ้าง จงอธิบาย แต่ละข้อๆ ![]() |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 10 ส.ค. 2012, 10:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมในการทำงาน |
กรัชกาย เขียน: ถามนายโฮฮิ อิทธิบาท แปลว่าอะไร มีเท่าไหร่ อะไรบ้าง จงอธิบาย แต่ละข้อๆ ![]() ถามเป็นเกมโชว์สมัย20-30ปีก่อนโน้นเลย ถามแบบนี้ก็ไปเปิดดูตามเน็ตก็ได้ จะมาถามให้เสียเวลาทำไม หรือเป็นเพราะว่า ตัวเองก็ยังไม่รู้จะเริ่มต้นถามอะไร อะไรเนี่ยไม่ให้เกรียนถึงกลับไปไม่ถูกเลยหรือ ตอบจะเอาให้ตรงกับปริยัติ ก็ไปดูที่นี้.. http://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=213 ถ้าจะให้ตอบแบบคนทันสมัยมีคราสแบบผม ก็ต้องตอบว่า. อิทธิบาทสี่ เป็นหลักสี่อย่างที่ใช้ในการปฏิบัติให้จุดมุ่งหมายของงาน เกิดผลสำเร็จ แล้วเรื่องที่ถามว่ามีเท่าไร ถามซื่อจังเลย ผมถามกลับดีกว่าว่า ชาวพุทธใช้อิทธิบาทกับอะไรเพื่อให้เกิดผลสำเร็จ แย้มให้หน่อยผลสำเร็จคือนิพพาน ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 10 ส.ค. 2012, 11:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมในการทำงาน |
โฮฮับ เขียน: กรัชกาย เขียน: ถามนายโฮฮิ อิทธิบาท แปลว่าอะไร มีเท่าไหร่ อะไรบ้าง จงอธิบาย แต่ละข้อๆ ![]() ถามเป็นเกมโชว์สมัย20-30ปีก่อนโน้นเลย ถามแบบนี้ก็ไปเปิดดูตามเน็ตก็ได้ จะมาถามให้เสียเวลาทำไม หรือเป็นเพราะว่า ตัวเองก็ยังไม่รู้จะเริ่มต้นถามอะไร อะไรเนี่ยไม่ให้เกรียนถึงกลับไปไม่ถูกเลยหรือ ตอบจะเอาให้ตรงกับปริยัติ ก็ไปดูที่นี้.. http://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=213 ถ้าจะให้ตอบแบบคนทันสมัยมีคราสแบบผม ก็ต้องตอบว่า. อิทธิบาทสี่ เป็นหลักสี่อย่างที่ใช้ในการปฏิบัติให้จุดมุ่งหมายของงาน เกิดผลสำเร็จ แล้วเรื่องที่ถามว่ามีเท่าไร ถามซื่อจังเลย ผมถามกลับดีกว่าว่า ชาวพุทธใช้อิทธิบาทกับอะไรเพื่อให้เกิดผลสำเร็จ แย้มให้หน่อยผลสำเร็จคือนิพพาน นิพพานตามความเข้าใจของในโฮฮิ คือ อะไรฮะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 10 ส.ค. 2012, 11:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมในการทำงาน |
ชาวพุทธบ้านเราเข้าใจธรรมคับแคบ ![]() อิทธิบาท แปลว่าทางแห่งสำเร็จ ใช้กับงานได้ทุกอย่าง ไม่ว่างานในการดำเนินชีวิตประจำวัน ใครมี-ใช้อิทธิบาทธรรมในการทำงานผู้นั้นประสบความเร็จในการทำงานด้วยดี และงานคือการฝึกอบรมจิตปัญญา ผู้ที่มีอิทธิบาทก็จะถึงจุดหมายของการฝึกฝนอบรมจิต ตามสมควรแก่การฝึกอบรม |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |