| ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
| บทอธิฐานความเพียร http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=42657 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
| เจ้าของ: | bigtoo [ 12 ก.ค. 2012, 16:43 ] |
| หัวข้อกระทู้: | บทอธิฐานความเพียร |
ภิกษุ ท ! เรายังรู้สึกได้อยู่ซึ่งธรรม ๒ อย่าง คือความไม่รู้จักอิ่ม จักพอ (สันโดษ) ในกุศลธรรมทั้งหลาย และ ความเป็นผู้ไม่ถอยกลับ(อัปปฏิวานี)ในการทำ ความเพียร. ภิกษุ ท ! เราย่อมตั้งไว้ซึ่งความเพียรอันไม่ถอยกลับ (ด้วยการ อธิษฐานจิต) ว่า "จงเหลืออยู่แต่หนัง เอ็น กระดูกเท่านั้น, เนื้อและเลือดในสรีระจงเหือดแห้งไป; ประโยชน์ใด อันบุคคลจะบรรลุได้ด้วยกำลัง ด้วยความเพียร ด้วยความบากบั่น ของบุรุษ, ยังไม่บรรลุประโยชน์นั้นแล้ว จักหยุดความเพียรเสีย เป็นไม่มี" ดังนี้ ภิกษุ ท ! การตรัสรู้เป็นสิ่งที่เราถึงทับแล้วด้วยความไม่ประมาท อนุตตรโยคักเขมธรรม ก็เป็น สิ่งที่เราถึงทับแล้วด้วยความไม่ประมาท. ภิกษุ ท ! ถ้าแม้พวกเธอ พึงตั้งไว้ซึ่งความเพียรอันไม่ถอยกลับ (ด้วยการอธิ ฐานจิต)ว่า "จงเหลืออยู่แต่หนัง เอ็น กระดูกเท่านั้น, เนื้อและเลือดในสรีระจงเหือด แห้งไป; ประโยชน์ใด อันบุคคลจะบรรลุได้ด้วยกำลัง ด้วยความเพียร ด้วยความบาก บั่น ของบุรุษ, ยังไม่บรรลุประโยชน์นั้นแล้วจักหยุดความเพียรเสีย เป็นไม่มี" ดังนี้ แล้วไซร้; ภิกษุ ท ! พวกเธอก็จักกระทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ซึ่งที่สุดแห่ง พรหมจรรย์ อันไม่มีอะไรอื่นยิ่งกว่า อันเป็นประโยชน์ที่ต้องการของกุลบุตรผู้ออก บวชจากเรือนเป็นผู้ไม่มีเรือนโดยชอบ, ได้ต่อกาลไม่นานในทิฏฐธรรม เข้าถึงแล้ว แลอยู่ เป็นแน่นอน. |
|
| เจ้าของ: | ฟ้าใสใส [ 12 ก.ค. 2012, 22:17 ] | ||
| หัวข้อกระทู้: | Re: บทอธิฐานความเพียร | ||
สิ่งหนึ่งที่มนุษย์เรามีอำนาจมาแล้วแต่กำเนิด มีมากับทุกผู้ทุกคนก็คือ อำนาจฤทธิ์ที่ได้จากการอธิษฐาน เรียกว่า ‘อธิษฐานฤทธิ์’ แต่ทว่าการอธิษฐานของแต่ละบุคคลนั้นจะมีผลช้าเร็วหรือประสบความสำเร็จ...ไม่สำเร็จ ขึ้นอยู่กับกำลังอธิษฐานที่ต้องอาศัยกำลังหนุนแห่งอิทธิบาท ๔ อาศัยบารมีที่สะสมมาแต่อดีตชาติว่า...ใคร...ผู้ใดสะสมมากกว่ากัน โบราณาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่า ผู้ที่มีจิตใจมั่นคงแข็งแรง เป็นผู้มีความมุ่งมั่นสูง จะเป็นผู้สามารถทำฤทธิ์ได้มากกว่าคนจิตใจอ่อนแอ กราบขอบพระคุณที่มา :: อำนาจฤทธิ์...จากการอธิษฐาน http://www.dhamma5minutes.com/webboard. ... &wpid=0028 กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่านนะเจ้าค่ะ ธรรมรักษา เทวดาคุ้มครองนะเจ้าค่ะ
|
|||
| เจ้าของ: | asoka [ 13 ก.ค. 2012, 08:43 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บทอธิฐานความเพียร |
bigtoo เขียน: ภิกษุ ท ! เรายังรู้สึกได้อยู่ซึ่งธรรม ๒ อย่าง คือความไม่รู้จักอิ่ม จักพอ (สันโดษ) ในกุศลธรรมทั้งหลาย และ ความเป็นผู้ไม่ถอยกลับ(อัปปฏิวานี)ในการทำ ความเพียร. ภิกษุ ท ! เราย่อมตั้งไว้ซึ่งความเพียรอันไม่ถอยกลับ (ด้วยการ อธิษฐานจิต) ว่า "จงเหลืออยู่แต่หนัง เอ็น กระดูกเท่านั้น, เนื้อและเลือดในสรีระจงเหือดแห้งไป; ประโยชน์ใด อันบุคคลจะบรรลุได้ด้วยกำลัง ด้วยความเพียร ด้วยความบากบั่น ของบุรุษ, ยังไม่บรรลุประโยชน์นั้นแล้ว จักหยุดความเพียรเสีย เป็นไม่มี" ดังนี้ ภิกษุ ท ! การตรัสรู้เป็นสิ่งที่เราถึงทับแล้วด้วยความไม่ประมาท อนุตตรโยคักเขมธรรม ก็เป็น สิ่งที่เราถึงทับแล้วด้วยความไม่ประมาท. ภิกษุ ท ! ถ้าแม้พวกเธอ พึงตั้งไว้ซึ่งความเพียรอันไม่ถอยกลับ (ด้วยการอธิ ฐานจิต)ว่า "จงเหลืออยู่แต่หนัง เอ็น กระดูกเท่านั้น, เนื้อและเลือดในสรีระจงเหือด แห้งไป; ประโยชน์ใด อันบุคคลจะบรรลุได้ด้วยกำลัง ด้วยความเพียร ด้วยความบาก บั่น ของบุรุษ, ยังไม่บรรลุประโยชน์นั้นแล้วจักหยุดความเพียรเสีย เป็นไม่มี" ดังนี้ แล้วไซร้; ภิกษุ ท ! พวกเธอก็จักกระทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ซึ่งที่สุดแห่ง พรหมจรรย์ อันไม่มีอะไรอื่นยิ่งกว่า อันเป็นประโยชน์ที่ต้องการของกุลบุตรผู้ออก บวชจากเรือนเป็นผู้ไม่มีเรือนโดยชอบ, ได้ต่อกาลไม่นานในทิฏฐธรรม เข้าถึงแล้ว แลอยู่ เป็นแน่นอน. เอาความข้อนี้มาใส่ใจ แล้ว ลงมือลุยให้เต็มที่เลยครับ คุณ bigtoo "แม้เลือดและเนื้อในสรีระจักเหือดแห้งไป เหลืออยู่แต่หนัง เอ็น กระดูก ประโยชน์ใด อันบุคคลจะบรรลุได้ด้วยกำลัง ด้วยความเพียร ด้วยความบาก บั่น ของบุรุษ, ถ้ายังไม่บรรลุประโยชน์นั้นแล้ว ฉันจะไม่ละความเพียร"
|
|
| เจ้าของ: | bigtoo [ 13 ก.ค. 2012, 08:49 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บทอธิฐานความเพียร |
asoka เขียน: bigtoo เขียน: ภิกษุ ท ! เรายังรู้สึกได้อยู่ซึ่งธรรม ๒ อย่าง คือความไม่รู้จักอิ่ม จักพอ (สันโดษ) ในกุศลธรรมทั้งหลาย และ ความเป็นผู้ไม่ถอยกลับ(อัปปฏิวานี)ในการทำ ความเพียร. ภิกษุ ท ! เราย่อมตั้งไว้ซึ่งความเพียรอันไม่ถอยกลับ (ด้วยการ อธิษฐานจิต) ว่า "จงเหลืออยู่แต่หนัง เอ็น กระดูกเท่านั้น, เนื้อและเลือดในสรีระจงเหือดแห้งไป; ประโยชน์ใด อันบุคคลจะบรรลุได้ด้วยกำลัง ด้วยความเพียร ด้วยความบากบั่น ของบุรุษ, ยังไม่บรรลุประโยชน์นั้นแล้ว จักหยุดความเพียรเสีย เป็นไม่มี" ดังนี้ ภิกษุ ท ! การตรัสรู้เป็นสิ่งที่เราถึงทับแล้วด้วยความไม่ประมาท อนุตตรโยคักเขมธรรม ก็เป็น สิ่งที่เราถึงทับแล้วด้วยความไม่ประมาท. ภิกษุ ท ! ถ้าแม้พวกเธอ พึงตั้งไว้ซึ่งความเพียรอันไม่ถอยกลับ (ด้วยการอธิ ฐานจิต)ว่า "จงเหลืออยู่แต่หนัง เอ็น กระดูกเท่านั้น, เนื้อและเลือดในสรีระจงเหือด แห้งไป; ประโยชน์ใด อันบุคคลจะบรรลุได้ด้วยกำลัง ด้วยความเพียร ด้วยความบาก บั่น ของบุรุษ, ยังไม่บรรลุประโยชน์นั้นแล้วจักหยุดความเพียรเสีย เป็นไม่มี" ดังนี้ แล้วไซร้; ภิกษุ ท ! พวกเธอก็จักกระทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ซึ่งที่สุดแห่ง พรหมจรรย์ อันไม่มีอะไรอื่นยิ่งกว่า อันเป็นประโยชน์ที่ต้องการของกุลบุตรผู้ออก บวชจากเรือนเป็นผู้ไม่มีเรือนโดยชอบ, ได้ต่อกาลไม่นานในทิฏฐธรรม เข้าถึงแล้ว แลอยู่ เป็นแน่นอน. เอาความข้อนี้มาใส่ใจ แล้ว ลงมือลุยให้เต็มที่เลยครับ คุณ bigtoo "แม้เลือดและเนื้อในสรีระจักเหือดแห้งไป เหลืออยู่แต่หนัง เอ็น กระดูก ประโยชน์ใด อันบุคคลจะบรรลุได้ด้วยกำลัง ด้วยความเพียร ด้วยความบาก บั่น ของบุรุษ, ถ้ายังไม่บรรลุประโยชน์นั้นแล้ว ฉันจะไม่ละความเพียร" ![]()
|
|
| เจ้าของ: | bigtoo [ 13 ก.ค. 2012, 08:52 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บทอธิฐานความเพียร |
ฟ้าใสใส เขียน: สิ่งหนึ่งที่มนุษย์เรามีอำนาจมาแล้วแต่กำเนิด มีมากับทุกผู้ทุกคนก็คือ อำนาจฤทธิ์ที่ได้จากการอธิษฐาน เรียกว่า ‘อธิษฐานฤทธิ์’ แต่ทว่าการอธิษฐานของแต่ละบุคคลนั้นจะมีผลช้าเร็วหรือประสบความสำเร็จ...ไม่สำเร็จ ขึ้นอยู่กับกำลังอธิษฐานที่ต้องอาศัยกำลังหนุนแห่งอิทธิบาท ๔ อาศัยบารมีที่สะสมมาแต่อดีตชาติว่า...ใคร...ผู้ใดสะสมมากกว่ากัน โบราณาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่า ผู้ที่มีจิตใจมั่นคงแข็งแรง เป็นผู้มีความมุ่งมั่นสูง จะเป็นผู้สามารถทำฤทธิ์ได้มากกว่าคนจิตใจอ่อนแอ กราบขอบพระคุณที่มา :: อำนาจฤทธิ์...จากการอธิษฐาน http://www.dhamma5minutes.com/webboard. ... &wpid=0028 กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่านนะเจ้าค่ะ ธรรมรักษา เทวดาคุ้มครองนะเจ้าค่ะ
|
|
| เจ้าของ: | asoka [ 14 ก.ค. 2012, 19:22 ] |
| หัวข้อกระทู้: | Re: บทอธิฐานความเพียร |
เอาความข้อนี้มาใส่ใจ แล้ว ลงมือลุยให้เต็มที่เลยครับ คุณ bigtoo "แม้เลือดและเนื้อในสรีระจักเหือดแห้งไป เหลืออยู่แต่หนัง เอ็น กระดูก ประโยชน์ใด อันบุคคลจะบรรลุได้ด้วยกำลัง ด้วยความเพียร ด้วยความบาก บั่น ของบุรุษ, ถ้ายังไม่บรรลุประโยชน์นั้นแล้ว ฉันจะไม่ละความเพียร" บางครั้งมันก็เหนื่อยนะครับพี่asoka อย่างไรก็ต้องพยายาม ไม่ทราบว่าจะทันหรือเปล่า คุณ bigtto ไปหรือยัง.....ความคิดมันอนิจจังนะ ตั้งใจใหม่ให้ดีกว่าเก่าได้ อ้อ.....ความเหนื่อยน่ะ ...เหนื่อยก็ให้รู้ว่าเหนื่อย....อย่าไปมัวแต่บริกรรม พุทโธ มาถึงตรงนี้แล้วน่าจะลัดข้ามบริกรรมไปจับสังเกต จิต และลมทันที สมาธิจะเกิดเร็วและลึกกว่า หลังจากนั้นสรรพอารมณ์ที่เกิดขึ้นหากสติรู้ทัน ปัญญาจับถึง ทั้งหมดจะถูกตรึงและย่อยสลายถูกชำระหมดไปจากจิตทุกวันๆถึงตรงนั้นจึงจะเรียกว่าได้อานิสงของวิปัสสนาภาวนา....ลองเอาติดตัวติดใจไปพิจารณาดูนะข้อความต่อไปนี้ งานและหน้าที่ของชาวพุทธ สำรวมกายใจมานิ่งรู้ นิ่งสังเกต ปัจจุบันอารมณ์ จนละความเห็นผิดว่า กาย ใจ นี้ เป็นอัตตาตัวกู ของกู พอกพูนความเห็นถูกต้อง ว่ากาย ใจ นี้ เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส หัวใจวิปัสสนาภาวนา ใจปัญญาอย่ายอมใจเป็นกู นิ่งดู นิ่งสังเกต พิจารณา ด้วยวิริยะ อุตสาหะ ตบะ ขันติ มิยอมถอย ถ้าสู้ได้ ทนได้ ไม่ตะบอย กู จะถอยหรือตายดับ ไปจากใจ
|
|
| หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
| Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |
|