วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 22:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 23:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 เม.ย. 2012, 17:37
โพสต์: 37

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นิพพาน มีเวลามั้ยครับ
พระอริยสงฆ์ที่เป็นพระอรหันต์ ท่านมีเวลามั้ยครับ

:b8: :b8: :b8:
ด้วยความเคารพ
------------
plekaran


แก้ไขล่าสุดโดย plekaran เมื่อ 28 มิ.ย. 2012, 00:05, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 00:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: เท่าที่ศึกษาจากตำรา ฟังจากครูอาจารย์ที่นับถือ และที่เชื่อนั้น เวลาไม่มี หรือไม่มีผลสำหรับนิพพานและพระอรหันต์ท่าน :b16:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 00:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


plekaran เขียน:
นิพพาน มีเวลามั้ยครับ
พระอริยสงฆ์ที่เป็นพระอรหัน ท่านมีเวลามั้ยครับ

:b8: :b8: :b8:
ด้วยความเคารพ
------------
plekaran


เวลา ในความคิดส่วนตัว ไม่มีครับ ที่คิดว่าเวลามีเพราะสัจธรรม คือ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา

นิพพานจึงหมายถึงสภาวะที่ไม่เกี่ยวข้องกับ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เพราะพระนิพพานเที่ยง และเป็นอิสระ

ส่วนพระอริยสงฆ์ที่ขันธ์5 ยังประชุมกันอยู่ ยังคงอยู่ใต้สภาวะของพระไตรลักษณ์ครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 00:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


plekaran เขียน:
นิพพาน มีเวลามั้ยครับ
พระอริยสงฆ์ที่เป็นพระอรหันต์ ท่านมีเวลามั้ยครับ

:b8: :b8: :b8:
ด้วยความเคารพ
------------
plekaran


รู้มั้ยครับ....เวลามีได้เนื่องจากะอะไร?...เนื่องจากมีระยะทาง

ระยะทางมีได้เนื่องจาก....มีวัตถุ

วัตถุ...แม้จะละเอียดเท่าไร....จะกี่นาโน..ก็ตาม...ขนาดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว...ระยะจึงมี..เวลาก็เกิด

สรุปว่า..เวลามี...เพราะมีสิ่งที่เกินไปจากความว่างเปล่า..

ทีนี้...ก็พอจะเห็นแล้วว่า...นิพพานมีเวลามั้ย?

แล้ว...พระอรหันต์..มีเวลามั้ย?...ถ้าท่านยังครองธาตุขันธ์อยู่...เวลาก็น่าจะยังปรากฏกับธาตุขันธ์ท่านอยู่นะ... :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 01:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
plekaran เขียน:
นิพพาน มีเวลามั้ยครับ
พระอริยสงฆ์ที่เป็นพระอรหันต์ ท่านมีเวลามั้ยครับ

:b8: :b8: :b8:
ด้วยความเคารพ
------------
plekaran


รู้มั้ยครับ....เวลามีได้เนื่องจากะอะไร?...เนื่องจากมีระยะทาง

ระยะทางมีได้เนื่องจาก....มีวัตถุ

วัตถุ...แม้จะละเอียดเท่าไร....จะกี่นาโน..ก็ตาม...ขนาดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว...ระยะจึงมี..เวลาก็เกิด

สรุปว่า..เวลามี...เพราะมีสิ่งที่เกินไปจากความว่างเปล่า..

ทีนี้...ก็พอจะเห็นแล้วว่า...นิพพานมีเวลามั้ย?

แล้ว...พระอรหันต์..มีเวลามั้ย?...ถ้าท่านยังครองธาตุขันธ์อยู่...เวลาก็น่าจะยังปรากฏกับธาตุขันธ์ท่านอยู่นะ... :b8: :b8: :b8:



ผมว่ามันแล้วแต่ ว่า ท่านรับกิจนิมนต์เยอะมั้ย นะครับ บางท่านรับเยอะ ก็ไม่ค่อยมีเวลา สักเท่าไหร่ เดียวต้องไปนู้ที่นี้ที่ บางท่านไม่รับกิจ ก็อยู่ว่างๆ นั้นแหละ ไปหาได้ คงมีเวลาเยอะ :b12:

อะๆๆล้อเล่น คราบ

เอาว่าคุยกันแบบเดาๆกันเน๊าะ ว่า
ส่วนหนึ่ง ความมีอยู่ของขันธ์5 ในโลกสมมุติ ทำให้ มีเวลา
อีกส่วนหนึ่ง ความไม่ยึดแล้วในขันธ์ 5 ทำให้ ไม่ยึดในเวลานั้น ก็ดูเหมือน ไม่มีเวลา พูดเป็นภาษาสมมติ ยากจัง ประมาณว่า เราดูเราไม่มีเรา ไม่มีกิจต้องทำ เลยไม่มีเวลา แต่ถ้า คนอื่นมองเราเขาเห็นเรา เขาก็เห็นเวลามีในเรา

แต่จะกล่าวถึง กรณี ขันธ์5 ดับสนิท จนปรินิพพาน แล้วนั้น ภาษาหยั่งลงไม่ถึง ครับ

เลยจะพูดว่าเป็น อัตตา หรือเป็น อนัตตา หรือ เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง ก็ไม่ได้ ครับ อย่าเอามาเป็นประเด่น

เพราะอย่างน้อย ความหมายของ คำว่า อัตตา เอง หรือ อนัตตา เอง ยังไม่ชัด ความหมายสั้นบ้าง ยาวบ้าง ขึ้นอยู่กับการปรุงแต่งของแต่ละคน

แต่ท่่านสามารถ ทดลองเอา ตัวตน ไปยื่นดู วัฏจักร การเวียนว่าย แบบข้ามภพชาติได้ (นั่งสมาธิจินตนาการเอา) มันก็นำความสลดสังเวช มาได้ไม่น้อยเช่นกัน (สำหรับผมนะ)

นันทิ เริ่มลดลงเรื่อยๆแล้ว อาจต้องหา นันทิ อย่างอื่น ลง แล้วละ อาจจะไม่ค่อยจะพบกันบ่อยแล้ว

ขอบคุณครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 05:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


plekaran เขียน:
นิพพาน มีเวลามั้ยครับ
พระอริยสงฆ์ที่เป็นพระอรหันต์ ท่านมีเวลามั้ยครับ

:b8: :b8: :b8:
ด้วยความเคารพ
------------
plekaran

:b8:
สวากขาโต ภควตาธัมมโม......พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้วนั้น ...(คืออะไร?)
:b42:
สันทิฐิโก......[color=#0000BF]คือสิ่งที่ "ผู้มีความเห็นถูกต้องจักรู้ได้ด้วยตนเอง"(เห็นถูกต้องคือเห็นอนัตตา)[/color]
:b42:
อะกาลิโก.....เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาลเวลา(สถานที่ บุคคล เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ วรรณะ ศาสนา ภาษา ระดับการศึกษา เพศ วัย และการแต่งกาย) (ผู้เข้าถึงแล้วย่อมอยู่เหนือกาลเวลาด้วย)(สิ่งที่เข้าถึง ก็อยู่เหนือกาลเวลาด้วย)
:b43:
เอหิปัสสิโก......เป็นสิ่งที่เรียกร้องให้เราเข้าไปดูอยู่เสมอ (ลองนั่งนิ่งๆ หลับตาอยู่เฉยๆ เราจะได้เห็นการเอหิปัสสิโกของธรรมชาติทั้งหลายในกายและจิต)
:b44:
โอปนยิโก......(ความเห็นธรรม)นั้น เป็นสิ่งที่ควรพอกพูนให้มากขึ้นๆ เมื่อมากขึ้นได้ที่แล้ว จะส่งให้ถึงมรรค ถึงผล ถึงนิพพาน
:b39:
ปัจจัตตังเวทิตัพโพ วิญญูหีติ.....เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ดังนี้
:b8: :b27: :b53: :b53: :b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 07:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ภิกษุทั้งหลาย นิพพานธาตุ ๒ ประการนี้ ๒ ประการเป็นไฉน คือ สอุปาทิเสสนิพพาน
ธาตุ ๑ อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ
เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ ทำ
กิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว มี
สังโยชน์ในภพนี้สิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุนั้นย่อมเสวย
อารมณ์ทั้งที่พึงใจและไม่พึงใจ ยังเสวยสุขและทุกข์อยู่ เพราะความที่อินทรีย์ ๕
เหล่าใดเป็นธรรมชาติไม่บุบสลาย อินทรีย์ ๕ เหล่านั้นของเธอยังตั้งอยู่นั่นเทียว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่ง
โมหะ ของภิกษุนั้น นี้เราเรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็อนุปาทิเสสนิพพานธาตุเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นพระอรหันตขีณาสพ
อยู่จบพรหมจรรย์ ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของ
ตนอันบรรลุแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ
เวทนาทั้งปวงในอัตภาพนี้แหละของภิกษุนั้น เป็นธรรมชาติอันกิเลสทั้งหลายมี
ตัณหาเป็นต้นให้เพลิดเพลินมิได้แล้ว จัก (ดับ) เย็น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรา
เรียกว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นิพพานธาตุ ๒ ประการ
นี้แล ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... E%BE%D2%B9

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว
ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพ
ขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลา
ที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... A%D9%B5%C3

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 07:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
คติธรรม ของ ท่านพุทธทาส

หมวดว่าด้วย นิพพาน - จุดปลายทางของชีวิต

1. เรื่องพระนิพพาน เป็นเรื่องเหลือวิสัยที่จะพูดให้จบหรือให้เข้าใจกันได้ด้วยคำพูดเพียงสองสามคำ ผู้ศึกษาจะต้องศึกษาทบทวนไปมา ด้วยการคิดค้นหาความเข้าใจ ตีความ และเทียบเคียง หยั่งให้รู้ถึงความหมายของศัพท์และประโยค ไปโดยลำดับจริง ๆ ไม่ศึกษาอย่างสะเพร่าลวก ๆ หรืออ่านข้ามไป ทั้งที่ไม่เข้าใจ, จึงจะค่อย ๆ หยั่งเห็นพระนิพพานอย่างชัดเจนเพิ่มขึ้น และก่อให้เกิดฉันทะในการที่จะบรรลุถึงได้จริง ๆ ด้วยการปฏิบัติธรรมทางใจฯ

2. พระนิพพาน ไม่ใช่เป็นจิต, ไม่ใช่เป็นเจตสิก หรือสิ่งที่เกิดกับจิต โดยอาศัยจิตนั้น, ไม่ใช่มีรูปร่างเป็นก้อนเป็นตัว อันเป็นประเภทรูปธรรม, ไม่ใช่บ้านเมือง, ไม่ใช่ดวงดาวหรือดาวโลกโลกใดโลกหนึ่ง; และยิ่งกว่านั้น พระนิพพานไม่ใช่สิ่งที่มีความเกิดขึ้นมา ไม่ใช่สิ่งที่มีความดับลงไป หรือทั้งเกิดและดับ สลับกันไปในตัวฯ

3. พระนิพพาน เป็นสภาวะธรรมชาติชนิดหนึ่ง และเป็นสิ่งเดียวเท่านั้น ที่ไม่ต้องตั้งต้น “การมี” ของตนขึ้น เหมือนสิ่งอื่น แต่ก็มีอยู่ได้ตลอดไป และไม่รู้จักดับสูญ เพราะไม่มีเวลาดับ หรือแม้แต่แปรปรวนฯ

4. สิ่งทั้งหลายอื่น ซึ่งมี ๆ กันอยู่ นอกจากพระนิพพานแล้ว, แรกที่สุด มันจักต้องมี “การเกิดขึ้น” มันจึงจะ “มีอยู่” ได้ ขณะมีอยู่นั้น มันต้องแปรไป ในท่ามกลาง และต้องดับไปในที่สุด แม้ระยะเวลาแต่เกิดถึงดับ จะช้านานสักเพียงไรก็ตามฯ

5. ดวงอาทิตย์ที่เชื่อกันว่าได้เกิดมีขึ้นมานานและเกิดก่อนสิ่งใดในสากลจักรวาล ทั้งยังจะมียืนยาวกระทั่งโลกทั้งหลายกลายเป็นอื่นไปแล้วก็ตาม, มันก็ต้องกลายเป็นไม่มีไปสักวันหนึ่ง, แม้ดิน น้ำ ไฟหรือความร้อน ลมหรืออากาศ ก็เช่นกัน: จักต้องถึงสมัยหนึ่งที่มันจะไม่มีอยู่ เพราะสิ่งเหล่านี้มี “การเกิดขึ้น” และเกิดขึ้นมา – เป็นขึ้นมาได้ โดยต้องอาศัยสิ่งอื่น มีสิ่งอื่นประกอบขึ้นปรุงขึ้นฯ

6. สิ่งที่เรียกว่า “พระนิพพาน” นั้น ไม่มี “การเกิดขึ้น” ดังนั้นจึงไม่ต้องอาศัยสิ่งอื่นช่วยให้เกิดขึ้น, เมื่อตัวเองมีของตัวเองได้ มันจึงไม่รู้จักดับ, และจักมีอยู่ตลอดไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย, ไม่เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน, ทั้งนี้ก็เพราะ “ความมีอยู่” แห่งพระนิพพานนั้น แปลจาก ความมีอยู่ของสิ่งอื่น อย่างสุดที่กำหนดมากล่าวได้ฯ

7. พระนิพพาน มีอยู่ตลอดกาลอันไม่มีสิ้นสุด และมีอยู่ เป็นของคู่เคียงกับกาลเวลาอันไม่มีที่สิ้นสุด หากว่ากาล หรือเวลาจะเป็นสิ่งที่สิ้นสุดลงในวันหนึ่งได้ พระนิพพานก็ยังหาสิ้นสุดไปกับตัวเวลานั้นไม่ฯ

8. พระนิพพาน เป็นสิ่งที่เปิดโอกาสเตรียมพร้อมอยู่เสมอ สำหรับที่เราพบกันเข้ากับดวงจิตของเราทุก ๆ คน หากแต่ว่าดวงจิตของเราตามธรรมดา มีอะไรบางอย่างเข้าเคลือบหุ้มเสีย ไม่เปิดโอกาสให้พบกันได้กับพระนิพพานเท่านั้น, พระนิพพานจึงไม่ปรากฏแก่เรา ว่ามีอยู่ที่ไหน ทั้ง ๆ ที่พระนิพพานมีในสิ่งทั่วไป ยิ่งเสียกว่าอากาศ ซึ่งกล่าวกันว่ามีทั่วไปเสียอีกฯ

9. เราไม่อาจกำหนดหรือเคยพบกับพระนิพพาน ก็เลยคิดไปว่าพระนิพพานมิได้มีอยู่ดังที่กล่าว เข้าใจเป็นการกล่าวอย่างเล่นสำนวนสนุก ๆ ไป คนตาบอดมาแต่กำเนิดย่อมไม่รู้เรื่องแสงสว่าง หรือสีขาวแดง ทั้งที่มันมีอยู่ถึงตัว หรืออยู่รอบ ๆ ตัว ผู้บอดด้วยอวิชชา มีอวิชชาห่อหุ้มดวงจิต ก็ไม่รู้เรื่องนิพพาน ทั้งที่มีอยู่รอบตัว ไม่อาจคาดคะเนพระนิพพานได้ จนกว่าเขาจะหาย “บอด” ฉันใดก็ฉันนั้นฯ

10. คนเรา เกิดโผล่ออกมาจากท้องมารดาสู่โลกนี้ “บอด” มาก่อนเหมือนกันหมดทุกคน จึงไม่อาจรู้เรื่องพระนิพพานได้ ตั้งแต่แรกเกิด เหมือนผู้ที่ตาเนื้อบอดมาแต่กำเนิด ไม่อาจรู้จักแสงหรือสี เช่นเดียวกันฯ

11. บอดตา ไม่อาจรักษาได้ แต่บอดใจหรือบอดต่อพระนิพพานนั้น อาจรักษาได้ ผู้ที่บอดตา แต่ถ้าเขาหายบอดใจ เขาก็ประเสริฐกว่าผู้ที่แม้ไม่บอดตา แต่บอดใจฯ

12. แสงแห่งพระนิพพาน ส่องเข้าไปถึงได้กระทั่งในที่ที่แสงสว่างทุกชนิดในโลกส่องเข้าไปไม่ถึง ดวงจิตของคนตาบอด อาจพบกับพระนิพพานได้ ไม่ยากไปกว่าดวงจิตของคนตาดีฯ


http://www.wichai.net/dhamma/dhamma5.htm

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 07:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
41. ถ้าคนเรารู้จักและเข้าใจพระนิพพาน มากและแจ่มแจ้งเท่า ๆ กับที่เคยรู้จักและเข้าใจค่าของน้ำเงินจำนวนล้าน ๆ นั่นแล้ว เขาก็จะต้องรีบขอให้ท่านผู้วิเศษบันดาล เพื่อลุถึงพระนิพพานในนาทีนี้ วินาทีนี้ ทีเดียว, แม้จะถูกผลัดพรุ่งนี้ ก็ยังไม่พอใจฯ

42. พุทธบริษัทจำนวนมาก มีความอยากไปนิพพาน ต้องการพระนิพพานทั้งที่ยังไม่ทราบว่า พระนิพพานคืออะไร หรือมีความรู้บ้างก็น้อยเกินไป รู้เพียงสักว่าเป็นชื่อศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งทุก ๆ คนเขาพากันว่าดีที่สุดเท่านั้น. ทั้งนี้ก็เพราะเขาไม่สามารถเข้าใจพระนิพพานอันมีนัยลี้ลับ แม้จะหยั่งรู้จักโดยอนุมาน หรืออุปมานก็ไม่อาจมีได้ง่าย ๆ เลยฯ

43. สำหรับพุทธบริษัทที่ยังไม่รู้จักพระนิพพาน แต่ปรารถนามุ่งหน้าสู่พระนิพพานนั้น จะต้องมีนิพพานตามทรรศนะของตน ๆ ไปก่อน ซึ่งอาจเป็นพระนิพพานที่มีลักษณะและรูปร่างเป็นตัวตน และมีอะไร ๆ ให้ตนได้อาศัยยึดถือไปพลาง ๆ ก่อน. เพราะถึงอย่างไร ก็เป็นการดีกว่าที่จะไม่มีอะไร มีแต่วาง ๆ จับ ๆ อยู่แต่ในสิ่งที่ตนสงสัย และเต็มไปด้วยความว้าเหว่ หรือความหวาดกลัวอันเป็นทุกข์ และในที่สุดก็จะตายเปล่าฯ

44. พุทธบริษัทที่ไม่ประมาท ย่อมถือเอาพระนิพพานของตน ๆ ไปก่อน แล้วแต่กำลังความแจ่มแจ้งในความหมายของความดับทุกข์ และพร้อมที่จะเลื่อนขั้นให้แจ่มแจ้งลึกซึ้งในพระนิพพานให้ถูกตรงยิ่งขึ้น ๆ ไป เช่น หมั่นบำเพ็ญประโยชน์โลกนี้ แล้วขึ้นถึงประโยชน์โลกอื่น และในที่สุดค่อยก้าวคืบหน้าถึงประโยชน์สูงสุดคือพระนิพพาน. มิเช่นนั้นแล้ว จักทำให้การเดินทางกลับช้าไปอีกฯ


http://www.wichai.net/dhamma/dhamma6.htm

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 10:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2011, 15:12
โพสต์: 191


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องกาลเวลาเป็นเรื่องของโลกที่สมมติบัญญัติขึ้น แต่นิพพานพ้นสมมติบัญญัติมิได้เป็นไปกับกาลเวลา การเปรียบเทียบที่จะยังเวไนยสัตว์ให้รู้เข้าใจได้ถึงนิพพานนั้น ดังนี้ การปฏิบัติสมาธิภาวนาและวิปัสสนาภาวนา เมื่อปฏิบัติถุกต้องมีสติเป็นเครื่องระลึกแล้ว สติก็ย่อมตั้งมั่นมีความรุ้ตัวอยู่ทุกขณะ การจะกำหนดว่า พึงตั้งสติเวลานั้นเวลานี้หามีไม่ ฉันใด นิพพานก็ฉันนั้น พึงเปรียบเทียบโดยนัยนี้เถิด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 10:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ผมว่ามันแล้วแต่ ว่า ท่านรับกิจนิมนต์เยอะมั้ย นะครับ บางท่านรับเยอะ ก็ไม่ค่อยมีเวลา สักเท่าไหร่ เดียวต้องไปนู้ที่นี้ที่ บางท่านไม่รับกิจ ก็อยู่ว่างๆ นั้นแหละ ไปหาได้ คงมีเวลาเยอะ

:b32: :b32:
เข้าใจเล่น....อย่างนี้....ไม่ต้องไปหานันทิ..ที่ไหนแล้วมั้ง

เอิ๊ก....เอิ๊ก...เอิ๊ก... :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 11:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


plekaran เขียน:
นิพพาน มีเวลามั้ยครับ
พระอริยสงฆ์ที่เป็นพระอรหันต์ ท่านมีเวลามั้ยครับ

:b8: :b8: :b8:
ด้วยความเคารพ
------------
plekaran

rolleyes
...ผู้ที่ได้บรรลุธรรมในระดับจิตพระอรหันต์เป็นนิพพานตลอดเวลาตั้งแต่เวลาและวินาทีที่ได้บรรลุแล้ว...
...ซึ่งขณะบรรลุธรรม...ขณะนั้นยังมีการครองธาตุขันธ์ที่ยังมีลมหายใจด้วย...ยังมีกายกับจิตอยู่...
...ซึ่งเวลาของร่างกายก็มีเป็นไปตามเวลาของโลกคือรู้ชื่อบุคคล อายุ วันเดือนปี สถานที่ที่บรรลุธรรม...
...ขณะนั้นจิตพระอรหันต์รู้ทั้งสภาวะทางโลกและทางธรรม ทางโลกรู้สมมติตามโลก ทางธรรมไม่หลงสมมติ...
...ร่างกายก็มีสภาพธรรมที่เป็นไปตามอายุขัยคือเกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่กำหนดของโลกอายุขัยร้อยปี...
...และที่มีเพิ่มคือเวลาของจิตดับกิเลสไม่มีเหลือคือไม่ก่อภพชาติการเกิดอีกให้กับจิตดวงนั้นเป็นนิรันดร...
...การบรรลุจิตระดับอรหัตตผลแล้วเรียกว่านิพพานดิบ...คือบรรลุได้เมื่อยังมีชิวิตก่อนจึงจะถึงนิพพานสุก...
...และนั่นคือเวลาของธาตุขันธ์ของพระอรหันต์ในโลกมนุษย์หมดลง...ก็เป็นปรินิพพานนิรันดร...
:b20: :b8:
:b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 11:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
...การบรรลุธรรมของพระอรหันต์ทำให้หมดงานฆ่ากิเลสเรียกว่าเป็นพระอเสขะบุคคล...
...แต่การสงเคราะห์โลกและการเทศนาธรรมอบรมสั่งสอนและโปรดเวไนยสัตว์ยังมี...
...ทุกขณะจิตท่านเป็นลักษณะจิตปล่อยวางภาระ จิตเบาไม่ยึด ไม่ติดข้องทั้ง 6 ทาง...
...การทำงานทางโลกจึงเป็นสภาพจิตที่รู้อาการของขันธ์ตามสภาพตามสมมติทางโลก...
...ทำเพื่อประโยชน์ของการสงเคราะห์โลก...ระดับจิตท่านพ้นสภาพการรับคำติ ชม บุญ บาป...
...ซึ่งการสรรเสริญและการตำหนิกล่าวโทษของบุคคลใดต่อพระอรหันต์...กรรมก็เป็นของบุคคลนั้นแล...
:b8: :b8:
:b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2012, 04:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 เม.ย. 2012, 17:37
โพสต์: 37

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


plekaran เขียน:
นิพพาน มีเวลามั้ยครับ พระอริยสงฆ์ที่เป็นพระอรหันต์ ท่านมีเวลามั้ยครับ ด้วยความเคารพ------------plekaran

กบนอกกะลา เขียน:
รู้มั้ยครับ....เวลามีได้เนื่องจากะอะไร?...เนื่องจากมีระยะทางระยะทางมีได้เนื่องจาก....มีวัตถุวัตถุ...แม้จะละเอียดเท่าไร....จะกี่นาโน..ก็ตาม...ขนาดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว...ระยะจึงมี..เวลาก็เกิดสรุปว่า..เวลามี...เพราะมีสิ่งที่เกินไปจากความว่างเปล่า..ทีนี้...ก็พอจะเห็นแล้วว่า...นิพพานมีเวลามั้ย?แล้ว...พระอรหันต์..มีเวลามั้ย?...ถ้าท่านยังครองธาตุขันธ์อยู่...เวลาก็น่าจะยังปรากฏกับธาตุขันธ์ท่านอยู่นะ...


เมื่อตั้งกระทู้แล้ว พี่ๆช่วยตอบและแนะนำ จึงคลายความสงสัยไปบาง จึงขอยกคำแนะนำของพี่กบมาอธิบายว่าผมพอเข้าใจถูกทางหรือเปล่านะครับ

ของจริงนิ่งเป็นใบ้(ว่าง) ของเคลื่อนได้(ขันธ์)ไม่ใช่ของจริง

เนื่องจากผมภาวนาจะไม่มีรูปแบบมากนักคือ ตามดูกาย และใจทำงานในการใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่จะเป็นใจซึ่งผมใช้เป็นเครื่องอยู่ในการพิจารณา ซึ่งเมื่อใจคิดหรือสังสัย ใจหรือจิตมันทำงาน วิ่งไป เคลื่อนมา จะมีจิตรู้คอยพิจารณาซึ่งปัจจุบันจิต เลยใช้เวลาเข้ามาช่วยในการเจริญปัญญาภาวนาดูจิตตัวรู้ด้วย

:b8: :b8: :b8:
ด้วยความเคารพ
----------------
plekaran


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 204 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร