ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ปฐมนิเทศ & ปัจฉิมโอวาท http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=42417 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 17 มิ.ย. 2012, 16:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | ปฐมนิเทศ & ปัจฉิมโอวาท |
ปฐมเทศนา ธัมมจักกัปปวัตนสูตร เนื้อหาที่เป็นประเด็นหลักในพระพุทธพจน์ที่ปรากฏในธัมมจักกัปปวัตนสูตรโดยสรุปมีดังนี้ ...ภิกษุทั้งหลาย ทุกขอริยสัจ คือ ความจริงที่ช่วยมนุษย์ให้เป็นผู้ประเสริฐเกี่ยวกับการพิจารณาเห็นทุกข์ เป็นอย่างนี้ คือ การเข้าใจว่า "เกิด แก่ เจ็บ ตาย" ล้วนแต่ เป็นทุกข์ แม้แต่ความโศรกเศร้าเสียใจ ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์กายทุกข์ใจ ทั้งความคับแค้นใจก็เป็นทุกข์ ประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์ พลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์ ปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ ว่าโดยย่อ การยึดมั่นแบบฝังใจ ว่า เบญจขันธ์ (คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ว่าเป็น อัตตา เป็นตัวเรา เป็นเหตุทำให้เกิดความทุกข์แท้จริง ภิกษุทั้งหลาย เหตุทำให้เกิดความทุกข์ (สมุหทัย) มีอย่างนี้ คือ ความอยากเกินควร ที่เรียกว่า ทะยานอยาก ทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิด เป็นไปด้วยความกำหนัด ด้วยอำนาจความเพลิดเพลิน มัวเพลิดเพลินอย่างหลงระเริงในสิ่งที่ก่อให้เกิดความกำหนัดรักใคร่นั้นๆ ได้แก่ 1.ความทะยานอยากในสิ่งที่ก่อให้เกิดความใคร่ 2.ความทะยานอยากในความอยากเป็นนั่นอยากเป็นนี่ 3.ความทะยานอยากในความที่จะพ้นจากภาวะที่ไม่อยากเป็๋น เช่น ไม่อยากจะเป็นคนไร้เกียรติ ไร้ยศ เป็นต้น อยากจะดับสูญไปเลย ถ้าไม่ได้เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ภิกษุทั้งหลาย นิโรธ คือ ความดับทุกข์อย่างแท้จริง คือ ดับความกำหนัดอย่างสิ้นเชิง มิให้ตัณหาเหลือยู่ สละตัณหา ปล่อยวางตัณหาข้ามพ้นจากตัณหา ไม่มีเยื่อใยในตัณหา ภิกษุทั้งหลาย ทุกขโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ คือ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์อย่างแท้จริง คือ อริยมรรคมีองค์ 8 ได้แก่ (1) ความเห็นชอบ (2) ความดำริชอบ (3) วาจาชอบ (4) การงานชอบ (5) เลี้ยงชีวิตชอบ (6) ความเพียรชอบ (7) ความระลึกชอบ (8) ความตั้งจิตมั่นชอบ... (อันนี้สำคัญ ทุกขอริยสัจ ควรกำหนดรู้. ทุกขสมุทัยอริยสัจ ควรละเสีย ทุกขนิโรธอริยสัจ ควรทำให้แจ้ง ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ คือ อริยมรรคมีองค์แปด ควรเจริญ) ปัจฉิมโอวาท พระวาจาครั้งสุดท้าย ว่า “ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ ตถาคตขอเตือน เธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลาย เสื่อมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด” ท่านเห็น ความต่างของ ทั้ง 2 โอวาท นี้ เป็นเช่นไร สุดท้าย ทำไม พระองค์จึงกล่าวเพียงแค่นั้น ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 18 มิ.ย. 2012, 10:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฐมนิเทศ & ปัจฉิมโอวาท |
![]() (อันนี้สำคัญ) ทุกขอริยสัจ ควร กำหนดรู้. ทุกขสมุทัยอริยสัจ ควร ละ ทุกขนิโรธอริยสัจ ควร ทำให้แจ้ง ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ คือ อริยมรรคมีองค์แปด ควร เจริญ ปัจฉิมโอวาท พระวาจาครั้งสุดท้าย ว่า “ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ ตถาคตขอเตือน เธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลาย เสื่อมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด” ท่านเห็น ความต่างของ ทั้ง 2 โอวาท นี้ เป็นเช่นไร สุดท้าย ทำไม พระองค์จึงกล่าวเพียงแค่นั้น ![]() ![]() ![]() ไม่มีอะไรต่างกันเลยนะครับคุณฝึกจิต แต่เป็นเพราะการแปลความออกมาไม่ลึกซึ้งเข้าถึงอรรถที่แท้จริงของบาลี จึงทำให้เข้าใจว่าต่างกัน โดยความเป็นจริงตามธรรมแล้ว พระปัจฉิมโอวาท ก็คือการแสดงอริยสัจ 4 โดยสรุปเป็นครั้งสุดท้ายนั่นเอง ลองพิจารณาดูตามต่อไปนี้ หันทะทานิ อมันตยามิโวภิกษุ ......ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเธอจงมาหาเรา เธอจงฟังเรา ![]() วยะธัมมา ..ธรรมทั้งหลายมีความเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา (เกิด-ดับ อนิจจัง) เท่ากับ ทุกขสัจจะ ![]() สังขารา..ความปรุงแต่งทั้งหลาย เท่ากับ สมุทัยสัจจะ ![]() อัปมาเทนะ....พึงยังความไม่ประมาท เท่ากับ มรรคสัจจะ ![]() สัมปาเททะ....ทำให้ถึงพร้อม สมบูรณ์ ซึ่ง มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 เป็น นิโรธสัจจะ ![]() ลองพากันตรองตามนัยยะนี้กันเถิดแล้วจะได้พากันทราบว่า การแสดงธรรมของพระบรมศาสดา ไม่ได้หนีออกจากอริสัจ 4 เลยแม้แต่เรื่องเดียว ทั้งปฐมเทศนา มัชฌิมเทศนา และปัจฉิมเทศนา หรือการเทศนาตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ลองพากันสังเกตพิจารณาดูให้ดีซิครับว่ามีอะไรที่นอกเหนือจากเรื่อง ทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์ และ วิธีทำให้ถึงความดับทุกข์ บ้าง ![]() |
เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 18 มิ.ย. 2012, 21:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฐมนิเทศ & ปัจฉิมโอวาท |
asoka เขียน: :b27: (อันนี้สำคัญ) ทุกขอริยสัจ ควร กำหนดรู้. ทุกขสมุทัยอริยสัจ ควร ละ ทุกขนิโรธอริยสัจ ควร ทำให้แจ้ง ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ คือ อริยมรรคมีองค์แปด ควร เจริญ ปัจฉิมโอวาท พระวาจาครั้งสุดท้าย ว่า “ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ ตถาคตขอเตือน เธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลาย เสื่อมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลาย จงยังประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด” ท่านเห็น ความต่างของ ทั้ง 2 โอวาท นี้ เป็นเช่นไร สุดท้าย ทำไม พระองค์จึงกล่าวเพียงแค่นั้น ![]() ![]() ![]() ไม่มีอะไรต่างกันเลยนะครับคุณฝึกจิต แต่เป็นเพราะการแปลความออกมาไม่ลึกซึ้งเข้าถึงอรรถที่แท้จริงของบาลี จึงทำให้เข้าใจว่าต่างกัน โดยความเป็นจริงตามธรรมแล้ว พระปัจฉิมโอวาท ก็คือการแสดงอริยสัจ 4 โดยสรุปเป็นครั้งสุดท้ายนั่นเอง ลองพิจารณาดูตามต่อไปนี้ หันทะทานิ อมันตยามิโวภิกษุ ......ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเธอจงมาหาเรา เธอจงฟังเรา ![]() วยะธัมมา ..ธรรมทั้งหลายมีความเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา (เกิด-ดับ อนิจจัง) เท่ากับ ทุกขสัจจะ ![]() สังขารา..ความปรุงแต่งทั้งหลาย เท่ากับ สมุทัยสัจจะ ![]() อัปมาเทนะ....พึงยังความไม่ประมาท เท่ากับ มรรคสัจจะ ![]() สัมปาเททะ....ทำให้ถึงพร้อม สมบูรณ์ ซึ่ง มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 เป็น นิโรธสัจจะ ![]() ลองพากันตรองตามนัยยะนี้กันเถิดแล้วจะได้พากันทราบว่า การแสดงธรรมของพระบรมศาสดา ไม่ได้หนีออกจากอริสัจ 4 เลยแม้แต่เรื่องเดียว ทั้งปฐมเทศนา มัชฌิมเทศนา และปัจฉิมเทศนา หรือการเทศนาตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ลองพากันสังเกตพิจารณาดูให้ดีซิครับว่ามีอะไรที่นอกเหนือจากเรื่อง ทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์ และ วิธีทำให้ถึงความดับทุกข์ บ้าง ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 19 มิ.ย. 2012, 10:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฐมนิเทศ & ปัจฉิมโอวาท |
ตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยหรือ แต่เอกอนตีความอย่างนี้มาตลอดเลยนะ พระองค์กำลัง ปรินิพพาน นะ กำลังเข้าสู่การสละคืนธรรมทั้งมวลลงสิ้น นะ ผู้ที่กำลังเข้าสู่การ ปรินิพพาน ท่านอาจจะเห็นธรรมบางอย่าง แต่ท่านก็ สอนไม่ทันเสียแล้ว สิ่งที่ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในพระองค์ พระธรรมที่พระองค์สอนจะประมาท ก็คือ สองสิ่งนี้ล่ะ ![]() มองได้หลายแง่ ![]() ถ้าอยากรู้จริง ๆ ก็คงต้องลองปรินิพพานดู จะได้รู้ชัด ๆ แจ้ง ๆ แก่ใจอย่างไม่ต้องคาดเดาว่าก่อนที่ท่านจะสละคืนสรรพสิ่งอย่างถึงที่สุด ท่านเห็นอะไร..... ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | student [ 19 มิ.ย. 2012, 10:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฐมนิเทศ & ปัจฉิมโอวาท |
หากพิจารณาก็จะพบกับคำตอบในนั้น ท่านแสดงธรรมตามเหตุการณ์ แม้กระทั่งคำสอนสุดท้ายก็ใช้ตัวอย่างจากตัวท่านเอง คือ แม้แต่พระพุทธเจ้ายังต้องปรินิพพานนั่นเอง |
เจ้าของ: | asoka [ 22 มิ.ย. 2012, 06:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฐมนิเทศ & ปัจฉิมโอวาท |
eragon_joe เขียน: ตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยหรือ แต่เอกอนตีความอย่างนี้มาตลอดเลยนะ พระองค์กำลัง ปรินิพพาน นะ กำลังเข้าสู่การสละคืนธรรมทั้งมวลลงสิ้น นะ ผู้ที่กำลังเข้าสู่การ ปรินิพพาน ท่านอาจจะเห็นธรรมบางอย่าง แต่ท่านก็ สอนไม่ทันเสียแล้ว สิ่งที่ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในพระองค์ พระธรรมที่พระองค์สอนจะประมาท ก็คือ สองสิ่งนี้ล่ะ ![]() มองได้หลายแง่ ![]() ถ้าอยากรู้จริง ๆ ก็คงต้องลองปรินิพพานดู จะได้รู้ชัด ๆ แจ้ง ๆ แก่ใจอย่างไม่ต้องคาดเาดว่าก่อนที่ท่านจะสละคืนสรรพสิ่งอย่างถึงที่สุด ท่านเห็นอะไร..... ![]() ![]() ![]() "ผู้ที่กำลังเข้าสู่การ ปรินิพพาน ท่านอาจจะเห็นธรรมบางอย่าง แต่ท่านก็ สอนไม่ทันเสียแล้ว" ![]() คุณเอก้อนครับอะไรที่เกี่ยวกับพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าต้อง มีความสังเกตพิจารณาที่ละเอียดถี่ถ้วนให้มากๆนะครับ อย่างคำพูดที่ผมตัดตอนยกมาคาดสีแดงให้ดูนั้น ถ้าพิจารณาอีกแง่มุมหนึ่ง จะเข้าใจไปได้ว่าคุณเอก้อนกำลังมี ปมาทะ กับพระบรมศาสดานะครับเพราะ คำว่า .....สอนไม่ทัน.....นี้ไม่น่าจะมีสำหรับพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นแน่ พระพุทธเจ้าทรงมีปกติวิสัยแสดงธรรมที่งามพร้อม สมบูรณ์พร้อมทั้งในเบื้องต้น เบื้องกลางและเบื้องปลาย ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 22 มิ.ย. 2012, 07:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฐมนิเทศ & ปัจฉิมโอวาท |
asoka เขียน: eragon_joe เขียน: ตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยหรือ แต่เอกอนตีความอย่างนี้มาตลอดเลยนะ พระองค์กำลัง ปรินิพพาน นะ กำลังเข้าสู่การสละคืนธรรมทั้งมวลลงสิ้น นะ ผู้ที่กำลังเข้าสู่การ ปรินิพพาน ท่านอาจจะเห็นธรรมบางอย่าง แต่ท่านก็ สอนไม่ทันเสียแล้ว สิ่งที่ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในพระองค์ พระธรรมที่พระองค์สอนจะประมาท ก็คือ สองสิ่งนี้ล่ะ ![]() มองได้หลายแง่ ![]() ถ้าอยากรู้จริง ๆ ก็คงต้องลองปรินิพพานดู จะได้รู้ชัด ๆ แจ้ง ๆ แก่ใจอย่างไม่ต้องคาดเาดว่าก่อนที่ท่านจะสละคืนสรรพสิ่งอย่างถึงที่สุด ท่านเห็นอะไร..... ![]() ![]() ![]() "ผู้ที่กำลังเข้าสู่การ ปรินิพพาน ท่านอาจจะเห็นธรรมบางอย่าง แต่ท่านก็ สอนไม่ทันเสียแล้ว" ![]() คุณเอก้อนครับอะไรที่เกี่ยวกับพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าต้อง มีความสังเกตพิจารณาที่ละเอียดถี่ถ้วนให้มากๆนะครับ อย่างคำพูดที่ผมตัดตอนยกมาคาดสีแดงให้ดูนั้น ถ้าพิจารณาอีกแง่มุมหนึ่ง จะเข้าใจไปได้ว่าคุณเอก้อนกำลังมี ปมาทะ กับพระบรมศาสดานะครับเพราะ คำว่า .....สอนไม่ทัน.....นี้ไม่น่าจะมีสำหรับพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นแน่ พระพุทธเจ้าทรงมีปกติวิสัยแสดงธรรมที่งามพร้อม สมบูรณ์พร้อมทั้งในเบื้องต้น เบื้องกลางและเบื้องปลาย ![]() ![]() ในเมื่อพญามารกล่าวทูลอาราธนาให้พระองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน พระบรมศาสดาจึงตรัสห้ามมารว่า ดูก่อน มารผู้มีใจบาป ท่านจงมีความขวนขวายน้อยอยู่เถิด ๑. ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้เป็นสาวกของเรายังไม่เฉียบแหลม ยังไม่ได้รับการแนะนำ ยังไม่แกล้วกล้า ยังไม่เป็นพหูสูต ยังไม่ทรงธรรม เราตถาคตยังจะไม่ปรินิพพาน ๒. ภิกษุเป็นต้นนั้น ยังไม่ปฏิบัติธรรมเสมอสมควรแก่ธรรม ไม่ปฏิบัติชอบ ไม่ประพฤติตามธรรม เราตถาคตยังจะไม่ปรินิพพาน ๓. ภิกษุเป็นต้นนั้น เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว ยังบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนกแจกแจง อธิบายธรรมให้ง่ายยังไม่ได้ เราตถาคตยังจะไม่ปรินิพพาน ๔. ภิกษุเป็นต้นนั้น ยังไม่แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ (แสดงธรรมให้เกิดผลมหัศจรรย์) ข่มขี่ปรัปวาท (การว่าร้าย จ้วงจาบพระธรรมวินัย)ที่เกิดขึ้นให้ราบคาบโดยถูกต้องตามธรรม เราตถาคตจะยังไม่ปรินิพพาน ในเมื่อธรรมของพระองค์เปรียบเหมือน หงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด ชี้ทางให้กับผู้ที่หลงทาง จุดประทีปให้สว่างในที่มืด นั่นก็หมายถึงว่าจะไม่มีอะไรที่จะทรงสั่งสอนอีกต่อไป ท่านจึงรับอาราธนาจากพญามารเพื่อเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 22 มิ.ย. 2012, 11:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฐมนิเทศ & ปัจฉิมโอวาท |
asoka เขียน: eragon_joe เขียน: ตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยหรือ แต่เอกอนตีความอย่างนี้มาตลอดเลยนะ พระองค์กำลัง ปรินิพพาน นะ กำลังเข้าสู่การสละคืนธรรมทั้งมวลลงสิ้น นะ ผู้ที่กำลังเข้าสู่การ ปรินิพพาน ท่านอาจจะเห็นธรรมบางอย่าง แต่ท่านก็ สอนไม่ทันเสียแล้ว สิ่งที่ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในพระองค์ พระธรรมที่พระองค์สอนจะประมาท ก็คือ สองสิ่งนี้ล่ะ ![]() มองได้หลายแง่ ![]() ถ้าอยากรู้จริง ๆ ก็คงต้องลองปรินิพพานดู จะได้รู้ชัด ๆ แจ้ง ๆ แก่ใจอย่างไม่ต้องคาดเาดว่าก่อนที่ท่านจะสละคืนสรรพสิ่งอย่างถึงที่สุด ท่านเห็นอะไร..... ![]() ![]() ![]() "ผู้ที่กำลังเข้าสู่การ ปรินิพพาน ท่านอาจจะเห็นธรรมบางอย่าง แต่ท่านก็ สอนไม่ทันเสียแล้ว" ![]() คุณเอก้อนครับอะไรที่เกี่ยวกับพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าต้อง มีความสังเกตพิจารณาที่ละเอียดถี่ถ้วนให้มากๆนะครับ อย่างคำพูดที่ผมตัดตอนยกมาคาดสีแดงให้ดูนั้น ถ้าพิจารณาอีกแง่มุมหนึ่ง จะเข้าใจไปได้ว่าคุณเอก้อนกำลังมี ปมาทะ กับพระบรมศาสดานะครับเพราะ คำว่า .....สอนไม่ทัน.....นี้ไม่น่าจะมีสำหรับพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นแน่ พระพุทธเจ้าทรงมีปกติวิสัยแสดงธรรมที่งามพร้อม สมบูรณ์พร้อมทั้งในเบื้องต้น เบื้องกลางและเบื้องปลาย ![]() ![]() เพราะท่านไม่รู้จักงูพิษ ![]() |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 22 มิ.ย. 2012, 12:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฐมนิเทศ & ปัจฉิมโอวาท |
บางทีสิ่งที่ท่านต้องการจะสื่อ อาจจะมีใจความใกล้เคียงกับพระสูตรนี้ และต้องการจะย้ำ .. แต่ท่านกล่าวได้เพียงเท่านั้น ถ้า..เหล่าภิกษุจะระลึกกันได้ Quote Tipitaka: บุรุษเปล่าเรียนธรรม
[๒๗๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุรุษเปล่า บางพวกในพระธรรมวินัยนี้ ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ บุรุษเปล่าเหล่านั้น เล่าเรียนธรรมนั้นแล้ว ย่อมไม่ไตร่ตรองเนื้อความแห่งธรรมเหล่านั้นด้วย ปัญญา ธรรมเหล่านั้น ย่อมไม่ควรซึ่งการเพ่งแก่บุรุษเปล่าเหล่านั้น ผู้ไม่ไตร่ตรองเนื้อความด้วย ปัญญา บุรุษเปล่าเหล่านั้นเป็นผู้มีความข่มผู้อื่นเป็นอานิสงส์ และมีการเปลื้องเสียซึ่งความนินทา เป็นอานิสงส์ ย่อมเล่าเรียนธรรม ก็กุลบุตรทั้งหลาย ย่อมเล่าเรียนธรรมเพื่อประโยชน์อันใด บุรุษเปล่าเหล่านั้น ย่อมไม่ได้เสวยประโยชน์นั้นแห่งธรรมนั้น ธรรมเหล่านั้น อันบุรุษเปล่า เหล่านั้นเรียนไม่ดีแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน ข้อนั้น เป็นเพราะอะไร เพราะธรรมทั้งหลายอันตนเรียนไม่ดีแล้ว. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือน บุรุษผู้มีความต้องการด้วยงูพิษ เสาะหางูพิษ เที่ยวแสวงหางูพิษเขาพึงพบงูพิษตัวใหญ่ พึงจับงูพิษ นั้นที่ขนดหรือที่หาง งูพิษนั้นพึงแว้งกัดเขาที่ข้อมือ ที่แขน หรือที่อวัยวะใหญ่น้อยแห่งใดแห่งหนึ่ง เขาพึงถึงความตาย หรือความทุกข์ปางตาย มีการกัดนั้นเป็นเหตุ ข้อนั้นเป็นเหตุเพราะอะไร เพราะงูพิษตนจับไม่ดีแล้ว แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกบุรุษเปล่า บางพวกในธรรมวินัยนี้ ก็ฉันนั้นนั่นแล ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ ... อัพภูตธรรม เวทัลละ บุรุษเปล่าเหล่านั้น เล่าเรียนธรรมนั้นแล้ว ย่อมไม่ไตร่ตรองเนื้อความแห่งธรรมเหล่านั้นด้วยปัญญา ธรรมเหล่านั้น ย่อมไม่ควรซึ่ง การเพ่งแก่บุรุษเปล่าเหล่านั้น ผู้ไม่ไตร่ตรองเนื้อความด้วยปัญญา บุรุษเปล่าเหล่า นั้นเป็นผู้มีการข่มผู้อื่นเป็นอานิสงส์ และมีการเปลื้องเสียซึ่งความนินทาเป็นอานิสงส์ ย่อม เล่าเรียนธรรม ก็กุลบุตรทั้งหลาย ย่อมเล่าเรียนธรรมเพื่อประโยชน์อันใด บุรุษเปล่าเหล่านั้น ย่อมไม่ได้เสวยประโยชน์นั้นแห่งธรรมนั้น ธรรมเหล่านั้น อันบุรุษเปล่าเหล่านั้นเรียนไม่ดีแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุอะไร เพราะ ธรรมทั้งหลาย อันตนเรียนไม่ดีแล้ว. |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 22 มิ.ย. 2012, 12:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฐมนิเทศ & ปัจฉิมโอวาท |
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เอกอนจะเห็นพระองค์ และธรรมที่พระองค์ทิ้งไว้ เปรียบเสมือน งูพิษ เพราะพระองค์ก็เคยได้ทรงเปรียบไว้เอง .. ![]() แค่มองเห็นต่างไปจากท่านอโศกะแค่นั้น กลายเป็นทำให้ท่านอโศกะคิดไปในแง่ ปมาทะ ไปได้ .. ![]() เห็นแค่เงา ๆ ก็วาดไม้ลงมาซะแระ .. ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 22 มิ.ย. 2012, 23:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฐมนิเทศ & ปัจฉิมโอวาท |
กระผม..ไม่เห็นว่ามันจะแปลก... พวกหลงผิดคิดว่าไม่มีตน...นั้นแหละ..จึง..งง..งง ![]() ![]() ตน...คือ..ผู้ไปรู้ทุกข์...รู้สมุทัย...รู้นิโรธ... ตน..คือผู้รับอานิสงค์... ขันธ์..มันมีแต่เกิดตาย..เกิดตาย...ไม่ใช่ผู้เสวย ผู้รู้..ไม่ใข่ขันธ์รู้...ผู้ไปแยกธาตุแยกขันธ์นั้นแหละ...ขันธ์มันแยกตัวมันเองได้หรือ? ขันธ์ 5...และ...ตน....จึงไม่ใช่คน ๆ เดียวกัน...ตนจึงไม่ใช่ขันธ์ 5...ขันธ์ 5 ไม่ใช่...ตน แต่..อาจอยู่บ้านหลังเดียวกันก็ได้... ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 22 มิ.ย. 2012, 23:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฐมนิเทศ & ปัจฉิมโอวาท |
เข้าใจ...ธรรมอันเป็นยาพิษ... แต่ไม่ใช่เรื่องที่คิดได้แล้ว..สอนไม่ทัน ที่จริง..มันเป็นเรื่องง่าย ๆ ธรรมดา ๆ..และ..ก็ตรง ๆ...สอนตั้งวันตรัสรู้เรื่อยมา...จนวันสุดท้าย แต่ที่มันมายาก...ก็เพราะความพิศดารของตำราอาจารย์รุ่นหลัง ๆ นี้แหละ... บางเล่ม....เป็นธรรมะตีความ..ตีความด้วยความเห็นของตัวขณะที่ยังไม่บรรลุ..ซะด้วย |
เจ้าของ: | asoka [ 23 มิ.ย. 2012, 07:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฐมนิเทศ & ปัจฉิมโอวาท |
eragon_joe เขียน: ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เอกอนจะเห็นพระองค์ และธรรมที่พระองค์ทิ้งไว้ เปรียบเสมือน งูพิษ เพราะพระองค์ก็เคยได้ทรงเปรียบไว้เอง .. ![]() แค่มองเห็นต่างไปจากท่านอโศกะแค่นั้น กลายเป็นทำให้ท่านอโศกะคิดไปในแง่ ปมาทะ ไปได้ .. ![]() เห็นแค่เงา ๆ ก็วาดไม้ลงมาซะแระ .. ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() "ก็ เป็นแค่ 1 ความคิดเห็น ไม่มีคำกำกับว่าต้องเชื่อ ต้องเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย 1 ความเห็น เป็นเพียงข้อมูลประกอบการพิจารณาและตัดสินใจ ![]() ที่ยกเรื่องปมาทะธรรมมากล่าว ก็ด้วยความรักและห่วงใยคนที่มีพื้นจิตดีๆอย่างเอก้อนที่คบเห็นรู้จักกันมานานในลานธรรมนี้ หาใช่การลงแซ่หรือหวาย ไม้ อย่างใดไม่โปรดเข้าใจในกุศลเจตนา ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() เรื่องบัญญัติธรรม ทั้งหลายเหมือนงูพิษ มันจะป็นพิษจริงๆสำหรับผู้ที่ความรู้ท่วมหัว เพราะจะพาลเอาตัวไม่รอด แต่สำหรับผู้ใหม่บัญญัติธรรมทั้งหลายยังจำเป็นอยู่สำหรับการเริ่มต้นเดินทาง จึงสมควรที่จะใช้บัญญัติธรรมตามควรแก่กาละเทศะและบุคคล ![]() ฝากถึงกบที่กำลังเต้นอยู่ ว่าเดี๋ยวนี้มีญาณวิเศษ รู้ว่า ใคร บรรลุธรรมไม่บรรลุธรรมด้วยแล้วหรือ เก่งจัง! ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 23 มิ.ย. 2012, 07:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฐมนิเทศ & ปัจฉิมโอวาท |
asoka เขียน: :b8: ฝากถึงกบที่กำลังเต้นอยู่ ว่าเดี๋ยวนี้มีญาณวิเศษ รู้ว่า ใคร บรรลุธรรมไม่บรรลุธรรมด้วยแล้วหรือ เก่งจัง! ![]() ![]() ไม่ได้มีญาณอะไรมากมายนักหรอก....และก็ไม่ได้รู้ด้วยว่าใครบรรลุหรือไม่บรรลุ... แล้วอโสกะ...เชื่อว่าคนที่มาเขียนตำรา..บรรลุกันทุกคนเลยหรอ? ดังนั้น...ความผิดผลาด..ย่อมต้องมีในข้อเขียนของเขาแน่ ๆ ... เราจึงพึงพิจารณาธรรมตามธรรม... ไม่ใช่..พอเป็นตัวหนังสือ..ก็ตะบันเชื่อไปทางเดียว... อโสกะคงไม่เป็นอย่างนั้น..มั้ง? |
เจ้าของ: | asoka [ 23 มิ.ย. 2012, 07:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฐมนิเทศ & ปัจฉิมโอวาท |
กบนอกกะลา เขียน: asoka เขียน: :b8: ฝากถึงกบที่กำลังเต้นอยู่ ว่าเดี๋ยวนี้มีญาณวิเศษ รู้ว่า ใคร บรรลุธรรมไม่บรรลุธรรมด้วยแล้วหรือ เก่งจัง! ![]() ![]() ไม่ได้มีญาณอะไรมากมายนักหรอก....และก็ไม่ได้รู้ด้วยว่าใครบรรลุหรือไม่บรรลุ... แล้วอโสกะ...เชื่อว่าคนที่มาเขียนตำรา..บรรลุกันทุกคนเลยหรอ? ดังนั้น...ความผิดผลาด..ย่อมต้องมีในข้อเขียนของเขาแน่ ๆ ... เราจึงพึงพิจารณาธรรมตามธรรม... ไม่ใช่..พอเป็นตัวหนังสือ..ก็ตะบันเชื่อไปทางเดียว... อโสกะคงไม่เป็นอย่างนั้น..มั้ง? ![]() ![]() ![]() ![]() กบตัวนี้ คร่ำหวอดอยู่กับการสาธยายธรรมมานาน ไม่ยอมจำเรื่องกาลามสูตรซักที น่า......นัก....... ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |