ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
เงียบจังเลยครับ หาเรื่องคุย จิตกับวิญญาณ เป็นสิ่งเดียวกันมัย http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=42169 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 |
เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 21 พ.ค. 2012, 21:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | เงียบจังเลยครับ หาเรื่องคุย จิตกับวิญญาณ เป็นสิ่งเดียวกันมัย |
จะมีใครให้คำตอบได้บ้างมั้นหนา ![]() |
เจ้าของ: | wic [ 21 พ.ค. 2012, 21:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เงียบจังเลยครับ หาเรื่องคุย จิตกับวิญญาณ เป็นสิ่งเดียวก |
ใช่ อย่างเดียวกันมีหลายชื่อ |
เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 21 พ.ค. 2012, 21:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เงียบจังเลยครับ หาเรื่องคุย จิตกับวิญญาณ เป็นสิ่งเดียวก |
wic เขียน: ใช่ อย่างเดียวกันมีหลายชื่อ แล้วทำไมต้องมีหลายชื่อ และมีชื่อ อะไรบ้างครับ |
เจ้าของ: | wic [ 21 พ.ค. 2012, 22:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เงียบจังเลยครับ หาเรื่องคุย จิตกับวิญญาณ เป็นสิ่งเดียวก |
ถามลึกซึ้งอย่างนี้ผมจนปัญญาตอบไม่ไหวครับ |
เจ้าของ: | จางบาง [ 22 พ.ค. 2012, 01:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เงียบจังเลยครับ หาเรื่องคุย จิตกับวิญญาณ เป็นสิ่งเดียวก |
จิต มโน วิญญาณ บางครั้งพระพุทธองค์ก็ทรงเรียกรวบเอามาเป็นสิ่งเดียวกัน บางกรณีการเรียกอย่างรวมๆก็เรียกอาการของนามธรรมทั้งหมดว่าจิต แต่ถ้าต้องการแยก รายละเอียดให้เน้นชัด ก็จะถือเอา วิญญาณขันธ์คือจิต สัญญา เวทนา สังขาร คือเจตสิกของจิต ![]() |
เจ้าของ: | nongkong [ 22 พ.ค. 2012, 01:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เงียบจังเลยครับ หาเรื่องคุย จิตกับวิญญาณ เป็นสิ่งเดียวก |
คุณน้องว่า จิตกับวิญญาณ คนละอย่างกันนะเจ้าค่ะ ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน จิตมีหน้าที่รู้และอยู่เหนือวิญญาณ วิญญาณขันธ์ มีหน้าที่รับความรู้สึก รู้สึกร้อน รู้สึกหนาว รู้สึกเจ็บ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ส่วนจิตคือทำหน้าที่รู้ แยกออกจากกันเจ้าค่ะเพราะคนที่ทำวิปัสนาจะรู้ว่ากายกับจิตแยกออกจากกัน ส่วนจิตวิญญาณอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า วิญญาณธาตุ มี 2 อย่าง คือจิตที่เจือด้วยอวิชชา วิญญาณนั้นจึงเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนจิตปภัสสร คือจิตบริสุทธิ์ จิตหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด อันนี้คือความรู้ที่ศึกษามานิดๆหน่อยๆไม่กว้างขวาง ผิดถูกเช่นไรโปรดพิจารณานะเจ้าค่ะ: ![]() |
เจ้าของ: | student [ 22 พ.ค. 2012, 01:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เงียบจังเลยครับ หาเรื่องคุย จิตกับวิญญาณ เป็นสิ่งเดียวก |
วิญญาณ ตัวรู้ จิต ใจจดจ่อ นาม ขันธ์ ธาตุรู้ ในความเข้าใจว่าเป็นอย่างเดียวกัน |
เจ้าของ: | nongkong [ 22 พ.ค. 2012, 01:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เงียบจังเลยครับ หาเรื่องคุย จิตกับวิญญาณ เป็นสิ่งเดียวก |
คุนน้องสงสัยว่า ถ้าบอกว่า จิตกับวิญญาณอย่างเดียวกัน แล้วทำไมเราต้องพิจารณา ขันธ์5 ว่า องค์ประกอบของขันธ์5 รูป เวทนา สังขาร สัญญา วิญญาณ นั่นไม่ใช่เราไม่มีเราในขันธ์5 จิต คือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เราไม่ควรยึดมั่นถือมั่นว่าเรามีเรา แล้วขันธ์5ก็ประกอบไปด้วยกิเลศที่เรียกว่าสังโยชน์10 แล้วเราจะละขันธ์5ไปเพื่ออะไร ถ้ายังมีวิญญาณอยู่ ก็ไอ้ตัววิญญาณไม่ใช่หรือเจ้าค่ะที่เป็นตัว ยึดมั่นถือมั่นในขันธ์5ทั้งปวง คุนน้องว่าจิตกับวิญญาณไม่ใช่อย่างเดียวกันเจ้าค่ะ มาตอบคำถามให้คุนน้องหายสงสัยด้วยเจ้าค่ะ ว่าคุนน้องเข้าใจผิดถูกประการใด ผู้อาวุโสท่านใดที่เมตตา อนุโมทนาเจ้าค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 22 พ.ค. 2012, 06:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เงียบจังเลยครับ หาเรื่องคุย จิตกับวิญญาณ เป็นสิ่งเดียวก |
จางบาง เขียน: จิต มโน วิญญาณ บางครั้งพระพุทธองค์ก็ทรงเรียกรวบเอามาเป็นสิ่งเดียวกัน บางกรณีการเรียกอย่างรวมๆก็เรียกอาการของนามธรรมทั้งหมดว่าจิต แต่ถ้าต้องการแยก รายละเอียดให้เน้นชัด ก็จะถือเอา วิญญาณขันธ์คือจิต สัญญา เวทนา สังขาร คือเจตสิกของจิต ![]() แล้วท่านคิดว่า ทำไมจึงต้องเรียกต่างกัน |
เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 22 พ.ค. 2012, 06:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เงียบจังเลยครับ หาเรื่องคุย จิตกับวิญญาณ เป็นสิ่งเดียวก |
nongkong เขียน: คุนน้องสงสัยว่า ถ้าบอกว่า จิตกับวิญญาณอย่างเดียวกัน แล้วทำไมเราต้องพิจารณา ขันธ์5 ว่า องค์ประกอบของขันธ์5 รูป เวทนา สังขาร สัญญา วิญญาณ นั่นไม่ใช่เราไม่มีเราในขันธ์5 จิต คือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เราไม่ควรยึดมั่นถือมั่นว่าเรามีเรา แล้วขันธ์5ก็ประกอบไปด้วยกิเลศที่เรียกว่าสังโยชน์10 แล้วเราจะละขันธ์5ไปเพื่ออะไร ถ้ายังมีวิญญาณอยู่ ก็ไอ้ตัววิญญาณไม่ใช่หรือเจ้าค่ะที่เป็นตัว ยึดมั่นถือมั่นในขันธ์5ทั้งปวง คุนน้องว่าจิตกับวิญญาณไม่ใช่อย่างเดียวกันเจ้าค่ะ มาตอบคำถามให้คุนน้องหายสงสัยด้วยเจ้าค่ะ ว่าคุนน้องเข้าใจผิดถูกประการใด ผู้อาวุโสท่านใดที่เมตตา อนุโมทนาเจ้าค่ะ ![]() ออกความคิดเห็นนิดนึงนะครับ ว่า แสดงว่า คุณน้อง อยากปฏิบัติเพื่อ ให้มีคุณน้อง ไปอยู่ในนิพพาน ชั้ยมั้ยครับ แล้วที่สติปัฏฐานสี่ ให้วิปัสสนาที่ จิต ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ อนัตตา นั้น คุณน้อง คิดว่าอย่างไร ละครับ ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 22 พ.ค. 2012, 07:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เงียบจังเลยครับ หาเรื่องคุย จิตกับวิญญาณ เป็นสิ่งเดียวก |
ปรมัตถธรรมมี 4 คือ จิต.....เจตสิก.....รูป.....นิพพาน ของจริงมีเท่านี้นะครับ ![]() ทีนี้ จิต กับวิญญาณ เป็นอย่างไร ![]() จิตเปรียบเหมือนชื่อจริง วิญญาณ เปรียบเหมือน ชื่อเล่น (นิกเนม) นี่นัยยะหนึ่ง ![]() อีกนัยยะหนึ่งคือ การเรียกชื่อตามลักษณะการทำงาน จิต คือธรรมชาติ "รู้" เกิดขึ้น จากเหตุและปัจจัยกระทบกัน วิญญาณ คือ ผู้รับรู้ อาศัยทวารทั้ง 6 เป็นที่เกิด ![]() วิจารณ์กันต่อในนัยยะอื่นอีกนะครับ เจริญธรรมกันทุกคนครับ ![]() |
เจ้าของ: | govit2552 [ 22 พ.ค. 2012, 07:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เงียบจังเลยครับ หาเรื่องคุย จิตกับวิญญาณ เป็นสิ่งเดียวก |
[๓๑๙] ชื่อว่า ใจ ในคำว่า คิดถึงทิฏฐิทั้งหลายด้วยใจ ความว่า ใจ คือ จิต ใจ มานัส หทัย ปัณฑระ มนะ มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณ ธาตุที่เกิดแต่ผัสสะเป็นต้นนั้น. ท่านคิดนึกถึงทิฏฐิทั้งหลายด้วยจิตว่า โลกเที่ยงบ้าง โลกไม่ เที่ยงบ้าง ฯลฯ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเป็นอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เป็นอีกก็หามิได้ เพราะ ฉะนั้น จึงชื่อว่า คิดถึงทิฏฐิทั้งหลายด้วยใจ. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 568&Z=4022 [๖๓๐] .........ฯลฯ....... จิต ใจ มนัส หทัย จิตขาว มโน มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุอันเกิดแต่วิญญาณขันธ์ ปรารภถึงพระผู้มีพระภาค ชื่อว่า มโน. [๖๓๘] จิต ใจ มนัส หทัย จิตขาว มโน มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุอันเกิดแต่วิญญาณขันธ์นั้น ชื่อว่า มนะ ในอุเทศว่า มโน หิ เม พฺราหฺมณ เตน ยุตฺโต ดังนี้. คำว่า ท่านพราหมณ์ ... ประกอบแล้วด้วยทิศาภาคที่ประทับนั้น ความว่า ใจของ อาตมาประกอบ ประกอบดีแล้วด้วยทิศที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่นั้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ท่านพราหมณ์ ใจของอาตมานี่แหละประกอบแล้วด้วยทิศาภาคที่ประทับนั้น. เพราะเหตุนั้น พระ- *ปิงคิยเถระจึงกล่าวว่า กายของอาตมาผู้แก่แล้ว มีเรี่ยวแรงทุรพล ย่อมไม่ได้ไปใน สำนักที่พระพุทธเจ้าประทับนั้นนั่นแล. แต่อาตมาย่อมถึงเป็น นิตย์ด้วยความดำริถึง. ท่านพราหมณ์ ใจของอาตมานี่แหละ ประกอบแล้วด้วยทิศาภาคที่ประทับอยู่นั้น. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 120&Z=6138 [๙๖] จิต มนะ มานัส หทัย ธรรมชาติขาวผ่อง อายตนะคือใจ อินทรีย์คือใจ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุ ชื่อว่า ใจ ในอุเทศว่า "มนสานาวิโล สิยา". จิต เป็นธรรมชาติขุ่นมัว ยุ่งไป เป็นไป สืบต่อ หวั่นไหว หนุนไป ไม่สงบ เพราะกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ราคะ โทสะ โมหะ โกธะ อุปนาหะ มักขะ ปลาสะ อิสสา มัจฉริยะ มายา สาเฐยยะ ถัมภะ สารัมภะ มานะ อติมานะ มทะ ปมาทะ จิต เป็นธรรมชาติขุ่นมัว ยุ่งไป เป็นไป สืบต่อไป หวั่นไหว หนุนไป ไม่สงบ เพราะกิเลสทั้งปวง ทุจริตทั้งปวง ความกระวนกระวายทั้งปวง ความเร่าร้อนทั้งปวง ความเดือดร้อนทั้งปวง อกุสลาภิสังขารทั้งปวง. คำว่า พึงเป็นผู้มีใจไม่ขุ่นมัว ความว่า พึงเป็นผู้ไม่ขุ่นมัว คือ ไม่ยุ่งไป ไม่เป็นไป ไม่สืบต่อไป ไม่หวั่นไหว ไม่หนุนไป สงบแล้วด้วยจิต คือ พึงละ สละ บรรเทา กระทำให้มี ในที่สุด ให้ถึงความไม่มีซึ่งกิเลสทั้งหลายอันทำความขุ่นมัว พึงเป็นผู้งด เว้น เว้นขาด ออกไป สลัด สงบ ระงับ หลุดพ้น ไม่เกี่ยวข้องกับกิเลสทั้งหลายอันทำความขุ่นมัว พึงเป็นผู้มีใจปราศจาก เขตแดนอยู่ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พึงเป็นผู้มีใจไม่ขุ่นมัวอยู่. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... =170&Z=643 |
เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 22 พ.ค. 2012, 07:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เงียบจังเลยครับ หาเรื่องคุย จิตกับวิญญาณ เป็นสิ่งเดียวก |
asoka เขียน: ปรมัตถธรรมมี 4 คือ จิต.....เจตสิก.....รูป.....นิพพาน ของจริงมีเท่านี้นะครับ ![]() ทีนี้ จิต กับวิญญาณ เป็นอย่างไร ![]() จิตเปรียบเหมือนชื่อจริง วิญญาณ เปรียบเหมือน ชื่อเล่น (นิกเนม) นี่นัยยะหนึ่ง ![]() อีกนัยยะหนึ่งคือ การเรียกชื่อตามลักษณะการทำงาน จิต คือธรรมชาติ "รู้" เกิดขึ้น จากเหตุและปัจจัยกระทบกัน วิญญาณ คือ ผู้รับรู้ อาศัยทวารทั้ง 6 เป็นที่เกิด ![]() วิจารณ์กันต่อในนัยยะอื่นอีกนะครับ เจริญธรรมกันทุกคนครับ ![]() ![]() ท่านเป็นผู้ ปริยัติ มาเยอะ ลองดูใหม่ได้ไหมครับ แอบผิดหวังเล็กน้อย นะนี้ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ฝึกจิต [ 22 พ.ค. 2012, 07:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เงียบจังเลยครับ หาเรื่องคุย จิตกับวิญญาณ เป็นสิ่งเดียวก |
govit2552 เขียน: [๓๑๙] ชื่อว่า ใจ ในคำว่า คิดถึงทิฏฐิทั้งหลายด้วยใจ ความว่า ใจ คือ จิต ใจ มานัส หทัย ปัณฑระ มนะ มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณ ธาตุที่เกิดแต่ผัสสะเป็นต้นนั้น. ท่านคิดนึกถึงทิฏฐิทั้งหลายด้วยจิตว่า โลกเที่ยงบ้าง โลกไม่ เที่ยงบ้าง ฯลฯ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเป็นอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เป็นอีกก็หามิได้ เพราะ ฉะนั้น จึงชื่อว่า คิดถึงทิฏฐิทั้งหลายด้วยใจ. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 568&Z=4022 [๖๓๐] .........ฯลฯ....... จิต ใจ มนัส หทัย จิตขาว มโน มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุอันเกิดแต่วิญญาณขันธ์ ปรารภถึงพระผู้มีพระภาค ชื่อว่า มโน. [๖๓๘] จิต ใจ มนัส หทัย จิตขาว มโน มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุอันเกิดแต่วิญญาณขันธ์นั้น ชื่อว่า มนะ ในอุเทศว่า มโน หิ เม พฺราหฺมณ เตน ยุตฺโต ดังนี้. คำว่า ท่านพราหมณ์ ... ประกอบแล้วด้วยทิศาภาคที่ประทับนั้น ความว่า ใจของ อาตมาประกอบ ประกอบดีแล้วด้วยทิศที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่นั้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ท่านพราหมณ์ ใจของอาตมานี่แหละประกอบแล้วด้วยทิศาภาคที่ประทับนั้น. เพราะเหตุนั้น พระ- *ปิงคิยเถระจึงกล่าวว่า กายของอาตมาผู้แก่แล้ว มีเรี่ยวแรงทุรพล ย่อมไม่ได้ไปใน สำนักที่พระพุทธเจ้าประทับนั้นนั่นแล. แต่อาตมาย่อมถึงเป็น นิตย์ด้วยความดำริถึง. ท่านพราหมณ์ ใจของอาตมานี่แหละ ประกอบแล้วด้วยทิศาภาคที่ประทับอยู่นั้น. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 120&Z=6138 [๙๖] จิต มนะ มานัส หทัย ธรรมชาติขาวผ่อง อายตนะคือใจ อินทรีย์คือใจ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุ ชื่อว่า ใจ ในอุเทศว่า "มนสานาวิโล สิยา". จิต เป็นธรรมชาติขุ่นมัว ยุ่งไป เป็นไป สืบต่อ หวั่นไหว หนุนไป ไม่สงบ เพราะกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ราคะ โทสะ โมหะ โกธะ อุปนาหะ มักขะ ปลาสะ อิสสา มัจฉริยะ มายา สาเฐยยะ ถัมภะ สารัมภะ มานะ อติมานะ มทะ ปมาทะ จิต เป็นธรรมชาติขุ่นมัว ยุ่งไป เป็นไป สืบต่อไป หวั่นไหว หนุนไป ไม่สงบ เพราะกิเลสทั้งปวง ทุจริตทั้งปวง ความกระวนกระวายทั้งปวง ความเร่าร้อนทั้งปวง ความเดือดร้อนทั้งปวง อกุสลาภิสังขารทั้งปวง. คำว่า พึงเป็นผู้มีใจไม่ขุ่นมัว ความว่า พึงเป็นผู้ไม่ขุ่นมัว คือ ไม่ยุ่งไป ไม่เป็นไป ไม่สืบต่อไป ไม่หวั่นไหว ไม่หนุนไป สงบแล้วด้วยจิต คือ พึงละ สละ บรรเทา กระทำให้มี ในที่สุด ให้ถึงความไม่มีซึ่งกิเลสทั้งหลายอันทำความขุ่นมัว พึงเป็นผู้งด เว้น เว้นขาด ออกไป สลัด สงบ ระงับ หลุดพ้น ไม่เกี่ยวข้องกับกิเลสทั้งหลายอันทำความขุ่นมัว พึงเป็นผู้มีใจปราศจาก เขตแดนอยู่ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พึงเป็นผู้มีใจไม่ขุ่นมัวอยู่. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... =170&Z=643 ท่านช่วยสรุป ให้ลงปฏิบัติ ให้หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ ลงในขันธ์5 และ ปฏิจจสมุปบาท ด้วยยิ่งดีครับ ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 22 พ.ค. 2012, 07:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เงียบจังเลยครับ หาเรื่องคุย จิตกับวิญญาณ เป็นสิ่งเดียวก |
ฝึกจิต เขียน: govit2552 เขียน: [๓๑๙] ชื่อว่า ใจ ในคำว่า คิดถึงทิฏฐิทั้งหลายด้วยใจ ความว่า ใจ คือ จิต ใจ มานัส หทัย ปัณฑระ มนะ มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณ ธาตุที่เกิดแต่ผัสสะเป็นต้นนั้น. ท่านคิดนึกถึงทิฏฐิทั้งหลายด้วยจิตว่า โลกเที่ยงบ้าง โลกไม่ เที่ยงบ้าง ฯลฯ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเป็นอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เป็นอีกก็หามิได้ เพราะ ฉะนั้น จึงชื่อว่า คิดถึงทิฏฐิทั้งหลายด้วยใจ. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 568&Z=4022 [๖๓๐] .........ฯลฯ....... จิต ใจ มนัส หทัย จิตขาว มโน มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุอันเกิดแต่วิญญาณขันธ์ ปรารภถึงพระผู้มีพระภาค ชื่อว่า มโน. [๖๓๘] จิต ใจ มนัส หทัย จิตขาว มโน มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุอันเกิดแต่วิญญาณขันธ์นั้น ชื่อว่า มนะ ในอุเทศว่า มโน หิ เม พฺราหฺมณ เตน ยุตฺโต ดังนี้. คำว่า ท่านพราหมณ์ ... ประกอบแล้วด้วยทิศาภาคที่ประทับนั้น ความว่า ใจของ อาตมาประกอบ ประกอบดีแล้วด้วยทิศที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่นั้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ท่านพราหมณ์ ใจของอาตมานี่แหละประกอบแล้วด้วยทิศาภาคที่ประทับนั้น. เพราะเหตุนั้น พระ- *ปิงคิยเถระจึงกล่าวว่า กายของอาตมาผู้แก่แล้ว มีเรี่ยวแรงทุรพล ย่อมไม่ได้ไปใน สำนักที่พระพุทธเจ้าประทับนั้นนั่นแล. แต่อาตมาย่อมถึงเป็น นิตย์ด้วยความดำริถึง. ท่านพราหมณ์ ใจของอาตมานี่แหละ ประกอบแล้วด้วยทิศาภาคที่ประทับอยู่นั้น. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 120&Z=6138 [๙๖] จิต มนะ มานัส หทัย ธรรมชาติขาวผ่อง อายตนะคือใจ อินทรีย์คือใจ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุ ชื่อว่า ใจ ในอุเทศว่า "มนสานาวิโล สิยา". จิต เป็นธรรมชาติขุ่นมัว ยุ่งไป เป็นไป สืบต่อ หวั่นไหว หนุนไป ไม่สงบ เพราะกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ราคะ โทสะ โมหะ โกธะ อุปนาหะ มักขะ ปลาสะ อิสสา มัจฉริยะ มายา สาเฐยยะ ถัมภะ สารัมภะ มานะ อติมานะ มทะ ปมาทะ จิต เป็นธรรมชาติขุ่นมัว ยุ่งไป เป็นไป สืบต่อไป หวั่นไหว หนุนไป ไม่สงบ เพราะกิเลสทั้งปวง ทุจริตทั้งปวง ความกระวนกระวายทั้งปวง ความเร่าร้อนทั้งปวง ความเดือดร้อนทั้งปวง อกุสลาภิสังขารทั้งปวง. คำว่า พึงเป็นผู้มีใจไม่ขุ่นมัว ความว่า พึงเป็นผู้ไม่ขุ่นมัว คือ ไม่ยุ่งไป ไม่เป็นไป ไม่สืบต่อไป ไม่หวั่นไหว ไม่หนุนไป สงบแล้วด้วยจิต คือ พึงละ สละ บรรเทา กระทำให้มี ในที่สุด ให้ถึงความไม่มีซึ่งกิเลสทั้งหลายอันทำความขุ่นมัว พึงเป็นผู้งด เว้น เว้นขาด ออกไป สลัด สงบ ระงับ หลุดพ้น ไม่เกี่ยวข้องกับกิเลสทั้งหลายอันทำความขุ่นมัว พึงเป็นผู้มีใจปราศจาก เขตแดนอยู่ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พึงเป็นผู้มีใจไม่ขุ่นมัวอยู่. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... =170&Z=643 ท่านช่วยสรุป ให้ลงปฏิบัติ ให้หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ ลงในขันธ์5 และ ปฏิจจสมุปบาท ด้วยยิ่งดีครับ ![]() ![]() อืม! อ่านปริยัติมาเยอะ จึงเห็นเป็นเช่นนี้ ต้องกลับไปอ่านทบทวนดูดีๆอีกหลายๆทีนะครับ จึงจะเข้าใจคำตอบแบบลูกทุ่งนะครับ ไปศึกษาเรื่องอุปมาอุปมัยด้วยครับ ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |