ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ทิ้งกรอบชีวิต สู่ เสรี กับ พุทธะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=42061
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 11 พ.ค. 2012, 22:24 ]
หัวข้อกระทู้:  ทิ้งกรอบชีวิต สู่ เสรี กับ พุทธะ

http://www.youtube.com/watch?v=pNRLiO5SVyk

ลองดูนะครับ รูปแบบ ทาง พุทธะ จาก ประเทศอื่นๆ

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 11 พ.ค. 2012, 23:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิ้งกรอบชีวิต สู่ เสรี กับ พุทธะ

:b8:

ไฟล์แนป:
butiful.jpg
butiful.jpg [ 42.97 KiB | เปิดดู 3207 ครั้ง ]
เด็กร้อง.jpg
เด็กร้อง.jpg [ 57.32 KiB | เปิดดู 3207 ครั้ง ]
imagesCAD49LDP.jpg
imagesCAD49LDP.jpg [ 50.17 KiB | เปิดดู 3207 ครั้ง ]

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 12 พ.ค. 2012, 08:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิ้งกรอบชีวิต สู่ เสรี กับ พุทธะ

พุทธพจน์ซึ่งตรัสถึงชีวิตตั้งแต่ปฏิสนธิแล้วเจริญเติบโตมาตามลำดับ แล้วสุดท้ายเป็นไงดูคาถาสุดท้าย


“ภิกษุทั้งหลาย เพราะความประชุมแห่งปัจจัย 3 ประการ จึงมีการตั้งครรภ์...เมื่อใดมารดา
บิดาอยู่ร่วมกัน มารดามีระดู ทั้งสัตว์ที่จะเกิดก็ปรากฏ เพราะความประชุมพร้อมแห่งปัจจัย 3
ประการอย่างนี้ ย่อมมีการตั้งครรภ์

มารดาอุ้มท้องประคับประคองครรภ์นั้นตลอดเวลา 9 เดือนบ้าง 10 เดือนบ้าง ด้วยความเสี่ยงชีวิตเป็นอย่างมาก ทั้งเป็นภาระอันหนัก ครั้นล่วงเวลา 9 เดือนหรือ 10 เดือนแล้ว มารดาก็คลอดทารกในครรภ์ด้วยความเสี่ยงชีวิตเป็นอันมาก อย่างเป็นภาระอันหนัก แล้วเลี้ยงทารกทีเกิดนั้นด้วยโลหิตของตน ภิกษุทั้งหลาย ในธรรมเนียมของอริยชนถือน้ำนมของมารดานี้ว่า คือ โลหิต”


“เด็กอ่อน ไร้เดียงสา นอนแบหงายอยู่ ย่อมเล่น (แม้แต่) อุจจาระปัสสาวะของตนเอง
เธอจะเห็นประการใด ความสนุกนี้ เป็นความสนุกของเด็กอ่อนอย่างเต็มที่สิ้นเชิง
ใช่หรือไม่ ?”

“เป็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า”


“สมัยต่อมา เด็กนั้นแล อาศัยความเจริญเติบโต อินทรีย์ทั้งหลายแก่กล้าขึ้น ย่อมเล่นเครื่อง
เล่นทั้งหลายสำหรับเด็ก คือ เล่นไถน้อยๆ เล่นตีไม้หึ่ง เล่นหกคะเมน เล่นกังหันน้อยๆ
เล่นตวงทราย เล่นรถน้อยๆ เล่นธนูน้อยๆ เธอจะเห็นประการใด ความสนุกนี้ ดีกว่าและประณีตกว่าความสนุกอย่างก่อน ใช่หรือไม่?”


“เป็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า”


“สมัยต่อมา เด็กนั้นแล อาศัยความเจริญเติบโต อินทรีย์ทั้งหลายแก่กล้าขึ้น มีกามคุณ 5
พรั่งพร้อม บริบูรณ์ ย่อมบำเรอตนด้วยรูปทั้งหลาย...ด้วยเสียง...กลิ่น...รส..โผฏฐัพพะ ทั้งหลาย ซึ่งน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้อยากได้ ชวนให้กำหนัด
เธอจะเห็นประการใด ความสนุกนี้ดีกว่าและประณีตกว่าความสนุกอย่างก่อนๆ ใช่หรือไม่ ?”

“เป็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า”

“สมัยต่อมา เด็กนั้นอาศัยความเจริญเติบโต อินทรีย์ทั้งหลายแก่กล้าขึ้น มีกามคุณทั้ง 5
พรั่งพร้อมบริบูรณ์ ย่อมปรนเปรอตน...
เขาเห็นรูปด้วยตาแล้ว ย่อมติดใจในรูปที่น่ารัก
ย่อมขัดใจในรูปที่ไม่น่ารัก...

ฟังเสียงด้วยหู....ดมกลิ่นด้วยจมูก...ลิ้มรสด้วยลิ้น...ต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย...รู้ธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว ย่อมติดใจในเสียง...กลิ่น...รส... โผฏฐัพพะ... ธรรมารมณ์ที่น่ารัก

ย่อมขัดใจในเสียง...กลิ่น...รส...โผฏฐัพพะ... ธรรมารมณ์ที่ไม่น่ารัก

มิได้มีสติไว้คอยกำกับตัว เป็นอยู่โดยมีจิตคับแคบ ไม่รู้จักตามเป็นจริง ซึ่งภาวะหลุดรอดปลอด

พ้นของจิต และภาวะหลุดรอดปลอดพ้นด้วยปัญญา ที่จะทำให้บาปอกุศลธรรมซึ่งเกิดขึ้นแล้ว

แก่ตัวเขา ดับไปได้โดยไม่เหลือ


เขาคอยประกอบเอาความยินดียินร้ายเข้าไว้อย่างนี้แล้ว พอเสวยเวทนาอย่างหนึ่งอย่างใด

เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่สุขไม่ทุกข์ก็ตาม

เขาย่อมครุ่นคำนึง ย่อมบ่นถึง ย่อมหมกใจอยู่กับเวทนานั้น

เมื่อเขาครุ่นคำนึงเฝ้าบ่นถึง หมกใจอยู่กับเวทนานั้น ความติดใจอยาก ย่อมเกิดขึ้น

ความติดใจอยากในเวทนาทั้งหลาย (กลาย) เป็นอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย

เขาก็มีภพ เพราะภพเป็นปัจจัย ก็มีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย ก็มีชรามรณะ ความโศก ความคร่ำครวญ ความทุกข์ ความเสียใจ ความคับแค้นผิดหวัง ก็มีพรั่งพร้อม ความเกิดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จึงมีได้ด้วยประการฉะนี้”

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 12 พ.ค. 2012, 11:51 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิ้งกรอบชีวิต สู่ เสรี กับ พุทธะ

กรัชกาย เขียน:
พุทธพจน์ซึ่งตรัสถึงชีวิตตั้งแต่ปฏิสนธิแล้วเจริญเติบโตมาตามลำดับ แล้วสุดท้ายเป็นไงดูคาถาสุดท้าย


“ภิกษุทั้งหลาย เพราะความประชุมแห่งปัจจัย 3 ประการ จึงมีการตั้งครรภ์...เมื่อใดมารดา
บิดาอยู่ร่วมกัน มารดามีระดู ทั้งสัตว์ที่จะเกิดก็ปรากฏ เพราะความประชุมพร้อมแห่งปัจจัย 3
ประการอย่างนี้ ย่อมมีการตั้งครรภ์

มารดาอุ้มท้องประคับประคองครรภ์นั้นตลอดเวลา 9 เดือนบ้าง 10 เดือนบ้าง ด้วยความเสี่ยงชีวิตเป็นอย่างมาก ทั้งเป็นภาระอันหนัก ครั้นล่วงเวลา 9 เดือนหรือ 10 เดือนแล้ว มารดาก็คลอดทารกในครรภ์ด้วยความเสี่ยงชีวิตเป็นอันมาก อย่างเป็นภาระอันหนัก แล้วเลี้ยงทารกทีเกิดนั้นด้วยโลหิตของตน ภิกษุทั้งหลาย ในธรรมเนียมของอริยชนถือน้ำนมของมารดานี้ว่า คือ โลหิต”


“เด็กอ่อน ไร้เดียงสา นอนแบหงายอยู่ ย่อมเล่น (แม้แต่) อุจจาระปัสสาวะของตนเอง
เธอจะเห็นประการใด ความสนุกนี้ เป็นความสนุกของเด็กอ่อนอย่างเต็มที่สิ้นเชิง
ใช่หรือไม่ ?”

“เป็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า”


“สมัยต่อมา เด็กนั้นแล อาศัยความเจริญเติบโต อินทรีย์ทั้งหลายแก่กล้าขึ้น ย่อมเล่นเครื่อง
เล่นทั้งหลายสำหรับเด็ก คือ เล่นไถน้อยๆ เล่นตีไม้หึ่ง เล่นหกคะเมน เล่นกังหันน้อยๆ
เล่นตวงทราย เล่นรถน้อยๆ เล่นธนูน้อยๆ เธอจะเห็นประการใด ความสนุกนี้ ดีกว่าและประณีตกว่าความสนุกอย่างก่อน ใช่หรือไม่?”


“เป็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า”


“สมัยต่อมา เด็กนั้นแล อาศัยความเจริญเติบโต อินทรีย์ทั้งหลายแก่กล้าขึ้น มีกามคุณ 5
พรั่งพร้อม บริบูรณ์ ย่อมบำเรอตนด้วยรูปทั้งหลาย...ด้วยเสียง...กลิ่น...รส..โผฏฐัพพะ ทั้งหลาย ซึ่งน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้อยากได้ ชวนให้กำหนัด
เธอจะเห็นประการใด ความสนุกนี้ดีกว่าและประณีตกว่าความสนุกอย่างก่อนๆ ใช่หรือไม่ ?”

“เป็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า”

“สมัยต่อมา เด็กนั้นอาศัยความเจริญเติบโต อินทรีย์ทั้งหลายแก่กล้าขึ้น มีกามคุณทั้ง 5
พรั่งพร้อมบริบูรณ์ ย่อมปรนเปรอตน...
เขาเห็นรูปด้วยตาแล้ว ย่อมติดใจในรูปที่น่ารัก
ย่อมขัดใจในรูปที่ไม่น่ารัก...

ฟังเสียงด้วยหู....ดมกลิ่นด้วยจมูก...ลิ้มรสด้วยลิ้น...ต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย...รู้ธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว ย่อมติดใจในเสียง...กลิ่น...รส... โผฏฐัพพะ... ธรรมารมณ์ที่น่ารัก

ย่อมขัดใจในเสียง...กลิ่น...รส...โผฏฐัพพะ... ธรรมารมณ์ที่ไม่น่ารัก

มิได้มีสติไว้คอยกำกับตัว เป็นอยู่โดยมีจิตคับแคบ ไม่รู้จักตามเป็นจริง ซึ่งภาวะหลุดรอดปลอด

พ้นของจิต และภาวะหลุดรอดปลอดพ้นด้วยปัญญา ที่จะทำให้บาปอกุศลธรรมซึ่งเกิดขึ้นแล้ว

แก่ตัวเขา ดับไปได้โดยไม่เหลือ


เขาคอยประกอบเอาความยินดียินร้ายเข้าไว้อย่างนี้แล้ว พอเสวยเวทนาอย่างหนึ่งอย่างใด

เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่สุขไม่ทุกข์ก็ตาม

เขาย่อมครุ่นคำนึง ย่อมบ่นถึง ย่อมหมกใจอยู่กับเวทนานั้น

เมื่อเขาครุ่นคำนึงเฝ้าบ่นถึง หมกใจอยู่กับเวทนานั้น ความติดใจอยาก ย่อมเกิดขึ้น

ความติดใจอยากในเวทนาทั้งหลาย (กลาย) เป็นอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย

เขาก็มีภพ เพราะภพเป็นปัจจัย ก็มีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย ก็มีชรามรณะ ความโศก ความคร่ำครวญ ความทุกข์ ความเสียใจ ความคับแค้นผิดหวัง ก็มีพรั่งพร้อม ความเกิดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จึงมีได้ด้วยประการฉะนี้”

เอาแป้งมัน ไปทำแป้งเปียกมั้ยลุง เห็นติดแปะมาเยอะแล้ว :b9:

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 12 พ.ค. 2012, 18:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทิ้งกรอบชีวิต สู่ เสรี กับ พุทธะ

กรัชกาย เขียน:
พุทธพจน์ซึ่งตรัสถึงชีวิตตั้งแต่ปฏิสนธิแล้วเจริญเติบโตมาตามลำดับ แล้วสุดท้ายเป็นไงดูคาถาสุดท้าย


“ภิกษุทั้งหลาย เพราะความประชุมแห่งปัจจัย 3 ประการ จึงมีการตั้งครรภ์...เมื่อใดมารดา
บิดาอยู่ร่วมกัน มารดามีระดู ทั้งสัตว์ที่จะเกิดก็ปรากฏ เพราะความประชุมพร้อมแห่งปัจจัย 3
ประการอย่างนี้ ย่อมมีการตั้งครรภ์

มารดาอุ้มท้องประคับประคองครรภ์นั้นตลอดเวลา 9 เดือนบ้าง 10 เดือนบ้าง ด้วยความเสี่ยงชีวิตเป็นอย่างมาก ทั้งเป็นภาระอันหนัก ครั้นล่วงเวลา 9 เดือนหรือ 10 เดือนแล้ว มารดาก็คลอดทารกในครรภ์ด้วยความเสี่ยงชีวิตเป็นอันมาก อย่างเป็นภาระอันหนัก แล้วเลี้ยงทารกทีเกิดนั้นด้วยโลหิตของตน ภิกษุทั้งหลาย ในธรรมเนียมของอริยชนถือน้ำนมของมารดานี้ว่า คือ โลหิต”


“เด็กอ่อน ไร้เดียงสา นอนแบหงายอยู่ ย่อมเล่น (แม้แต่) อุจจาระปัสสาวะของตนเอง
เธอจะเห็นประการใด ความสนุกนี้ เป็นความสนุกของเด็กอ่อนอย่างเต็มที่สิ้นเชิง
ใช่หรือไม่ ?”

“เป็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า”


“สมัยต่อมา เด็กนั้นแล อาศัยความเจริญเติบโต อินทรีย์ทั้งหลายแก่กล้าขึ้น ย่อมเล่นเครื่อง
เล่นทั้งหลายสำหรับเด็ก คือ เล่นไถน้อยๆ เล่นตีไม้หึ่ง เล่นหกคะเมน เล่นกังหันน้อยๆ
เล่นตวงทราย เล่นรถน้อยๆ เล่นธนูน้อยๆ เธอจะเห็นประการใด ความสนุกนี้ ดีกว่าและประณีตกว่าความสนุกอย่างก่อน ใช่หรือไม่?”


“เป็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า”


“สมัยต่อมา เด็กนั้นแล อาศัยความเจริญเติบโต อินทรีย์ทั้งหลายแก่กล้าขึ้น มีกามคุณ 5
พรั่งพร้อม บริบูรณ์ ย่อมบำเรอตนด้วยรูปทั้งหลาย...ด้วยเสียง...กลิ่น...รส..โผฏฐัพพะ ทั้งหลาย ซึ่งน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้อยากได้ ชวนให้กำหนัด
เธอจะเห็นประการใด ความสนุกนี้ดีกว่าและประณีตกว่าความสนุกอย่างก่อนๆ ใช่หรือไม่ ?”

“เป็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า”

“สมัยต่อมา เด็กนั้นอาศัยความเจริญเติบโต อินทรีย์ทั้งหลายแก่กล้าขึ้น มีกามคุณทั้ง 5
พรั่งพร้อมบริบูรณ์ ย่อมปรนเปรอตน...
เขาเห็นรูปด้วยตาแล้ว ย่อมติดใจในรูปที่น่ารัก
ย่อมขัดใจในรูปที่ไม่น่ารัก...

ฟังเสียงด้วยหู....ดมกลิ่นด้วยจมูก...ลิ้มรสด้วยลิ้น...ต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย...รู้ธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว ย่อมติดใจในเสียง...กลิ่น...รส... โผฏฐัพพะ... ธรรมารมณ์ที่น่ารัก

ย่อมขัดใจในเสียง...กลิ่น...รส...โผฏฐัพพะ... ธรรมารมณ์ที่ไม่น่ารัก

มิได้มีสติไว้คอยกำกับตัว เป็นอยู่โดยมีจิตคับแคบ ไม่รู้จักตามเป็นจริง ซึ่งภาวะหลุดรอดปลอด

พ้นของจิต และภาวะหลุดรอดปลอดพ้นด้วยปัญญา ที่จะทำให้บาปอกุศลธรรมซึ่งเกิดขึ้นแล้ว

แก่ตัวเขา ดับไปได้โดยไม่เหลือ


เขาคอยประกอบเอาความยินดียินร้ายเข้าไว้อย่างนี้แล้ว พอเสวยเวทนาอย่างหนึ่งอย่างใด

เป็นสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่สุขไม่ทุกข์ก็ตาม

เขาย่อมครุ่นคำนึง ย่อมบ่นถึง ย่อมหมกใจอยู่กับเวทนานั้น

เมื่อเขาครุ่นคำนึงเฝ้าบ่นถึง หมกใจอยู่กับเวทนานั้น ความติดใจอยาก ย่อมเกิดขึ้น

ความติดใจอยากในเวทนาทั้งหลาย (กลาย) เป็นอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย

เขาก็มีภพ เพราะภพเป็นปัจจัย ก็มีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย ก็มีชรามรณะ ความโศก ความคร่ำครวญ ความทุกข์ ความเสียใจ ความคับแค้นผิดหวัง ก็มีพรั่งพร้อม ความเกิดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จึงมีได้ด้วยประการฉะนี้”


ขอบคุณครับ
:b8: :b8: :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/